วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
            

http://cdnimg.visualizeus.com/thumbs/38/b2/flowers,bokeh-38b2d1aaa64f6901680593f13e11f31e_h.jpg 


[Special] Hope – Sungjin Part
 

“ซองจินโว้ย โทรศัพท์มึงสั่นจนโต๊ะกูจะพังแล้ว” จงจินส่งเสียงดังลั่นเข้ามาถึงในห้องน้ำภายในห้องนอนของมันเลยทีเดียว ไม่รู้ไอ้นี่มันจะทำตัวโหวกเหวกโวยวายไปไหน เวลาอยู่กับคนแปลกหน้านี่สงบปากสงบคำดีมาก แต่เวลามันอยู่กับผมทีไร มันโคตรจะดื้อเลย
“ใครโทรมาวะ ?” ผมนวดศีรษะด้วยยาสระผมไปด้วย พลางตะโกนถามมันกลับไปด้วย

“พี่เขยมึงอ่าดิ โทรเร่งมึงยิกๆเลยเนี่ย!” เสียงของจงจินดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหน้าประตูห้องน้ำมากนัก
“ไอ้สัส! กูบอกไม่ให้เรียกพี่มันแบบนั้นไง” ผมเปิดประตูออกไปด่าจงจิน พลางสะบัดน้ำและฟองยาสระผมใส่มันด้วย เท่านั้นล่ะ มันก็ส่งเสียงโวยวายพลางทุบประตูใส่ผมใหญ่

“โทรมาไมวะพี่ ?” หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็โทรหาพี่มันในเวลาเกือบจะเที่ยงคืน ขณะที่ผมก็เหลือบมองไอ้จงจินที่กำลังนั่งหน้าตูมเพราะโดนผมแกล้งไปเมื่อครู่ ..
ไอ้นี่มันตลกดี โกรธใครก็เห็นจะโกรธได้ไม่นานหรอก เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องเหนื่อยไปง้อมันเลย..

“อ้าว! นี่พี่มึงไปเข้าค่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ก็กูไม่รู้นี่หว่า กูเลยมานอนค้างห้องไอ้จงจิน .. เออๆ กูรู้แล้วล่ะน่า นั่นบ้านกู ยังไงกูก็ต้องกลับ พี่มึงไม่ต้องมาบอกกูก็ได้ .. ทำไม ? กลัวพี่ชายกูหนีออกจากบ้านหรือไงถึงมาพูดกล่อมให้กูไปนอนเฝ้าให้เนี่ย .. โธ่! ดีซะอีก กูจะได้อาศัยเวลานี้ให้พี่ชายกูมองเห็นเส้นทางสว่างในชีวิตซะที หลังจากที่หลงผิดกับพี่มึงมานาน ..”อันที่จริงผมพูดจากวนตีนพี่มันไปงั้นเองแหละ พี่มันคงเป็นห่วงซองมิน ไม่งั้นคงไม่โทรมาแย๊บๆให้ผมกลับไปนอนบ้านแบบนี้หรอก
ผมชอบพี่มันก็ตรงนี้ คือมันเป็นห่วงซองมินดี พอมีมันเข้ามา ผมก็หายห่วงไปเยอะ ..

ผมรับปากพี่มันตัดรำคาญ แล้วพอวางสายจากพี่มัน ผมก็ลองโทรหาซองมินดู ปรากฏว่าฝ่ายนั้นปิดเครื่อง สงสัยว่าคงจะหลับปุ๋ยไปแล้ว พี่ชายของผมน่ะเด็กอนามัยจะตาย ขึ้นนอนเร็วทุกวันเลย ..
ผมไม่ได้คิดเอะใจอะไร จึงมานั่งทำรายงานของตัวเองกับจงจินต่อ เพราะรายงานชิ้นนี้ต้องส่งอาจารย์ในวันพรุ่งนี้แล้ว ….

ตอนเช้าผมแวะเข้าบ้านตามที่พี่มันพูดกล่อมเอาไว้ จึงทำให้ผมเห็นว่าเช้าวันนี้ที่บ้านของผมมีแขกรับเชิญเสียด้วย ผมตั้งท่าจะเดินลงจากรถเพื่อเข้าไปในบ้าน แต่ว่าจงจินห้ามเอาไว้ก่อน เพราะมันกลัวว่าผมจะก่อเรื่องขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ ผมก็เลยต้องถอยรถมาจอดแอบอยู่ตรงมุมๆหนึ่งที่ไม่เป็นที่สังเกตมากนัก จากนั้นผมก็นั่งมองสถานการณ์อยู่ห่างๆ
 ผมนั่งรออย่างใจเย็นจนไอ้มินโฮมันเดินออกมาจากบ้านของผม ท่าทางของมันดูมีความสุขมาก แต่ผมกลับไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่ที่มันแอบดอดมาหาพี่ชายของผมทั้งๆที่ตอนนี้มันก็ตกลงคบหากับแทมินไปแล้ว

เห็นอย่างนี้ผมก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าพี่มันโทรเร่งผมทำไมนัก ทั้งๆที่ร้อยวันพันปีพี่มันไม่เคยจะสนใจเลยว่าผมจะอยู่บ้านหรือไม่ เพราะปกติพี่มันก็แทบจะสาปส่งให้ผมมาอยู่กับจงจินแทบทุกวัน .
แสดงว่าพี่มันคงเห็นความผิดปกติในช่วงที่พี่มันไม่อยู่จากใครสักคนก็ได้มั้ง พี่มันเลยจะใช้ผมเป็นเกาะป้องกันไม่ให้เรื่องมันเลยเถิด ..
.
“ไม่คิดว่าจะมาเจอมึงที่นี่เลยนะ ..” ผมลงจากรถ และเดินไปดักหน้าไอ้มินโฮ
“แปลกตรงไหนวะ ?” มันถามผมกลับ

“แปลกตรงที่มึงเดินออกมาจากบ้านของกูไง ..
“ซองมินไม่ค่อยสบาย มึงก็ดูแลเขาหน่อยแล้วกัน กลับมานอนบ้านของตัวเองบ้าง ..” มันตอบผมด้วยท่าทีสบายๆ

“กูกลับแน่ .. เพราะกูไม่อยากรบกวนให้ใครมาดูแลพี่ชายของกูหรอก .. มันดูไม่น่าไว้ใจน่ะ ..
“พูดงี้ไอ้พี่คยูมันเสียใจตายเลย”

“เรื่องของกูกับพี่มันก็ส่วนนึง คำพูดในตอนนี้ของกูก็อีกส่วนนึง .. มึงจะทำอะไรก็นึกถึงแฟนมึงหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด ..  ตัดใจให้เด็ดขาดเถอะ ถึงจะยากแต่มึงก็ต้องพยายาม.. กูขอแนะนำมึงด้วยความหวังดี ..” ผมตบไหล่มันสองสามที แล้วก็เตรียมจะผละออกห่าง
“ซองจิน .. ถ้ากูกับพี่มึงชอบกันล่ะ มึงจะว่ายังไง ?” มันรั้งผมด้วยคำถามที่ฟังดูแล้วน่าขำ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ซองมินน่ะหายใจเข้าก็พี่คยู หายใจออกก็พี่คยู มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่มินโฮมันจะมาแทนพี่คยูของอีซองมินได้ ..

“ไม่รู้สิ แค่เรื่องสมมุติ กูขี้เกียจจะคิดว่ะ” ผมหันไปตอบมัน แล้วก็ตั้งท่าจะเดินกลับมาที่รถ
“หึ .. หวงพี่ยังไงก็หวงอย่างนั้นเลยนะมึง .. ไม่รู้ไอ้พี่คยูมันฝ่าด่านหินอย่างมึงไปได้ยังไง ..

….
“กูกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่า เดี๋ยวเจอกันที่ห้องเรียนเว้ย” ผมยืนนิ่งประมวลผลในคำพูดของมันอยู่นานหลายนาที กว่าที่ผมจะเข้าใจว่าประโยคที่มันพูดกำลังสื่อได้ว่า เมื่อคืนมันไม่ได้กลับบ้าน

“เมื่อคืนมึงค้างบ้านกูเหรอ?” ผมเดินไปกระชากแขนมันมาถาม
“เออ .. พอดีเพื่อนซองมินมันรู้จักกับกู เลยมาขอให้กูพามาบ้านมึง .. ทีนี้พี่มึงป่วยพวกกูก็เลยอยู่ดูแล”

“อืม .. แล้วนี่เพื่อนมึงไปไหนซะล่ะ ?
“กลับไปก่อนหน้ากูนี่เอง .. เดี๋ยวเจอกันเว้ย กูต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านกูอีก”

ผมไม่ได้ติดใจอะไรกับคำพูดของมันนะ เพราะผมก็พอจะรู้มาบ้างว่ามันมีเพื่อนต่างคณะที่บังเอิญเพื่อนของเพื่อนมันดันเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายของผมด้วย ผมคิดว่ามันพูดจริงไม่ได้โกหก เพราะน้ำเสียงของมันพอจะฟังออกว่าพูดความจริงแค่ไหน

“พี่มึงมีญาณทิพย์เหรอวะ .. เออ .. กูเจอ .. ไอ้มินโฮมันก็แค่มาดูพี่กูเพราะเพื่อนมันเป็นเพื่อนสนิทกับพี่กูแค่นั้นเอง ..” หลังจากขึ้นมาบนรถ ผมก็โทรหาพี่มัน ก่อนที่พี่มันจะอกแตกตายไปเสียก่อน
“รูปอะไร ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ ว่ารูปที่พี่มันพูดถึงมันคือรูปอะไร พี่มันถึงได้ดูสับสนในชีวิตขนาดนี้

หลังจากที่ผมวางสาย พี่มันก็ส่งรูปที่ว่ามาให้ผมดู รูปนั้นเป็นรูปของซองมินที่กำลังหลับปุ๋ยด้วยใบหน้าซีดๆขณะที่ลำคอของซองมินนั้นสวมสร้อยรูปโน้ตเพลงเอาไว้
แล้วไงวะ นี่พี่มันเป็นบ้าอะไรถึงได้ส่งรูปสร้อยที่พี่มันให้ซองมินมาให้กูดูเนี่ย
ว่างมากหรือไงวะ ถึงได้มากวนตีนกูเนี่ย!

ผมโทรไปด่าพี่มันทันที จึงได้รู้เรื่องที่มันทำเอาผมก็อึ้งไปเหมือนกัน พี่มันบอกว่าสร้อยเส้นนี้ไม่ใช่ของพี่มัน และผมเองก็มั่นใจว่าสร้อยเส้นนี้ไม่ใช่ของซองมินด้วยเหมือนกัน แต่ข้อมูลพวกนี้ยังไม่สำคัญเท่าความเข้าใจผิดของพี่มันนี่แหละ เพราะไอ้ข้อความเวรนั่น ดันส่งเข้ามาตอนหลังตีหนึ่งแล้วนี่สิ พี่มันเลยสติแตก
ผมก็เลยพูดมั่วๆไปว่าสร้อยเส้นนั้นซองมินอาจจะซื้อมาเองก็ได้ คือผมกะจะพูดไม่ให้พี่มันคิดมากน่ะแหละ แต่ทีนี้พี่มันดันรู้แกวว่าผมพูดไปเพื่อให้พี่มันสบายใจ
แถมก่อนจะวางพี่มันยังทิ้งระเบิดเอาไว้ให้ผมพลอยไม่สบายใจไปด้วยอีก..
พี่มันบอกว่า พี่มันรู้ว่าเจ้าของสร้อยเป็นใคร ..

พอส่งงานเก่าเสร็จ อาจารย์ก็มอบหมายงานใหม่ให้ทันที ซ้ำยังต้องรีบส่งภายในวันนี้อีกต่างหาก โชคดีที่มันเป็นงานกลุ่ม แถมยังกำหนดคนพอดีกับกลุ่มของเราด้วย เลยไม่ต้องปวดหัวเรื่องการแบ่งกลุ่มเหมือนเพื่อนคนอื่น..
พักกลางวันผมกับมินโฮและจงจินแยกกับแทมินและฮยอกแจไปทานข้าว เพราะอีกฝ่ายมีนัดกับเพื่อนต่างคณะ พวกผมที่เหลืออยู่สามคนเลยแวะทานกันที่โรงอาหารของคณะ แล้วก็พากันกลับไปเอาโน้ตบุ้คที่หอเพื่อมาปักหลักทำงานกันที่ห้องสมุด

“เฮ้ย แทมินโทรเรียกให้ไปรับว่ะ เดี๋ยวกูมา ..” พอมินโฮมันบอกในเชิงขออนุญาต ผมก็หยักหน้ารับคำมันไป จากนั้นผมก็ยกโน้ตบุ้คของตัวเองให้จงจินมันมาช่วยกันหาข้อมูล ส่วนผมจะย้ายมานั่งหาข้อมูลจากเครื่องของไอ้มินโฮแทน
ซึ่งผมก็กดหางานของตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดจะไปยุ่งกับข้อมูลส่วนตัวของมันเลย แต่ความบังเอิญมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ที่สิ้นสุด เมื่อผมดันเผลอไปคลิกโฟลเดอร์หนึ่งบนหน้าจอเดสท็อปเข้า และเมื่อมันเด้งหน้าต่างโฟลเดอร์นั้นออกมา ผมก็ตั้งท่าจะกดปิด
แต่ภาพของสร้อยเส้นหนึ่งมันดันเรียกร้องให้ผมอย่าเพิ่งกดปิดหน้าต่างไปเสียก่อน ..

ผมดูจนหมั่นใจแล้วว่ามันคือสร้อยแบบเดียวกันกับที่พี่มันส่งมาให้ดู ผมจึงกดปิดภาพนั้นและคลิกดูข้อมูลอื่นๆก็พบกับแบบร่าง ราคา และชื่อร้านที่สั่งทำอย่างครบถ้วน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนั้น ..

พอมันกลับมา ผมก็ยังทำตัวตามปกติ เพราะผมไม่อยากให้มันรู้ตัวว่าผมรู้พฤติกรรมคิดไม่ซื่อของมันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าผมจะทำใจเย็นได้นานขนาดนี้
หลังจากส่งงานเสร็จ ผมก็แยกกับฮยอกแจ แทมินและมินโฮ ด้วยไม่มีอะไรจะทำและยังไม่อยากกลับบ้าน ผมจึงชวนจงจินไปหาอะไรทานกัน
ซึ่งร้านที่ผมกับจงจินไปทาน มันเปิดอยู่แถวๆคณะดุริยางคศาสตร์พอดี ..
ผมก็เลยเห็นรถของไอ้มินโฮมันขับผ่านหน้าของผมไป ..

ผมจึงบอกให้จงจินรีบกินให้เสร็จ เพราะผมจะรีบกลับบ้าน และเมื่อผมขับไปถึงบ้านของตัวเองผมก็เห็นซองมินเดินลงมาจากรถของไอ้มินโฮ
ผมรอจนซองมินเดินเข้าบ้าน ผมถึงออกรถขับตามหลังรถของไอ้มินโฮไป ผมโกรธมันมากที่มันทำตัวแบบนี้ เพราะนอกจากมันจะทำให้ไอ้พี่คยูสติแตกแล้ว มันยังทำให้แทมินอาจจะต้องเจ็บปวดกับการกระทำของมันด้วย ..

พลั่ก!

เมื่อมันจอดรถตรงหน้าบ้าน ผมก็รีบเบรกรถและลงมาต่อยหน้ามันทันที ผมหวังว่าหมัดของผมจะทำให้มันตื่นจากความมัวเมาในเรื่องรักๆใคร่ๆนี่เสียที ..
ความจริงมันเป็นเพื่อนที่ดีนะ แต่ว่าการยับยั้งชั่งใจไม่ได้ของมันกำลังทำลายมิตรภาพระหว่างผมกับมันและคนอื่นๆอยู่ ..

ผมเคยชื่นชมและเห็นใจที่มันยอมถอยห่างออกมา เมื่อมันรู้ว่าซองมินคบกับไอ้พี่คยูไปแล้ว มันพยายามที่จะตัดใจมากนะ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะยอมแพ้และหน้ามืดตามัวได้ขนาดนี้
ผมเข้าใจว่ามันรักของมันมาก แต่ว่ามันก็ต้องยอมรับความจริงสิ ..

“มึงได้สติหรือยัง! ได้สติมั้ย ห๊ะ!” ผมรัวหมัดใส่มันไม่ยั้ง พลางตะโกนใส่หน้ามันจนสุดเสียง ขนาดว่าจงจินเข้ามารั้งตัวผมให้ออกห่างจากไอ้มินโฮแล้ว ยังไม่ช่วยให้หมัดของผมออกห่างจากใบหน้าของมันเลย ..
มันไม่ตอบโต้ แต่กลับหลับตาให้ผมต่อยมันได้เต็มที่ ราวกับว่ามันก็รู้ตัวว่าสิ่งที่มันทำคือเรื่องที่ผิด
แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมมันถึงยังทำแบบนั้น ..
“แฮ่กๆ มึงทำแบบนี้ทำไม .. มึงกำลังทำให้เรื่องมันวุ่นวายนะเว้ย” หลังจากผมต่อยมันจนเหนื่อย ผมก็ล้มตัวลงนั่งกับพื้นถนนตรงหน้าบ้านของมัน
“กูพยายามแล้วซองจิน .. พยายามจนถึงที่สุดแล้ว ” มันเงยหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของมันขึ้นมามองผม แววตาของมันอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ..

“มึงดูสิ .. สร้อยของกูสวยมั้ย .. กูให้พี่มึงเก็บไว้ .. ที่สำคัญพี่มึงเก็บสร้อยของกูติดตัวไว้ตลอดเลยนะเว้ย” มันหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเปิดรูปเดียวกันกับที่ไอ้พี่คยูมันส่งมาให้ผมดู
“กู ยังมีหวังใช่มั้ยมึง ?” ผมพูดไม่ออก เพราะผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้ใครผิดกันแน่

“กูยังยืนยันคำเดิมว่ามึงควรตัดใจ” ผมพูดกับมันเป็นประโยคสุดท้ายจากนั้นผมกับจงจินก็ขึ้นมาบนรถ โดยที่จงจินอาสาจะขับรถให้ผม เพราะมือของผมเป็นแผล
จงจินมันพาผมมาส่งที่บ้าน โดยที่ผมให้มันขับรถของผมไปจอดไว้ที่คอนโดของมัน

พอผมเดินเข้ามาในบ้าน ซองมินก็ออกอาการตกใจมากเมื่อเห็นฝ่ามือของผมเปื้อนเลือด พี่ชายของผมประครองฝ่ามือของผมขึ้นมาจ้องมองอย่างห่วงใย แต่อารมณ์ของผมตอนนี้มันขุ่นมัวด้วยความไม่พอใจ ที่ส่วนนึงพี่ชายของผมเองก็เป็นชนวนก่อเหตุโดยไม่รู้ตัว
ผมจึงทำตัวเย็นชาใส่พี่ชายของตัวเอง ..

ตอนนี้บรรยากาศระหว่างผมกับมินโฮไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ ถึงเราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน หรือจะทำงานกลุ่มด้วยกันก็ตาม แต่เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันเลย มันไม่โกรธที่ผมต่อยมัน และผมก็ไม่คิดจะขอโทษมันด้วย ซึ่งมันก็ไม่ได้ทวงถามเอาความ เพราะมันก็รู้ตัวดีว่าผมทำแบบนั้นเพราะอะไร
ส่วนผมกับไอ้พี่คยูก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ดูเหมือนพี่มันจะหายไปจากวงโคจรของผมทันที และผมก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะหายไปจากวงโคจรของพี่ชายผมด้วยหรือเปล่า ..แต่สุดท้ายผมก็คิดผิด เมื่อตกเย็นพี่มันส่งข้อความมาให้ผมดูแลแฟนของมันด้วย เนื่องจากพี่มันได้ข่าวว่าผมจะไปกินดื่มกันที่บ้านของพวกพี่ฮีชอล
คาดว่าพี่มันคงจะเลิกคิดมากแล้ว มันถึงได้ติดต่อกลับมาหาผมได้ ..

ตกเย็นพอกลับมาเจอซองมิน ผมก็ยังทำตัวเย็นชาอยู่ ซึ่งซองมินเองก็คงน่าจะรู้ตัวอยู่บ้าง แต่คงไม่รู้หรอกว่าผมไม่พอใจเขาเรื่องอะไร แต่ผมก็กลั้นใจทำแบบนั้นได้ไม่นานหรอก เพราะผมรักพี่ชายของผมมากเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้นาน ..
ผมชวนซองมินไปบ้านพี่อีทึกด้วยกัน เพราะผมตั้งใจจะพาซองมินไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่ผมก็ดันลืมไปว่างานรวมญาติกันแบบนี้ ยังไงซะไอ้มินโฮมันก็ต้องมา

ผมคอยมองไอ้มินโฮอยู่ตลอด เพราะผมไม่ค่อยจะไว้ใจมันแล้ว ยิ่งมีโซจูและเหล้าที่พวกพี่เขาไปแอบหยิบมาจากตรงไหนก็ไม่รู้วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าด้วย ผมก็ยิ่งต้องควบคุมสติของตัวเองให้ได้
แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที พี่ฮีชอลมันก็เอาเหล้าให้ซองมินกินเข้าให้ ..

ผมก็เลยไล่ให้ซองมินไปนอนข้างบน เพราะอย่างน้อยมันก็น่าจะปลอดภัยกว่ามานั่งล่อตาล่อใจไอ้มินโฮมันแบบนี้ บอกตามตรง ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่ชายของตัวเองแปลกๆ ยิ่งรายนั้นดูท่าทางจะมีปัญหากับไอ้ตัวปัญหาที่มันเพิ่งจะมากวนตีนผมได้ ผมก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะดูท่าทางแล้วสองคนนั้นคงยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ..
ผมอุ้มซองมินที่แอบไปนอนน้ำตาซึมตรงหน้าโซฟาขึ้นไปนอนข้างบน โดยที่ผมเลือกจะใช้ห้องของพี่ฮีชอลเป็นที่พักพิงให้ซองมิน แทนการจับอีกฝ่ายไปขัดรวมกันกับฮยอกและแทมิน เพราะตอนนี้ห้องนั้นก็แทบจะเต็มแล้ว เนื่องจากไอ้พี่ซีวอนดันตามไปนอนเฝ้าแฟนของมันด้วย ..

หลังจากส่งพี่ชายตัวดีเข้านอน ผมก็ต้องกลับไปเก็บซากศพของไอ้จงจินที่เมาแล้วชอบอาละวาดด้านล่าง ซึ่งผมก็ไม่คิดเลยว่าระหว่างที่ผมกำลังสู้รบปรบมือกับคนเมา จะเป็นการเปิดโอกาสให้ไอ้มินโฮที่ก็เมาได้ที่แต่ยังพอมีสติอยู่บ้างได้มีโอกาสสร้างเรื่องให้มันวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
ทุกคนพากันตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของซองมิน และไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผมจะตกใจแค่ไหน จากทุกคนที่กำลังอยู่ในอาการมึนๆกรึ่มๆ ก็ถึงกับสร่างเมาแทบจะทันที
ฝ่ายสามคนที่เข้านอนไปก่อนใครเค้าเพื่อนก็รีบวิ่งออกมาจากห้องเช่นกัน ..

และเมื่อผมเปิดประตูห้องของพี่ฮีชอลออก ผมก็คล้ายกับคนล้มทั้งยืนเมื่อเห็นสภาพห้องที่มันกระจัดกระจายไปด้วยเสื้อผ้าที่ถูกถอดรั้งออกจากร่าง ผมตรงเข้าไปตั้นหน้าไอ้มินโฮอย่างแรงอยู่หลายที ในขณะที่ฮยอกแจก็เข้าไปดูซองมินที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
โดยที่คนอื่นๆไม่มีใครคิดจะเข้ามาห้ามผมเลยสักคน ..
แต่พอมันเริ่มจะมากไป พี่ฮีชอลจึงเข้ามาห้ามและบอกให้ผมไปส่งซองมินที่บ้าน ..

จากนั้นผมก็จมอยู่กับความเครียด เพราะซองมินไม่ยอมเปิดประตูให้ผม เรียกให้ทานข้าวก็ไม่ทาน ผมร้อนใจจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว ครั้นจะไปเอากุญแจสำรองมาเปิดก็พบว่าซองมินนั่นแหละเป็นคนเก็บไว้กับตัว ตอนนี้มันก็เลยไม่อาจช่วยให้ผมเปิดประตูเข้าไปภายในห้องของพี่ชายตัวเองได้
ผมคิดไม่ตกว่าผมควรจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่มันดีไหม ผมคิดกลัวไปต่างๆนาๆว่าพี่มันจะมองซองมินยังไง พี่มันจะเลิกรักซองมินไหม เพราะแม้แต่ผมเห็นสภาพแบบนั้น ผมยังทำใจไม่ได้เลยว่าพี่ชายของผมไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว
                สุดท้ายผมก็ตัดสินใจส่งข้อความบอกให้พี่มันโทรหาพี่ชายของผมหน่อย
                อย่างน้อยถ้าพี่มันโทรหา เรื่องมันก็น่าจะดีขึ้น ..

                แต่เรื่องมันก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อพี่มันเงียบหายไป ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งไอ้มินโฮมันมาหาซองมินถึงที่บ้าน ผมถึงได้เข้าใจว่าทำไมเรื่องมันถึงได้เลยเถิดไปขนาดนี้ ..
                ผมโกรธมันมาก หน้าก็ไม่อยากจะเห็น ผมจึงต่อยมันไม่ยั้ง เพราะมันบังอาจทำลายหัวใจของผมและทำลายหัวใจของพี่ชายผมด้วย
                มันจะรู้บ้างมั้ยว่าภาพเก่าๆมันตามมาหลอกหลอนผมทุกวัน จนผมนอนหลับตาไม่ลงก็เพราะมันทำให้ซองมินต้องเป็นแบบนี้
               
                ผมเครียดจนจงจิน ฮยอกแจ และแทมินออกอาการเป็นห่วง พวกนั้นมันจะผลัดกันโทรมาหาผม ถามอาการซองมินบ้าง แล้วก็ชวนผมคุยคลายเครียดบ้าง ..
                จนกระทั่งพี่มันกลับจากเข้าค่าย ผมถึงได้เบาใจลงได้บ้าง ..
                เพราะผมมั่นใจว่าพี่มันจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันดีขึ้นได้ ..

                ผมตะโกนเรียกไอ้พี่คยูให้มาคุยกับผม จนแม่ของพี่มันออกมา ท่านบอกว่าพี่มันไม่สบายเลยออกมาคุยกับผมไม่ได้ ผมก็เลยต้องทำใจเย็น รอเวลาให้พี่มันหายป่วยก่อน
                แต่แล้วผมก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆซองมินก็ตะโกนลั่นบ้าน ผมรีบวิ่งเข้าไปในบ้านและออกแรงพังประตูอยู่นาน แต่มันก็เปิดไม่ออก ผมแทบจะเป็นบ้าเพราะผมเป็นห่วงซองมิน ..

                “พี่มึงช่วยกูหน่อย” แต่พอผมหันไปเห็นพี่มันเดินเข้ามาใกล้กับหน้าห้องของซองมิน ผมก็บอกให้พี่มันช่วยกันพังประตู แต่ปรากฏว่ามันมีกุญแจสำรอง
                ให้ตายเถอะ คนในบ้านไม่มีกุญแจ แต่คนนอกบ้านดันมี
                ดีจริงๆเลยพี่กู ..

ผมปล่อยให้พี่มันดูแลคนของมัน โดยที่ผมก็ยืนมองอย่างห่วงๆ ผมไม่เข้าใจพี่มันเลย ทำไมมันถึงได้ทำตัวแปลกๆทั้งๆที่มันก็ห่วงซองมินขนาดนี้
พอมันดูอาการของคนของมันเสร็จ พี่มันก็หันมาฝากฝังให้ผมดูแลต่อ .. โดยที่มันก็เดินกลับบ้านของตัวเองไปเงียบๆ หน้าตาของพี่มันโทรมมาก ผมเห็นตามันแดงด้วย

ผมเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางเงียบหายของพี่มัน จนผมต้องทำตัวหน้าด้านออกไปตะโกนเรียกพี่มัน ขณะที่ผมปล่อยให้เพื่อนของซองมินคอยดูแลซองมินไปก่อน
ผมนึกโมโหที่พี่มันเอาแต่เงียบ และไม่คิดจะถามพี่ของผมสักคำว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ซึ่งท่าทางและอาการของพี่มันที่เป็นเอามากมายขนาดนี้ ก็ทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่ามันรู้เรื่องในคืนนั้นแล้ว ..

ผมกับพี่มันผลัดกันแลกหมัดคนละที ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะมันทำให้เราได้พูดได้คุยในมุมมองที่ต่างคนต่างก็อาจจะมองกันคนละด้าน ..
ผมก็แค่พูดในสิ่งที่จะทำให้พี่มันฉุกคิดขึ้นมาได้บ้าง ส่วนที่เหลือก็ต้องขึ้นอยู่กับพี่มัน ว่าจะปล่อยมือด้วยความน่ามืดตามัวหรือไม่ ..
ผมก็ทำหน้าที่ของน้องชายที่ดีได้แค่นี้
ในเมื่อพี่ชายของผมรักคนคนนี้ ผมก็ต้องทำทุกวิถีทางให้คนคนนี้เดินกลับไปหาพี่ชายของผมให้ได้ ..

“ไอ้น้องเวร! มึงกำลังส่งเสริมให้กูเป็นชู้เหรอวะ” พี่มันยิ้มกวนตีน เมื่อพี่มันพูดประโยคนี้ จึงทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าอีกไม่นานพี่ชายของผมคงจะได้คนคนนี้มาอยู่เคียงข้างเหมือนเดิมแน่ๆ
“ชู้พ่อง!” ผมด่าพี่มัน พลางขับไล่พี่มันออกจากเขตรั้วบ้านของตัวเองด้วยคำสรรเสริญอันถึงใจ

“เล่นเกินไปละมึง .. บอกพี่มึงให้รอกูอีกหน่อยแล้วกัน ไว้กูทำธุระเสร็จกูจะรีบกลับไปหาพี่มึงเอง” ไอ้พี่คยูมันยักคิ้วใส่ผม เมื่อพี่มันเริ่มคิดได้แล้วว่ามันควรจะปล่อยหรือจับยึดพี่ชายของผมเอาไว้กับตัวมัน ..
“เรื่องของพี่มึงดิ กูให้เวลาสี่อาทิตย์ พี่มึงจะเงียบหายตายจากไปไหนก็เรื่องของพี่มึงเถอะ ..

“ไอ้สันขวาน เดี๋ยวกูจะให้น้องแฟนผ่าหมาออกจากปากมึง!

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>

ตอนพิเศษอันนี้เหมือนเป็นบทสรุปของเหตุการณ์ที่ไม่สมบูรณ์ในเนื้อเรื่องหลัก มินโฮเองก็น่าสงสารตรงที่น้องแฟนดันให้ความหวังแบบไม่รู้ตัว จนทำให้ทำอะไรไปโดยไม่คิด ส่วนพี่โมเมเองก็รักมาก แต่ว่าเรื่องมันก็รุมเร้าจนสับสน แต่พอซองจินมาพูดเตือนสติ พี่โมเมก็เลิกเขว .. จนกลับมากวนตีนได้เหมือนเดิม 5555
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น