Mistake
[Special] Pearl Farm – Kyuhyun Part
(1)
หลายเดือนก่อนผลการตรวจหาเชื้อ HIV ด้วยวิธีที่สอง ทั้งของผมและของไอ้มิสเทคออกมาเป็นลบเหมือนอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
บอกตรงๆว่าผมโล่งใจจริงๆที่ผลการตรวจมันออกมาตรงกันทั้งสองวิธี อารมณ์ในตอนนั้น ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนมันก็สดใสไปหมด
เพราะความกดดันและความกังวลของผมที่กำลังหวาดกลัวว่าโอกาสพลิกผลันมันอาจเกิดขึ้นกับผมได้
แม้ว่าคุณหมอจะบอกกับผมว่ากรณีแบบนั้นมันมีเปอร์เซ็นต์น้อยมากก็ตาม แต่ลึกๆแล้วผมก็ยังกลัวและกังวลกับมันอยู่ดี
แต่ผมไม่สามารถแสดงออกแบบนั้น ได้นอกจากอาการดีใจเท่านั้น
ความหนักใจทั้งหมดเลยสะสมอยู่ที่ผมคนเดียว
เพราะสำหรับตัวผม ถ้าหากผมเป็นจริงๆ ผมคิดว่าผมคงแบกรับมันได้
แต่ผมกลัวไอ้มิสเทคมันจะติดจากผมมากกว่า ผมกลัวมันรับไม่ได้ ผมกลัวทุกคนจะรังเกียจมัน
ทั้งๆที่คนผิดคือผม แล้วผมก็กลัวว่าพ่อกับแม่และพี่อาราจะเสียใจและผิดหวังในตัวผมไปมากกว่านี้
เพราะผมทราบดีว่าลึกๆแล้วการกระทำของผมมันเป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะให้อภัยได้อย่างสนิทใจ
แต่ที่พวกเขายอมรับได้ มันเป็นเพราะการกระทำในปัจจุบันของผมมากกว่า..
เมื่ออดีตมันมีผลกับปัจจุบัน ผมก็ต้องกังวลและร้อนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา
..
ผมยอมรับว่าตอนเกิดเรื่องผมไม่มีสติ ผมร้อนใจ
ผมอยากได้คำตอบที่แน่ชัดว่าพ่อกับแม่ให้อภัยผมได้ แม้ว่าการกระทำของผมในอดีต มันมีความเสี่ยงจนทำให้ใครสักคนโทรมาบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้
ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกท่านไม่สบายใจ
ผมเลยต้องยอมรับกับพวกท่านว่าผมเองก็ไม่แน่ใจ ผมถึงได้พาตัวเองกับซองมินไปตรวจ
และผลตรวจขั้นต้นมันก็ออกมาแล้วว่าผมไม่ได้เป็น ผมอยากเอาผลตรวจมาให้พวกท่านดู
แต่พวกท่านกลับบอกว่าไม่จำเป็น ใจของผมในตอนนั้นมันรู้สึกวูบโหวงไปหมด คล้ายกับเสียสูญไปแล้ว
ผมก็เลยพยายามจะยัดเหยียดให้พวกท่านรอคอยผลตรวจจากผม
เพราะผมจะกลับไปเอาผลตรวจจากไอ้มิสเทค ผมบอกกับพวกท่านว่าผมจะรีบไปรีบกลับ
แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความพยายามของผม
ท่านบอกท่านขอเวลา
แต่สำหรับผมแล้ว เวลาของท่านที่ขอไว้ ผมไม่อาจให้ได้
เพราะผมร้อนใจเกินกว่าจะรอคอยเวลาที่ดีพร้อมของพ่อกับแม่ ในเมื่อใจของผมมันยังเป็นกังวลอยู่ว่า
ผลตรวจข้างต้นของผม หากมันเกิดการพลิกผลันขึ้นมา ผมจะทำอย่างไร
ในเมื่อขั้นต้นพ่อกับแม่ยังเสียใจจนไม่อยากจะรับฟังเรื่องราวใดๆจากผม แล้วถ้าหากเรื่องราวเกิดมันแย่ลงกว่านี้
ผมจะอยู่ยังไง ..
ผมที่ในตอนนี้แคร์ทุกคนรอบข้าง
ไม่อาจแบกรับความรู้สึกแบบนั้นได้ ผมจึงยิ่งโวยวาย พวกท่านก็เลยหยุดผมด้วยคำพูดและการกระทำที่รุนแรง
จนทำให้ผมเหมือนกับหัวใจสลาย เพราะผมกลับไปทำแบบนั้นไม่ได้ ในเมื่อผมแคร์ทุกคน
แล้วผมจะกลับไปทำตัวเหมือนไม่เคยสนใจคำพูดของพวกท่านได้อย่างไร ..
วินาทีนั้นที่ผมขับรถออกจากบ้านของตัวเอง
ผมเจ็บ ผมเสียใจ ผมกังวล ผมกลัว ผมเคว้งคว้างไม่เหลือใคร
เพราะแม้แต่พี่อาราที่เคยปกป้องผมทุกครั้ง ก็ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย มันเลยยิ่งทำให้ทุกอย่างเหมือนพังลงกับตา
ผมมีแต่ไอ้มิสเทคที่อยู่เคียงข้างผม แต่ว่าผมก็ยังรู้สึกไม่พอใจ เพราะผมอยากมีครอบครัวคอยอยู่เคียงข้างผมด้วย …
ผมเกลียดความเป็นเด็กของตัวเองในตอนนั้น
ผมเกลียดที่ผมใช้ชีวิตอิสระจนเกินไป ผมเกลียดที่ตัวเองเห็นชอบว่าชีวิตในตอนนั้นมันคุ้มค่าแล้ว
ทั้งๆที่มันไม่ใช่เลย ..
และในตอนนี้ทุกอย่างที่ผมเคยเห็นดีเห็นชอบ
มันก็ย้อนกลับมาทำลายภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของผมจนหมดสิ้น ..
แต่เหนือสิ่งอื่นใด
ผมเกลียดเจ้าของนามบัตรใบนั้นที่ตกอยู่ตรงหน้าบ้านของผม ผมจึงลองโทรไปตามเบอร์ที่แนบมากับนามบัตร
ซึ่งคนที่รับสายคือเซอึน ไม่ใช่ ‘คิมซังมี’ ตามที่ระบุเอาไว้ในนามบัตรใบนั้น
แค่นี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญที่มีคนมาบอกไอ้มิสเทค
..
ความกังวล
ความกดดันที่ผมได้รับมานานหลายวัน เกิดขึ้นเพียงเพราะ ‘เซอึน’ ซึ่งตัวแปรที่ทำให้เธอต้องทำแบบนี้ ก็ไม่พ้น ‘ซองมิน’
เพราะเธอไม่อยากเสียมันไป และยิ่งเธอต้องเสียมันให้ผมที่เคยเป็นคนทำร้ายเธอด้วยความรักจอมปลอม
เธอก็ยิ่งยอมไม่ได้ มันเหมือนกับว่าความเจ็บปวดจากสิ่งที่ผมทำไว้ กำลังเหยียบย่ำความสุขที่เธอหวงแหนมาตลอด
เธอเลยจนตรอกจนถึงกับต้องทำลายชีวิตผมให้พังลงไปกับเธอด้วย ไม่สิ
เธอน่าจะกำลังทำให้ผมเสียไอ้มิสเทครวมถึงทุกคนรอบตัวผมไป
แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ มันใช่ความผิดของผมทั้งหมดเลยเหรอ ? ผมว่ามันไม่ยุติธรรมนักถ้าหากเธอจะโทษผมทุกอย่าง จริงอยู่ว่าผมอาจเป็นต้นเหตุ
แต่คนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตคือตัวเซอึนเองไม่ใช่เหรอ
แล้วความผิดจะเป็นของผมทั้งหมดได้อย่างไร ในเมื่อผมผิดแค่เรื่องที่ผมหลอกให้รัก
แล้วจากนั้นผมก็ทิ้ง ..
มันอาจฟังดูไม่ดีนัก
แต่ผมผิดแค่นี้จริงๆ
พอมาถึงบ้านไอ้มิสเทคผมก็เข้าไปหาเรื่องเธอในทันที
เพราะมันไม่ความจำเป็นอะไรที่จะต้องรักษาน้ำใจกันแล้ว ในเมื่อเธอทำกับผมถึงขนาดนี้
ถ้าหากผมไม่ได้เอาคืน ผมคงทนไม่ได้ และจากคำพูดของเธอก็ไม่ผิดไปจากที่ผมคิดนัก แต่สิ่งที่ผมอึ้งคือคำด่าทอของเธอที่บอกว่าผม
‘สำส่อน’
ใช่อดีตผมดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
พอได้คิดย้อนกลับไปแล้ว ผมก็พูดอะไรไม่ออก จากที่โกรธแค้นจะเป็นจะตาย
ผมกลับสงบนิ่งด้วยความเสียใจ เมื่อภาพที่พ่อกับแม่มองเห็นก็คงไม่ต่างจากภาพที่เซอึนมองเห็น
ความเจ็บปวดของผมในตอนนั้นมันประเมินค่าไม่ได้เลยว่าต้องเจ็บอีกมากแค่ไหน ถึงจะสาสมกับสิ่งที่ผมทำไปโดยขาดการยั้งคิด
..
แต่โชคยังดีที่ผมไม่สติหลุดฟูมฟายไปมากกว่านี้ ..
ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่มีโอกาสได้รับการให้อภัยอย่างแท้จริงจากพ่อกับแม่แน่ๆ
พวกท่านบอกผมว่า เพราะมันคือเรื่องของอดีต
พวกท่านจึงไม่โกรธ ไม่เกลียดผม หรือเรียกง่ายๆว่าท่านรู้สึกแบบนั้นไม่ลง
เพราะพวกท่านรักผมเกินกว่าจะไม่ให้อภัยผมได้
แต่ที่พวกท่านไม่ยอมฟังเรื่องราวในตอนนั้น มันเป็นเหตุเดียวกับที่มิสเทคบอกผมจริงๆ
ว่าพวกท่านต้องการเวลาที่จะทำใจ เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ
แถมยังรู้มาจากคนอื่น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหวังดีหรือไม่
และท่านเองก็ไม่คิดว่าผมจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น
ความเสียใจของพวกท่านก็เลยหนักหนาไปสักหน่อย แต่พอเวลามันทำให้ทุกอย่างเริ่มเย็นลง
พวกท่านจึงสามารถเปิดอกคุยกับผมได้ ..
สำหรับผลตรวจที่พวกท่านไม่ยอมดู และบอกว่ามันไม่จำเป็น มันเป็นเพราะพวกท่านเชื่อคำพูดของผมที่บอกว่าผมไม่ได้เป็น
ฉะนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพึ่งผลตรวจพวกนั้น พ่อสอนผมว่า
หลังจากนี้ผมควรใช้ชีวิตอย่างมีสติ เพราะเราไม่รู้ว่าผลเสียมันจะตามมาเมื่อไหร่
ฉะนั้นวันนี้ถ้าเราทำให้ดีได้ เราก็ควรจะทำให้ดีที่สุด และควรเลือกสิ่งที่เราคิดว่ามันที่สุดให้ตัวเองด้วย
..
ผมก็เลยบอกพ่อกับแม่ของผมว่า
ผมได้เลือกแล้วว่าซองมินคือสิ่งที่ดีที่สุด
และการทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจก็คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมเหมือนกัน รวมถึงหน้าที่การงานที่ผมสามารถช่วยเหลือพี่อาราได้
ผมก็พร้อมที่จะทำมันให้ดีที่สุด ..
วันนั้นผมก็เลยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวอีกครั้ง
..
จากนั้นผมก็ไปบอกกับพี่สาวของผมว่าผมพร้อมจะมาลงหลักปักฐานทำฟาร์มหอยมุกตามคำบัญชาของเธอแล้ว
ผมก็เลยถูกเตะโด่งมาอยู่ที่เกาะฮงโด ใกล้ๆกับท่าเรือมกโพเพียงลำพัง เพราะเนื่องจากว่าไอ้มิสเทคมันยังต้องเรียนรู้และเตรียมตัวอีกมากกับแผนกของมัน
คาดว่าปลายเดือนหน้ามันคงจะได้ออกหน้างานอย่างจริงๆจังๆสักที
ซึ่งมันก็เลือกที่จะมาคุมสาขาแถวทางตอนใต้จริงๆ
ผมหาที่พักให้ไอ้มิสเทคได้แล้ว อยู่ในตัวเมืองตรงจุดศูนย์กลางของการท่องเที่ยวนี่แหละ
รอแค่มันลงมาทำสัญญา แค่นั้นมันก็จะมีที่ซุกหัวนอนหลังจากที่ต้องเหนื่อยจากการทำงานมาหลายชั่วโมง
แต่ช่วงวันหยุดผมขอมันแล้วว่าให้มันนั่งรถมาลงที่ท่าเรือมกโพ แล้วผมจะเป็นคนไปรับมันมาที่เกาะด้วยตัวเอง
…
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
ผมแม่งก็ไม่ชินกับคำว่า ‘นายหัว’ สักที คือปกติกูเคยแต่โดนเรียก .. ไอ้เชี่ยคยู ไอ้สัส ไอ้ปัญญาอ่อน ไอ้บ้า และอื่นๆอีกมากมายที่กูแม่งไม่รู้จะจำไปทำไม
เพราะแม่งมีแต่คำด่าล้วนๆ พอมาโดนเรียกอย่างยกย่อง กูเลยรู้สึกไม่ชินหู แต่ก็ใช่ว่ากูจะไม่ชอบนะ
กูชอบของกู ไม่งั้นกูจะยืดอกยิ้มหน้าบานทำเชี่ยอะไร ..
ช่วงนี้ผมงานเยอะมาก
เพราะผมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับหอยมุกอีกหลายอย่าง ดีที่ผมได้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในเรื่องนี้
ไม่อย่างนั้นผมต้องแย่แน่ๆ ผมเลยให้คุณคิมแรวอนเป็นมือขวาของผม แต่เอาเข้าจริงผมว่าพี่เขาเหมือนเป็นตัวหลักแทนผมอย่างไรอย่างนั้น
..
การทำฟาร์มมุกมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เพราะมันต้องใช้ทั้งความเชี่ยวชาญและเวลา
ซึ่งผมไม่เห็นด้วยที่พี่อาราจะผลิตมุกเพื่อทำผลิตภัณฑ์ของเราเอง
เนื่องจากการเพาะเลี้ยงหอยมุกมันต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้มุกแต่ละเม็ดมาครอบครอง
ซึ่งนโยบายของพี่อาราไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของมุกเลย
ซึ่งผมก็บอกไปแล้วว่ามันไม่คุ้มถ้าหากจะทำแค่นี้ แต่ด้วยความรั้น
พี่ผมจึงยกเลิกหน้าที่อบรมพนักงานของผม เพื่อให้ผมมุ่งหน้าพัฒนาฟาร์มมุกให้มันสอดคล้องกับนโยบายของพี่ให้ได้
..
เวลาพี่กูเอาแต่ใจเนี่ย กูแม่งได้งานใหญ่ งานโตทันที …
ในเกาหลีการทำฟาร์มมุกยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
และก็ไม่ยิ่งใหญ่จนถึงกับทำเป็นอุตสาหกรรมส่งออกได้เหมือนอย่างประเทศอื่นที่เขาทำกันมาเป็นสิบยี่สิบปี
แต่ของผมโชคดีหน่อยที่คุณคิมแรวอนเคยเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานผู้มีความชำนาญในเรื่องการเพาะเลี้ยงหอยมุกจากประเทศไทย
ผมจึงวางใจได้เปราะหนึ่งว่าผมจะไม่ทำให้งานของพี่ผมพังจนเสียหายเป็นจำนวนเงินหลายล้านวอน
..
เกาะฮงโดเป็นเกาะที่เงียบสงบและระดับน้ำก็คงที่
จึงเหมาะกับการเพาะเลี้ยงหอยมุกเป็นอย่างมาก เนื่องจากหอยมุกเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยเคลื่อนย้ายไปไหน
ประมาณว่าเกิดที่ไหนแม่งก็จะโตที่นั่นเลย อีกทั้งระบบนิเวศน์ก็อุดมสมบูรณ์สงบ ไร้คลื่นลม
เกาะแห่งนี้ก็เลยเหมาะกับการจะสร้างอุตสาหกรรมฟาร์มมุกในอนาคต ..
ผมและคนงานในส่วนอื่นๆ ถูกย้ายชื่อออกมาอยู่อีกบริษัทหนึ่งที่จะทำเกี่ยวกับเครื่องประดับในอนาคต
มันคือแพลนอันยิ่งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ถ้าหากเราประสบความสำเร็จกับการเพาะเลี้ยงหอยมุก แต่ถ้าไม่ประสบความสำเร็จพี่อาราก็บอกว่าไม่เป็นไร
เราสามารถพัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นโรงแรมแทนได้ แต่จะดีมากถ้าผมสามารถพาฟาร์มมุกของพี่ให้ไปรอด
เราจะได้ลดต้นทุนและได้มุกที่มีคุณภาพตามที่เราต้องการ ..
นั่น พี่สาวกูพูดจามัดมือชกกูไปอีก …
“เมื่อวานเราไปดูการคัดเลือกหอยที่งมหามาจากธรรมชาติแล้ว
วันนี้ผมจะพาคุณคยูฮยอนไปดูกระชังพักฟื้นนะครับ ..”
ผมพยักหน้าและลุกออกจากโต๊ะทำงาน
เพื่อเตรียมพร้อมต่อการเรียนรู้งานจากคุณคิมแรวอนที่เป็นถึงมือขวาของผม
ซึ่งผมได้ตัวเขามาร่วมงานด้วยเพราะพี่อารา ..
จากที่ผมสัมผัสได้
ผมรู้สึกว่าสองคนนี้จะอะไรยังไงกันอยู่ ผมรู้สึกแบบนั้น เพราะคงไม่มีใครยอมถอนตัวออกจากฟาร์มเก่าที่มีความก้าวหน้ามากกว่า
เพื่อมาทำงานให้กับฟาร์มใหม่ที่ยังไม่รู้ทิศทางการก้าวเดินแบบนี้หรอก ..
เรื่องนี้แม่งไม่ธรรมดา
กูสัมผัสได้..
ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องทำงานกลางทะเล
ลมเย็นๆกลิ่นไอทะเลก็ปะทะเข้ากับใบหน้า คุณคิมแรวอนเดินนำผมไปทางซ้ายมือของสะพานที่เชื่อมโยงกับห้องทำงานของผมไปจนถึงกระชังพักฟื้นหอยมุกที่ผ่านการคัดเลือกและทำการผ่าตัดนำสิ่งแปลกปลอมที่จะทำให้หอยเกิดการระคายเคืองจนกลายมาเป็นไข่มุกที่เราต้องการเรียบร้อยแล้ว
ฝั่งซ้ายสองแถวแรกของกระชังเป็นหอยมุกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่คนงานผู้เชี่ยวชาญคัดเลือกไว้
ส่วนแถวถัดมาคือหอยมุกที่ได้รับการผ่าตัดจนเรียบร้อยแล้ว ส่วนฝั่งขวาจะเป็นโรงผ่าตัดเพื่อฝังนิวเคลียส
และปลายทางสุดลูกหูลูกตานั่นคือโรงเรือนคัดแยกหอยมุกที่เราหามาได้จากธรรมชาติ ..
และสำหรับหอยมุกที่มีความพร้อมต่อการผลิตไข่มุกให้กับทางบริษัทของเราแล้ว
คนงานก็จะเอาแขวนไว้กับทุ่นลอยน้ำที่ไกลออกไปจากบริเวณพักฟื้น
บางส่วนจะใส่ไว้ในตระกร้า บางส่วนจะไม่ใส่ตระกร้า คุณคิมแรวอนบอกว่า
แบบที่ใส่ในตระกร้าจะทำให้หอยได้รับสารอาหารน้อย แต่ว่าจะปลอดภัยจากศัตรูหอย
ส่วนแบบแขวนเพียวๆ หอยจะได้สารอาหารมาก แต่ศัตรูหอยอย่างเช่น เพรียง สาหร่าย ก็จะมากเช่นกัน
เลยต้องมีการนำหอยขึ้นมาทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้ง เพราะศัตรูหอยจะมีผลต่อการผลิตไข่มุก
“ไข่มุกที่เหมาะกับการทำเครื่องประดับ
จำพวกต่างหู คือไข่มุกชนิดมาเบ จะได้จากหอยจำพวก หอยมุกจาน หอยมุกขอบดำ
หอยมุกกัลปังหา ซึ่งทางแถบนี้จะหายากหน่อยครับ ผลผลิตมันจะได้มุกแบบครึ่งวงกลม
หรือบางทีก็อาจจะได้มุกแบบรูปหัวใจ และหยดน้ำ ..กระชังด้านขวามือสามสี่แถวนั่นคือที่พักฟื้นของหอยมุกชนิดนี้
ส่วนทุ่นลอยน้ำก็จะอยู่ทางฝั่งขวามือครับ ซ้ายมือคือหอยมุกอโกย่า”
“ผมทราบมาว่ามันเป็นไข่มุกที่ประสบความสำเร็จมากในแถบญี่ปุ่น”
ผมบอกความรู้ที่ผมพอจะทราบจากการค้นคว้าด้วยตัวเองในเชิงถาม
ซึ่งคุณคิมแรวอนก็พยักหน้าบ่งบอกว่าที่ผมเข้าใจนั้นถูกต้อง ..
“ครับ .. แต่มันแปลกตรงที่หอยมุกที่จะให้ไข่มุกชนิดนี้พบมากในแถบบ้านเรา
.. ไม่แน่นะครับ
ต่อไปเราอาจจะประสบความสำเร็จเป็นม้ามืดก็ได้ใครจะรู้ ..”
“ถ้าเป็นแบบนั้น
ผมจะให้พี่สาวผมขึ้นเงินเดือนให้คุณสิบเท่า เอาให้มากกว่าเงินเดือนผมเลย ..”
ผมกับคุณคิมแรวอนหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อจบบทสนทนาอันไร้สาระ ..
“ไม่ไหวมั้งครับคุณคยูฮยอน ผมเป็นแค่ลูกจ้างนะครับ ..”
“แน่ใจเหรอครับ
ผมว่าผมอ่านคุณออกนะ ..” ผมตอบ พลางเดินดูคนงานกำลังนำหอยมุกที่ทำการพักฟื้นจนได้ที่ขึ้นมาทำความสะอาดและร้อยใส่เชือกที่คล้องไว้กับทุ่นลอยน้ำ
เพื่อนำลงไปปล่อยไว้ตรงมุมเพาะเลี้ยง ดังนั้นผมจึงต้องหลบหลีกให้ดี
เพราะพื้นที่ตรงนี้มันแคบ
“สำหรับหอยมุกชนิดนี้เราจะฝังนิวเคลียสที่ทำจากเปลือกหอยน้ำจืดแทนนะครับ
ไม่ได้ใช้พลาสติกครึ่งซีกแบบมุกมาเบ ..” คุณคิมแรวอนเงียบไป
คล้ายกับสตั้นในสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไป จนกระทั่งผมเริ่มเป็นการเป็นงานอีกครั้ง
คุณคิมแรวอนจึงเริ่มต้นอธิบายความรู้เบื้องต้นให้ผมทราบ
“เพรียงนี่มันเยอะจริงๆนะ ..”
ผมบ่นพลางใช้แปรงทำความสะอาดหอยในกระชังไปพร้อมๆกับคนงานและคุณคิมแรวอน
“มีหอยที่ไหน
ก็มีเพรียงที่นั่นแหละครับนายหัว ..” ผมยิ้มให้คนงานที่ปกครองกันในระบบครอบครัว
แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดต่อไป ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้คือชีวิตที่ผมใฝ่หามาตลอด
ถึงงานที่ผมกำลังทำจะเป็นงานที่ยาก แต่ผมก็พอใจกับมัน
ติดก็ตรงที่สิ่งอำนวยความสะดวกมันไม่ได้มากมายเหมือนกับอยู่ในเมือง
คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่มี อินเตอร์เน็ตก็ด้วย
ผมก็เลยไม่ค่อยจะรับรู้ข่าวสารอะไรมากเท่าไหร่
ผมจะมีตัวตนก็ต่อเมื่อผมเข้าไปในเมืองนั่นแหละ ..
ซึ่งด้วยข้อจำกัดตรงนี้ มันเลยทำให้ผมติดต่อกับไอ้มิสเทคไม่ได้
แม่งโคตรทรมานเลย ผมคิดถึงมันจะตายอยู่แล้ว ปกติจะต้องมีมันให้นอนกอด จะต้องได้ยินเสียงของมัน
จะต้องคอยกวนตีนมันบ่อยๆ แต่นี่ผมทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ถ้าหากเจอหน้ากันอีกครั้ง
ผมกลัวผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ..
มันเป็นอะไรที่ทรมานและฝึกความอดทน ว่าเรามั่นคงต่อกันแค่ไหนจริงๆนะ ..
“ผมจะเข้าเมืองวันศุกร์นี้ คุณคยูฮยอนจะฝากอะไรถึงท่านประธานหรือเปล่าครับ
?”
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผมสงสัยในตัวมือขวาคนนี้นี่แหละ
“ฝากบอกว่าผมสบายดีและกำลังพยายามทำตามคำบัญชาอย่างเต็มที่แล้วกันครับ”
ผมตอบพลางกลั้วหัวเราะ ซึ่งคุณคิมแรวอนก็ทำมือโอเค
บอกตรงๆถ้าพี่เขยผมจะเป็นคุณคิมแรวอนจริงๆ ผมก็โอเคนะ เขาเป็นคนดี ไม่เจ้าชู้
แถมยังเป็นที่พึ่งให้พี่ผมในเรื่องงานได้ด้วย แต่เรื่องส่วนตัวก็คงต้องดูกันอีกที ..
ตกเย็นผมก็กลับมาที่ห้องทำงาน เพื่อจัดการเรื่องบัญชีค่าใช้จ่ายสำหรับการเพาะพันธุ์หอยมุก
และการอยู่กินของคนงาน ของผมและคุณคิมแรวอนด้วย
คาดว่ามะรืนนี้ผมคงต้องเข้าเมืองเพื่อไปกดเงินมาเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินแล้วล่ะ
เพราะว่าค่าใช้จ่ายของการทำฟาร์มหอยมันก็มากมายอยู่ แล้วไหนจะค่ากินอีก
ถึงจะอยู่กลางทะเลแต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ต้องใช้เงินนะเว้ยเฮ้ย ..
“นายหัวกินข้าวกันเถอะครับ ผมตกปลามาได้ตัวเบ้อเริ่มเลย”
ผมเงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชี พลางส่งยิ้มและพยักหน้าให้กับลุงแชควางมุน เพื่อบอกกลายๆว่าเดี๋ยวผมจะไปร่วมวงด้วย
เมื่อคุณลุงได้คำตอบรับจากผมแล้ว คุณลุงก็เดินจากไป
ห้องทำงานของผมก็เลยสงบเงียบอีกครั้ง ..
ผมทานมื้อเย็นพร้อมกับคนอื่นกว่ายี่สิบชีวิตด้วยความเอร็ดอร่อย
ทั้งๆที่มันเป็นแค่ปลาเผาธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้อร่อยขนาดนี้ อาจเป็นเพราะที่นี่หาอะไรเหมือนอย่างในเมืองกินยาก
ผมก็เลยค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ล่ะมั้ง ..
อีกทั้งโรงอาหารริมทะเลสำหรับผมกับคนงาน ก็ยังสามารถนั่งดูพระอาทิตย์ตกและสัมผัสกับผืนทรายสีขาวสะอาดได้
ไม่ต้องคาดเดาก็รู้เลยว่าคนเมืองจะต้องอิจฉากับการใช้ชีวิตของผมกับคนงานเหล่านี้แน่
เพราะมันเป็นบรรยากาศที่หาดูได้ยาก แถมชีวิตยังไม่วุ่นวายอีกต่างหาก ..
“ขอบคุณนะครับ ..”
ผมก้มหัวขอบคุณลุงแชควางมุนอยู่สองสามทีอย่างนอบน้อม
จากนั้นผมก็แยกตัวกลับมาที่บ้านพักที่อยู่ทางขวามือของโรงอาหาร
ส่วนซ้ายมือจะเป็นบ้านพักของคนงานที่พี่อาราจัดเตรียมเอาไว้ เรียกได้ว่าทำงานกับบริษัทของเรา
ชาวประมงพวกนี้ได้รับสวัสดิการเหมือนอย่างพวกบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเลยล่ะ ..
ผมเดินหลับตามาตามผืนทรายได้อย่างแม่นยำ
เพราะเส้นทางกลับบ้านของผมเป็นเส้นทางที่ผมเคยชิน ดังนั้นผมไม่มีทางเดินไปชนโน่นชนนี่แน่ๆ
“เหงาโว้ย …”
ผมบ่นออกมาเมื่อเดินมาจนถึงหน้าประตูบ้าน พร้อมกับตั้งท่าจะเปิดประตูบ้านสีขาวริมทะเลที่ถูกออกแบบโดยพี่สาวคนสวยของผม
“….” ผมอึ้งกับภาพตรงหน้า
พร้อมกับขยี้ตาอยู่หลายครั้ง เพราะผมกลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตา
แต่ไม่ว่าจะขยี้เท่าไหร่ ผมก็ยังมองเห็นมันยืนอยู่ตรงหน้าของผม ..
“มึง .. มาได้ยังไง … ทำไมคุยกันครั้งล่าสุดมึงไม่บอกกูว่าจะมา
กูจะได้ไปรับ ..” ผมถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
และบอกตามตรงว่าผมตื่นเต้นมากจริงๆ
“กูจ้างให้ชาวบ้านตรงท่าเรือมกโพเขามาส่งที่นี่
.. กูก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเร็วกว่ากำหนด .. กูก็เลยไม่ทันได้บอกมึง
… กูคิดถึง .. ทำไมมันคิดถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้
กูทนมาได้ยังไงตั้งสามเดือน ..”
ไอ้มิสเทคมันเดินเข้ามาสวมกันผม พลางเอาใบหน้าแนบกับอกผม
“เอ่อ .. ตัวกูเหม็นเหงื่อแล้วคาวด้วย
มึงปล่อยกูเถอะ ..” ผมผลักมันออก แม้ว่าผมอยากจะกอดมันแค่ไหน
แต่ผมก็ไม่อยากทำ เพราะตัวผมมีแต่กลิ่นคาว แถมยังเหม็นเหงื่ออีกต่างหาก ..
“ทำไมนายหัวรังเกียจคนเมืองแบบกูเหรอ ?”
ไอ้มิสเทคมันมองหน้าหาเรื่อง ซึ่งเป็นท่าทางที่กวนตีนในสายตาของกูมาก …
“รังเกียจเชี่ยไร กูอยากจูบมึงจะแย่แล้ว แม่งกูไปอาบน้ำก่อน ..” ผมบอกอย่างหมดความอดทน
แล้วก็หันไปปิดประตูบ้านและตั้งท่าจะเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อย
แต่ผมก็ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ เมื่อไอ้มิสเทคมันคว้าตัวผมเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม
ซึ่งผมถึงกับสตั้นไปเลย แต่สุดท้ายผมก็จูบตอบมันกลับไปอย่างดูดดื่มเช่นกัน ..
สมองของผมมันขาวโพลนไปหมด เพราะรสสัมผัสที่ผมคิดถึง
แต่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสมาเป็นเวลานาน พอได้มาสัมผัสมันสมใจหวัง หัวใจกลับเต้นรัว
คล้ายกับเด็กน้อยริรักอย่างไรอย่างนั้น …
“ก็ไม่เห็นจะเหม็นเลย นายหัวมึงอย่าเยอะ ..” ไอ้มิสเทคมันผลักผมออกห่างจากตัวของมัน
เมื่อผมเอาแต่จูบมันจนไม่รู้จักคำว่า ‘พอ’ จากนั้นมันก็ต่อว่าผมด้วยริมฝีปากแดงๆของมัน
พร้อมด้วยใบหน้าแดงเรื่อที่มองยังไงก็ดูน่ารัก เห็นแล้วก็ยิ่งใจเต้นเพราะความคิดถึงมันคับอก
..
“ไม่รังเกียจกูจริงอ่ะ พูดแบบนี้ กูกอดมึงจนเป็นลมตายทำไงวะ..” ผมคว้ามันเข้ามากอดแน่นๆ พร้อมกับหอมหัวทุยๆของมันด้วยความรักใคร่
และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ตบะแตกเพราะมันได้
…
“คิดถึงมึงว่ะ มิสเทค .. ต่อให้กูพูดสักกี่ครั้ง
ความคิดถึงมันก็ยังจุกอกกูอยู่ดี ..” ผมกระซิบชิดริมหูพลางพรมจูบใบหูเล็กนั่นเพียงเบาๆ
“ม..มึงก็ไม่ต้องพูดสิ .. บอกด้วยการกระทำก็ได้ ..” ไอ้มิสเทคมันบอกผม
คล้ายกับพูดเป็นนัยน์ๆยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งกูคิดเยอะนะเว้ย แถมยังคิดเรื่องลามกูบอกเลย
..
“กูคิดลึกนะมึง ลามกด้วย ..”
ผมบอกขณะที่ฝ่ามือของผมก็เริ่มจะอยู่ไม่สุกแล้ว
“มึงอย่าลืมที่หมอแนะนำแล้วกัน …”
ห๊ะ! มิสเทค
คือมึงหมายความว่า … มึงอนุญาตเหรอวะ?
ไอ้เชี่ยเอ้ยยย
กูห่างหายจากเรื่องแบบนี้มานาน กูเลยสตั้นขึ้นมาซะงั้น อ่อนชิบ!
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
ยังไม่ได้ตรวจคำผิดน้า
หมดจากดราม่าเบาๆก็มาหวานๆกันบนเกาะบ้าง
จะพยายามเขียนสอดแทรกความรู้นิดๆไปด้วยเนอะ อาจจะสี่ตอนจบสเปและปิดเรื่อง
หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ยังไม่แน่ใจ คึคึคึ นายหัวเพี้ยนพอมาอยู่เกาะดูโตขึ้นเยอะ
แถมพอเจอมิสเทคก็ควบคุมตัวเองได้ด้วย ควรปรบมือให้นายหัวเพี้ยน
[Fic KyuMin Special] Pearl Farm – Kyuhyun Part (1)