Mistake
[Special] Pearl Farm – Kyuhyun Part
(2)
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าความเหนื่อยล้ามันสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้
แม้แต่ความต้องการอันเกินขีดจำกัด แม่งก็จัดการซะอยู่หมัด
เล่นเอากูหมดสภาพจนหลับคาอกไอ้มิสเทคแม่งเลย เสร็จก็ยังไม่เสร็จ มันน่าไหม ?
ชีวิตชาวเลอย่าคิดว่ามันจะสบายๆอย่างเดียวนะเว้ย
คือแม่งต้องทำงานตากแดด ตากลม จนตัวดำ พอเจอทุกสิ่งที่ว่ามาแผดเผา
ความเหนื่อยล้าแม่งก็เล่นงานได้ทันที
นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมไม่ค่อยจะทรมานมากนักเวลาที่เอื้อมมือไปไขว่คว้าหาคนข้างกายแล้วไม่เจอ
..
เพราะกูเหนื่อยเกินกว่าจะขยับสารร่างของตัวเองอย่างกระเสือกกระสน
…
ชีวิตนายหัวไร้เมีย
แม่งน่าสงสารนะเว้ย กูจะบอก ..
“เดี๋ยวกูจะเข้าเมือง
มึงจะทำอะไรก็ตามสบาย ..” หลังจากทานมื้อเช้าที่มีเพียงแค่ขนมปังปิ้งและกาแฟร้อนๆจนเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวและบอกจุดหมายปลายทางของตัวเองให้ไอ้มิสเทคมันรู้
“ซื้อของสดมาด้วยก็ดี
ในตู้เย็นมึงไม่มีอะไรสักอย่าง ..” มิสเทคมันพยักหน้าพลางสั่งการยกใหญ่
“ปกติกูกินรวมกับคนงาน
พวกของสดจะมีแม่บ้านคอยดูแล กูว่าไม่ต้องซื้อเข้ามาก็ได้มั้ง แต่ถ้าเป็นของแห้งอย่างอื่นค่อยบอกกูถ้ามึงอยากได้
.. ” ผมบอกพลางเดินไปสวมรองเท้าที่มันดูดีหน่อยตรงหน้าประตูบ้าน
เพราะปกติเวลาอยู่ที่นี่ผมจะใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนและรองเท้าแตะ
“แม่บ้าน ?”
มิสเทคมันเดินมายืนส่งผมอยู่ตรงหน้าประตู
“อืม .. ป้าแจวอนที่ประจำอยู่สำนักงานใหญ่น่ะ
แกขอย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว เห็นว่าเกาะนี้ป้าแกเป็นคนแนะนำให้พี่กูนะ ..” ผมตอบไขข้อสงสัยให้ไอ้มิสเทคที่กำลังทำหน้ายุ่ง
“ทำไม ? มึงหึงหรือไง
คงจะคิดล่ะสิว่ากูมีแม่บ้านสาวๆสวยๆมาทำความสะอาดให้น่ะ ..”
ผมล็อคใบหน้าของมันให้มองจ้องผมตรงๆ พลางถามอย่างหยอกเย้า
“มั่วแล้วไอ้สัส
มึงจะเข้าเมืองก็รีบไปเลยไป ..” มิสเทคมันตีฝ่ามือของผม แล้วก็ออกปากไล่
“น่ารัก …” ผมจ้องตามัน
แล้วก็รีบหอมแก้มมันไปฟอดใหญ่ เพราะผมมองออกว่ามันหึงผม
“จริงๆแม่บ้านที่ดูแลบ้านกูที่โซลก็สาวอยู่นะ
สวยด้วย .. แถมเขายังรู้ว่ากูเป็นถึงน้องชายของเจ้าของบริษัทก่อนมึงด้วย ..” ตอนนี้ผมเดินออกมาข้างนอกตัวบ้านแล้ว
แต่ผมก็ยังไม่วายจะเปิดประตูและแง้มใบหน้าเข้าไปในตัวบ้าน
เพื่อแหย่ไอ้มิสเทคมันเล่น ..
“…”
มิสเทคมันยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู พลางกุมข้างแก้มของตัวเองอย่างน่ารัก
แต่พอผมพูดแกล้งเย้าแหย่มันให้หึงเล่น มิสเทคมันก็ถึงกับไปไม่เป็นในทันที ..
“ไหนมึงบอกกูว่าเรื่องนี้
มีแค่เพื่อนมึงกับกูที่รู้ไง ..” มิสเทคมันถาม
พลางทำหน้าแบบผิดหวังที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้
แถมดวงตาของมันก็สั่นไหวอีกต่างหาก แย่แล้วกู แกล้งเมียจนเมียจะร้องละ ..
“มึงจำได้ ?”
ผมย้อนถามแบบเหลือเชื่อ เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ
“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมึง
กูจำได้หมด .. ” มิสเทคมันตอบ พลางมองจ้องผม
“พี่กูเป็นคนหามาเว้ย
แล้วก็ไม่ได้สาวไม่ได้สวยเหมือนที่กูพูดด้วย .. อีกอย่างกูไม่เคยประกาศตัวว่ากูเป็นใคร
ฉะนั้นคนที่กูบอกก็มีแค่เท่าที่กูบอกกับมึงไปวันนั้น .. กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คิดมากนะเว้ย
กูแค่แกล้งให้มึงหึงกูเฉยๆ เวลามึงหึง มึงดูรวนๆดี ..”
ผมดึงมันเข้ามากอดไว้ เท่านั้นแหละ ไอ้มิสเทคแม่งหยิกเอวกูเลย
“สันดาน .. แม่ง!” มิสเทคมันผละออกจากอ้อมกอดของผม แล้วก็ดันตัวผมให้ออกจากบริเวณหน้าประตูบ้านอย่างรวดเร็ว
..
ปัง! ปัง!
ผมทุบประตูอยู่หลายที
เมื่อเรายังคุยกันไม่เข้าใจ แต่ไม่ว่าจะทุบให้มือเจ็บแค่ไหน
ไอ้มิสเทคมันก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ผม …
“กูอยากให้มึงรู้ไว้
ต่อให้มีผู้หญิงสาวและสวยแค่ไหนมาอยู่ใกล้ๆกู .. แต่คนเดียวที่กูจะสนใจก็คือมึง
.. มันเป็นแบบนี้มานานแล้วมิสเทค
..” ผมพูดอยู่ตรงหน้าประตู
พลางลูบกระจกใสตรงบานประตูที่มีผ้าม่านลูกไม้สีขาวปกป้องความเป็นส่วนตัวของคนด้านในเอาไว้
แต่คนข้างนอกก็ยังสามารถมองเห็นได้ลางๆ
ถ้าหากว่าคนข้างในยังคงยืนอยู่ในรัศมีหน้าประตู ..
“กูไม่อยากรวนเพราะความหึง
.. มึงอย่าทำแบบนี้อีก กูมันนิสัยไม่ดี กูชอบคิดเยอะ ทดสอบนู่นนั่นนี่
มึงสนุกกับการถูกกูปั่นหัวเหรอ ..”
มิสเทคมันโต้ถามผมจากในตัวบ้าน
ซึ่งผมที่ยังคงยืนอยู่ตรงนี้สามารถได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจน เพราะเราห่างกันเพียงแค่ประตูหนาๆไม่กี่นิ้วเท่านั้น
..
“ขอแค่คนๆนั้นที่ปั่นหัวกูคือมึง
.. กูก็ยอมทั้งนั้น …” ผมบอกไปตามความรู้สึก
เพราะตลอดมา ผมไม่เคยโกรธเลยที่ผมถูกมันปั่นหัวจนแทบบ้า ตรงกันข้าม
ผมกลับรู้สึกว่ามันคือสีสันของชีวิตซะด้วยซ้ำ
ผมคงหลงมิสเทคมันมากจริงๆล่ะมั้ง
…
ผมถึงได้คิดบวกจนบวกออกไปนอกโลกขนาดนี้
..
หลังจากเข้าเมืองเพื่อไปกดเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและเป็นทุนสำหรับการทำฟาร์มมุกเรียบร้อยแล้ว
ผมก็กลับมาที่บ้านเพื่อนำเงินมาใส่ไว้ในเซฟ
ก็พบว่าไอ้มิสเทคมันออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนสักแห่งแล้ว
เพราะมันทิ้งโน้ตบอกผมไว้แค่ว่า ‘ออกไปเดินเล่น’
ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรนัก
เพราะเกาะมันก็เล็กแค่นี้ ไอ้มิสเทคมันคงไม่หลงไปไหนหรอก
อีกอย่างวันนี้ผมยังต้องเรียนรู้งานอีกมาก แถมเป็นกรรมวิธีที่ยากเอาเรื่องซะด้วย
ฉะนั้นผมไม่มีเวลาจะมาเถลไถลอีกแล้ว เพราะสองเดือนก่อนหน้านี้
ผมสับสนกับหลายๆสิ่งหลายๆอย่างมานานพอแล้ว ในเดือนนี้ผมจึงต้องตั้งใจกับการเรียนรู้ในสิ่งที่ผมไม่ถนัดให้มากขึ้น
..
ช่วงนั้นที่ผมสับสนก็คือชนิดของหอยว่าแบบไหนสามารถให้ผลผลิตกับเราได้
แบบไหนไม่สามารถให้ผลผลิตกับเราได้
คือผมแยกไม่ออกจริงๆว่าหอยแต่ละชนิดมันแตกต่างกันยังไง แล้วรูปร่างแบบไหนถึงเรียกว่าหอยมุก
คนธรรมดาห่างไกลจากชีวิตประมงอย่างผม
ถ้าจะมองเห็นความแตกต่างก็ไม่พ้นตัวเล็กหรือตัวใหญ่แค่นั้น
และกว่าที่คุณคิมแรวอนจะอธิบายด้วยศัพท์ที่เป็นทางการได้
ก็เล่นเอาผมแทบแย่เหมือนกันนะ ..
ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะกับการลุยน้ำคาวและคลุกคลีอยู่กับของทะเลด้วยความรวดเร็ว
จากนั้นผมก็เดินไปที่ห้องทำงานของผมซึ่งเป็นทางผ่านสำหรับไปโรงเรือนที่ใช้ในการฝังนิวเคลียส
ซึ่งก็อยู่ตรงกระชังพักฟื้นนั่นแหละ ..
“รอนานไหมครับ ?”
ผมถามคุณคิมแรวอนอย่างเกรงใจ
“ไม่นานเท่าไหร่ครับ
สบายมาก .. ไปกันเลยไหมครับ วันนี้รายละเอียดจะเยอะหน่อย ..”
ผมพยักหน้ารับแล้วก็เดินตามคุณคิมแรวอนไปทางซ้ายมือ และเมื่อมาถึงสถานที่ทำงาน
ผมก็ได้รับการทักทายอย่างอบอุ่นจากคนงานแทบจะทั่วทั้งบริเวณ หรือแม้แต่คนงานที่อยู่บนโรงเรือนเล็กสีขาวกลางน้ำที่กำลังทำความสะอาดกรงเพาะเลี้ยงหอยมุกก็ยังจะโบกมือทักทายผมอีก
ผมก็เลยโบกมือทักทายกลับไป ..
แต่เดี๋ยวก่อน
มิสเทคมึงไปนั่งทำเชี่ยอะไรที่เรือนกลางน้ำ ..
“คงไม่ต้องอธิบายตั้งแต่เริ่มแรกแล้วนะครับว่าทำไมหอยมุกที่ถูกคัดแยกมาที่โรงเรือนตรงนี้ถึงได้มีขนาดเท่าๆกัน”
ผมพยักหน้ารับ เพราะผมจำได้ว่าทันทีที่เราได้พันธุ์หอยมา เราก็จะจัดการคัดแยกว่าหอยแบบไหนควรนำไปเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์
และหอยขนาดไหนที่ยังต้องรอเวลาในการเจริญเติบโต
และหอยแบบไหนที่พร้อมต่อการฝังนิวเคลียสเพื่อทำผลผลิตให้เราต่อไป ..
“สำหรับการสอดใส่นิวเคลียส
เราจะสอดใส่ได้ทั้งหมด 2 แห่งนะครับ คือบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ และบริเวณระหว่างตับกับผิวของตัวหอย ..” คุณคิมแรวอนหยิบหอยมุกขนาดสมบูรณ์ต่อการฝังนิวเคลียสขึ้นมา
พร้อมกับชี้ให้ผมดูว่าสองแห่งที่พี่เขาพูดถึงมันอยู่ตรงไหน
“ทำไมถึงต้องเฉพาะเจาะจงด้วยครับ
?” ผมถามอย่างสงสัย
“เพราะสองบริเวณนี้จะไม่ทำให้มันเกิดอาการระคายเคือง
แล้วก็ไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของมันด้วยครับ
แต่การสอดใส่นิวเคลียสจะนิยมใส่ที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่านะครับ
แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่ว่าถ้าบริเวณนั้นมีไข่และอสุจิอยู่มาก
ก็จะทำให้การสอดใส่ทำได้ยากและไม่เป็นผลดีนัก
ฉะนั้นเวลาจะสอดใส่จะต้องทำตอนที่หอยมันเพิ่งจะวางไข่ใหม่ๆ
เพราะบริเวณเนื้อเยื่อของมันจะอ่อนนุ่มทำให้การสอดใส่นิวเคลียสได้ผลดีที่สุด”
“แล้วแบบนี้มันจะควบคุมได้หรือครับ
เพราะการผลิตมันก็ต้องผลิตอยู่ตลอดเวลา .. ถ้าต้องรอคอย
ผมว่ามันจะทำให้บริษัทขาดทุนได้เหมือนกัน อีกอย่างกว่าจะได้ผลผลิตก็ต้องรอเป็นปี
นี่ยังจะต้องรอให้มันหมดฤดูสืบพันธุ์ด้วย ?” ผมถามเพราะผมไม่รู้จริงๆ
“มันมีวิธีแก้ครับคุณคยูฮยอนไม่ต้องกังวล
เราจะทำการกระตุ้นให้หอยปล่อยไข่และอสุจิในภาชนะทึบแสง”
คุณคิมแรวอนนำผมไปดูสถานที่ที่ใช้เก็บภาชนะทึบแสงสำหรับเร่งให้หอยมุกอยู่ในเกณฑ์ที่พร้อมต่อการให้ผลผลิต
ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงเรือน เพราะการเก็บหอยมุกที่กำลังอยู่ในระยะสืบพันธุ์นั้นจะต้องหย่อนภาชนะทึบแสงลงในทะเลที่ระดับน้ำลึกกว่าปกติ
“แต่ถ้าช่วงเมษาถึงพฤษภา
เราจะสามารถยับยั้งการเจริญพันธุ์ของมันได้อีกวิธีนึงครับ
คือเราจะต้องหย่อนภาชนะใส่หอยมุกให้อยู่ในระดับน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ”
“ฟังดูยากเหมือนกันนะครับ
เพราะมันต้องใช้หลักวิชาการเข้ามาช่วย ..”
ผมบอกกับคุณคิมแรวอนและทึ่งในความสามารถต่อการจดจำของพี่เขาด้วย เก่งขนาดนี้ไม่รู้ว่าพี่สาวผมไปค้นเจอที่มุมไหนของประเทศไทย
แถมยังดึงตัวเขามาได้สำเร็จอีกต่างหาก ..
ความรักนี่มัน
เหนือการคาดเดาได้ทุกอย่างจริงๆนะ ..
“ครับ
เพราะมันยากและยังใหม่สำหรับประเทศของเราด้วย แต่ผลตอบแทนของมันก็มหาศาลเหมือนกัน
ตอนนี้นอกจากบริษัทของเราแล้ว
ก็มีอีกบริษัทหนึ่งที่กำลังล้มลุกคลุกคลานอยู่เหมือนกันครับ ..”
ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจและเริ่มตื่นตัวเมื่อรู้ว่าเรากำลังมีคู่แข่ง
“ที่เชจูใช่ไหมครับ
ถ้าจำไม่ผิดพี่ผมบอกว่าเขาไปสัมมนาที่นั่น ..
แต่จริงๆแล้วคงไม่ใช่สัมมนาล่ะสิ ..”
ผมถามอย่างรู้ทันพี่สาวของตัวเองดี
“ก็ทำนองนั้นแหละครับ
..”
“อย่าบอกว่าพี่ผมไปดึงตัวคุณมาจากที่นั่น
?” ผมถามอย่างคาดเดา
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ
ผมยังไม่ได้ตกลงจะเลือกบริษัทไหน
เพราะผมยังลังเลระหว่างบริษัทที่เมืองไทยกับบริษัทใหม่ที่เพิ่งก่อตั้ง ..”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงเลือกมาอยู่กับบริษัทของพี่ผม
ที่ก้าวเดินช้ากว่าบริษัทที่เชจู” ผมถามเพราะผมต้องการจะรู้มุมมองความคิดของผู้ชายคนนี้
“ความรักมันไม่มีเหตุผลหรอก
จริงไหมครับ ?” คุณคิมแรวอนบอกผมแบบนั้น แล้วก็เดินหล่อๆจากผมไป แม่งเอ้ย มือขวาของกู
เท่เชี่ยๆ กูให้สามผ่าน …
“ก็คงงั้นมั้ง
ไม่งั้นกูคงไม่นั่งมองใครเป็นเดือนๆหรอก ..” ผมส่ายหัว
แล้วก็เดินตามคุณคิมแรวอนเข้าไปในโรงเรือนเพื่อเรียนรู้วิธีการสอดใส่นิวเคลียส
โดยที่ขณะที่คนงานกำลังทำในแต่ละขั้นตอน
คุณคิมแรวอนก็จะอธิบายให้ผมฟังไปเรื่อยๆอย่างคล่องแคล่ว
“ยากนะครับ
กว่าผมจะทำเป็น ผมคงฆ่าหอยตายเป็นลัง ..” ผมบอกพลางกลั้วหัวเราะอย่างตลกขบขัน
แต่ลึกๆแล้วกูคาดว่ามันคือเรื่องจริงนะเว้ย
“ผมก็กลัวจะเป็นแบบนั้นน่ะสิครับ
ผมถึงได้อธิบายเพียงอย่างเดียว เพราะขั้นตอนนี้มันสำคัญมาก ถ้าหากไม่ชำนาญ
หอยอาจจะตายได้เลยครับ อีกอย่างถึงคนทำเป็น บางทีหอยก็ไม่รอดเหมือนกันนะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวคนทำและตัวหอยเองด้วย
เราเลยต้องมีกระชังพักฟื้นเพื่อตรวจเช็คอาการเป็นแพแบบนี้ไงครับ ..”
“ให้ผมนั่งทำนิวเคลียสค่อยใช่แนวของผมหน่อย
..” ผมนั่งยืดขาตรง และเอาหลังพิงกำแพงไม้
ขณะที่สองมือของผมกำลังใช้กระดาษทรายขัดเปลือกหอยน้ำจืดที่คนงานตัดเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าให้เป็นทรงกลมขนาด
2.5 มิลลิเมตร
“จริงๆแล้วการเลือกนิวเคลียสก็สำคัญเหมือนกันนะครับ
..”
คุณคิมแรวอนที่กำลังทำการผ่าตัดสอดใส่นิวเคลียสให้กับหอยมุกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับผมนักพูดขึ้นมา
“ผมขอพักเบรกดีกว่าครับ
วันนี้วิชาการมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวผมจะฟ้องท่านประธานว่ามือขวาทำผมเครียด ..” ผมแกล้งแซว
ทำเอาคุณคิมแรวอนถึงกับไปไม่เป็นขึ้นมาทันที
ข้อมูลวิชาการทั้งหลายจึงหยุดลงแค่นั้น
วันทั้งวันผมก็เลยนั่งขัดเปลือกหอยให้เป็นทรงกลมเพื่อใช้เป็นนิวเคลียสจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน
..
ซึ่งภาพความสวยงามเหล่านั้น
ผมได้เห็นมันทุกวันตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ มันก็เลยเป็นภาพที่ผมชินตา
แต่สำหรับไอ้มิสเทค มันคงจะไม่ค่อยชินเท่าไหร่หรอกมั้ง ป่านนี้คงจะช่วยงานผมไป
และนั่งมองพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปด้วยก็ได้ ..
เห้อ .. แค่ผมคิดถึงเรื่องของมัน
ริมฝีปากของผมก็วาดเป็นรอยยิ้มซะแล้ว ..
มึงจะรู้มั้ยว่าวันนี้คือวันที่กูตกหลุมรักมึงน่ะมิสเทค
..
“เขาไม่มาด้วยเหรอครับ
?” ผมเดินเข้าไปถามคนงานที่พายเรือเข้ามาจอดเทียบท่าตรงไม้กระดานที่ทำเอาไว้สำหรับเป็นท่าเทียบเรือเล็กๆข้างๆโรงคัดแยกหอย
“ครับ
คุณเขาบอกอยากจะอยู่ตรงนั้นอีกสักพัก ถ้าคุณเขาอยากกลับ คุณเขาจะเรียกนายหัวทีหลัง
.. คุณเขาบอกให้นั่งรออีกสักพักนึงครับ ..”
คุณลุงคนที่ไอ้มิสเทคมันใช้ให้มาสั่งผมดูท่าทางแกจะกระดากปากมากที่จะบอกผมตามที่มิสเทคมันสั่ง
“อ่อครับ .. ขอบคุณครับเดี๋ยวผมขอใช้เรือครับลุง
ยังไม่ต้องผูกเชือกครับ ..” ผมร้องห้ามคุณลุงอีมุนเซ
พร้อมกับลงไปนั่งในเรือ เมื่อคุณลุงทำตามที่ผมร้องขอเรียบร้อยแล้ว จากนั้นผมก็ค่อยๆพายเรือออกจากฝั่งโดยที่ผมก็ต้องคอยระวังไม่ให้รัศมีของไม้พายมันโดนแนวของทุ่นลอยน้ำตรงด้านข้าง
เพราะเนื่องจากว่ามันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์หอยมุกนั่นเองซึ่งปกติคนงานจะไม่ค่อยใช้เรือ
แต่จะใช้ดำน้ำแทนมากกว่า แต่ทีนี้ไอ้มิสเทคมันคงขอไปด้วย
พวกเขาก็เลยต้องเอาเรือออก
“มึงนั่งดูพระอาทิตย์ตกคนเดียวไม่เหงาเหรอ
?” ผมส่งเสียงถาม
พลางพายเรือมาปักหลักอยู่ตรงหน้าไอ้มิสเทคที่กำลังนั่งขัดสมาธิบนโรงเรือนสีขาวขนาดเล็ก
“ไม่นี่ ..” ไอ้มิสเทคมันตอบขึ้นมาทันควัน
“สัส .. ตอบความเท็จหน่อยก็ไม่ได้
กูกำลังจะสร้างบรรยากาศโรแมนติกเพื่อมึงเลยนะ ..”
ผมด่าพลางเอาไม้พายวักน้ำสาดใส่มัน
“เชี่ย! กูเปียกหมด”
ไอ้มิสเทคมันทำหน้าบึ้งเมื่อถูกผมแกล้ง
“ก็มึงพูดจาไม่เข้าหูกู
..” ผมเถียง พร้อมกับจอดเรือเทียบท่าตรงบันไดทางขึ้น
แล้วก็จัดการผูกเชือกมัดเรือไว้กับคานบันไดเล็กๆปริ่มน้ำทะเลนั่น
“กูไม่ชอบโกหก
มีอะไรมั้ย ?” มิสเทคมันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน
เดาว่ามันคงจะเคืองที่กูสาดน้ำใส่มันนี่แหละ ..
“เหรอ
ไม่บอกกูไม่รู้เลยนะเนี่ย .. ไปอาบน้ำดิ ที่นี่มีเสื้อกูอยู่ เพราะตอนมาอยู่นี่ใหม่ๆกูเคยปักหลักนอนที่นี่
มันเงียบแล้วก็เหงาดี ..” ผมบอกพร้อมกับฉุดให้มันลุกขึ้น
แล้วก็ลุนแผ่นหลังของมันให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ
จากนั้นผมก็ไปค้นเสื้อผ้าจากในตู้ไม้สีขาวเล็กๆตรงมุมข้างห้องน้ำเพื่อหาเสื้อเชิ้ตดีๆสักตัวให้มันใส่อวดขาขาวๆของมันให้ผมมอง
..
พอผมจัดการต้อนไอ้มิสเทคให้เข้าไปอาบน้ำจนเสร็จ
ผมก็ออกมานั่งชื่นชมบรรยากาศรอบตัวที่ค่อยๆมืดสนิทลงเพียงลำพัง
บ้านหลังนี้จริงๆมันเป็นโรงเรือน ก็เลยเปิดโล่งอยู่ซีกนึง
เพื่อให้คนงานนำกรงหอยขึ้นมาทำความสะอาดได้ แต่หลังจากใช้งานเสร็จ
ผมมีกฎให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อย
พื้นที่ตรงนี้ก็เลยสะอาดเอี่ยมเหมือนกับบ้านหลังหนึ่ง
ต่างก็เพียงแค่มันไม่มีประตูที่จะปกปิดได้มิดชิด
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครเห็นเพราะมันหันหน้าไปทางทิศตะวันตกที่มีเพียงแค่ภูเขาและท้องทะเลเวิ้งว้าง
..
ผมจัดการจุดเทียนหอมให้แสงสว่างตามจุดต่างๆของโรงเรือนหลังนี้
จากนั้นผมก็ทิ้งตัวลงนั่งฟังคลื่นลมทะเลและเสียงอาบน้ำของไอ้มิสเทค
สำหรับห้องน้ำที่นี่ไม่มีที่ให้ปลดหนักหรอกนะ แม้แต่สบู่ก็ไม่มี เพราะผมไม่อยากทำลายความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศบริเวณนี้
แต่ผมเห็นว่ามิสเทคมันคงไม่ชินกับเนื้อตัวเหนียวๆผมก็เลยไล่มันไปอาบน้ำ
“สบายตัวแล้วสิ”
ผมดึงมันให้ลงมานั่งข้างตัวผม
แล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อเอามาเช็ดผมให้มัน
“ไม่อ่ะ
อาบก็เหมือนไม่อาบ มันไม่มีสบู่ ..” มิสเทคมันบอกพลางนั่งนิ่งให้ผมเช็ดผมให้
“ไว้ค่อยกลับไปอาบที่บ้านแล้วกัน
ที่นี่กูทำไว้แค่ล้างหน้าล้างตากับล้างตัวให้มันพอหายเหนียวหรือหายเหม็นคาวทะเลเฉยๆ”
ผมบอกพลางเช็ดผมให้มันไปเรื่อย
“…”
“วันนี้มึงเข้ามาทำงานกับบริษัทของพี่กูครบปีแล้วใช่ป่ะ
?” ผมถาม ขณะที่มือก็ยังทำหน้าที่เช็ดผมของไอ้มิสเทคมันต่อไป
“อืม ..”
“ถ้างั้นกูก็ชอบมึงมาหนึ่งปีเต็มแล้วสิ
มิสเทคกูจะถือว่าวันนี้คือวันครบรอบของเราได้ไหม เพราะมึงกับกู จริงๆก็ใจตรงกันตั้งแต่วันนี้แล้วนี่
..” ผมร้องขอ พลางโอบกอดมันเอาไว้ ขณะที่มิสเทคกำลังเอาแผ่นหลังพิงอกผม ภายใต้อ้อมกอดของผมเงียบๆ
“ล..แล้วแต่มึงสิ ..” ไอ้มิสเทคมันตอบเสียงสั่น คล้ายกับมันกำลังทำตัวไม่ถูก
แถมหัวใจของมันก็ยังเต้นแรงจนผมยังได้ยินอย่างชัดเจนอีกต่างหาก ..
“เต้นรำกันมั้ยมึง
กูอยากทำอะไรๆที่มันโรแมนติกกับมึงบ้าง เพราะที่ผ่านมากูแม่งทำเชี่ยใส่มึงตลอด .. หวานก็ไม่เป็น
กูๆมึงๆ เชี่ยๆ สัสๆ ก็บ่อย .. เต้นรำกันนะครับ ..” ผมลุกขึ้นยืน พร้อมกับทำตัวประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย และกำลังจะร้องขอให้เจ้าหญิงในดวงใจรับเป็นคู่เต้นรำด้วย
“มึงมีเพลงรึไง
อีกอย่างกูก็เต้นไม่เป็นด้วย ถ้ากูเหยียบเท้ามึงขึ้นมา มึงจะหมดอารมณ์โรแมนติกใส่กูเปล่าๆ
..” ไอ้มิสเทคมันตอบ แต่มันก็วางมือลงบนฝ่ามือของผมที่ยื่นออกไปตรงหน้ามัน
“เถอะน่า .. วันนี้วันดี
มึงจะทำให้เสียบรรยากาศทำไมวะ มึงนี่เว้ย ..”
ผมโอบประคองมันในท่าเต้นรำที่จำเอามาจากในละคร
แล้วก็เต้นหมุนไปเรื่อยอย่างไม่มีสเต็ปเชี่ยอะไรเลย แถมยังผลัดกันเหยียบตีนอีกต่างหาก
แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ดูโรแมนติกอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเป็นเพราะเสียงคลื่น
หรืออาจเป็นเพราะสายลม แสงจันทร์ แต่จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ มันคงไม่สามารถเป็นตัวแปรได้มากเท่านัยน์ตาของเราที่มองสบกันอย่างลึกซึ้งและสื่อความหมายของหัวใจนั่นหรอก
..
“รักกับกูไปนานๆนะมิสเทค
..” ผมบอกพลางจุมพิตเบาๆลงบนหน้าผากของมันประหนึ่งเจ้าชายผู้สูงศักดิ์
“เหวออออ .. โอ๊ยไอ้สัส!” จากบรรยากาศที่กำลังหวานซึ้ง พอสะดุดปลายเท้าของกันและกันเท่านั้นแหละ
แม่ง บรรยากาศที่ร่วมสร้างกันมาก็พังลงหมด แถมยังเจ็บเชี่ยๆอีกต่างหาก ..
“จริงๆมันควรจะล้มเหมือนในละครนะเว้ย
ชีวิตจริงนี่แม่งโคตรเชี่ย .. ทำไมไม่ล้มแบบนี้วะ” ผมลุกขึ้นมานั่งอย่างเซ็งๆ
แล้วก็พลิกตัวขึ้นไปคล่อมทับไอ้มิสเทคอย่างรวดเร็วพร้อมกับโคฟเวอร์เป็นพระเอกละครเวลาเจอนางเอกครั้งแรกแล้วต้องมีฉากบังเอิญชนกันจนล้ม
โดยที่จมูกแตะจมูกงี้ ตามองตางี้ ..
แต่สำหรับกูไม่ต้องครับเรื่องเบสิคแบบนั้น
..
จูบเลยดีกว่าจะได้ไม่เป็นภาระต่อเด็กดีของกูที่กำลังดิ้นพล่านอย่างควบคุมไม่อยู่
..
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มาต่อแล้วค่ะ
ตอนหน้าคือตอนสุดท้ายของจริง ฉะนั้นก็หวานๆให้มันเต็มที่ไปเลยแล้วกันเนอะ
[Fic KyuMin Special] Pearl Farm – Kyuhyun Part (2)