วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Mistake 10

Mistake



Mistake 10


                ผมไม่เคยรู้สึกอาลัยอาวรณ์ปูซานมากเท่านี้มาก่อน แต่ทำไงได้ในเมื่อผมต้องกลับไปทำงาน หาเงินมากินมาใช้ ช่วงเช้าหลังจากเช็คเอ้าท์เสร็จ ผมก็ไปส่งไอ้มิสเทคที่อู่เพื่อเอารถ จากนั้นผมกับมันก็ต่างคนต่างขับรถมุ่งหน้ากลับโซล แต่ก่อนจะถึงโซลผมกับมันตกลงกันว่าเราจะแวะกินข้าวด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ..
                “ไอ้เชี่ยยยยยยยย!” ผมกำลังปิดประตูห้อง โดยที่กระเป๋าเสื้อผ้าก็ผลุงผลังอยู่บนหลัง แต่ไม่รู้มีไอ้เชี่ยที่ไหนมันบุกรุกห้องของผม แถมยังมาต้อนรับผมด้วยการถวายตีนอัดกูใส่ประตูแบบนี้อีก!

                “มึงบอกจะลาถึงวันไหนนะ ..” ไอ้ชางมินยังคงเอาฝ่าตีนยันหลังผมไว้กับบานประตูอยู่อย่างนั้น
                “วันศุกร์กูจำได้ ..” ไอ้มินโฮ ไอ้ตัวสาระแน

                “แล้วมึงหายหัวไปไหนมา ?” ไอ้ซีวอน ไอ้เวรตะไล มึงไม่ต้องมาเค้นเสียงถามกูเลย หัวหน้ากูรึก็ไม่ใช่ แหม่ ขี้เสือกสุดๆ
                “มึงลืมไปป่ะ วันเสาร์มึงต้องทำงาน ” ทีนี้ถึงคราวไอ้จงฮยอนมันถามผมบ้าง

                “กูไม่ได้ลืม ..” ผมตอบเสียงดังฟังชัด เพราะผมไม่ได้ลืมจริงๆ แต่ผมตั้งใจจะชิ่งเพราะรู้ว่าพวกแม่งต้องไม่ยอมให้ผมลาต่อแน่ๆ
                ผมเลยปิดเครื่องหนีพวกแม่งซะเลย ..

“ไอ้ห่า แบบนี้ต้องกระทืบ มึงรู้มั้ยว่างานเข้าเยอะเชี่ยๆเลย ..” เดี๋ยวๆ สามตัวแรกกูเข้าใจในอารมณ์ แต่ไอ้ตัวสุดท้าย มึงร่วมเอาตีนมายันกูทำเพื่อ อย่ามาเนียน ..
“ซีวอน ไอ้ห่า .. มึงนี่คนนอกสุดๆ แต่เสือกยำตีนกูแรงสุด ..” หลังจากที่ผมนอนตายให้มันพวกมันยำตีนตรงหน้าประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ด่าไอ้ซีวอนที่เดินเข้าไปในครัว เพื่อรินน้ำมาจิบแก้เหนื่อย ..
สัสเอ้ย .. ยำตีนเจ้าของห้องแล้วยังเสือกมาแดกน้ำบ้านเขาอีก
หน้าด้านซะไม่มี!

“กูถามจริง มึงหายหัวไปไหนมา ? หายไปกับเด็กการตลาดของมึงหรือเปล่า ?” ไอ้ชางมินมันตั้งคำถามขึ้นมากลางปล้อง ทำเอาผมหยุดกึก คล้ายกับคนมีชะงัดติดหลัง บอกตรงๆ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะบอกพวกมันจริงๆว่ะ อารมณ์คือกูยังจีบไม่ติด ความรู้สึกมันยังไม่มีอะไรแน่นอน ขืนพวกมันรู้นะ งานเข้ากูชัวร์ๆ เพราะพวกแม่งชอบเอาด้านเชี่ยๆของกูมาเล่าให้เด็กกูฟังตลอด
ซึ่งตอนนั้นใครจะมองยังไงผมไม่สน ..
แต่ตอนนี้กูสน และสนมากๆด้วย

“วันพุธป่ะวะที่มีแคมเปญแข่งเรือใบ .. รู้สึกว่าเด็กการตลาดที่ชื่อ อีซองมินก็อยู่ที่ปูซานเหมือนมึงนะ .. ไม่ทราบว่าธุระของมึง ใช่งานเดียวกับอีซองมินหรือเปล่าวะ ?” ไอ้เชี่ย คำถามแม่งซัดเข้ากลางใจของกูเลย  
“เกี่ยวอะไรกับซองมิน คุยกันยังไม่เคยเลย ..” ผมทำหน้าตาใสซื่อใส่พวกแม่ง พลางขยับตัวแกล้งทำเนียนเพื่อถอยห่างจากสถานการณ์อันกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกทีละนิด ..

“พวกมึงเคยจูบกัน อย่าคิดว่ากูไม่รู้ ..” ไอ้มินโฮมันสวนขึ้นมาทันที ทำเอากูหน้าร้อนเห่อไปหมด
“หน้าแดงแล้วเว้ยเฮ้ย .. หลังจากจำศีล แม่งก็มีพัฒนาการขึ้นมาอีกขั้น ..” ไอ้ซีวอน ไอ้ห่านี่ มึงไม่ต้องมาปรบมือกวนส้นตีนใส่กูเลย ..

“ไหนกูขอสัมภาษณ์หน่อย..ตอนนี้พวกมึงถึงขั้นไหนกันแล้ววะ ” ไอ้จงฮยอนมันเสนอหน้าเข้ามาถามกูซะใกล้เลย
แล้วมึงคิดว่ากูจะบอกมึงมั้ย
ห่าเอ้ย .. เห็นเงียบๆ ไม่สนใจอะไร ที่แท้หูตาแม่งเป็นสัปปะรดเลย ..

ผมชักหน้าใส่พวกขี้เสือก แล้วก็รีบเดินหนีเข้ามาในห้องนอน อารมณ์ตอนนี้กูเหมือนหนูติดจั่นสุดๆ เดินวนไปวนมาจนเวียนหัว แต่ก็ยังคิดหาทางไล่พวกแม่งออกจากห้องไม่ได้
“เชี่ยเอ้ย .. ทำไมกูถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เลยวะ .. อย่ารวนดิมึง ..” ผมด่าตัวเองอย่างอารมณ์เสีย จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนมองเพดาน สักพักก็หลับตาเพื่อหวังจะให้อาการรนๆของตัวเองมันสงบลงสักที ..

“มิสเทคมึงถึงบ้านยัง ?” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง แล้วกดโทรหาไอ้มิสเทค ความหวังตอนนี้ของผมคือ มันจะต้องเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะหยุดอาการรวนๆของผม ..
“นานละเหอะ ..

“แล้วมึงนอนเหรอวะ ทำไมฝั่งมึงแลเงียบๆ” ผมชวนมันคุย พลางอมยิ้มเล็กๆ
“คือกูไม่ได้อยู่ที่ผับป่ะวะ มันก็ต้องเงียบดิ ..” ไอ้สัส! กูถามดีๆ เสือกตอบกวนตีนมาอีก

“กวนตีนเนอะ ..” ผมย้อนด้วยน้ำเสียงที่ก็กวนตีนไม่แพ้กัน
“เออ .. มึงก็ด้วย น้ำเสียงมึงลองดีมากไปป่ะ ..

“โห .. ใครจะกล้าลองดีกับมึงครับมิสเทค ..
“หึ”

” เราสองคนกวนตีนกันไปมาอยู่อย่างนั้น สักพักก็พากันเงียบ อารมณ์มันบอกไม่ถูก คือมันไม่มีเรื่องจะคุย แต่ก็ไม่อยากจะวางสายจริงๆว่ะ ...
สารภาพแบบแมนๆ อารมณ์นี้จะให้กูถือสายฟังเสียงเงียบๆจากฝั่งมันยันทุ่มสองทุ่มยังได้ ..

“มึง
“อะไร ?

“กูชอบมึงว่ะ ” ผมสารภาพออกไปโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ทีแรกผมก็ยังไม่คิดจะบอกมันหรอกนะ ผมอยากรอให้มันแสดงอาการให้ชัดเจนกว่านี้ ผมจะได้ทำตัวถูก ..
เอาตรงๆ จะจีบแม่งก็ไม่กล้าจีบ ..
ที่มัวแต่ยึกๆยักๆ ทีเล่นทีจริงอยู่นี่ .. แม่งเกิดจากอาการรวนๆของกูทั้งนั้น ..

หัวใจของผมเต้น ตุบ ตุบ ราวกับมีคนทุบมันจนสั่นสะเทือน ยิ่งปลายสายเงียบกริบ ผมก็ยิ่งตื่นเต้น อาการราวกับหนูติดจั่นเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อผมไม่อาจทนนอนนิ่งและจ้องมองเพดานได้อีกต่อไป
ตู๊ด .. ตู๊ด

“ไอ้มิสเทค .. ไอ้ห่า มึงอย่าหนีเอาตัวรอดดิวะ ..” ผมขึ้นเสียงใส่โทรศัพท์ในมือของตัวเองอย่างเหลืออด คือต้องเข้าใจกูนะเว้ย กูรอคำตอบของกูอยู่ตั้งนาน แต่ไอ้คนตอบแม่งเสือกวางสายใส่กูเฉย
ในเมื่อใส่อารมณ์กับไอ้มิสเทคมันไม่ได้
โทรศัพท์ในมือกูเลยซวยไป!

“ตกลงกูเป็นบ้าเพราะความรู้สึกแบบนี้อยู่ฝ่ายเดียว .. เหรอวะ” ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างแรง ส่วนโทรศัพท์ก็โยนทิ้งแม่ง ใจตอนนี้มันรู้สึกวูบๆโหวงๆ อารมณ์มันยังไม่พีคมาก เพราะการกระทำของไอ้มิสเทคแม่งก็ดูเหมือนจะคอยให้ท่ากูอยู่ แต่กูแค่เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมากะทันหัน ..
มิสเทค .. มึงวางสายใส่กูนี่มันหมายความว่ายังไงวะ ?

“พวกขี้เสือกโว้ยยยย ..” ผมเลิกคิดมาก เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอหน้ามัน ไว้ค่อยไปคาดคั้นมันพรุ่งนี้เอาก็ได้ ตอนนี้กูขอกู้ชีพกูก่อน เมื่อกี้แม่งใจแกว่งไปเลยว่ะ..
“ห่า .. พอกูต้องการเสือกพร้อมใจกันกลับ ..” ผมสบถอย่างเซ็งๆ เมื่อเปิดประตูออกมาด้านนอกห้องนอนแล้วพบเจอแต่ความว่างเปล่า

“พวกกูรู้ว่าหมาจำศีลอย่างมึงต้องหิว .. แดกซะ .. ไม่ต้องอาย ..” ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเซ็งๆ กล่องพิซซ่าขนาดใหญ่เลยกระแทกตาผมพร้อมด้วยข้อความหลอกด่าที่แปะเอาไว้บนหน้ากล่องอย่างโดดเด่น ..
“อายพ่อง!” ผมด่าพวกแม่งปนขำขัน จากนั้นก็ดึงข้อความออกจากฝากล่องและเปิดมันออก เพื่อหยิบพิซซ่ามาแดกประทังชีวิต

ติ้งต่อง

ผมหยุดกินพิซซ่าท่ามกลางความเงียบ แล้วเดินไปเปิดประตู ก็พบสาวสวยมายืนยิ้มหวานรออยู่หน้าห้อง เหอะๆ อย่าสงสัยให้มากความ สาวสวยที่ว่าคือพี่สาวกูเอง ..
ยิ้มหน้าบานใส่กูแบบนี้ พ่อใช้ให้มาจับผิดกูแหงๆ ..
“ทำหน้ายังกับหมาป่วย เป็นอะไร ?” พี่อาราถามพลางยกสองมือขึ้นมาประกบข้างแก้มของผม
“เปล่า .. วู้ว ทำไมมีแต่คนด่าผมว่าหมาวะ ..” ผมดึงมือของพี่อาราออก แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง

“โอ้ยๆๆๆๆ เจ็บๆๆๆ อย่าหยิกกกกก ..” ผมดิ้นพล่าน พลางร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด พี่อาราแม่งมือหนักชิบหาย บิดจนเนื้อเขียวแล้วมั้งนั่น
“บอกอย่าพูดวะใส่ ไม่เคยจำ ..” พอดุผมเสร็จ พี่อาราก็เดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา พลางกวาดตามองไปทั่วห้อง

“พี่หาอะไร ?” ผมเดินมาหยิบพิซซ่าชิ้นที่สามใส่ปาก แล้วยืนพิงแผ่นหลังเข้ากับกระจกบานใหญ่ ส่วนตาก็จ้องพี่สาวตัวเองไม่กระพริบ
“หาผู้หญิง .. แกได้พาใครมานอนด้วยหรือเปล่า ?

“ทำไม จะฟ้องพ่อเหรอ ?” ผมถาม พลางถลึงตาหาเรื่อง
“เออดิ .. ก็แกนิสัยไม่ดี ..” พี่อาราตอบ พลางลุกขึ้นเดินสำรวจตรงโน้นที ตรงนี้ที

“ฟ้องเลย เคยกลัว ?” ผมท้าพร้อมกับทำสีหน้าลองดีใส่พี่สาวตัวเองอีกต่างหาก เอาตรงๆ ประเด็นเอาผู้หญิงมานอนด้วย ผมกับพ่อนี่ถึงขั้นทะเลาะกันจนบ้านแตกไปหลายหนแล้ว แต่ถามว่าเข็ดไหมก็ไม่นะ ..
ผมถึงได้ระเห็จมาเช่าคอนโดไอ้ซีวอนมันอยู่นี่ไง จะได้พ้นหูพ้นตา

“ช่วงนี้แกเป็นเด็กดีแปลกๆแฮะ ..” ผมปล่อยให้พี่อาราไปสำรวจให้ทั่วเลย เอาให้สบายใจ ส่วนผมก็นั่งกินพิซซ่าฟรีอย่างสบายอารมณ์
“เสียใจเหรอ ไม่มีเรื่องไปรายงาน ?” ผมย้อน แกล้งกวนตีนไปงั้น

“ดีใจล่ะไม่ว่า มีน้องชายเป็นผู้เป็นคนกับเขาซะที ..” พี่อาราเดินมาขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด จากนั้นก็หยิบกระเป๋าที่วางทิ้งเอาไว้ขึ้นมาสะพายไหล่
“จะกลับยังไง ?” ผมถาม เนื่องจากตอนมาก็ลืมถามไปเลย

“แท็กซี่ดิ รถเข้าอู่ ..” พี่อาราตอบ พลางตั้งท่าจะเดินไปยังหน้าประตู
“เดี๋ยวไปส่ง ล้างมือก่อน ..” ผมบอก พลางรีบวิ่งไปล้างมือที่เค้าน์เตอร์ครัว แล้วก็เดินโอบเอวพี่สาวออกจากห้อง
ไม่ได้หรอกพี่ผมสวย คนแม่งชอบมองตาเป็นมัน ..

                ผมพาพี่อาราแวะหาอะไรทานข้างทางก่อนเข้าบ้าน พอส่งพี่สาวเสร็จ ผมก็ขับรถเล่นอีกสักพัก ถึงค่อยกลับคอนโด อารมณ์ตอนนี้พอได้อยู่คนเดียวมันก็เริ่มจะใจแกว่งขึ้นมาอีกรอบ ผมอยากรู้ว่าทำไมไอ้มิสเทคมันถึงวางสาย ..
                มันเขิน หรือว่ามันไม่โอเคกับคำสารภาพของผมวะ ..
                แต่ถ้ามันไม่โอเค แล้วพฤติกรรมที่ผ่านมาของมันคืออะไร ?


<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>



มาอัพแล้ว แถมยังพาความอึนของคยูฮยอนมาด้วย กร๊ากกก จูบไปก็แล้ว อะไรก็แล้ว ยังจะคิดมากอีกเนอะคนเรา
 เจอวางสายใส่สตั้นไปเลย 555555


 

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Mistake 9

Mistake

Mistake 9

                ผมกับไอ้มิสเทคกว่าจะได้ฤกษ์ลุกออกจากเตียง ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว ที่เป็นอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเราสองคนตื่นสายหรืออะไรหรอก ประเด็นมันอยู่ที่ว่า
ผมกับไอ้มิสเทคต่างคนต่างก็ขี้เกียจลุกซะมากกว่า ..
               
                “กูอยากเล่นเจ็ตสกี” ผมชะงักมือที่กำลังจะโยนกุ้งเผาเข้าปาก เพื่อจะได้เงยหน้ามองไอ้มิสเทคที่มันกินจนอิ่มแล้ว แต่กลับเอาแต่นั่งมองไปยังท้องทะเลในยามสาย  
                “เอาจริง ?” ผมถามย้ำกับมันอีกครั้ง เมื่อมองดูแดดแล้ว แม่งก็แรงไม่เบาเลย ไม่รู้ไอ้มิสเทคมันอารมณ์ไหนถึงได้มองข้ามเรื่องนี้ไป ทีวันนั้นล่ะไม่ยอมเล่นน้ำ แต่วันนี้เสือกอยากเล่นเจ็ตสกี ..
               
                “เออ .. มึงก็รีบๆแดกดิ ..” ดูมัน .. จะเร่งกูทั้งที พูดจามะนาวไม่มีน้ำเลย
                “มึงอยากเล่นก็ลงไปก่อนดิ ..” ด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว ผมเลยประชดมันซะ!
แต่กูแม่งโคตรพลาด!  ไอ้กิ๊กเฮงซวยมันรีบสะบัดก้นลุกจากเก้าอี้ทันทีที่กูบอก ..
ห่าเอ้ย รู้บ้างมั้ยว่ากูประชด

ผมนั่งกินมื้อเช้าค่อนไปทางมื้อกลางวันของผมต่อ โดยที่ผมก็เอาแต่อมยิ้มกับท่าทางดีใจจนปิดไม่มิดของไอ้มิสเทค เพราะขนาดกูประชดแม่งก็ยังไม่รับรู้
สงสัยแม่งจะอยากเล่นจริงๆ ไม่งั้นได้ด่ากูหน้าแหกไปนานละ ..   

ผมส่ายหัวและหยุดยิ้มเพ้อถึงไอ้มิสเทค แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ที่มันทิ้งเอาไว้อย่างไม่ใยดีมาไว้ข้างๆตัว จากนั้นผมก็หันมาจัดการเก็บเศษซากมื้อเช้าที่เหลืออยู่ให้หมดด้วยความเสียดาย อยู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทำความรู้จักด้วย เธอมากับกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะของผมสักเท่าไหร่ เธอเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว และย้อนถามชื่อเสียงเรียงนามของผม
ตลอดเวลาที่เธอนั่งอยู่ทางฝั่งตรงข้าม บนเก้าอี้ที่ไอ้มิสเทคมันเคยนั่ง เสียงร้องแซวจากเพื่อนๆของเธอก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย ผมก็ได้แต่ยิ้ม ส่วนเธอก็หันไปเอ็ดเพื่อนๆอยู่หลายหน
มองดูแล้วก็น่ารักดี ..  
แต่เธอเล่นเข้ามาหากูก่อนแบบนี้ ภาพที่เห็นแม่งต้องเป็นภาพลวงตาชัดๆ

“ผมไปก่อนนะครับ ..พอดีติดธุระ ..” หลังจากเธอแจกเบอร์โทรให้ผมจนเรียบร้อยแล้ว ผมก็เลี่ยงที่จะแจกเบอร์โทรของตัวเองโดยการลุกขึ้นยืน และยัดกระดาษแผ่นเล็กไว้ในกระเป๋ากางเกงแบบไม่ได้ใส่ใจนัก พร้อมกับชิ่งไปจ่ายเงินถึงเค้าน์เตอร์คิดเงินด้วยตัวเอง จนกระทั่งจัดการค่าเสียหายจนเรียบร้อยหมดแล้ว ผมถึงเดินออกจากร้าน โดยเลือกเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังที่พัก เพื่อเอากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ทั้งของผมและไอ้มิสเทคไปเก็บ จะได้ไม่เป็นภาระ
เมื่อเดินมาหน้าหาด ผมก็กวาดตามองหาไอ้มิสเทค แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ คาดว่าป่านนี้มันคงจะสนุกอยู่กลางทะเลแล้วมั้งนั่น คิดได้อย่างนั้นผมก็เลยเดินไปติดต่อขอเช่าเจ็ตสกีด้วยเงินที่นำติดตัวมาน้อยนิด

บอกตามตรง .. ความสุขที่ผมได้สัมผัสอยู่นี้ มันทำให้ผมไม่อยากกลับโซลเลยว่ะ ..ถ้าดักดานอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องใช้เงิน และไม่ต้องกินต้องแดก กูจะอยู่แม่งจนตายเลย!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีไอ้มิสเทคอยู่ด้วยนะเว้ย!

“อ่อน ..” ไอ้ห่า .. เสียงแบบนี้มีคนเดียวเลย ไม่ต้องหันไปมองกูก็รู้ .. สัส .. แล้วแม่งก็ดีดน้ำมาเต็มๆหน้ากูเลย
“เล่นเชี่ยไร อันตรายนะมึง ..” ผมด่ามันกลับ แต่มันกลับทำหูทวนลม แล้วก็ออกตัวทิ้งห่างจากผมไปเลย ..
คือมึงครับ กูขับไม่แข็ง เรื่องกีฬากูอ่อนอย่างมึงว่า ….
แล้วไม่ทราบว่ามึงจะนำกูออกไปกลางทะเล หาสวรรค์วิมานอะไร !

ผมยอมแพ้ไอ้มิสเทคมันแล้ว ปล่อยให้แม่งสนุกไปคนเดียวเถอะ กูกลับไปนอนตายบนฝั่งยังดีกว่า ห่าเอ้ย แม่ง ชอบแกล้งขับปาดหน้ากู หัวใจกูแทบวาย เท่านั้นไม่พอ เสือกดีดน้ำใส่กูอีก
เลิกๆ กูยอมเสียค่าเช่าฟรีๆ แบบไม่คิดเสียดายเลยดีกว่า!

“เชี่ย! ทำไมกูขยับตัวไม่ได้วะ ..” ผมบ่นอย่างหงุดหงิดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา คือเรื่องของเรื่องไอ้มิสเทคแม่งยังสนุกกับเจ็ตสกีไม่เลิก ผมที่นั่งเขี่ยทรายรอจนตัวแข็งก็เลยนอนหลับแม่งกลางหาดซะเลย นาทีนั้นกูไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไง อารมณ์คือง่วงแล้วก็เซ็งไอ้มิสเทคมันด้วย ชอบแกล้งกูเหลือเกิน ..
“หึหึ ..” เสียงหัวเราะกวนตีนดังเบาๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลผมนัก พอรู้อย่างนี้แล้ว ผมก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที ภาพที่เห็นทำเอาผมแทบควันออกหู!

“มิสเทคมึงเล่นเชี่ยไร ลงไป .. ” ผมดิ้นอย่างยากลำบาก พลางพูดสั่งมันเสียงแข็ง ก็ดูแม่งดิ เล่นเอาทรายมากลบตัวผมจนกลายเป็นดักแด้ เท่านั้นไม่พอเสือกขึ้นมานั่งบนตัวกูอีก แล้วท่านั่งแม่งจะสบายไปไหน ไขว่ห้างซะด้วย นี่แม่งคิดว่ากำลังนั่งกินลมชมวิวบนโขดหินหรือไง สัส!
กูหนัก กูไม่อิน มึงเข้าใจมั้ย!

“ยิ้มเชี่ยไร มึงเลิกยิ้มเดี๋ยวนี้ ..” ผมถลึงตาใส่มัน เพราะนี่คือทางเดียวที่ผมจะสู้มันได้
“หึ ..” ดูแม่ง พอกูบอกไม่ให้ยิ้ม เสือกหัวเราะกวนตีนใส่กูอีก ไอ้มิสเทค มึงนะมึง ..

“กูเพื่อนเล่นมึงเหรอมิสเทค .. แม่ง .. มึงช่วยทำตัวให้เหมือนกิ๊กกูทีดิ๊ ..” ถ้าขากูไม่จมลงอยู่ใต้ผืนทรายล่ะก็นะ กูจะตวัดตัวมึงเข้ามากอดให้กระดูกแตกเลย สัส คนเชี่ยไรน่าหมั่นไส้ชิบหาย!
“แล้วกูต้องทำตัวยังไงวะ ไหนมึงช่วยบอกกูหน่อย..” ไอ้มิสเทคมันก้มหน้าลงมาจ้องตากับผม ขณะที่คอเสื้อยืดอันแห้งสนิทของมันก็ อืม
กว้างชิบหายเลย

….
“อาบน้ำเหอะ .. เหนียวตัวแล้วว่ะ ..” อ้าวเฮ้ย! มึงเดินออกไปตัวเปล่าอย่างนั้นได้ยังไงวะ ..
แล้วกูล่ะ .. มึงกล้าทิ้งกูได้ยังไงมิสเทค
เดี๋ยวเถอะมึง เดี๋ยวกูเอาคืนให้เด็ดดวงแน่!

ผมรีบเดินกลับที่พักด้วยความอับอายขายขี้หน้า เกิดมาชีวิตนี้กูยังไม่เคยต้องให้ผู้หญิงมาช่วยกันขุดกูขึ้นจากกองทรายในสภาพนี้เลย ทุเรศชิบหาย ..แต่พอเดินมาจนถึงหน้าประตูห้อง แล้วมองเห็นไอ้มิสเทคมันนั่งก้มหน้ากอดเข่าเพราะเข้าห้องไม่ได้ ทำไมกูต้องยิ้มวะ ..
“ไงล่ะ .. แกล้งกูดีนัก อดเข้าห้องเลยไง ..” ผมใช้เท้าเขี่ยข้างแขนของไอ้มิสเทค พลางใช้มือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบคีย์การ์ดมาเปิดห้อง ..

“สัส!” ไอ้มิสเทคมันเงยหน้าขึ้นมาด่า เมื่อเห็นว่าผมใช้อะไรเขี่ย แล้วก็เดินตึงตังเข้าห้องไปทันที ส่วนผมก็ได้แต่อมยิ้มและเดินตามเข้าห้องอย่างอารมณ์ดี ..
“รอด้วยดิ ..” ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งไปขวางประตูห้องน้ำ เพื่อไม่ให้ไอ้มิสเทคมันชิ่งปิดประตูหนี ..

“เข้ามาทำเชี่ยไร ออกไป ..” ไอ้มิสเทคมันทำหน้าบึ้ง พลางใช้ฝ่ามือผลักอกผมให้ถอยห่างจากตัวห้องน้ำ แต่มีหรือกูจะยอม
“อย่ามาทำเป็นไล่กูด้วยสีหน้ามึนๆ.. มึงจำไม่ได้เหรอว่ามึงชวนกูอาบน้ำ ..” ผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่มัน ขณะที่ผมก็เริ่มไล่ต้อนไอ้มิสเทคให้ถอยห่างจากบานประตู จากนั้นผมก็ใช้เท้าปิดประตูห้องน้ำซะ และเริ่มเดินเข้ามาประชิดตัวไอ้มิสเทคมากขึ้นเรื่อยๆ

“ปล่อย .. จะกอดทำเชี่ยไร ..” ไอ้มิสเทคมันถอยจนหลังชนกระจกที่สามารถมองเห็นท้องทะเลสีฟ้าครามที่อยู่ด้านหลังที่พักของเราได้ ..
“วันนี้มีคนมาจีบกูด้วย ..” ผมซุกใบหน้าลงกับลาดไหล่ของมัน

“แล้วไง ..” ไอ้มิสเทคมันย้อนถามเสียงแข็ง ขณะที่มันก็เริ่มดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของผม
“ไม่แล้วไง .. แต่เขาให้เบอร์กูมาด้วย ..” ผมพูดพลางคว้าข้อมือของไอ้มิสเทคมาซุกลงในกระเป๋ากางเกง

“ชอบก็โทรไปดิ ..
“กูโทรจริงๆนะ ..” ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับไอ้มิสเทค แต่จ้องได้แป้บเดียว มันก็หันหน้าหนี ราวกับจะหลบตาผม ..
หึ .. มึงมันปากแข็ง ..
ที่แท้ก็ใจตรงกันกับกูล่ะไม่ว่า ..

“มิสเทค .. มึงหึงกู ใช่มั้ย ?” ผมใช้มือข้างซ้ายดันใบหน้าของไอ้มิสเทคให้มามองจ้องกัน ขณะที่มืออีกข้างก็ออกแรงบังคับให้ไอ้มิสเทคมันหยิบกระดาษที่คาดว่ามันคงจะยุ่ยคากระเป๋ากางเกงไปแล้ว ..
“เปล่า ..

“มึงแก้ตัวไม่ขึ้นเลย .. คิ้วขมวดซะขนาดนี้ ..” ผมยกยิ้ม พลางดึงมือมันออกจากกระเป๋ากางเกง

“เบอร์เขากูยังไม่สนใจจนปล่อยให้มันยุ่ยเลย แล้วมึงคิดว่ากูจะโทรไหม ?” ผมหรี่ตาถาม พลางโยนเศษกระดาษนั่นทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี ..
“ไม่รู้ ..กูจะอาบน้ำ ..” ไอ้มิสเทคมันผลักอกผมออก แล้วก็เดินไปที่มุมอาบน้ำอันมิดชิด
แต่คือแม่ง! ถอดเสื้อต่อหน้าต่อตากูเลย
ตายกูตาย .. ใจกูสั่นเชี่ยๆ

สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายต้องยอมแพ้ และรีบเดินออกจากห้องอาบน้ำเป็นการด่วน ขณะที่ฝ่ามือข้างหนึ่งก็กอบกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้แน่น ..
จังหวะการเต้นของหัวใจ มันดัง ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ .. ราวกับจะระเบิดออกมาเลย
แค่เพียงหลับตา ภาพเมื่อครู่ของไอ้มิสเทคก็ลอยเข้ามาในหัว ..

“กูกำลังจะบ้าตายแล้วโว้ยยยยยยยยย ” ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พลางร้องตะโกนออกมาเพื่อหวังจะให้ความรู้สึกที่เรียกว่า แพ้ทางไอ้มิสเทค มันได้ปลดปล่อยออกมาบ้าง

“ไม่ใช่ว่ามึงเป็นบ้ามานานแล้วเหรอวะ ?” ผมลุกขึ้นนั่ง พลางมองตรงไปยังไอ้มิสเทคที่ยืนพิงขอบประตูห้องน้ำอย่างเคืองๆ
“ปากมึงนี่นะ ..” ผมด่ามันอย่างหมั่นไส้ แล้วก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำ จากนั้นก็ผลักไอ้มิสเทคที่ยังคงยืนพิงประตูไม่เลิก

“เอ๊ะ มึงนี่ ..
“อะไร.. กูจะอาบน้ำ หรือว่ามึงสนใจจะดูกูแก้ผ้าอาบน้ำล่ะ หืม ?” ผมย้อนถามไอ้มิสเทคที่ยังคงยืนปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
เอาดิ กวนตีนกูดีนัก เดี๋ยวกูจะยั่วแม่งให้หวั่นไหวร้องหาแต่กูเลย สัส!

“พ่อง!” เต็มๆหน้ากูเลย แม่ง!
“มึงเขินเหรอวะ มิสเทค .. ” ผมร้องแซวไอ้มิสเทคที่เดินไปยังส่วนของห้องนอนแทบจะทันที

“เปล่า!” มันยังคงเถียง
“ปากแข็งเนอะคนเรา ..” ผมล้อมัน ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียที ..

….
“มึงน่ารักว่ะมิสเทค กูควรทำยังไงกับมึงดีวะ ..

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>


วันหยุดเมื่อไหร่วันนั้นมีฟิคเนอะ คึคึ มิสเทคเริ่มออกอาการแล้ว ? คยูก็ได้ใจไปดิ แต่ไม่เคยเอาคืนมิสเทคได้เลย มีแต่โดนแกล้งให้หัวปั่นตลอด น่าสงสาร 5555