Special
by Kyuhyun 10 ✈
หลังจากที่ผู้โดยสารออนบอร์ดจนครบแล้ว
สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือการเตรียม welcome drink ให้กับผู้โดยสารในระดับชั้นธุรกิจที่ตนเองรับผิดชอบ
ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้เห็นได้ว่า งานด้านการบริการของลูกเรือในระดับชั้นประหยัดและระดับธุรกิจจะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เพราะในระดับชั้นประหยัดลูกเรือชายจะต้องดูแลในส่วนแกลลี่ แต่ในระดับชั้นธุรกิจลูกเรือชายจะทำหน้าที่เหมือนกับลูกเรือหญิง
เนื่องจากสายการบินของเรามีเชฟฝีมือดีมาปรุงอาหารให้ถึงบนเครื่อง
นอกจากนี้สายการบินของเรายังมีเลาจน์ให้บริการอีกด้วย จึงทำให้ลูกเรือในระดับชั้นธุรกิจมีเพียงแค่สองคนเท่านั้นเลยทำให้ต้องมีการสอบเลื่อนขั้นและฝึกอบรมอย่างเข้มงวด
ซึ่งผมได้เลื่อนขั้นตั้งแต่ช่วงที่กลับมาอยู่ดูไบใหม่ๆแล้ว แต่บางครั้งที่ผมต้องทำงานในระดับชั้นประหยัดก็เพราะว่าไฟล์ทบินนั้นเป็นไฟล์ทที่ถูกเรียกตัวไปทำงานอย่างกะทันหัน
สำหรับ welcome drink ผู้โดยสารสามารถออร์เดอร์ได้ตามความต้องการ โดยเราจะมีน้ำส้มคั้น แชมเปญ
ชาร้อน คาปูชิโน่ร้อน น้ำมะนาวมินท์ laban หรือจะเรียกว่าไอรานก็ได้
มันเป็นเครื่องดื่มประเภทโยเกิร์ตแบบน้ำที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มประเทศอาหรับ
ซึ่งในส่วนของการเตรียมเครื่องดื่มนี้ ลูกเรือที่ทำหน้าที่ต้อนรับส่วนหน้าจะต้องเป็นผู้จัดเตรียมเองทั้งหมด
โชคดีที่ในโซนของผมผู้โดยสารต่างก็เลือกที่จะดื่มแชมเปญจึงไม่วุ่นวายอะไรมากนัก ผิดกับคุณชีน่า
ลูกเรือชาวฟิลิปปินส์ลิบลับ
รายนั้นน่ะได้รับออร์เดอร์แทบทุกอย่างที่มีให้เลือกเลยทีเดียว
“excuse me, Sir” ผมกล่าวพลางวางกระดาษทิชชู่ลงบนโต๊ะ
ก่อนจะวางแก้วแชมเปญตามหลัง ตามด้วยผ้าขนหนูแบบร้อนที่ต้องวางอยู่ใกล้ๆกัน
ผมทำแบบนี้จนกระทั่งครบทุกที่นั่งก็เริ่มแจก amenity kit ให้กับผู้โดยสารเพราะการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ยาวนานพอสมควร
ซึ่งการบริการทั้งหมดที่ว่ามานี้ ผมจะต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนที่เครื่องบินจะทำการ take
off
เมื่อสัญญาณเตือนให้รัดเข็มขัดดังขึ้นผมและคุณชีน่าก็รีบเดินเข้าไปในครัวเพื่อเอาถาดไปเก็บ
จากนั้นก็มานั่งที่เก้าอี้ประจำตัวของลูกเรือตรงบริเวณใกล้ๆกับประตูเปิด-ปิดเครื่องบิน
ซึ่งมันก็บังเอิญที่ฮาบีเขาก็มานั่งปักหลักอยู่ตรงเก้าอี้นั่งทางฝั่งตรงกันข้ามเข้าพอดี
เพราะเนื่องจากที่นั่งของลูกเรือระดับชั้นธุรกิจจะต้องมานั่งปะปนไปกับลูกเรือในระดับชั้นประหยัด
ด้วยความที่เรามีเชฟมาคอยปรุงอาหารกันสดๆบนเครื่อง จึงทำให้การรับออร์เดอร์เกิดขึ้นแบบไม่มีเวลากะเกณฑ์ที่ตายตัว
ผมเลยไม่มีโอกาสนั่งมองหน้าฮาบีได้นานนัก ก็ต้องรีบลุกขึ้นมาทำงานทันทีที่สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง
เพราะผู้โดยสารต่างพากันกดปุ่มเรียกลูกเรืออย่างรวดเร็ว
แต่ก็ใช้เวลาเสิร์ฟเพียงไม่นานก็เริ่มมีเวลาพัก เพราะผู้โดยสารบางส่วนได้แยกตัวไปรวมกลุ่มกันที่เลาจน์ด้านหน้า
ที่เชื่อมต่อกับ cabin ของผู้โดยสารในระดับเฟิร์สคลาส
ซึ่งพอมีเวลาพัก
ผมกับคุณชีน่าก็รีบอุ่นข้าวกล่องในส่วนของเราอย่างรวดเร้ว เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราเลย
ประจวบเหมาะกับ Purser ชาวฝรั่งเศสได้พาฮาบีมาฝากท้องที่แกลลี่ของเรา
มื้อนี้ก็เลยมีผู้ร่วมรับประทานอาหารมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
“เป็นไงมั่ง”
ผมยืนหันหน้าเข้าไมโครเวฟพลางถามฮาบีที่ยืนมองเชฟทาคาโอะกำลังปรุงอาหาร
“ก็ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้เยอะเลยครับ
สนุกดี” ฮาบีตอบพลางยกยิ้ม
“เห็นไหม
พี่บอกแล้ว ว่าถ้าได้ลองเรียนรู้ ฮาบีต้องชอบอาชีพนี้แน่ๆ”
ผมว่าพลางหยิบอาหารกล่องส่งให้ฮาบีเพราะคุณชีน่ายังไปเข้าห้องน้ำอยู่ จากนั้นก็หยิบอาหารอีกกล่องเข้าไปอุ่นเหมือนเดิม
“thank you” คุณชีน่าตอบรับพลางยกยิ้มให้ผมก่อนจะรับข้าวกล่องไปยืนแอบกินอีกมุมหนึ่งของห้องพร้อมกับถอดรองเท้าส้นสูงออกและวางปลายเท้าลงบนพื้นเครื่องบิน
“กินลำบากหน่อยนะ”
ผมว่าพลางยกยิ้มให้ฮาบี
ก่อนจะเปิดข้าวกล่องของตัวเองกินเงียบๆโดยที่สองมือจะต้องประคองกล่องข้าวเอาไว้ เพราะพื้นที่ในการจัดวางไม่ได้มีความสะดวกสบายอะไรเลย
ในเมื่อพื้นที่ที่มันควรจะว่างดันถูกจับจองด้วยขวดแชมเปญที่ยังไม่มีเวลาจะปลีกตัวเข้ามาเคลียร์
หลังจากทานเสร็จ
ผมเลือกที่จะให้คุณชีน่าไปนอนพักเอาแรงก่อนหนึ่งชั่วโมง จากนั้นผมจะสลับไปพักบ้าง เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ไม่ได้พีคมากสำหรับงานของลูกเรือ
ซึ่งระหว่างนี้ผมก็จะสอนงานฮาบีบ้างเล็กๆน้อยๆ เช่นว่า เวลาที่เราจะต้องเอาอาหารไปเสิร์ฟให้กับผู้โดยสาร
ขั้นแรกจะต้องทำอย่างไร วางช้อนแต่ละแบบ แก้วแต่ละประเภทตรงไหน
ตามด้วยอาหารแต่ละคอร์ส เราจะเสิร์ฟให้กับผู้โดยสารด้วยจานไหนก่อน
เพราะเชฟเขาจะรีบปรุงรีบตกแต่งมาวางเรียงๆกันบนรถเข็น เราก็มีหน้าที่คอยนำไปเสิร์ฟ
ดังนั้นในส่วนนี้เราจะต้องศึกษาชิ้นงานมาเป็นอย่างดีถึงจะจำได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหล่าลูกเรือการจะทำไฟล์ทต้องมีการบรีฟงานเพื่อความแม่นยำ
และจะต้องมีการศึกษานอกรอบด้วยตัวเองในระดับหนึ่ง
“ปรับตัวได้เร็วดีเหมือนกันนี่”
ผมพูดกับตัวเองเบาๆเมื่อหันไปเห็นฮาบีกำลังป้อนอาหารน้องผู้หญิงที่ร่างกายมีความบกพร่องที่มือทั้งสองข้างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แถมยังพูดคุยกับน้องคนนั้นอย่างสนุกสนานจนคุณแม่ของเด็กคนนั้นยกยิ้มจนแก้มแทบปริ
พอเห็นอย่างนั้นผมก็เริ่มเบาใจที่ฮาบีเขาปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด
จึงทำให้ผมหวนคิดขึ้นมาได้ว่า คนบางคนแม้ว่าไม่ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ
ก็สามารถทำได้ดีในที่งานที่ตัวเองเลือกได้เพราะ ‘ความตั้งใจ’ คำเดียว..
“ไม่เป็นไร
ผมยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่” ระหว่างที่ผมกำลังคุยเล่นอยู่กับเชฟชาวญี่ปุ่น
คุณชีน่าก็ยกยิ้มพร้อมกับบอกให้ผมไปพักผ่อน แต่ผมปฏิเสธเพราะตั้งใจจะคอยแอบดูฮาบีเขาทำหน้าที่ลูกเรือฝึกหัดแบบห่างๆอย่างห่วงๆ
“ฮ่าๆ” ด้วยความที่มีลูกเรือกดกริ่งเรียก
ผมจึงเดินออกมาเจอฮาบีกับน้องผู้หญิงคนเดิมกำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
แต่ด้วยความที่น้องคนนั้นหัวเราะเสียงดังไปหน่อย ฮาบีเขาเลยยกนิ้วชี้ขึ้นมาปิดปากพลางส่งเสียง
‘ชู่ววว~’ เพียงเบาๆ
น้องผู้หญิงก็รีบยกมือขึ้นปิดปากพลางหันซ้ายมองขวาให้เลิ่กลั่ก
จึงทำให้ฮาบีเขาหันไปมองตามบ้าง
เราสองคนก็เลยได้สบสายตากันด้วยความบังเอิญอีกครั้ง..
เพราะสายตาของผม
มันเอาแต่จับจ้องไปที่ฮาบีเสมอ..
ให้ตายสิ ไม่มีสมาธิเลย
ไฟล์ทบินจากอาบูดาบีไปยังซูริคใช้เวลาถึงหกชั่วโมงเต็มๆ
จึงทำให้ลูกเรืออย่างเราๆเริ่มอ่อนล้า
แต่ยังดีที่หลังจากนี้เราจะได้พักค้างคืนที่นี่หนึ่งคืน ดังนั้นก่อนจะลงจากเครื่อง
พวกเราจะต้องเคลียร์งานของเราให้เรียบร้อย เช่นจัดเก็บอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมกับรวบรวมขยะไปไว้ยังพื้นที่สำหรับวางขยะ
จากนั้นก็จัดเตรียมข้าวของทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่ลูกเรืออีกชุดจะเข้ามารับไม้ต่อ
กระทั่งลูกเรือชุดดังกล่าวมารับช่วง
ลูกเรือทั้งหมดพร้อมด้วยนักบินจะต้องเกาะกลุ่มกันเพื่อไปรายงานตัวกับทางตรวจคนเข้าเมืองของซูริค
ซึ่งลูกเรืออย่างเราๆไม่ได้มีขั้นตอนในการตรวจคนเข้าเมืองเหมือนกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ
เพราะในส่วนของลูกเรือจะใช้เพียงแค่เอกสารที่มีชื่อเสียงเรียงนามของลูกเรือทุกคนเท่านั้น
โดยเอกสารดังกล่าวกัปตันจะเป็นคนถือไว้
อย่างที่ผมเคยบอก
ว่าสายการบินเขาเราดูแลลูกเรือแต่ละท่านเป็นอย่างดี
ดังนั้นที่พักก็ย่อมมีระดับพอสมควร ซึ่งในห้องหนึ่งๆสามารถเข้าพักได้เพียงสองคน
และมันก็แน่นอนว่าผมจะต้องจับคู่กับฮาบีอย่างไม่มีเงื่อนไข
ติ้ง!
imSMI : Zurich
ทันทีที่ปลายเท้าแตะพื้นดิน
ผมก็รีบปิดไฟล์ทโหมดอย่างรวดเร็ว และเมื่อโทรศัพท์ได้เชื่อมต่อไวไฟของสนามบินได้สำเร็จ
สัญญาณเตือนจากแอพพลิเคชั่นอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น
พอกดเข้าไปดูผมถึงรู้ว่าฮาบีเขาอัพไอจีด้วยรูปของวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างเครื่องบินของเมืองซูริคเอาไว้
จำได้ว่าตอนนั้นคุณชีน่าเขาแนะนำให้น้องผู้หญิงคนนั้นลองมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูทุ่งหญ้าสวยๆข้างนอก
แต่กลับกลายเป็นว่าลูกเรือมือใหม่ของเราดันเร็วกว่าใครเขาเพื่อน
เล่นเอาผมหลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ผมก็ยังมีสติแอบถ่ายฮาบีไว้ด้วยนะ
GaemGyu : เร็วกว่าผู้โดยสาร ก็ลูกเรือนี่แหละ!
ทันทีที่ผมอัพไอจี
ฮาบีเขาก็หันมามองค้อนจนตาคว่ำ ผมเลยยักคิ้วกวนๆส่งไปให้ซะเลย เพราะท่าทางแบบนั้นไม่ได้น่ากลัวสักนิด
ติดจะน่าหมั่นเขี้ยวเสียมากกว่า
นี่ถ้าอยู่ด้วยกันตามลำเพียง
ผมคงจะฟัดฮาบีสนุกไปแล้ว!
ติ้ง! ติ้ง!ติ้ง! ติ้ง!ติ้ง! ติ้ง!ติ้ง! ติ้ง!ติ้ง! ติ้ง!
“เชี่ยไรวะ”
ผมสบถอย่างตกใจ
เมื่อต้องสะดุ้งตื่นระหว่างที่กำลังนั่รถรับส่งไปยังที่พักที่สายการบินจองให้
GaemGyu : เร็วกว่าผู้โดยสาร ก็ลูกเรือนี่แหละ!
Chimchang : มีคนอู้งานหนึ่งอัตรา ร้องเรียนได้ที่ไหนบ้างครับ?
A.Imran : จัดไปที่แอคนี้เลยครับ @imSMI @ahraCho
Tawan : แจก warning เลยก็ดีนะครับ
จะได้ไม่มีใครเอาเป็นแบบอย่าง
Mino : โห โหดว่ะ เพื่อนแค่เผลอส่องเด็กระหว่างทำงาน 0.0000001
วินาทีเอง ให้อภัยมันเถอะ
Chimchang : แดกยามาผิดเหรอ ทำไมมึงแลเข้าอกเข้าใจเพื่อนคนนี้ดีจัง?
Mino : ก็เรามันคนรักเพื่อนไง
ก็ต้องออกตัวแทนเพื่อนเป็นธรรมดา
A.Imran : กระแดะ
Chimchang : โห พีค ไอ้อิมรานมึงรู้จักคำว่ากระแดะด้วย
รัวมือสิครับ กระแดะ! กระแดะ!
Mino : เกลียด!
GaemGyu : เออ! กูก็เกลียดสังคมร้ายๆอย่างพวกมึง!
@Chimchang @A.Imran @Mino @Tawan
ผมจัดการเมนชั่นด่าพวกมันอย่างเกรี้ยวกราด
กะเปิดสงครามแห่งโลกออนไลน์เต็มที่
ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะหลังจากนั้นสังคมร้ายๆมันก็เริ่มออกอาละวาด
ติ้ง!
Chimchang : เกลียดเกลิดอะไร เราออกจะรักกัน..
ไอ้ชางมินมันอัพไอจีด้วยรูปภาพที่พวกเราทั้งหมดกอดคอกัน
แต่ยืนหันหลังให้กล้องทั้งๆที่ยังสวมชุดยูนิฟอร์มของสายการบินจนเต็มยศ
ซึ่งไอ้เพื่อนเวรนี่มันก็จัดการแท็กชื่อพวกเราลงบนรูปจนครบทุกคน
เหมือนกลัวไม่รู้ว่าไอ้พวกที่รักกันเนี่ยมันคือใครบ้าง
ติ้ง!
Mino : @Chimchang คือมึงหมายถึงพวกเรารักกัน ปานจะแหกตูดดมงี้อ่อ?
“จังไรกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ไอ้สัสเอ้ย”
ผมบ่นเมื่อไอ้มินโฮมันโพสรูปของพวกเรายืนหันหลังในสถานที่เดียวกันกับภาพของไอ้ชางมิน
แตกต่างกันก็ตรงที่รูปของไอ้มินโฮ บุคคลในภาพแม่งดันจับก้นกันและกันราวกับจับมือนี่ดิวะ
สาดดด ดีนะแม่งล็อคไอจี
ไม่งั้นความจังไรได้เปิดเผยสู่โลกกว้างแน่ๆ
Mino : @Chimchang คือมึงหมายถึงพวกเรารักกัน ปานจะแหกตูดดมงี้อ่อ?
A.Imran : เชี่ยยยยยยยย!
Chimchang : สัสเด้ย! ลบบบบบบบบบบ!
กูสติหลุดจนพิมพ์วิบัติหมดแล้วเนี่ย
เชี่ยยยยยย
GaemGyu : ไอ้เชี่ย! ลบ! อย่าให้กูต้องเกรี้ยวกราด
Tawan : ไม่น่าเลย กูไม่น่ามาสนิทกับพวกมึงเลย
สังคมร้ายๆที่แท้ทรู ไอ้เชี่ย!
A.Imran : ประณามมัน!!!!!!!!!!!
Chimchang : แจก warning กลุ่มด้วยความเกรี้ยวกราดเลยครับ!
ไว้ปรับปรุงตัวค่อยกลับมาคุย!
Tawan : อนุมัติ!
GaemGyu : อนุมัติ!
“หึหึหึหึหึหึหึ” ผมเดินหน้าหงิกมาตลอดทาง เพราะเสียงหัวเราะของฮาบีนี่แหละ
บอกเลยว่าโคตรเสียหน้า ในเมื่อตลอดมากูเปิดตัวด้วยความอบอุ่นในระดับยี่สิบห้าองศา ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิห้องที่มีความพอเหมาะพอดีและลงตัว
แต่ในตอนนี้ภาพลักษณ์ของกูมันป่นปี้หมดแล้วโว้ยยยย
“หัวเราะอีกที จะจับดูดปากตรงนี้เลย!” เกรี้ยวกราดครับ! เราต้องเอาความเกรี้ยวกราดเข้าข่ม เด็กมันจะได้ไม่เหลิง
“ถ้าพี่ไม่เข็ดก็เอาสิครับ” น่านนนนน! ฮาบีก็เป็นสังคมร้ายๆเหรอเนี่ย!
ใช่ซี้ ตอนนี้เราจะทำอะไรก็ต้องมีสติ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุพีค จนคุณพ่อปรี๊ดแตกก็เป็นได้
เออ! ตอนนี้ผมมันก็แค่คนปากดีนี่แหละวะ!
“ไม่ว่าพี่จะเป็นคนทะลึ่งหรือเป็นคนอบอุ่น
ผมก็ชอบทั้งนั้นนะ..”
ฮาบีเขาพูดหลังจากที่เขาปลดล็อคประตู พลางลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องเพียงเล็กน้อย
ทำเอาผมที่กำลังจะก้าวตามเข้าไปต้องหยุดชะงัก
“…”
“ชอบทุกอย่างที่เป็นโจวคยูฮยอน รู้ไหมครับ..” ฮาบีเขาดึงแขนผมที่กำลังยืนเหม่อลอยให้เดินลากกระเป๋าเข้ามาในห้อง
จากนั้นก็ประตูให้สนิทก่อนที่เสียงหวานๆจะกระซิบข้างๆใบหูให้ใจสั่นเล่นด้วยประโยคที่คล้ายๆกับการสารภาพรัก!
เขินดิ! อยู่ๆก็ถูกฮาบีรุกเฉยเลย!
“เขินเหรอครับ? อย่าเขินเลยนะ ผมน่ะอยากจูบกับพี่
เพราะเราไม่ได้จูบกันนานแล้ว”
เชี่ยยยยยย!
กูตายยยยย!
ทำยังไงดีวะ!
ถ้าเกิดกูจูบแล้วมันควบคุมไม่ได้
จะทำยังไงวะ พ่อก็ยังไม่หายโกรธ ครอบครัวก็มีปัญหา แต่อยากจูบก็อยาก
วันนี้มันวันอะไรของไอ้คยูฮยอนมันวะ!
อยากจะร้องไห้! กูจูบไม่จูบดีวะ แล้วทำไมกูต้องมาคิดแล้วคิดอีกด้วยวะ
สัส!
--------------------------------------------------------------------------------------
ไม่ได้อัพนานเลยเนอะ ช่วงนี้ยอมรับว่าตันมากค่ะ ไม่ค่อยมีแรงใจจะเขียนเลยจริงๆ แม้ว่าช่วงนี้จะมีเวลามากก็ตาม แต่ก็เขียนไม่ออกอยู่ดี เป็นมาสักพักนึงแล้ว ฮืออออ สำหรับตอนนี้เน้นที่ความน่าสงสารของคุณสจ๊วตเลยค่าาาา อนาถกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
กร๊ากกก ส่วนเรื่องความรู้ก็ได้นิดหน่อยอ่าเนอะ พยายามหาข้อมูลเท่าที่จะหาได้อย่างยากลำบาก เพราะข้อมูลมันมีน้อยเหลือเกิน ในส่วนนี้เลยทำให้เขียนไม่ค่อยออกด้วยมั้ง ไม่รู้ว่าจะอีกกี่ตอนจบ 555 ยังหาตอนจบที่ลงตัวไม่ได้เลย ร้องไห้
แกลลี่ (Galley) ครัวบนเครื่องบิน
Etihad 787 Galley cabinets
laban โยเกิร์ตน้ำ
[KyuMin Fic] Spe - เพ(ร)าะรัก ✈ 10