Mistake
Mistake 10
ผมไม่เคยรู้สึกอาลัยอาวรณ์ปูซานมากเท่านี้มาก่อน
แต่ทำไงได้ในเมื่อผมต้องกลับไปทำงาน หาเงินมากินมาใช้
ช่วงเช้าหลังจากเช็คเอ้าท์เสร็จ ผมก็ไปส่งไอ้มิสเทคที่อู่เพื่อเอารถ
จากนั้นผมกับมันก็ต่างคนต่างขับรถมุ่งหน้ากลับโซล
แต่ก่อนจะถึงโซลผมกับมันตกลงกันว่าเราจะแวะกินข้าวด้วยกัน
ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ..
“ไอ้เชี่ยยยยยยยย!” ผมกำลังปิดประตูห้อง โดยที่กระเป๋าเสื้อผ้าก็ผลุงผลังอยู่บนหลัง แต่ไม่รู้มีไอ้เชี่ยที่ไหนมันบุกรุกห้องของผม
แถมยังมาต้อนรับผมด้วยการถวายตีนอัดกูใส่ประตูแบบนี้อีก!
“มึงบอกจะลาถึงวันไหนนะ
..”
ไอ้ชางมินยังคงเอาฝ่าตีนยันหลังผมไว้กับบานประตูอยู่อย่างนั้น
“วันศุกร์กูจำได้ ..” ไอ้มินโฮ
ไอ้ตัวสาระแน …
“แล้วมึงหายหัวไปไหนมา
?” ไอ้ซีวอน ไอ้เวรตะไล มึงไม่ต้องมาเค้นเสียงถามกูเลย
หัวหน้ากูรึก็ไม่ใช่ แหม่ ขี้เสือกสุดๆ
“มึงลืมไปป่ะ
วันเสาร์มึงต้องทำงาน …” ทีนี้ถึงคราวไอ้จงฮยอนมันถามผมบ้าง
“กูไม่ได้ลืม ..”
ผมตอบเสียงดังฟังชัด เพราะผมไม่ได้ลืมจริงๆ แต่ผมตั้งใจจะชิ่งเพราะรู้ว่าพวกแม่งต้องไม่ยอมให้ผมลาต่อแน่ๆ
ผมเลยปิดเครื่องหนีพวกแม่งซะเลย
..
“ไอ้ห่า แบบนี้ต้องกระทืบ
มึงรู้มั้ยว่างานเข้าเยอะเชี่ยๆเลย ..” เดี๋ยวๆ
สามตัวแรกกูเข้าใจในอารมณ์ แต่ไอ้ตัวสุดท้าย มึงร่วมเอาตีนมายันกูทำเพื่อ อย่ามาเนียน
..
“ซีวอน ไอ้ห่า .. มึงนี่คนนอกสุดๆ
แต่เสือกยำตีนกูแรงสุด ..”
หลังจากที่ผมนอนตายให้มันพวกมันยำตีนตรงหน้าประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมก็ด่าไอ้ซีวอนที่เดินเข้าไปในครัว เพื่อรินน้ำมาจิบแก้เหนื่อย ..
สัสเอ้ย .. ยำตีนเจ้าของห้องแล้วยังเสือกมาแดกน้ำบ้านเขาอีก
…
หน้าด้านซะไม่มี!
“กูถามจริง มึงหายหัวไปไหนมา ? หายไปกับเด็กการตลาดของมึงหรือเปล่า
?” ไอ้ชางมินมันตั้งคำถามขึ้นมากลางปล้อง ทำเอาผมหยุดกึก
คล้ายกับคนมีชะงัดติดหลัง บอกตรงๆ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะบอกพวกมันจริงๆว่ะ
อารมณ์คือกูยังจีบไม่ติด ความรู้สึกมันยังไม่มีอะไรแน่นอน ขืนพวกมันรู้นะ
งานเข้ากูชัวร์ๆ เพราะพวกแม่งชอบเอาด้านเชี่ยๆของกูมาเล่าให้เด็กกูฟังตลอด …
ซึ่งตอนนั้นใครจะมองยังไงผมไม่สน ..
แต่ตอนนี้กูสน และสนมากๆด้วย …
“วันพุธป่ะวะที่มีแคมเปญแข่งเรือใบ .. รู้สึกว่าเด็กการตลาดที่ชื่อ
… อีซองมินก็อยู่ที่ปูซานเหมือนมึงนะ
.. ไม่ทราบว่าธุระของมึง ใช่งานเดียวกับอีซองมินหรือเปล่าวะ ?” ไอ้เชี่ย คำถามแม่งซัดเข้ากลางใจของกูเลย
“เกี่ยวอะไรกับซองมิน คุยกันยังไม่เคยเลย
..” ผมทำหน้าตาใสซื่อใส่พวกแม่ง
พลางขยับตัวแกล้งทำเนียนเพื่อถอยห่างจากสถานการณ์อันกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกทีละนิด ..
“พวกมึงเคยจูบกัน อย่าคิดว่ากูไม่รู้
..” ไอ้มินโฮมันสวนขึ้นมาทันที ทำเอากูหน้าร้อนเห่อไปหมด
“หน้าแดงแล้วเว้ยเฮ้ย .. หลังจากจำศีล
แม่งก็มีพัฒนาการขึ้นมาอีกขั้น ..” ไอ้ซีวอน ไอ้ห่านี่
มึงไม่ต้องมาปรบมือกวนส้นตีนใส่กูเลย ..
“ไหนกูขอสัมภาษณ์หน่อย..ตอนนี้พวกมึงถึงขั้นไหนกันแล้ววะ
” ไอ้จงฮยอนมันเสนอหน้าเข้ามาถามกูซะใกล้เลย
แล้วมึงคิดว่ากูจะบอกมึงมั้ย …
ห่าเอ้ย .. เห็นเงียบๆ
ไม่สนใจอะไร ที่แท้หูตาแม่งเป็นสัปปะรดเลย ..
ผมชักหน้าใส่พวกขี้เสือก
แล้วก็รีบเดินหนีเข้ามาในห้องนอน อารมณ์ตอนนี้กูเหมือนหนูติดจั่นสุดๆ
เดินวนไปวนมาจนเวียนหัว แต่ก็ยังคิดหาทางไล่พวกแม่งออกจากห้องไม่ได้ …
“เชี่ยเอ้ย .. ทำไมกูถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เลยวะ
.. อย่ารวนดิมึง ..”
ผมด่าตัวเองอย่างอารมณ์เสีย จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนมองเพดาน
สักพักก็หลับตาเพื่อหวังจะให้อาการรนๆของตัวเองมันสงบลงสักที ..
“มิสเทคมึงถึงบ้านยัง ?” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง
แล้วกดโทรหาไอ้มิสเทค ความหวังตอนนี้ของผมคือ
มันจะต้องเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะหยุดอาการรวนๆของผม ..
“นานละเหอะ ..”
“แล้วมึงนอนเหรอวะ
ทำไมฝั่งมึงแลเงียบๆ” ผมชวนมันคุย พลางอมยิ้มเล็กๆ
“คือกูไม่ได้อยู่ที่ผับป่ะวะ
มันก็ต้องเงียบดิ ..” ไอ้สัส! กูถามดีๆ เสือกตอบกวนตีนมาอีก …
“กวนตีนเนอะ ..”
ผมย้อนด้วยน้ำเสียงที่ก็กวนตีนไม่แพ้กัน
“เออ .. มึงก็ด้วย น้ำเสียงมึงลองดีมากไปป่ะ
..”
“โห .. ใครจะกล้าลองดีกับมึงครับมิสเทค
..”
“หึ”
“…” เราสองคนกวนตีนกันไปมาอยู่อย่างนั้น
สักพักก็พากันเงียบ อารมณ์มันบอกไม่ถูก คือมันไม่มีเรื่องจะคุย แต่ก็ไม่อยากจะวางสายจริงๆว่ะ
...
สารภาพแบบแมนๆ อารมณ์นี้จะให้กูถือสายฟังเสียงเงียบๆจากฝั่งมันยันทุ่มสองทุ่มยังได้
..
“มึง …”
“อะไร ?”
“กูชอบมึงว่ะ …” ผมสารภาพออกไปโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
ทีแรกผมก็ยังไม่คิดจะบอกมันหรอกนะ ผมอยากรอให้มันแสดงอาการให้ชัดเจนกว่านี้ ผมจะได้ทำตัวถูก
..
เอาตรงๆ จะจีบแม่งก็ไม่กล้าจีบ ..
ที่มัวแต่ยึกๆยักๆ ทีเล่นทีจริงอยู่นี่
.. แม่งเกิดจากอาการรวนๆของกูทั้งนั้น ..
หัวใจของผมเต้น ตุบ ตุบ ราวกับมีคนทุบมันจนสั่นสะเทือน
ยิ่งปลายสายเงียบกริบ ผมก็ยิ่งตื่นเต้น อาการราวกับหนูติดจั่นเกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อผมไม่อาจทนนอนนิ่งและจ้องมองเพดานได้อีกต่อไป …
ตู๊ด .. ตู๊ด …
“ไอ้มิสเทค .. ไอ้ห่า
มึงอย่าหนีเอาตัวรอดดิวะ ..”
ผมขึ้นเสียงใส่โทรศัพท์ในมือของตัวเองอย่างเหลืออด คือต้องเข้าใจกูนะเว้ย
กูรอคำตอบของกูอยู่ตั้งนาน แต่ไอ้คนตอบแม่งเสือกวางสายใส่กูเฉย
ในเมื่อใส่อารมณ์กับไอ้มิสเทคมันไม่ได้
…
โทรศัพท์ในมือกูเลยซวยไป!
“ตกลงกูเป็นบ้าเพราะความรู้สึกแบบนี้อยู่ฝ่ายเดียว .. เหรอวะ” ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างแรง
ส่วนโทรศัพท์ก็โยนทิ้งแม่ง ใจตอนนี้มันรู้สึกวูบๆโหวงๆ อารมณ์มันยังไม่พีคมาก
เพราะการกระทำของไอ้มิสเทคแม่งก็ดูเหมือนจะคอยให้ท่ากูอยู่ แต่กูแค่เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมากะทันหัน
..
มิสเทค .. มึงวางสายใส่กูนี่มันหมายความว่ายังไงวะ
?
“พวกขี้เสือกโว้ยยยย ..” ผมเลิกคิดมาก
เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอหน้ามัน ไว้ค่อยไปคาดคั้นมันพรุ่งนี้เอาก็ได้
ตอนนี้กูขอกู้ชีพกูก่อน เมื่อกี้แม่งใจแกว่งไปเลยว่ะ..
“ห่า .. พอกูต้องการเสือกพร้อมใจกันกลับ
..” ผมสบถอย่างเซ็งๆ
เมื่อเปิดประตูออกมาด้านนอกห้องนอนแล้วพบเจอแต่ความว่างเปล่า
“พวกกูรู้ว่าหมาจำศีลอย่างมึงต้องหิว
.. แดกซะ .. ไม่ต้องอาย ..”
ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเซ็งๆ กล่องพิซซ่าขนาดใหญ่เลยกระแทกตาผมพร้อมด้วยข้อความหลอกด่าที่แปะเอาไว้บนหน้ากล่องอย่างโดดเด่น
..
“อายพ่อง!” ผมด่าพวกแม่งปนขำขัน
จากนั้นก็ดึงข้อความออกจากฝากล่องและเปิดมันออก เพื่อหยิบพิซซ่ามาแดกประทังชีวิต
ติ้งต่อง …
ผมหยุดกินพิซซ่าท่ามกลางความเงียบ
แล้วเดินไปเปิดประตู ก็พบสาวสวยมายืนยิ้มหวานรออยู่หน้าห้อง เหอะๆ
อย่าสงสัยให้มากความ สาวสวยที่ว่าคือพี่สาวกูเอง ..
ยิ้มหน้าบานใส่กูแบบนี้ พ่อใช้ให้มาจับผิดกูแหงๆ
..
“ทำหน้ายังกับหมาป่วย เป็นอะไร ?” พี่อาราถามพลางยกสองมือขึ้นมาประกบข้างแก้มของผม
“เปล่า .. วู้ว
ทำไมมีแต่คนด่าผมว่าหมาวะ ..” ผมดึงมือของพี่อาราออก
แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง
“โอ้ยๆๆๆๆ เจ็บๆๆๆ อย่าหยิกกกกก ..” ผมดิ้นพล่าน
พลางร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด พี่อาราแม่งมือหนักชิบหาย บิดจนเนื้อเขียวแล้วมั้งนั่น
“บอกอย่าพูดวะใส่ ไม่เคยจำ ..” พอดุผมเสร็จ
พี่อาราก็เดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา พลางกวาดตามองไปทั่วห้อง
“พี่หาอะไร ?” ผมเดินมาหยิบพิซซ่าชิ้นที่สามใส่ปาก
แล้วยืนพิงแผ่นหลังเข้ากับกระจกบานใหญ่ ส่วนตาก็จ้องพี่สาวตัวเองไม่กระพริบ
“หาผู้หญิง .. แกได้พาใครมานอนด้วยหรือเปล่า
?”
“ทำไม จะฟ้องพ่อเหรอ ?” ผมถาม
พลางถลึงตาหาเรื่อง
“เออดิ .. ก็แกนิสัยไม่ดี ..” พี่อาราตอบ พลางลุกขึ้นเดินสำรวจตรงโน้นที ตรงนี้ที …
“ฟ้องเลย เคยกลัว ?” ผมท้าพร้อมกับทำสีหน้าลองดีใส่พี่สาวตัวเองอีกต่างหาก
เอาตรงๆ ประเด็นเอาผู้หญิงมานอนด้วย ผมกับพ่อนี่ถึงขั้นทะเลาะกันจนบ้านแตกไปหลายหนแล้ว
แต่ถามว่าเข็ดไหมก็ไม่นะ ..
ผมถึงได้ระเห็จมาเช่าคอนโดไอ้ซีวอนมันอยู่นี่ไง
จะได้พ้นหูพ้นตา
“ช่วงนี้แกเป็นเด็กดีแปลกๆแฮะ ..”
ผมปล่อยให้พี่อาราไปสำรวจให้ทั่วเลย เอาให้สบายใจ ส่วนผมก็นั่งกินพิซซ่าฟรีอย่างสบายอารมณ์
“เสียใจเหรอ ไม่มีเรื่องไปรายงาน ?” ผมย้อน
แกล้งกวนตีนไปงั้น
“ดีใจล่ะไม่ว่า …มีน้องชายเป็นผู้เป็นคนกับเขาซะที
..” พี่อาราเดินมาขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด
จากนั้นก็หยิบกระเป๋าที่วางทิ้งเอาไว้ขึ้นมาสะพายไหล่
“จะกลับยังไง ?” ผมถาม
เนื่องจากตอนมาก็ลืมถามไปเลย
“แท็กซี่ดิ รถเข้าอู่ ..” พี่อาราตอบ
พลางตั้งท่าจะเดินไปยังหน้าประตู
“เดี๋ยวไปส่ง ล้างมือก่อน ..” ผมบอก
พลางรีบวิ่งไปล้างมือที่เค้าน์เตอร์ครัว แล้วก็เดินโอบเอวพี่สาวออกจากห้อง
ไม่ได้หรอกพี่ผมสวย
คนแม่งชอบมองตาเป็นมัน ..
ผมพาพี่อาราแวะหาอะไรทานข้างทางก่อนเข้าบ้าน
พอส่งพี่สาวเสร็จ ผมก็ขับรถเล่นอีกสักพัก ถึงค่อยกลับคอนโด อารมณ์ตอนนี้พอได้อยู่คนเดียวมันก็เริ่มจะใจแกว่งขึ้นมาอีกรอบ
ผมอยากรู้ว่าทำไมไอ้มิสเทคมันถึงวางสาย ..
มันเขิน
หรือว่ามันไม่โอเคกับคำสารภาพของผมวะ ..
แต่ถ้ามันไม่โอเค
แล้วพฤติกรรมที่ผ่านมาของมันคืออะไร ?
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มาอัพแล้ว
แถมยังพาความอึนของคยูฮยอนมาด้วย กร๊ากกก จูบไปก็แล้ว อะไรก็แล้ว
ยังจะคิดมากอีกเนอะคนเรา
เจอวางสายใส่สตั้นไปเลย 555555
[Fic KyuMin] Mistake 10