เพาะรัก
✈
27✈
หลายวันมานี้คนรักของผมจำต้องง่วนอยู่กับการตระเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นขอวีซ่าให้กับผมที่เพิ่งจะเดินทางไปยังสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นครั้งแรก และนอกจากนี้ พี่เขาบอกกับผมอีกว่าการจะเดินทางไปยังรัฐ UAE จะต้องมีการขอวีซ่าและสปอนเซอร์ด้วย ซึ่งสปอนเซอร์ในที่นี้ก็คือผู้ที่ให้ที่พักหรือโรงแรมกับเรา
หรืออาจจะเป็นสายการบินที่เราใช้บริการก็ได้
แต่ในกรณีของผมสปอนเซอร์ที่พี่เขาเลือกใช้ก็คือสายการบิน Emirates Airline เหตุผลที่พี่เขาเลือกใช้บริการของสายการบินนี้
มันเป็นเพราะว่าขั้นตอนในการขอวีซ่าไม่ยุ่งยากมากนัก เพราะทางสายการบินจะเป็นคนเดินเรื่องให้ทั้งหมด..
เพราะว่าอีกไม่นานผลวีซ่าของผมก็จะออกแล้ว
ผมจึงอาศัยจังหวะนี้ เดินทางกลับไปยังบ้านที่ผมไม่เคยคิดจะกลับไป เพื่อหวังจะกล่าวคำอำลาเพียงลำพัง
โดยที่ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ ผมได้บอกกับพี่เขาไว้แล้วว่า
ผมขอไปบอกลาพวกเขาแค่เพียงครู่เดียว พร้อมกับสัญญาว่าผมจะไม่ปรากฏตัวให้พวกเขาเห็น
และจะไม่เพิ่มบาดแผลให้กับตัวเองด้วย พี่เขาถึงจำยอมปล่อยผมเดินทางมาที่นี่คนเดียว..
บ้านเล็กๆ ที่ล้อมรอบไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ยังคงอบอุ่นในความรู้สึกของผมเสมอ
แต่หากก้าวเดินเข้าไปยังด้านใน ความรู้สึกของคุณจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เพราะภายในบ้านหลังนี้มันมีแต่ความว้าเหว่..
“ผม.. ขอโทษ.. นะครับ…” ผมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังพูดคำๆ นี้ตรงหน้าคุณพ่อ คุณแม่
และพี่จองซู
“…”
“พี่จองซู.. ผมจะนึกถึงพี่เสมอ..” น้ำตาของผมหยดลงมาจนได้ ผมจึงต้องรีบเช็ดมันออกให้หมด
เพราะผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ผมจะต้องกลับไปเป็นอีซองมินที่โจวคยูฮยอนรู้จักให้ได้
“…”
ผมยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน
แต่เมื่อโสตประสาทได้ยินเสียงเครื่องยนต์กำลังขับเคลื่อนเข้ามาในเขตหมู่บ้าน
ผมก็รีบหันไปมองยังทิศทางดังกล่าว จนกระทั่งมองเห็นว่ารถคันนั้นกำลังมุ่งตรงมาเรื่อยๆ
ผมจึงรีบวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ตรงข้างๆ กำแพงบ้าน จากนั้นผมก็ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดูผู้มาเยือนอย่างระมัดระวัง
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นใบหน้าของคุณพ่อ..
ก่อนที่ผมจะกลับไปที่หอ
ผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อมื้อเย็นไปฝากทั้งสองคนที่ป่านนี้คงจะพากันคลุกตัวอยู่ห้องใครห้องมัน
เพราะเนื่องจากทั้งสองคนยังไม่สนิทสนมกันมากนัก
“กูซื้อส้มมาฝากมึงด้วยนะ”
ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องและอีฮยอกแจมันก็หันหน้ามามองทางต้นเสียง
ผมก็รีบชูส้มถุงใหญ่ให้มันดูอย่างเอาใจ
“ผิดคาดแหะ
กูนึกว่ามึงจะรีบไปหาคนข้างห้องก่อนมาหากู..” อีฮยอกแจมันยิ้มล้อ
พลางแบมือขอถุงส้มด้วยสายตาเป็นประกาย
“กูก็ผิดคาดเหมือนกันที่มึงไม่ได้อยู่คนเดียว.. สวัสดีครับคุณซีวอน..” ผมโต้กลับอย่างเสมอภาค
จากนั้นก็หันไปทักทายคุณซีวอนที่กำลังเดินออกมาจากห้องครัว
“สวัสดีครับ ซื้อมาซะเยอะแยะเลย..”
คุณซีวอนเดินเข้ามาหาผมพลางแบ่งข้าวของที่ผมซื้อมาไปถือไว้เอง
จากนั้นคุณซีวอนก็หยิบส้มโยนไปให้กับอีฮยอกแจที่ยังคงนั่งเดี้ยงๆอยู่บนเตียง
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะมาเยี่ยมมัน
ผมเลยไม่ได้ซื้อมื้อเย็นมาฝาก ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ..”
ผมบอกพลางสาละวนจัดเตรียมข้าวของต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง
“ไม่เป็นไรครับ
เดี๋ยวผมไปหาอะไรกินกับไอ้จงฮยอนก็ได้.. โอ้ย!” คุณซีวอนตอบผมพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ผมก็เลยยิ้มตามเขาไปด้วย
แต่แล้วเมื่อชื่อของใครบางคนหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาคู่นั้น รอยยิ้มของผมก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มฝืนๆในทันที
อีฮยอกแจมันก็เลยปาส้มใส่หัวคุณซีวอน
“ผม..เอ่อ..” คุณซีวอนได้แต่อ้ำอึ้ง
“เขาสบายดีไหมครับ ?” ผมถามพลางยกยิ้มบางๆ
“เขาไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่หรอกครับ
เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะดูเหมือนเขาจะถลำลึกไปมากกว่าที่ใครจะคิด..” คุณซีวอนตอบอย่างชัดเจน
ทำเอาผมเผลอเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกผิด
“…”
“คุณสบายใจได้
ผมไม่ปล่อยให้เพื่อนผมมันทำอะไรบ้าๆ หรอก”
ดูเหมือนคุณซีวอนจะกำลังปลอบใจผมอยู่เลยนะ ผมก็เลยต้องยกยิ้มให้เขาทั้งๆ ที่ผมเกือบจะยิ้มไม่ออกแล้ว
“เลิกพูดๆ
มึงรีบเอามื้อเย็นไปให้พี่เขาสิ ป่านนี้น่าจะหิวแย่แล้ว..” ฮยอกแจมันพูดขัดขึ้นมา
ผมก็เลยได้โอกาสปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์นั้นได้
ก๊อก ก๊อก
“อยู่ห้องหรือเปล่าครับ ?” เมื่อเคาะประตูอยู่นาน
แต่คนข้างห้องก็ยังไม่ยอมเปิดให้ผมสักที
ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปหาลูกเรือของสายการบินอาหรับเสียเลย
“…”
“อยู่ข้างล่างเหรอครับ.. เดี๋ยวผมลงไปหานะ..”
ผมบอกพี่เขาแล้วจากนั้นก็รีบกดวางสายและถอยห่างจากประตูไม้ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
แผลของผมไม่ตึงเหมือนช่วงแรกๆแล้ว ผมจึงสามารถวิ่งลงบันไดได้อย่างคล่องแคล่ว
แต่แล้วจังหวะการก้าวขาของผมก็เริ่มช้าลง เมื่อสายตาของผมมองไปเห็นคุณจงฮยอนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ภายในสวนไม่ใกล้ไม่ไกลจากคนรักของผมนัก..
“…” ผมกำลังยืนลังเลว่าจะเข้าไปหาพี่เขาดีไหม
เพราะผมไม่อยากไปสร้างบาดแผลให้กับใครอีกคนที่เขาก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณนี้มากนัก
แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ไปซะแล้วเพราะว่าพี่เขาร้องเรียกพลางโบกมือให้ผมอย่างร่าเริง
“ทำอะไรครับ ?”
ทันทีที่ผมเดินเข้าไปใกล้ม้านั่งตัวเดิม
ลูกเรือของสายการบินอาหรับเขาก็จับผมให้ยืนหมุนตัวอยู่นาน จนผมเริ่มจะมึนหัว
“สำรวจว่ามีแผลมาเพิ่มหรือเปล่า..” พี่เขาหยุดหมุนตัวผม
แล้วก็เงยหน้าตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งความโล่งใจที่บาดแผลของผมไม่มีเพิ่มเติมไปจากเดิม
“ก็เราสัญญากันไว้แล้วนี่ครับ..” ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย
พร้อมกับย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมรักษาสัญญาได้ดีมากแค่ไหน
“นั่นสิเนอะ..” พี่เขาพยักหน้าพลางหันไปหยิบอะไรบางอย่างยื่นมาตรงหน้าผม
“นมเหรอครับ ?” ผมรับขวดดังกล่าวมา
พลางพลิกดูอย่างสนอกสนใจราวกับว่าผมอ่านภาษาอาหรับออกอย่างนั้นล่ะ
“นมอูฐรสอันทผาลัมน่ะ”
พี่เขาตอบพลางยกยิ้ม ขณะที่มือข้างหนึ่งก็วางพาดเอาไว้บนพนักเก้าอี้
และขาข้างหนึ่งก็วางพาดไว้เหนือหัวเข่า
“ทำไมกลิ่นมันแย่จังครับ ?”
ผมถามทันทีที่เปิดฝาแล้วกลิ่นอันไม่พึงประสงค์มันโชยมาแตะจมูก
“ไม่เสียหรอก มันมีประโยชน์นะฮาบี
คุณต้องดื่ม..”
พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมต้องกลั้นลมหายใจและยกขวดขึ้นดื่ม
พรวดดดด!
“แค่กๆ”
ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสรสชาติของนมอูฐขวดนั้น ผมก็รีบวิ่งไปพ่นมันทิ้งตรงข้างๆ พุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ น้ำๆ อันนี้ไม่แกล้งแล้ว..”
พี่เขาเดินเข้ามาลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน
หากแต่เสียงหัวเราะของเจ้าตัวกลับตรงกันข้ามสิ้นดี
“เล่นอะไรครับ ?” ผมทำหน้าบึ้ง
พลางมองจ้องอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง
“พี่ก็แค่อยากรู้ว่าไอ้นมนี่มันรสชาติเหมาะจะให้คนที่เราเกลียดอย่างเดียวจริงๆ
เหรอ แต่จากที่ลองพิสูจน์ดูแล้ว เหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นนะ เพราะว่าไอ้นมนี่ มันก็เหมาะจะให้คนที่เรารักด้วยเหมือนกัน..”
พี่เขาพูดขณะที่กำลังยืนมองผมดูดน้ำเปล่าอย่างไม่ลืมหูลืมตา..
“…”
“เพราะเวลาที่เขากำลังโดนเราแกล้ง.. ดูน่ารักดี..”
ลูกเรือของสายการบินอาหรับเขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผมในระยะประชิด
จึงทำให้ผมได้ยินถ้อยคำหยอกเอินนั่นอย่างชัดเจน กระทั่งพี่เขาพูดทุกอย่างจนพอใจแล้ว
เรียวคิ้วหนาข้างหนึ่งก็ยกขึ้นคล้ายกับจะกลั่นแกล้งให้ผมเก้อเขินไปมากกว่าเดิม..
“เริ่มหิวแล้วล่ะ ขึ้นห้องกันเถอะ..”
พี่เขาฉวยถุงกล่องข้าวที่ผมซื้อ ไปถือเอาไว้เอง
จากนั้นร่างสูงแสนดูดีก็เดินนำผมเข้าไปด้านใน
จึงทำให้ผมได้สติว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันอยู่ในสายตาของใครบางคนที่กำลังมองมาที่ผมอย่างเจ็บปวด
ผมจึงได้แต่เดินก้าวยาวๆ และก้มหน้าเข้าไปในตัวหอพักทั้งๆ
ที่ใจมันรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้..
ตึ้ง!
“ไอ้เชี่ยยยยยยย!”
หลังจากเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นอันคุ้นเคยดังขึ้น
ร่างสูงของลูกเรือจากสายการบินอาหรับที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงด้วยสภาพที่เส้นผมยังคงไม่แห้งหมาด
ก็รีบตะโกนออกมาด้วยคำสบถพร้อมกับแสดงสีหน้าราวกับฆ่าใครได้ก็จะฆ่ามันให้หมด!
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ?”
ผมที่เพิ่งกลับมาจากการไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเองรีบถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
“ดูมัน!”
พี่เขาหันหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมดู
จึงทำให้ผมเห็นภาพของจิ้งจอกทะเลทรายตัวหนึ่งกำลังถูกใครสักคนดึงมุมปากให้ยืดขึ้นเป็นรอยยิ้ม
และเมื่อผมเลื่อนสายตาลงมาอีกนิดจึงเห็นว่าเจ้าของมือใหญ่คู่นั้นเป็นของคุณอิมราน
A.Imran : @GaemGyu ลูกมึงนี่อารมณ์ดีเนอะ
ยิ้มทั้งวัน
“แม่ง! รังแกลูกกูอีกแล้ว ไอ้ห่า!” พอพี่เขาเห็นว่าผมเข้าใจความเป็นมาเป็นไปเรียบร้อยแล้ว
เขาก็รีบดึงโทรศัพท์หันเข้าหาตัวพร้อมกับตั้งอกตั้งใจพิมพ์ข้อความอย่างมุ่งมั่นจนผมถึงกับส่ายหัว
จากนั้นผมก็เดินไปยังราวตากผ้าตรงหน้าห้องน้ำเพื่อไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผมให้ลูกเรือของสายการบินอาหรับที่ในตอนนี้กำลังสติแตกอย่างถึงที่สุด
“เชี่ยยยยย! มีเช็ดผมให้กันด้วย~” ผมถึงกับชะงักในทันที เมื่อทราบแล้วว่าลูกเรือของสายการบินอาหรับเขาไม่ได้โต้ตอบกับเพื่อนรักผ่านทางข้อความอย่างที่เข้าใจ
เพราะในตอนนี้เขาเปลี่ยนมาวีดิโอคอลหากันแล้ว และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ
คุณอิมรามเขาสบถออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดของเราอีกด้วย..
“เบด.. ไอ้อิมรานมันเลี้ยงเราดีไหม ? หื้อ
มันรังแกเราด้วยใช่หรือเปล่า ทำไมไม่กัดมันแบบที่พ่อสอนล่ะฮึ ?” ขณะที่ผมกำลังทำตัวไม่ถูก
ลูกเรือของสายการบินอาหรับก็นั่งคุยกับลูกจิ้งจอกทะเลทรายในปกครองของตนเองด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเสียจนผมเผลอลอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งงัน
ขณะที่หัวใจมันก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เพราะท่าทางของพี่เขาเวลาที่กำลังคุยกับเบดมันอ่อนโยนมากจริงๆ
อีกทั้งน้ำเสียงที่พี่เขาพูดกับเบดก็ยังเป็นน้ำเสียงทุ้มนุ่มคนละโทนกับผมด้วย..
“ลูกมึงเป็นเด็กดีจะตาย
อยู่กับกูแม่งยิ้มทั้งวัน ฮ่าๆ” คุณอิมรานอุ้มเจ้าเบดไปอยู่ในการครอบครองอีกครั้ง
จากนั้นก็เริ่มยืดมุมปากเจ้าจิ้งจอกน้อยให้วาดเป็นรอยยิ้มอีกหน
“พอเลยไอ้สัส!”
พี่เขาต่อว่าอีกฝ่ายอย่างเหลืออด เห็นอย่างนั้นผมเลยทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่เขาบ้าง
“อาการดีขึ้นแล้วนี่เราน่ะ..”
พอใบหน้าของผมเข้ามาอยู่ในระยะกรอบสายตา คุณอิมรานก็ปล่อยเจ้าเบดให้เข้ามาเดินวนเวียนอยู่ตรงหน้าจอโทรศัพท์และหันมาสนใจผมในทันที
“ครับ..”
ผมยกยิ้มและเริ่มนั่งเงียบข้างๆ ลูกเรืออาหรับอีกครั้ง
จากนั้นผมก็เริ่มสังเกตใบหน้าของคุณอิมรานอย่างละเอียดเพราะเขาไม่ใช่คนเอเชียเหมือนอย่างเรา
จึงทำให้โครงหน้าของเขาดูคมเข้มอีกทั้งนัยน์ตายังดูโฉบเฉี่ยวราวกับนกเหยี่ยว
ซึ่งหน้าตาแบบนี้คาดได้เลยว่าสาวๆ คงจะพากันหลงใหลใจละลายกันเป็นทิวแถว
“เออว่าแต่วันนี้มึงไม่ทำงานเหรอวะ?” พี่เขาถาม
“กูบินพรุ่งนี้ว่ะ ยาวไปๆ แล้วมึงอ่ะ
จะกลับเมื่อไหร่ แล้วลูกมึงนี่จะเอายังไง ?” คุณอิมรานถามกลับ
“มะรืนนี้ มึงเอาลูกกูไปฝากไว้กับพี่อาราแล้วกัน
เออ.. กูจะเอาซองมินไปอยู่ด้วยนะ
ทีนี้เวลาพ่อไม่อยู่ เบดก็คงไม่เหงาแล้วล่ะเนอะ”
พี่เขาพูดกับเพื่อนรักและลูกรักของเขาไปพร้อมๆ กัน ทำเอาผมอดที่จะเก้อเขินไม่ได้
เพราะเนื่องจากเรื่องที่ผมจะไปอยู่กับอีกฝ่าย ในกลุ่มของพี่เขายังไม่มีใครทราบเลยสักคน
“เหยดดดดดดด ข่าวใหญ่ครับข่าวใหญ่!” คุณอิมรานวางสายไปแล้ว
แถมยังจากไปพร้อมกับประโยคน่าหวั่นกลัวนั่นด้วย
คาดว่าอีกไม่นานเรื่องที่ผมจะไปอยู่กับเพื่อนของเขา
คงได้กระจายจนครบกลุ่มแน่!
แล้วแบบนี้ IG ของผมจะยังสงบอยู่อีกไหม ?
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
เปิดตัวคุณอิมรานแล้ว คึคึ
ต่อจากนี้จะไม่มีเรื่องเครียดแล้วค่ะ ให้ฮาบีได้พักจิตใจบ้างเนอะ
ได้เขียนซีนทะเลทรายเมื่อไหร่จะพยายามเขียนให้ยาวกว่านี้นะ อิอิ หลังจากนี้จะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่รวมถึงครอบครัวของคุณลูกเรือกันบ้าง
แย้มๆไปแล้วว่ามีการจับดูตัวเนอะ แต่คุณลูกเรือก็หนีมาได้ตลอด
ตอนหน้าไปเจอน้องเบดและพี่สาวของคุณลูกเรือกัน!
อิมเมจคุณอิมรานค่ะ จริงๆเป็นคนปากีสถานนะคะ แต่ในเรื่องเป็นคน UAE
นมอูฐรสอินทผารัมที่เขาว่ากันว่า รสชาติอยู่ในระดับที่เกลียดใครให้ซื้อเป็นของฝาก 555
ขอบคุณรูปจากคุณ bongtao
[KyuMin Fic] เพาะรัก ✈ 27