วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [46]

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
             





[46]

                ช่วงที่ผมกับพี่เขากลับมาถึงบ้าน ก็พอดีกับซองจินที่กำลังจะเดินออกจากบ้านเข้าพอดี ผมจึงถามน้องว่าจะออกไปไหน ซองจินก็บอกว่าเขาจะไปนอนค้างห้องของจงจิน จากนั้นน้องก็ปลายตามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆกายผมอยู่พักนึง แล้วก็หันมาย้ำให้ผมล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากรั้วบริเวณบ้านไปขึ้นรถและขับออกไป ..
                เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดับสนิท ผมกับพี่เขาก็เดินขึ้นไปข้างบน ผมเลือกที่จะเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมหยิบชุดมาใส่นอน ขณะที่พี่เขากำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับพวกพี่ชางมิน เพื่อฝากฝังให้พวกพี่ๆเขาหาข้าวหาน้ำให้กับคุณแม่และหลานชายของพี่เขาทาน ..

                พอหาชุดให้ตัวเองได้แล้ว ผมก็หยิบชุดของพี่เขาจากในตู้ของตัวเองที่มีอยู่ประมาณสองสามชุดส่งให้พี่เขา จากนั้นผมก็แยกตัวไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก พออาบเสร็จผมก็เดินตรงไปยังเตียงนอนของตัวเอง ..
                “พี่ครับ .. ..อาบ ..น้ำ” ผมก้มลงไปจับข้อมือของพี่เขาที่กำลังนอนหลับตาอยู่มาแกว่งไปมาเบาๆ
                “ครับ ..” พี่เขายิ้มแล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่ผมวางไว้ให้ ถือติดมือเข้าห้องน้ำไปด้วย

                พอเหลือผมคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียง ผมก็นอนฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ หัวใจของผมรู้สึกอบอุ่นเมื่อพี่เขากลับมาอยู่เคียงข้างผมอีกครั้ง
                โลกของผมเริ่มมีสีสันยิ่งขึ้น
                มองไปทางไหนมันก็ดูสดใสไปหมด ..

                “ยิ้มอะไรคนเดียว หืม ?” พี่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมยังมาแซวผมอีก แต่พอผมเห็นพี่เขาไม่ยอมใส่เสื้อทั้งๆที่ผมก็เตรียมไว้ให้ ผมก็เลยเลี่ยงไปมองอย่างอื่นแทนการมองใบหน้าของพี่เขา
                “อ้าวแล้วกัน .. มีความลับกับพี่เหรอ?” พี่เขาเดินเข้ามาใกล้ พลางล็อคใบหน้าของผมให้หันมามองพี่เขาที่ยืนเช็ดผมเหนือร่างของผมอยู่ ผมจึงต้องทนผสานสายตากับพี่เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ หยดน้ำจากปลายเส้นผมของพี่เขาหยดลงบนใบหน้าของผมหยดแล้วหยดเล่า แต่สายตาของเราก็ไม่อาจละห่างออกจากกัน

                “น้องแฟนสวมสร้อยของพี่ไว้ตลอดเวลาเลยเหรอ?” พี่เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนที่นอนข้างๆตัวผม ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขาก็เอื้อมมาเกี่ยวสายสร้อยเส้นเล็กที่มีจี้รูปเกียร์ห้อยอยู่บนลำคอของผม
                “อื้อ” ผมพยักหน้าให้พี่เขา พลางก้มลงมองสร้อยเกียร์ของตัวเอง

                “พี่เชื่อน้องแฟนนะ” พี่เขาก้มลงมาจูบจี้รูปเกียร์ที่ห้อยอยู่บนลำคอของผมเบาๆ จนผมถึงกับหยุดหายใจเมื่อความตื่นเต้นมันบังเกิด เสียงหัวใจของผมกำลังสั่นไหวโอ้อวดพี่เขาใหญ่ว่าผมกำลังตื่นเต้นมากมายแค่ไหน
                “พ..เพราะ ..มัน ..สะ ..สำ ..คัญ .. ..ผม ..ถอด ....ไม่ได้ .. หรอก ..” ผมตอบพี่เขา เมื่อพี่เขาหยัดกายขึ้นมานั่งมองจ้องใบหน้าของผมตรงๆ

                “ถ้าจะถอด ต้องให้พี่เป็นคนถอดให้เท่านั้นนะ ..” พี่เขาลูบข้างแก้มของผม
                “ครับ ..” ผมพยักหน้าและลุกขึ้นมานั่งข้างๆพี่เขาที่เปลี่ยนไปนั่งเช็ดผมของตัวเองแล้ว

                ผมหย่อนขาลงกับพื้นห้องและนั่งมองจ้องสองฝ่ามือของตัวเองที่กำลังกอบกุมกันแน่นอยู่บนตักด้วยความลังเลใจว่าผมควรจะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ตอนนี้ออกไปดีไหม?
                “พี่ครับ ..” ผมเรียกพี่เขาไว้ เมื่อพี่เขาทำท่าจะลุกเดินไปตากผ้าเช็ดตัว
                “หืม ?

                คืนนั้น .. ผมคิดว่าพี่เป็นคนจูบผม กอดผมไว้ .. เพราะผมคิดว่าเป็นพี่ .. ผมถึงยอม ..’ ผมบอกพี่เขาผ่านทางภาษามือ ในขณะที่ดวงตาของผมกำลังคลอวาวน้ำมากขึ้นเมื่อผมนึกไปถึงเรื่องราวในคืนนั้น
                ที่ผมพูดแบบนี้ ผมไม่ได้อยากดูดีในสายตาของพี่เขา แต่ผมแค่อยากบอกให้พี่เขารู้ว่าผมคิดและรู้สึกแบบไหน
           
                “ช่างมันเถอะน้องแฟน .. คืนนั้นจะเป็นยังไงมันไม่สำคัญ .. เพราะพี่ไม่ได้รักน้องแฟนที่พูดได้หรือไม่ได้ .. และพี่ก็ไม่ได้รักน้องแฟนที่เคยพลาดหรือไม่เคย .. เหตุผลมันอยู่ที่ตรงนี้ .. พี่ถึงไม่สนใจเรื่องอื่น ..” พี่เขาพูดกับผมพลางชี้ที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง จากนั้นพี่เขาก็ลุกขึ้นไปตากผ้าเช็ดตัวที่ราวตากผ้าตรงมุมห้อง
                ผมจึงเดินเข้าไปหาพี่เขาที่ยังคงยืนจัดราวตากผ้าให้เป็นระเบียบ จากนั้นผมก็วาดวงแขนขึ้นมาโอบกอดพี่เขาไว้พลางแนบหน้าลงกับแผ่นหลังของพี่เขา

                “ผ..ผม ..รัก ..พี่” ผมบอกพี่เขาเพียงเบาๆ ขณะที่พี่เขาก็เอื้อมมือมาจับฝ่ามือของผมที่โอบกอดเขาไว้
                “มากแค่ไหน?” พี่เขาพลิกตัวกลับมา และจับมือของผมไว้ พลางถามอย่างจดจ้องจนผมขยับปากออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ..

                “บ ..บอก ..ไม่ ..ได้”
                “ความลับ?” พี่เขาถาม ผมจึงส่ายหน้า

                “โห แสดงว่ารักมากเลยอ่าดิ๊”
                “ก..กอด ..ผม ....ให้ ....มาก ..กว่า .. ที่ .. ..” ผมกำลังจะพูดชื่อของมินโฮให้จบ แต่พี่เขากลับยกปลายนิ้วขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของผม เพื่อห้ามไม่ให้ผมพูดชื่อนั้นออกมา ..

                “อย่าพูดชื่อมัน ..” พี่เขาสั่งเสียงแข็ง
                “ผ..ผม ....อยาก .. ให้ ..พี่ ..กะ ..กอด ....ผม ....จริงๆ .. ..ไม่ ..ใช่ ..แค่ .. ผม .. .. ที่ .. ..คิด ..ไป ..เอง ....แบบ ....คืน ..นั้น ..” เมื่อพูดจนจบประโยค ผมก็มองจ้องใบหน้าของพี่เขาอย่างจริงจังเพื่อจะสื่อว่าสิ่งที่ผมพูดออกไป ผมไม่ได้พูดเล่นๆ แต่ผมอยากให้พี่เขากอดผมจริงๆ
               
                “พูดจริงเหรอน้องแฟน?” ผมพยักหน้าให้พี่เขาได้เพียงแค่สองที จากนั้นพี่เขาก็ตรงเข้ามากดจูบบนริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของพี่เขาขบเม้มริมฝีปากของผมอย่างโหยหา พี่เขาลิ้มชิมริมฝีปากของผมทั้งข้างบนและล่างอย่างหนักหน่วงราวกับจะตอกย้ำว่ารสสัมผัสของพี่เขาในตอนนี้มันคือของจริง ..
                เราจูบกันอย่างดูดดื่มราวกับว่าวันข้างหน้าเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีก พี่เขารั้งร่างของผมให้เข้ามาแนบชิดกับลำตัวของพี่เขาให้มากขึ้น จนปลายเท้าของผมเหยียบเกยอยู่บนหลังเท้าของพี่เขาแล้ว
                ผมกำลังล่องลอยด้วยรสสัมผัสของพี่เขาที่มอบให้
                ส่วนในอกของผมกำลังรู้สึกเหมือนกับมีผีเสื้อมากระพือปีกโบยบิน จนได้ยินเสียงดังตึกตักไม่หยุด ..

                 กระดุมเสื้อแต่ละเม็ดกำลังค่อยๆหลุดรั้งออกจากรังดุมด้วยฝีมือของพี่เขาที่ไม่รู้ว่าเอื้อมมือมาปลดเปลื้องมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่
                รู้ตัวอีกที ผมก็ล้มตัวลงนอนใต้ร่างของพี่เขาบนเตียงของตัวเองไปเสียแล้ว
            โดยที่สาบเสื้อมันก็แยกออกจากกัน เผยผิวขาวอันผุดผ่องของผมให้พี่เขาดูเป็นขวัญตา ..

                “พี่เพิ่งจะรู้ก็วันนี้ .. น้องแฟนน่ะทั้งสวยและรวยมากอย่างที่ไอ้ชางมินบอกไว้จริงๆ” พี่เขามองร่างกายของผมอย่างจาบจ้วงจนผมรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ใจผมอยากจะยกมือขึ้นมาปิดตาของพี่เขาไม่ให้มอง แต่ผมก็ทำไม่ได้เมื่อพี่เขากำลังจับยึดข้อมือของผมอยู่
                หากผมนึกอยากถอนคำพูดของตัวเองในตอนนี้ ..
มันคงไม่ทันการณ์เสียแล้ว ..

                พี่เขาโน้มลำตัวเข้ามาแนบชิดกับช่วงตัวของผม จากนั้นริมฝีปากของพี่เขาก็เริ่มจูบไล้ตั้งแต่ข้อมือของผมที่ถูกเกี่ยวรั้งเอาไว้ด้วยกันจากมือข้างเดียวของพี่เขา เรื่อยมาจนถึงช่วงแขนเรียบลื่นพาลพาให้รู้สึกจักจี้เพียงเบาๆ เมื่อพี่เขาใช้ปลายจมูกแตะสัมผัสตรงท้องแขน ..
                ริมฝีปากอันซุกซนเริ่มลากไล้ไต่ระดับต่ำลงเรื่อยๆ จนผมเริ่มรู้สึกหวามไหวในอก พี่เขาใช้ปลายจมูกเกลี่ยเนื้อพลางตรงช่วงเนินไหล่ของผมเพียงบางเบา ไม่นานเนื้อผ้าที่ไร้รังดุมเกี่ยวรัดก็หลุดล่วงออกจากลาดไหล่ของผม จากนั้นริมฝีปากของพี่เขาก็แตะสัมผัสลงบนผิวเนื้อของผมเพื่อส่งมอบความอบอุ่นปนวาบหวามกลับมาให้ ..

                พี่เขาจูบเม้มเนินไหล่ของผม จวบจนกระทั่งปลายจมูกของพี่เขากดฝังลงกับซอกคอของผม ขณะเดียวกันฝ่ามือข้างที่ยังว่างอยู่ ก็ลากไล้ไกล่เกลี่ยเนื้อผ้าตรงช่วงเนินไหล่อีกข้างให้หลุดรอดออกไป ..
                ลำตัวหนาถอยห่างจากร่างของผมอีกนิด จากนั้นริมฝีปากหนาก็ตรงเข้ามาครอบครองริมฝีปากของผมแทน พี่เขาเริ่มขบเม้มจากริมฝีปากร่างอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเพิ่มดีกรีให้ร้อนแรงขึ้น จนกระทั่งห้วงแห่งอารมณ์เริ่มโหมกระพือ ปลายลิ้นของเราก็เริ่มเกี่ยวกระหวัดกันอย่างโหยหาย

                ผมยกมือขึ้นโอบรอบลำคอของพี่เขาอย่างเผลอไผล ขณะที่ช่วงลำตัวของผมก็เอาแต่จะบดเบียดเข้าหาไออุ่นจากร่างกายที่อยู่เหนือร่างของผม ..
                ด้วยเพราะห้องทั้งห้องมันมีแต่ความเงียบ ผมจึงได้ยินเสียงสัมผัสของเราอย่างชัดเจน ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเขินอาย แต่ว่าหากจะให้ผมหยุด ก็คงจะหยุดไม่อยู่แล้วเช่นกัน ..

                พี่เขาจูบผมราวกับจะสูบอากาศหายใจจากผมไปจนหมดสิ้น การจูบกันของเราไม่เคยเหน็ดเหนื่อยเท่านี้มาก่อนเลย จากที่ผมใช้ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังของพี่เขาเพียงเบาๆด้วยความเคลิบเคลิ้ม มาตอนนี้ผมเริ่มใช้ปลายเล็บขูดผิวเนื้อของพี่เขาเพียงเบาๆ เพื่อให้พี่เขาปลดปล่อยให้ผมได้หายใจบ้าง ..
                “ที่พี่บอกว่าน้องแฟนสวย .. พี่หมายถึงน้องแฟนสวยจากข้างในและข้างนอก .. ไม่ใช่พวกสวยแต่รูป กลับจูบไม่หอม ..” เมื่อผมออกอาการใกล้จะหมดลมหายใจจนแทบทนไม่ไหว พี่เขาก็จำต้องถอดถอนริมฝีปากออกห่างจากกลีบปากของผม แต่เวลาของพี่เขาคงจะเป็นเงินเป็นทอง พี่เขาถึงได้กระซิบเสียงแผ่วชิดริมหูของผมแบบนี้
                แต่จะดีมากถ้าพี่เขาไม่จูบตรงข้างหูของผมไปด้วย ..

                “คงไม่มีใครโชคดีไปกว่าพี่อีกแล้ว ..” พี่เขาเริ่มลากไล้ไต่ระดับในการมอบสัมผัสอันวาบหวิวบนร่างกายของผมต่ำลงเรื่อยๆ จากช่วงใบหู ก็เลื่อนรั้งมายังซอกคอ ลาดไหล่ จวบจนกระทั่งแผ่นอก
                พี่เขาจูบสัมผัสจนถ้วนทั่วไปหมด เล่นเอาผมรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำร้ายเมื่อพี่เขาแตะริมฝีปากลงบนหน้าท้องผมก็อดขนลูกซู่ไม่ได้ เมื่อปลายลิ้นร้อนกำลังลากไล้เล็มเลียอย่างหยอกเอิน ..

                “พ..พี่ .. อื้อ ..” ข้อมือของผมที่ในตอนนี้เป็นอิสระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พยายามจะเอื้อมไปแตะสัมผัสใบหน้าของพี่เขาเพื่อห้ามปรามในพี่เขาหยุดการกระทำอย่างนั้นด้วยความยากลำบาก
                “น้องแฟนไม่ชอบเหรอ?” คำถามของพี่เขาราวกับต้องการจะแกล้งให้ผมอายหนักกว่าเดิม ซ้ำร้ายพี่เขายังจับยึดฝ่ามือของผมมากดจูบเสียอีก แย่แน่ๆนะแบบนี้
               
                “ไม่ยอมตอบนี่หมายความว่าไง หืม ?” พี่เขาขยับขึ้นมาทิ้งตัวในระดับเดียวกันกับผม จากนั้นพี่เขาก็จับผมนอนตะแคงข้างโดนที่พี่เขาก็จัดแจงให้ผมยกขาข้างหนึ่งขึ้นมากอดก่ายลำตัวของพี่เขาเฉยเลย ซึ่งมันทำให้ระยะห่างระหว่างเราลดน้อยถอยลงไปมาก จะหนีหน้าก็ทำไม่ได้ จะหลบตาก็เห็นแผ่นอกของพี่เขาอีก
                แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากหลับตาหนีความเป็นจริงตรงหน้านี้เท่านั้น ..

                “หลับตาใส่พี่แบบนี้ แล้วน้องแฟนจะมั่นใจได้ยังไงว่าคนที่กำลังกอดจูบน้องแฟนอยู่ในตอนนี้คือพี่จริงๆ” พี่เขาถามเสียงแผ่วราวกับกระซิบ คล้ายกับจะยั่วยวนให้ผมตรงหลุมพราง ซึ่งผมก็ตกหลุมที่พี่เขาขุดเอาไว้จริงๆ เพราะตอนนี้ผมกำลังหลับตาพริ้มและส่งเสียงครางเครือรับสัมผัสอันหวามไหวที่เล่นงานทั้งด้านบนและล่าง
                ด้านบนพี่เขาใช้ริมฝีปากประพรมไปทั่วใบหน้าของผมราวกับจะตรีตราจองถูกตรานิ้ว ส่วนด้านล่างฝ่ามือของพี่เขาก็กำลังลูบไล้ เล้าโลมตั้งแต่ช่วงสะโพก เรื่อยไปจนถึงต้นขา

                ฝ่ามือหนาที่เคยอบอุ่น บัดนี้เริ่มร้อนระอุจนทำให้ผมเริ่มรู้สึกร้อนวูบวามไปหมด พี่เขาใช้ฝ่ามือเค้นคลึงต้นขาของผมอย่างหนักหน่วงเมื่อห้วงแห่งอารมณ์เริ่มปะทุระอุขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้ริมฝีปากของพี่เขาก็เริ่มขบเม้มสร้างร่องรอยตรงซอกคอของผมจนเกิดรอยแดงสีกุหลาบเป็นหย่อมๆ
                “อ..อื้อ ..” ผมครวญครางออกมาอย่างหวามไหว มือฝ่ามือร้อนเริ่มลากไล้เค้นคลึงตรงช่วงขาอ่อนด้านในอย่างหนักหน่วง ซ้ำร้ายปลายนิ้วของพี่เขาก็ยังซุกซนไปแตกต่างกันกับฝ่ามือ เมื่อปลายนิ้วนั้นกำลังตีเนียนปัดป่ายส่วนอ่อนไหวของผมอย่างย่ามใจ ..

                ผมก็เริ่มหายใจแรงถี่จนได้ยินเสียงหอบปะปนไปกับเสียงครวญครางในความสุขสมจากรสสัมผัสของพี่เขาที่ปรนเปรอ เมื่อปลายนิ้วเรียวหนาของพี่เขาแตะสัมผัสกับช่องทางด้านหลังของผมผ่านทางเนื้อผ้า และลูบไล้ส่วนนั้นเพียงเบาๆ ผมก็แทบจะตายคาอกของพี่เขาอยู่แล้ว ..
                สมองของผมมันขาวโพลนไปหมด เมื่อความต้องการเริ่มอยู่เหนือสตินึกคิด ..
                มารู้ตัวอีกทีเนื้อตัวของผมก็เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์มาคอยปกป้องสายตาอันร้อนแรงของพี่เขาไปเสียแล้ว ..
               
                “ม ..ไม่ ....เอา ..” ผมส่ายหัวดุ้กดิ๊กเมื่อพี่เขาตั้งท่าจะจับปลายขาของผมให้ตั้งฉากขึ้น ยิ่งเมื่อสายตาของผมมองเห็นพี่เขาทะลุผ่านกรอบเรียวขาของตัวเอง ผมก็ทนทำใจให้มันเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ..
                ลำพังแค่ไม่มีเสื้อผ้ามาคอยปกปิดตัวเอง ผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว ..
                ผมจึงอาศัยจังหวะเหมาะพลิกกายมานอนคว่ำหนีหน้าของพี่เขาเสียเลย ..

                “แค่น้องแฟนหลับตา และปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ใจของเราต้องการ .. น้องแฟนก็จะไม่รู้สึกเขินอายพี่แล้ว ..” พี่เขาเลื่อนกายขึ้นมาทาบทับแผ่นหลังของผม จากนั้นริมฝีปากของพี่เขาก็เริ่มกระซิบถ้อยคำล่อลวงผมให้หลงกลอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอันแหบพร่า บ่งบอกถึงความต้องการของพี่เขาได้เป็นอย่างดี
                อีกทั้งยังมีหลักฐานเบื้องล่างที่กำลังเสียดสีกับช่วงสะโพกของผมอยู่เป็นเครื่องยืนยันนั่นอีก ..
                บอกตามตรง ต่อให้ผมไม่ยินยอม พี่เขาก็คงจะทำให้ผมยินยอมพี่เขาด้วยความเต็มใจจนได้นั่นล่ะ ..

                ” ผมส่ายหน้ายังไงก็ไม่ยอมท่าเดียว
                “ทุกสีหน้า ทุกท่าทาง และทุกสิ่งทุกอย่างของเรา .. จะมีเพียงแค่เราที่ได้เห็นเท่านั้นเองนะ .. ” พี่เขาเริ่มใช้ริมฝีปากของเขาขบเม้มใบหูของผมอย่างแผ่วเบา พาลพาให้ใจมันหวามไหว อีกทั้งขนแขนยังลุกชัน ..
                หัวใจของผมกำลังเต้นกระหน่ำ เมื่อความต้องการเริ่มถูกจุดโดยผู้ชายที่กำลังทาบทับร่างกายของผมอยู่นี้ ..

                แผ่นหลังของผมกำลังถูกจูบสัมผัสจนถ้วนทั่วเช่นเดียวกันกับแผ่นอก ซึ่งร่องรอยสัมผัสก็คงไม่แตกต่างจากด้านหน้าเท่าไหร่นัก ฉับพลันผมก็ต้องสะดุ้งตัวอย่างตกใจ เมื่อพี่เขากำลังกดจูบเหนือสะโพกอิ่มของผมอยู่
                ก็พี่เขาเป็นแบบนี้ แล้วจะให้ผมปล่อยตัวปล่อยใจไปได้อย่างไร
                ความอบอุ่นปนวาบหวามของพี่เขา กำลังจะทำให้ผมหมดแรงลงทุกที ทุกที

                “อ ..อื้อ .. ” พี่เขาจูบไล้ช่วงต้นขาของผมมาจนถึงปลายขา และวนไล้จนปลายขาด้านในจนถึงโคนขาด้านในภายในเวลาอันรวดเร็ว
                “อืมมมม ….” พี่เขาส่งเสียงครางครือราวกับหมั่นเขี้ยว เมื่อพี่เขากำลังฟัดกับขาอ่อนด้านในของผม ส่วนผมก็ได้แต่หลับตาห่อปากพ่นลมหายใจร้อนออกมาอย่างอ่อนแรง

                จิตใจของผมกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ และเนื้อตัวของผมก็เบาหวิวราวกับลอยออกไปนอกโลก เมื่อสัมผัสที่ได้รับกำลังทำให้ผมเผลอไผลมากขึ้นและมากขึ้น ..
                แต่สติของผมก็หวนคืน เมื่อพี่เขากดจูบลงบนฝ่าเท้าของผมทั้งสองข้างอย่างหนักแน่น

                ส่งผลให้ผมสะดุ้งตกใจ จนเผลอสะบัดฝ่าเท้าของตัวเองออกห่างจากพี่เขาภายในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งใบหน้าของผมก็ยังร้อนฉ่า เมื่อเจอกับเหตุการณ์ชวนขวยเขิน ..
                ตั้งแต่เกิดมา นอกจากพ่อกับแม่และคุณยายของผม ก็ไม่เคยมีใครมาจูบฝ่าเท้าของผมแบบนี้เลย ..

                ผมอึ้งมาก ทำอะไรไม่ถูกด้วย เลยได้แต่นั่งก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเอง หัวใจของผมเต้นรัวกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งแขนและขาของผมก็ยังสั่นไหวราวกับคนไม่มีแรงอีกต่างหาก ..
                “ท ..ทำ ..อะ ..ไร ..ครับ” ผมเงยหน้าอย่างตื่นตระหนก เมื่อพี่เขานำผ้ามาผูกปิดดวงตาของผมจนมืดไปหมด
                “ช่วยให้น้องแฟนไม่ต้องอายไง ..” พี่เขาตอบผมเพียงครู่เดียว จากนั้นพี่เขาก็เริ่มผละร่างกายของผมให้เอนตัวลงนอนราบกับพื้นเตียง ขณะที่พี่เขาก็ตามลงมาคร่อมทับด้วยเช่นกัน

                พี่เขาจูบเปลือกตาของผมผ่านเนื้อผ้าที่ผูกปิดตาของผมไว้ และมันก็ส่งผ่านความอบอุ่นมาถึงผมได้ไม่ยาก จากนั้นพี่เขาก็เริ่มจูบไล้แผ่นอกของผมอีกครั้ง หากแต่ครานี้ไม่เหมือนคราแรก เมื่อพี่เขาใช้ปลายลิ้นสัมผัสปรนเปรอความหวามไหวจนยอดอกของผมอย่างหนักหน่วง
                “อ..อื้อ ..อ๊ะ ..” ผมส่งเสียงร้องครวญครางไม่เป็นภาษามือพี่เขาใช้ทั้งริมฝีปากอันซุกซนและฝ่ามือที่ก็ซุกซนไม่แพ้กันปรนเปรอผมในคราวเดียว อีกทั้งช่วงขาของพี่เขาก็ยังซุกซนไม่ต่างกัน เพราะตอนนี้เรียวขาของพี่เขากำลังเสียดสีกับเรียวขาของผมจนส่งผลให้ช่องท้องมันร้อนวูบวาบยิ่งกว่าเดิม ..
               
                “อ๊ะ ..อื้อ ..” ผมสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อพี่เขาจูบสัมผัสส่วนไวสัมผัสของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเพิ่มระดับเป็นร้อนแรงมากขึ้นเมื่ออารมณ์ของผมเริ่มเพิ่มระดับไปตามแรงชักนำ
                “อ๊า ..อื้อ ..” ผมเกลียดเสียงของตัวเองในเวลานี้มาก ยิ่งฟังเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อยากจะได้ยิน แต่ดูเหมือนพี่เขาจะคิดในทางตรงกันข้าม เมื่อผมผ่อนเสียงให้เบาลง พี่เขาก็ยิ่งลงสัมผัสให้หนักขึ้น ..

                “แฮ่กๆ” ผมหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะรีบกอบโกยอากาศบริสุทธิ์เอาไว้ให้ชุ่มปอด เมื่อสถานการณ์รุกรานเริ่มห่างหายไป ..
                แต่ผมก็เบาใจได้ไม่นาน เมื่อพี่เขากลับมาพร้อมกับสัมผัสแปลกใหม่ที่เล่นเอาผมนึกกังวล ..

                “มันฉุกเฉินไปหน่อย .. ใช้โลชั่นคงไม่ว่ากันนะ ..” พี่เขาบอกผม ขณะที่ฝ่ามือของเขากำลังจับเรียวขาของผมแยกออกกว้างและตั้งฉากจนเปิดเผยอะไรๆต่อมิอะไรให้พี่เขาเห็นจนหมดสิ้น ..
                “อ๊ะ ..อื้อ ..” ผมไม่ทันมีเวลาได้ทักท้วงใดๆเลย เมื่ออยู่ๆพี่เขาก็ใช้เนื้อครีมแตะสัมผัสช่องทางเร้นลับของผมอย่างแผ่วเบาๆ

                “พ ..พี่ ..” ผมรู้สึกกลัวกับความแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน จนต้องควานหาฝ่ามือหนามาจับยึดเพื่อความอบอุ่นใจ ..
                “อ่า ..น้อง ..แฟน ..” ผมกระเถิบถอยหนีเมื่อปลายนิ้วของพี่เขาเริ่มจะเข้ามาลุกลานในตัวผม แต่ก็หนีได้ไม่พ้นเมื่อเรียวขาของผมกำลังถูกจับยึดโดยผู้ชายที่ผมร้องขอให้เขาเป็นคนกอดผมแบบนี้เอง ..

                “อ๊ะ ..อื้อ .. อ่า .. .. พี่ ..” ผมบีบฝ่ามือของพี่เขาเป็นจังหวะเมื่อปลายนิ้วร้อนกำลังแทรกซึมลึกลงมาทุกที ทุกที
                “อืม ..อ่า ....ดี ..จัง ..” พี่เขาหยัดกายขึ้นมาซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกของผม พลางเอ่ยอย่างสุขสมขณะที่ฝ่ามือของพี่เขาก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีไม่มีตก ..

                “น้องแฟน .. ถอดกางเกงให้พี่ ..นะ ..” พี่เขาเริ่มร้องขอผมมากขึ้นไปอีก ช่างไม่ได้รู้เลยว่าคำขอของเขามันทำให้ผมหัวใจจะวายแค่ไหน ..
                “นะครับ ..” พี่เขาอ้อนผมเสียงหวาน แต่การกระทำของพี่เขาช่างใจร้าย เมื่อพี่เขาปลดผ้าที่ผูกปิดตาของผมออก ส่งผลให้ผมมองเห็นดวงตาสีนิลดำที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยแววตาออดอ้อนเอาแต่ใจอย่างเห็นได้ชัด ..

                “ม ..อื้อ ..” พอผมตั้งท่าจะปฏิเสธ พี่เขาก็ขยับปลายนิ้วไล้วนภายในลำตัวของผมอย่างกลั่นแกล้ง ส่งผลให้ผมต้องยอมจำนนอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อความต้องการมันกำลังมาเยือน ..
                พี่เขาลุกขึ้นยืน ขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นนั่งอย่างอ้อยอิ่ง ผมเม้มริมฝีปากเน้น ส่วนฝ่ามือของผมมันกำลังสั่นจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ ..

                เมื่อพี่เขาเห็นว่าผมท่าทางจะไปไม่รอด พี่เขาจึงจับประครองฝ่ามือของผมเพื่อบังคับให้ผมดึงรั้งปลายเชือกที่ขมวดปมกันเอาไว้ออกเป็นอย่างแรก และต่อมาก็เป็นเนื้อผ้าที่ต้องรูดรั้งลงสู่เบื้องล่าง
                ผมไม่ยอมมองภาพเบื้องหน้าแม้แต่นิด ..
ให้ตายยังไงผมก็ไม่มอง ..

                “พี่ขอกอดเรานะ ..” เมื่อพี่เขาไร้เครื่องห่มหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบมุดหน้าลงกับพื้นเตียงทันที แต่การกระทำแบบนั้นก็ดันกลายเป็นการเปิดโอกาสให้พี่เขากอดผมได้ง่ายและเร็วขึ้น ..
                พี่เขาไม่ยอมขอปากเปล่า แต่เขาใช้รสสัมผัสเลาะเล็มไปทั่วใบหูของผมจนสติของผมเริ่มเตลิด ช่วงล่างของผมชักจะอาการไม่ค่อยดี เมื่อความต้องการมันมากขึ้นและมากขึ้น
                หัวสมองของผมเริ่มขาวโพลนอีกครั้ง เมื่อความเผลอไผลเข้ามาแทนที่ส่งผลให้อะไรๆมันเลยเถิดมากยิ่งขึ้น ..
               
                “อื้อ ....เจ็บ .. ฮึก ” ผมส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อพี่เขาแทรกกายเขามาในตัวผม ด้วยเพราะความคับแน่นมันต่างกันจึงทำให้ผมเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองด้วยต้องการบรรเทาความเจ็บ อีกทั้งฝ่ามือของผมยังจิกทึ้งผ้าปูที่นอนด้วยความเกร็ง จนพี่เขาต้องคว้าของมือของผมมาจับ ..

                “อึก ....ทน ..หน่อยนะ ..” พี่เขาครางเครือในลำคอเมื่อผมกำลังทำให้พี่เขาอึดอัด
                “จ ..เจ็บ ..

                “ห..ไหว.. มั้ย .. พอแค่นี้ก็ได้นะ ..” ผมพี่นิ่งค้างในขณะที่ถามผมอย่างห่วงใย
                “ผ..ผม ....ไหว ..” ผมเอนใบหน้าเข้าหาใบหน้าของพี่เขา พลางตอบอย่างไร้สติ อีกทั้งการกระทำก็ขาดสติด้วย เมื่อผมเป็นฝ่ายเริ่มบดจูบกับริมฝีปากของพี่เขา ..

                เราแลกจูบกันอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งร่างกายเริ่มปรับให้คุ้นชินในกันและกันมากขึ้น จากนั้นพี่เขาก็เริ่มขยับกายทีละนิด ส่งผลให้เนื้อตัวของผมขยับตามไปด้วย เพราะในตอนนี้เรากำลังเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
                ในวันนี้ คืนนี้ ท่ามกลางแสงไฟจากดวงโคม ภายในห้องของผม เราสองคนกำลังกอดกันอย่างลึกซึ้ง เสียงครางหวานแห่งความสุขสมดังระงมไปทั่วห้อง ราวกับจะโอ้อวดว่าเรานั้นมีความสุขมากแค่ไหน ..
                อีกทั้งเสียงหัวใจก็ยังเต้นแรงราวกับวันแรกที่เราเริ่มรักกัน ..

                “อึก ..อ๊า ..อื้อ ..” ผมครวญครางไม่เป็นภาษาอีกครั้ง เมื่อผมกำลังถูกพี่เขาเล่นงานแทบทุกส่วน เริ่มตั้งแต่ริมฝีปากของพี่เขาที่คอยจูบซับเหงื่อตามใบหน้าและซอกคอของผมอย่างใจดี อีกทั้งฝ่ามือหนาก็ยังปรนเปรอความสุขสมให้ผมอย่างเอาใจ คล้ายกับพี่เขาเป็นห่วงกลัวว่าผมจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน
                ส่วนเบื้องล่างของเราก็ขยับสอดผสานเป็นหนึ่ง ด้วยแรงชักนำของคนตัวใหญ่ที่กำลังส่งเสียงฮึมฮัมในลำคออย่างพึงพอใจ
               
                สัมผัสนุ่มนวลเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงมากขึ้นและมากขึ้น เมื่อปลายทางแห่งความฝันนั้นอยู่ไม่ไกลนัก ความเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมยามดึก ไม่ได้ทำให้รสสัมผัสนั้นแผ่วเบาลงเลย กลับมีแต่จะมากขึ้น มากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
                หยาดเหงื่อผุดผาดตามร่างกายเต็มไปหมด อีกทั้งลมหายใจก็ยังติดขัดเสียอีกด้วย
            สภาพของผมราวกับวิ่งอยู่กลางสนามบอลท่ามกลางแสงแดดอันเจิดจ้ามาเป็นเวลานานแสนนาน ..

                “อึก ..อื้อ ..อ๊า ..อืม ..อ๊าาาาาาาาาา” เนื้อตัวของผมสั่นคลอนจนแทบจะทรุดลงกับพื้นเตียงอยู่รอมร่อ หากแต่พี่เขาก็คอยโอบอุ้มผมเอาไว้ไม่ให้หน้าทิ่มไปเสียก่อน ผลสุดท้ายหยาดหยดแห่งความสุขสมก็ปลดปล่อยออกมาจนเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
                หากแต่หลักฐานแห่งความสุขสมในครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ความสุขทางกาย ..
                แต่เพราะมันมีความสุขทางใจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผมถึงได้ไม่นึกรังเกียจมันอย่างที่เคยนึกคิดมากก่อนหน้า ..

               
                สัมผัสจากพี่เขาในวันนี้ มันบ่งบอกให้ผมรู้แล้วว่า ความอ่อนโยนของพี่เขามีมากกว่าความอ่อนโยนที่มินโฮมอบให้เป็นสิบเท่า พี่เขามอบสัมผัสให้ผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากแต่มินโฮกลับมอบสัมผัสให้ผมอย่างตะกละตะกลามหากแต่ก็อ่อนโยนในที ..

                “พี่จองน้องแฟนทั้งตัวแล้ว .. ได้โปรดอย่าให้ใครมาทอดสะพานกับเราได้อีก .. นะ ..” พี่เขาจูบศีรษะของผมด้วยความเอ็นดู พลางร้องขอผมอย่างออดอ้อน
                “ครับ ..” ผมยื่นหน้าเข้าไปกดจูบบนริมฝีปากของพี่เขาโดยไม่ได้จาบจ้วงแต่อย่างใด เพราะผมต้องการจูบเพียงเพื่อบอกให้พี่เขารู้ว่าผมรับปากจะทำตามในสิ่งที่พี่เขาต้องการ
                เห็นทีมันคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเด็ดขาดกับเรื่องราวทุกอย่างที่มันกำลังเลยเถิดอยู่ในตอนนี้
                ก่อนที่มันจะสายเกินแก้

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>


มาต่อครบตอนแล้ว ฮื่อออ กว่าจะครบก็ลากเลือดเหมือนกัน ไม่ได้เขียนนานแล้ว เคาะสนิมไม่หลุดเลยจริงๆ ถ้าอ่านแล้วมันแปลกๆก็ช่างมันเถอะเนอะ อยากให้โฟกัสที่อย่างอื่นของเรื่องมากกว่า คำผิดมีมากมายตามคอนเซ็ป ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ *โค้ง*
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น