วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [50]

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก









[50]


                ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าพลังแห่งเสียงดนตรี จะสามารถเชื่อมให้ผมกับหลานชายของพี่เขาสนิทสนมกันมากขึ้นดังใจหวัง ทุกเย็นน้องจะร่ำร้องให้ผมนำไวโอลินตัวโปรดมาให้เขายืมเล่นที่บ้าน
 ฝ่ายคุณอาพอได้ยินหลานชายร้องขอแบบนั้น ก็รีบห้ามปรามเป็นการใหญ่ เพราะเนื่องจากพี่เขากลัวว่าหลานชายของเขาจะเล่นเครื่องดนตรีของผมจนพัง แต่ผมกลับบอกพี่เขาว่า ถึงพังก็ซื้อใหม่ได้ เลยทำให้พี่เขาส่ายหัว พลางบ่นเบาๆว่า นี่ก็ตามใจไอ้แสบมันอีกคนนึงละ

                “พี่คิวดู เดี๋ยวเลโอจะโชว์” น้องยักคิ้วใส่คุณอาของเขาที่กำลังนั่งทำปากเบะใส่หลานชายของตัวเอง ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มให้กับเด็กชายตัวเล็กที่ดูจะชื่นชอบไวโอลินเป็นพิเศษ จึงทำให้เพลิดเพลินกับการเล่นไม่รู้เบื่อ จนสองสามวันมานี้ผมต้องนอนค้างคืนที่ห้องของพี่เขาเป็นประจำ
                และคืนนี้ก็คงจะเป็นอีกคืนที่ผมจะต้องนอนค้างอ้างแรมที่นี่ บนเตียงนี้ ..

            “ไปอาบน้ำดีกว่า ...” พี่เขายื่นเท้าไปเตะปลายขาของน้องอย่างหยอกเอิน หากแต่เด็กตัวเล็กกลับหลบหลีกได้ทัน จากนั้นก็มายืนทำหน้าเบ้ใส่คุณอาแสนขี้แกล้ง
                “เลโอจะเล่นแล้วนะพี่ซองมิน ..” น้องหันมาพูดกับผม แทนที่จะสนใจเอาความกับคุณอาของตัวเองที่เดินเอ้อระเหยอยู่นานกว่าจะเข้าห้องน้ำได้เสียที

                คลิก ..

                “ปวดหูว่ะ .. เลิกไปเลยไป” พอพี่เขาอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปอุ้มเจ้าเด็กตัวเล็กที่ยังคงเมามันกับการสีไวโอลินอย่างไม่ประสีประสา จนทำให้เสียงของไวโอลินที่มันควรจะออกมาเป็นเพลงอย่างไพเราะ กลับกลายเป็นมลพิษทางเสียงไปโดยปริยาย
                “ไม่เอา เลโอจะเล่น ..” น้องดีดดิ้นในอากาศไปมา พลางเอื้อมมือมาทางผมที่พี่เขาส่งไวโอลินคืนให้

                “มันหนวกหู .. แล้วนี่มันก็ดึกแล้วด้วย นอนได้แล้ว!” พี่เขาโยนน้องลงบนเตียงตามสเต็ป จากนั้นคนตัวโตก็ล้มลงไปนอนทับร่างเล็กๆให้จมลงกับเตียง แต่ถึงอย่างนั้นน้องยังไม่ยอมแพ้ เห็นทีคำกล่าวอ้างเพื่อจะเชิญชวนให้เด็กน้อยล้มตัวลงนอนเหมือนคืนที่ผ่านๆมา คงจะใช้ไม่ได้ผล ..
                “ไม่เอา ไม่นอน จะเล่น .. นะพี่คิว ให้เลโอเล่นเถอะ” น้องยังคงดิ้นไม่หยุด แถมยังตีปัดป่ายไปทั่วตัวของพี่เขาอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าตัวเองจะตัวเล็กนิดเดียว แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ้าเด็กตัวเล็กที่หมดทางสู้ก็เปลี่ยนมาออดอ้อนคุณอาของเขาเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างน่าเอ็นดู
                แต่คนที่ใจอ่อนกลับไม่ใช่คุณอาของเขาหรอก แต่ดันกลายเป็นผมซะนี่ที่แพ้ทางเจ้าเด็กลูกครึ่งคนนี้

                ผมลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของพี่เขา จากนั้นก็แหวกแผงเสื้อที่แขวนเอาไว้อย่างเป็นะเบียบเพื่อหาไม้หนีบผ้าที่ทำจากไม้สักสามสี่อัน จนกระทั่งได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมจึงเดินกลับมานั่งบนเตียงและจัดการนำไม้หนีบมาหนีบกับหย่องไวโอลินตรงด้านข้างตั้งใจ

                “น้องแฟนทำอะไร ?” พี่เขามองการกระทำของผม พลางถามอย่างสงสัย
                “ท..ทำ ..ให้ ..เสียง ..ไม่ ..รบ ..กวน .. คน ..อื่น” ผมตอบพี่เขายิ้มๆ แต่ดูเหมือนพี่เขาจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมอธิบาย ผมจึงลองสีไวโอลินให้พี่เขาดู ซึ่งเสียงที่เคยดังกังวานมันก็เบาลงและฟังดูนุ่มนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสียอย่างเดียวการใช้ไม้หนีบเป็นเครื่องเก็บเสียงดูจะไม่ทนทานสักเท่าไหร่ เพราะไม้หนีบผ้ามันไม่ได้ทำขึ้นเพื่อหนีบหย่องไวโอลิน
ที่ผมทราบวิธีนี้ก็เพราะแต่ก่อนตอนที่ผมเริ่มฝึกเล่นไวโอลินใหม่ๆ ผมมักจะเล่นมันทั้งวันทั้งคืน ด้วยกลัวว่าเสียงเพลงของผมจะรบกวนผู้อื่น ผมจึงปรึกษาอาจารย์ผู้สอน อาจารย์ท่านก็เลยแนะเคล็ดลับนี้ให้ ภายหลังผมก็ดัดแปลงโดยการใช้ยางลบก้อนใหญ่มาทำเป็นที่เก็บเสียงแทน เพราะมันดูแน่นหนาและได้มาตรฐานกว่ากันเยอะ แต่หลังจากที่ผมเริ่มมีเงินเก็บ ผมก็สามารถซื้อมิวแบบมาตราฐานมาใช้ได้
                เพียงแต่วันนี้ผมไม่ได้นำมาด้วย ผมก็เลยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ..

                “ระวัง ..อย่า ..ให้ ..มัน ..หลุด ..นะ ..เดี๋ยว ..พี่คิว ..ไม่ให้ ..เล่น” ผมยื่นไวโอลินให้น้องที่มองมาที่เครื่องดนตรีชิ้นโปรดของผมตาเป็นมัน พร้อมกับเตือนไม่ให้น้องทำหลุดเพราะถ้าหากไม้หนีบหลุดขึ้นมา เสียงของมันก็จะต้องดังกังวานเหมือนอย่างเคย แล้วทีนี้ไม่ว่าใครก็ช่วยเลโอไม่ได้แล้ว
                “ไปอวดคุณยายดีกว่า ..” พอน้องได้ในสิ่งที่ต้องการ น้องก็รีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็วิ่งออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูเสียงดังปังแน่ะ

                “ถ้าพังขึ้นมาพี่ไม่มีปัญญาจะซื้อใช้เลยนะนั่น ..” เมื่อน้องออกจากห้องไปแล้ว พี่เขาบ่นขึ้นมาเบาๆ
                “ก..ก็ ..ไม่ ..ต้อง ..ซื้อ .. เดี๋ยว ..ผม ..ซื้อ ..เอง ..เพราะ ..ผม ..เป็น ..คน ..ให้ ..น้อง ..เล่น” ผมตอบพี่เขาอย่างจริงจัง

                “น่าหมั่นเขี้ยว .. คืนนี้ค้างที่นี่อีกคืนนะ .. ไหนๆน้องมันก็ยึดไวโอลินไปแล้วนี่ ..
                “ถ..ถึง ..น้อง ..ไม่ ..ยึด .. พี่ ..ก็ ..ให้ ..ผม ..ค้าง ..ด้วย ..อยู่ดี” ผมตอบพี่เขาขณะที่พี่เขากำลังกอดก่ายล็อคตัวผมไว้ไม่ให้กลับบ้านของตัวเองในคืนนี้

                “เล่านิทานให้พี่ฟังหน่อยสิ .. เอาเรื่องเดียวกับที่เล่าให้เลโอฟังเลยนะ พี่จะได้เอาไปทวงถามน้องมันได้” พี่เขากระซิบชิดริมหูเพื่อออดอ้อนให้ผมกล่อมพี่เขาเข้านอนด้วยนิทานเหมือนกับเลโอในคืนนั้น ..
                ผมต้องยอมรับจริงๆว่าการที่พี่เขาให้ผมเล่านิทานให้น้องฟัง มันทำให้น้องตั้งใจที่จะฟังผมพูดมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้ผมพูดได้คล่องขึ้นอีกด้วย เพราะผมต้องเล่าให้น้องฟังทุกคืนที่มาค้างอ้างแรมที่นี่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเดิมๆที่ผมเล่าไม่เคยจบ เนื่องจากว่าเจ้าเด็กตัวเล็กดันหลับไปเสียก่อนที่จะถึงจุดสำคัญของเรื่อง ..
                แล้วแบบนี้พี่เขาจะไปถามหาเอาความกับน้องได้ยังไง ก็ในเมื่อน้องไม่เคยฟังเรื่องที่ผมเล่าจนจบเลย ..

                “แต่ถ้าเราขี้เกียจเล่า จะเปลี่ยนเป็นจูบก็โอเคดีนะ .. แต่ทีนี้จะมีเอฟเฟคอะไรตามมาหรือเปล่า มันก็อีกเรื่องนึง” พี่เขาเสนอทางเลือกที่มันไปกันคนละทางกับเรื่องที่ขอให้ผมทำในครั้งแรกอย่างสิ้นเชิญ แถมริมฝีปากของพี่เขายังเอาแต่คลอเคลียข้างแก้มของผมอีก ..
                แค่นี้ผมก็เสียเปรียบจะแย่ ขืนผมขี้เกียจเล่า มีหวังพรุ่งนี้ ผมคงได้แทรกแผ่นดินหนีจริงๆแน่ ..

                นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง ซึ่งพระราชาองค์นี้ มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆที่ แล้ววันหนึ่งพระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรจ์มาก พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก ผมเริ่มต้นเล่านิทานให้พี่เขาฟังอย่างรวดเร็วเท่าที่ผมจะทำได้ เพราะผมไม่ต้องการให้พี่เขาหาเรื่องเอากำไรจากผมอีก ขณะที่เล่าแม้ว่าผมจะยังคงพูดอย่างตะกุกตะกัก แต่ผมก็ยังพยายามที่จะเล่ามันต่อไป และแล้วผมก็เริ่มสนุกกับที่สิ่งผมกำลังทำอยู่ จึงเริ่มดัดเสียงขณะที่กำลังเล่าให้พี่เขาฟังไปด้วย ..

“และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้ว และพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก
“เดี๋ยวๆ ขอขัดหน่อย .. นี่ถ้าพี่เป็นพระราชาองค์นั้นแม่จะสั่งประหารซะ กวนตีนจริงๆ” พี่เขายกมือขอเวลานอกระหว่างที่ผมเล่า ..  
           
                พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก” ผมเลยเล่าเสริมความต่อ
                “สมน้ำหน้าแม่ง กวนตีน!

                วันหนึ่งพระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์ พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าพระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ ” ผมกำลังจะเล่าต่อให้จบประโยค แต่พี่เขาก็ขัดผมขึ้นมาอีก!
                “พระราชาองค์นี้นี่ซวยชะมัดยาก ..

“แต่พวกเขาก็พบว่าพระราชานิ้วขาด จึงรีบปลดปล่อยพระราชา เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ .. พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด และสุดท้ายพระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก .. เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้น
อย่างแน่นอน พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทไม่โกรธพระองค์เลย

ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้ ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่าและในเมื่อท่านไม่เหมาะที่จะถูกบูชายัญ ข้าก็คงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่”
“เพราะอย่างนี้สินะ .. ดีไม่ดี ยากที่จะบอก หลังจากที่ผมเล่าจบพี่เขาก็นอนตะแคงข้าง พลางตั้งข้อศอกและเอามือท้าวศีรษะของตนเองเอาไว้ ..

“ถ้าน้องแฟนเพียบพร้อมในสายตาของใครต่อใคร พี่คงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้น้องแฟนแน่ .. เพราะถ้ามีตัวเลือกเยอะ น้องแฟนก็จะได้พบกับคนที่ดีพร้อมกว่าพี่ง่ายขึ้น แล้วสุดท้ายคนที่น้องแฟนเลือกก็อาจจะไม่ใช่พี่ .. เพราะฉะนั้นพูดไม่ค่อยได้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน .. คนที่เค้ามองน้องแฟนแค่เปลือกนอกจะได้ไม่มายุ่งวุ่นวายให้พี่หงุดหงิดใจ เพราะมีแค่คนเดียว พี่ก็เกลียดขี้หน้ามันแทบแย่ .. ฟังดูแล้วเหมือนเห็นแก่ตัวไปหน่อย .. แต่มันก็ช่วยไม่ได้ .. ก็พี่เห็นแก่ตัวจริงๆนี่หว่า” พี่เขาชันตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งมองจ้องหน้าผมในขณะที่พี่เขาก็พูดเปรียบเปรยให้ผมฟังไปด้วย..

” ผมจึงเม้มปากแน่น เพราะคำพูดของพี่เขามันหมายถึงข้อด้อยของผมคือข้อดีที่พี่เขามองเห็น
“เวลาน้องแฟนหัดพูด มันน่ามองที่สุด ..” พี่เขาบิดปลายจมูกของผมเล่น ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้างกับผม จากนั้นเราสองคนก็เข้าสู่ห้วงแห่งนิทราไปด้วยกัน
ดูเหมือนว่านิทานก่อนนอน จะทำให้คนเล่าหลับฝันดีกว่าคนฟังไปมากโข ..

เช้านี้เป็นวันหยุด ผมจึงได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวและเพื่อนสนิทของพี่เขา บทสนทนาบนโต๊ะอาหารวันนี้ว่าด้วยเรื่อง น้องเลโออยากจะเรียนไวโอลิน คุณแม่จึงถามผมว่าควรจะเรียนที่ไหนอย่างไรดี แล้วถ้าต้องการจะซื้อไวโอลินนี่จะต้องเลือกแบรนด์ไหนถึงจะคุณภาพดี
ผมจึงแนะนำคุณแม่ด้วยภาษามือเพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายให้เข้าใจโดยไม่ต้องคิดประมวลผลและรอคอยคำพูดแต่ละคำที่ผมจะต้องพ่นออกมาอย่างช้าๆ

“เดี๋ยวอีกวันสองวันเราก็จะกลับฝรั่งเศสแล้วนี่ .. ให้แม่เราเป็นธุระจัดการเอาก็แล้วกัน ..” คุณแม่หันไปยีหัวน้อง เมื่อผมถามไปถึงระยะเวลาที่น้องจะอยู่ที่นี่ เนื่องจากการเรียนไวโอลินอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมันต้องใช้เวลานานทีเดียว ดังนั้นหากจะเรียน น้องควรจะหาที่เรียนอย่างเป็นหลักแหล่งจะดีกว่า พื้นฐานของน้องจะได้แน่นขึ้น และจะได้เล่นเป็นเพลงได้เร็วๆ
“คุณยายขอให้เลโอเลยนะครับนะ ..” น้องออดอ้อนคุณแม่ของพี่เขาอย่างเอาใจ จนคุณยายที่รักหลานชายคนนี้สุดหัวใจถึงกับทนลูกอ้อนไม่ไหว ต้องรีบต่อสายไปยังต่างประเทศเพื่อขออนุญาตผู้เป็นแม่ของน้องให้ทันที ..
แต่ดูเหมือนทางฝ่ายของคุณแม่ของน้องจะไม่ค่อยเห็นด้วย คุณแม่ของพี่เขาจึงหว่านล้อมอยู่นาน ..
ผลสุดท้ายอีกฝ่ายก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับคุณยายที่รักหลานชายยิ่งกว่าใคร ..

“เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ” หลังจากที่คุณแม่ของพี่เขาบอกกับน้องว่า ถ้าหากกลับไปถึงฝรั่งเศสเมื่อไหร่ จะพาน้องไปลงทะเบียนเรียน แล้วก็จะพาไปหาซื้อไวโอลินด้วย เด็กชายแสนซนก็ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
“พักนี้แม่ไม่เห็นน้องชายเราเลยเนอะ” คุณแม่ใช้ทั้งภาษามือและภาษาพูดในการสื่อสารเพื่อให้คนอื่นในโต๊ะที่ยังไม่ค่อยเข้าใจภาษามือมากนักได้เข้าใจด้วย

“พอวางใจมันก็เปิดตูดหนีไปอยู่กับเพื่อนแล้วแม่” พี่เขาตอบพลางตักข้าวเข้าปากคำใหญ่
“แม่จะเห็นหน้าไอ้ซองจินได้ก็ต่อเมื่อมันได้กลิ่นไอผิดปกติเกี่ยวกับพี่ชายของมันขึ้นมานั่นแหละ” พี่ชางมินเสริมทัพขึ้นมาอีกคน จนคุณแม่ถึงกับหัวเราะ

“ขนาดนั้นเลย ?
“ช่วงที่มันตะโกนเรียกผมทุกวัน แม่ก็น่าจะรู้นะว่ามันขนาดไหน ..” พี่เขาตอบคุณแม่พลางส่ายหัว

“ทีหลังก็มีสติกันหน่อยสิ .. จะได้ไม่ลำบากซองจินเค้า” ผมก้มหน้าเม้มปากแน่น เพราะเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าคุณแม่ทราบเรื่องในคืนนั้นดีแค่ไหน แล้วผมจะดูไม่ดีในสายตาของคุณแม่หรือเปล่า
“ผมเองก็ผิดจริงๆแหละ เพราะถ้ามองรูปนั้นดีๆ ก็จะเห็นว่าสร้อยมันซ้อนกันอยู่ ..” พี่เขาพูดขึ้นมา และก็ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะรู้กันเฉพาะกลุ่มเสียด้วย ผมจึงได้แต่นั่งงงอยู่คนเดียว

“ช่างมันเถอะ .. ตอนนี้ทุกอย่างก็โอเคแล้วนี่หว่า ..” พี่จงฮยอนตบบ่าพี่เขาอยู่สองสามที
“เออ ..” พี่เขาตอบรับเพื่อนของเขา แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานต่อ แต่ผมกลับเอาแต่คิดๆว่าพวกพี่เขาพูดเรื่องอะไรกัน แล้วสร้อยที่ว่านั่น ใช่สร้อยเส้นเดียวกันกับที่ผมเพิ่งคืนมินโฮไปหรือเปล่า ..
แต่ว่าเรื่องรูปที่พวกพี่เขาพูดนี่มันหมายความว่ายังไง ?

 ดีไม่ดี ยากที่จะบอก .. เพราะฉะนั้นบางเรื่องไม่รู้เลย คงจะดีกว่า ..” อยู่ๆพี่เขาก็พูดขึ้นมาลอยๆกลางโต๊ะอาหาร แต่เนื่องจากคำพูดของพี่เขามันเป็นคำพูดที่รู้ความหมายแค่ผมกับพี่เขาเท่านั้น ผมจึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าประโยคเมื่อครู่พี่เขาต้องการจะสื่อมันถึงใคร ..
“พี่คิวบ่นเป็นตาแก่เลย .. น่าเบื่อๆ” แต่พอน้องพูดแทรกขึ้นมากลางโต๊ะ บรรยากาศอันตึงเครียดก็ดูจะผ่อนคลายลงไปมาก เพราะหลังจากที่น้องพูดประโยคนั้นก็ถูกพี่เขาแกล้งจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน
เสียงกรีดร้องของเลโอจึงกลายเป็นเสียงร้องที่สร้างความสนุกสนานให้แก่พี่ชายทั้งสามได้เป็นอย่างดี ..
มองดูแล้ว เลโอช่างเป็นน้องชายที่น่าสงสารจริงๆ




<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
 

 
 
มิว (Mute) หรืออุปกรณ์ช่วยลดเสียงไวโอลิน วิธีใช้จะวางไว้บนหย่องไวโอลิน ทำให้เสียงดูนุ่มนวล ฉ่ำหวานและอบอุ่นขึ้น



ข้อคิดของนิทานเรื่องดีหรือไม่ดียากที่จะบอก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือ ไม่ดี บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้
สิ่งดีๆอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเรา จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจ ในตอนท้าย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย

                โดย: Daud @  http://yuwita.blogspot.com



สำหรับตอนนี้คือดูมีสาระนิดนึงเนอะ หลังจากไม่มีมานาน 555555 โบกมืออำลาน้องเลโอกันเถอะค่ะ ต่อไปถึงคิวของคุณย่าพี่โมเมดีไหม ?
ปล. โปรดอย่าถามถึงตอนจบเพราะเราก็ไม่รู้ว่ามันจะจบถึงกี่ตอน OTL วางไว้ 50 จนบัดนี้ก็ 50 แล้ว ขอต่อเป็น 60 ละกัน 555555