วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [9]

Beautiful Rich 
แฟนผมสวยและรวยมาก
   






[9]


              

วันนี้ผมตั้งใจจะคุยกับพี่คยูให้รู้เรื่อง พอเลิกเรียน ผมก็รีบมายืนดักรอพี่เขาที่ตึกคณะ แต่รอแล้วรอเล่า ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่กำลังรอสักที ผมไม่อยากทิ้งเรื่องนี้เอาไว้นาน เพราะมันจะยิ่งทำให้เราเข้าใจกันยากขึ้น
            ผมก็ได้แต่หวังว่าพี่เขาจะรับฟังผมบ้าง..

            ผมมองไปที่หน้าอาคารเรียนอย่างใจจดใจจ่อ แต่พอถึงเวลาที่พี่เขาเดินออกมาจริงๆ ผมกลับลนลาน ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คว้ากระเป๋าพลางวิ่งเข้าไปหาพวกพี่คยูที่กำลังเดินคุยกันอย่างออกรสออกชาติ..
            พอผมเดินเข้าไปจนถึงตัว ผมก็รีบคว้าข้อมือของพี่เขาเอาไว้ ดูเขาจะตกใจมากเหมือนกัน ที่จู่ๆ ก็มีใครจากไหนก็ไม่รู้วิ่งมาคว้าข้อมือเขาแบบนี้..
            แต่พอเขาหันมาเห็นผม..
ทุกอย่างก็หยุดนิ่งในทันที..

            “ถ้างั้นพวกกูกลับก่อนนะเว้ย ” พี่จงฮยอนกับพี่ชางมินตบไหล่พี่คยูแปะๆ แล้วก็เดินจากไป ที่ตรงนี้จึงเหลือผมกับพี่คยู และนักศึกษาคนอื่นๆที่ยังคงเดินกันขวักไขว่
            “ซองมินมีอะไรจะพูดกับพี่ก็รีบพูดมาสิ..” พี่เขาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอันเบาหวิว ขณะที่สายตาของพี่เขาก็มองตรงไปข้างหน้า ผมจึงรีบหยิบสมุดปกแข็งเล่มเล็กออกมาจากในกระเป๋า จากนั้นก็รีบเขียนข้อความที่ผมอยากจะพูดให้เร็วที่สุด

            “ถ้าไม่มี พี่คงต้องขอตัว.. ” ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกมากขึ้น เมื่อพี่เขาเดินหนีไปจากผม ในขณะที่ผมยังเขียนข้อความอธิบายยังไม่เสร็จ ทั้งๆ ที่คำที่ผมอยากจะบอก มันใช้เวลาเขียนเพียงไม่นาน แต่เพราะผมตื่นเต้นเกินไป มือมันก็เลยแข็ง ทำให้เขียนออกมาได้ช้าลง..

            พี่เขาเดินเร็วมาก และช่วงขาของเราก็ต่างกันมาก ผมทั้งเดินทั้งวิ่งแต่ก็ไล่ตามพี่เขาไม่ทัน แถมคำอธิบายที่ผมอยากเขียนก็ยังเขียนไม่เสร็จ..
            “อ้า.. อะ.. อ้า..” ผมสะดุดล้มเพราะมัวแต่มองไปที่แผ่นหลังของพี่เขาเพียงอย่างเดียว เพราะผมกลัวว่าพี่เขาจะคลาดสายตา ก็เลยไม่ได้มองพื้นที่ตัวเองเหยียบอยู่

            ผมเริ่มร้องไห้ เมื่อพี่เขาเดินไกลออกไปทุกที.. ทุกที.. ผมจึงทำได้แต่ส่งเสียงร้องเรียกไม่เป็นภาษาออกไป ซึ่งแต่ละคำมันยากลำบากแค่ไหนในการส่งเสียง ผมรู้ดี แต่ผมไม่มีทางเลือก..

            “น้องแฟน..” ผมไม่รู้ว่าพี่เขาได้ยินหรืออยู่ๆ เขาก็หันหลังกลับมา ถึงได้เห็นผมนั่งแช่อยู่ตรงนี้ และสุดท้ายเขาก็เดินกลับมาหา ทั้งๆ ที่ตอนแรกพี่เขาก็เดินออกห่างจากผมไปตั้งไกลแล้ว..

            “อ้า.. อ้ะ..” พอพี่เขาเดินมาถึงตัวผม ผมก็รีบส่งเสียงให้พี่เขาสนใจผมก่อน เพราะผมยังมีเรื่องอยากจะพูดกับพี่เขาอีก แต่ผมพูดไม่ได้ เลยต้องใช้สมุดเป็นสื่อกลางเท่านั้น..
            ผมปาดน้ำตาของตัวเองป้อยๆ พลางรีบเขียนข้อความของตัวเองต่อให้เสร็จ ขณะที่มือของผมมันก็สั่นได้สั่นดี 

            ผมกับซองจิน เราเป็นพี่น้องกันครับ.. พี่อย่าเข้าใจผมผิดนะ..’ พอเขียนเสร็จ ผมก็ส่งให้พี่เขาอ่าน พี่เขาก็มองจ้องตัวหนังสือที่ผมเขียนนิ่งๆ ผมก็เลยเอื้อมมือไปจับแขนของพี่เขาไว้ พลางพยักหน้าหงึกหงักให้พี่เขาเชื่อในสิ่งที่ผมเขียน
            “เอ่อ.. พี่ว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหม” พี่เขาดูเบลอๆ กว่าจะพูดออกมาได้ เลยต้องใช้เวลาตั้งสติอยู่นาน จากนั้นพี่เขาก็ช่วยประคองผมให้ลุกขึ้น แล้วเขาก็หยิบสมุดปกแข็งของผมไปถือเสียเอง 

            “เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำมาให้..” พอหาที่นั่งคุยเงียบๆ ให้ตัวเองได้ พี่เขาก็พูดกับผมแค่นั้น แล้วก็เดินออกไปเลย แต่ผมกลับกังวลใจมาก ผมกลัวพี่เขาจะไม่เชื่อที่ผมพูด ผมกลัวพี่เขาจะรังเกียจที่ผมพูดไม่ได้..
            ถ้าเกิดพี่เขาไปแล้วไม่กลับมาล่ะ ผมจะทำยังไง ?

            ผมนั่งก้มหน้า พลางกุมมือของตัวเองแน่น ส่วนริมฝีปากของผมก็ต้องเม้มแน่น เพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา และในที่สุดความกังวลใจของผมก็ถูกปลดปล่อย เมื่อพี่เขาเดินกลับมาหาผมพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด
            พี่เขาเปิดฝา พร้อมกับเสียบหลอดลงไปในขวดน้ำ ก่อนจะส่งให้ผมดื่ม

            “น้องแฟน..” พี่เขาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าผม พลางวางมือเอาไว้บนหน้าตักของผม ส่วนผมที่ถูกเรียกก็เลยต้องพับหลอดเก็บ แล้วก็ปิดฝาขวดน้ำ เพื่อหันมาตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่เขาจะพูด..
            “พี่เชื่อที่น้องแฟนพูดนะ.. แต่พี่แค่ตกใจ เรื่องที่น้องแฟน.. เอ่อ.. พูดไม่ได้” พี่คยูกุมมือผมไว้ เมื่อผมเผลอกำมือของตัวเองแน่น เมื่อได้ยินประโยคที่พี่เขาพูด

            หลังจากพี่เขาพูดจบ เราสองคนก็ได้แต่นั่งมองหน้ากัน ผมก็เลยตัดสินใจ หยิบสมุดปกแข็งเล่มเล็กที่พี่เขาเพิ่งจะเอามาวางทิ้งไว้ให้ข้างๆ ตัวผมขึ้นมาเขียน แต่ในขณะที่ผมเขียน น้ำตาของผมก็ไหล และมือของผมก็สั่นด้วยเหมือนกัน
            พอเขียนเสร็จ ผมก็ส่งให้พี่เขาอ่าน พลางเม้มปากแน่น เพราะผมกำลังหวาดกลัวในคำตอบ..

พี่รังเกียจผมเหรอครับ ?’

            “พี่ชอบน้องแฟน เพราะน้องแฟนทำให้พี่รู้สึกดี.. พี่ไม่ได้ชอบที่น้องแฟนพูดได้หรือไม่ได้.. แล้วทำไมพี่ถึงต้องรังเกียจคนที่ตัวเองชอบด้วย” พี่คยูเช็ดน้ำตาให้ผม พลางลูบหัวผมในขณะที่พี่เขาก็พูดเหตุผลของเขาให้ผมฟังช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด..
            ส่วนผม หลังจากที่ได้ฟังคำตอบของพี่คยู ผมก็โผเข้ากอดพี่เขาทันที..
           
            “ร้องไห้โฮซะแล้ว” พี่เขากอดผมตอบ พลางลูบหลังผมเบาๆ
            “ว่าแต่น้องชายเรานี่ขี้หวงไม่เบาเลยแฮะ..” ผมกอดพี่เขาไว้ พลางพยักหน้าตอบในทำนองเห็นด้วย ว่าซองจินน่ะขี้หวง จากนั้นผมถึงได้ผละออกมาจากอ้อมกอดของพี่เขา เพื่อหยิบสมุดปกแข็งมาเขียนข้อความโต้ตอบ

            ซองจินเป็นห่วงผมมาก ก็เลยทำแบบนี้.. แต่ตอนนี้น้องเข้าใจแล้วครับ ก็เลยให้ผมมาปรับความเข้าใจกับพี่พอเขียนเสร็จ ผมก็ส่งให้พี่เขาอ่าน พี่เขาพยักหน้ารับ จากนั้นก็หยิบสมุดออกจากมือผมไปวางไว้ข้างๆ ตัวอีกครั้ง..
            “แต่ห่วงแบบนี้ก็เล่นเอาพี่แย่เหมือนกันนะ.. พี่ควรจะทำโทษน้องแฟนหรือซองจินดี ?” พี่เขากอดเอวผมไว้ พลางถามคำถามที่ผมเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าพี่เขาควรจะลงโทษใคร เพราะซองจินเองก็มีเหตุผลที่ดีเหมือนกัน..
            ส่วนผม ไม่มีความผิดสักหน่อย เรื่องอะไรจะยอมให้พี่เขาลงโทษกันล่ะ

            “ตอนนี้น้องแฟนเองก็ชอบพี่เหมือนกันใช่ไหม ?” ผมกำลังทำหน้าคิดไม่ตกกับคำถามเมื่อครู่อยู่แหม่บๆ สักพักพี่เขาก็ถามคำถามน่าอายขึ้นมาอีก..
            “ว่าไงครับ ? คราวนี้ต้องตอบนะ..” พี่เขายิ้มล้อผมอีกแล้ว แสดงว่าพี่เขาต้องแอบเปิดสมุดสำหรับสนทนาโต้ตอบกับคนอื่นของผมอ่านใช่ไหม ? แถมยังเอาไปอ่านตอนที่ผมนั่งรอแบบกังวลใจอีกต่างหาก..

            “ตอบให้เหมือนในสมุดด้วย..” นั่นไง พี่เขาแอบอ่านจริงๆ..
            “ซองจิน พี่ชอบพี่คยู.. ให้โอกาสพี่ได้ชอบพี่คยูนะ..” จู่ๆ พี่เขาก็หยิบสมุดปกแข็งเล่มเล็กของผมมากางไว้บนตักของผม จากนั้นพี่เขาก็เปิดหาหน้าที่ผมเขียนตอบโต้กับซองจิน พร้อมกับอ่านออกมาดังๆ โดยตัดทอนส่วนไม่จำเป็นออก จนเหลือแค่เศษหนึ่งส่วนสี่จากที่ผมพูดซะอย่างนั้น..

            “นี่มันใช่เรื่องโกหกหรือเปล่าน้า ?” พี่เขาทำลอยหน้าลอยตาใส่ผม แถมยังยิ้มกว้างอีกต่างหาก ท่าทางของเขายิ่งกว่าตอนที่เขารู้ชื่อของผมเสียอีก..

            ผมหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ แถมตอนนี้ถ้าคิดจะหนีก็ทำไม่ได้อีก ผมก็เลยแย่งสมุดมาจากพี่เขาซะ จากนั้นก็รีบเขียนคำตอบให้พี่เขาอ่าน เพื่อที่พี่คยูจะได้เลิกล้อผมซะที..
            ผมชอบพี่ครับ.. ชอบมากๆ เลย

            “ทำไมน้องแฟนถึงน่ารักขนาดนี้ หืม ?” พี่เขายิ้มอีกแล้ว ยิ่งผมหน้าแดงพี่เขาก็ยิ่งยิ้ม ผมก็เลยพลิกหน้ากระดาษมาอีกด้านหนึ่ง แล้วก็เขียนข้อความถามพี่เขาบ้าง
            พี่ดูดบุหรี่ด้วยเหรอครับ อย่าดูดอีกนะผมเขียนแล้วก็ส่งให้ผู้ชายผิวขาวหน้าบาน ที่ตอนนี้ย้ายตัวเองขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ผมแล้ว

            “ปกติก็ไม่นะ แต่ช่วงเครียดๆมันก็ต้องมีบ้าง..” พี่เขาตอบแบบสบายๆ จากนั้นก็หยิบสมุดของผมไปเปิดอ่านอีก ปกติถ้าเป็นคนอื่นผมคงจะออกอาการไม่พอใจเอามากๆ แต่เพราะเป็นพี่คยู ผมถึงได้นั่งมองพี่เขาอ่านทุกข้อความที่ผมพูดคุยกับคนอื่นนิ่งๆ
            “เวลาน้องแฟนจะคุยกับคนอื่นที ก็ต้องเขียนข้อความแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?” พี่เขาหันมาถาม ผมก็เลยพยักหน้าตอบกลับไป

            “ทำไมไม่เรียนภาษามือล่ะ พี่ว่ามันน่าจะสะดวกกว่า อย่างเวลาเถียงกับซองจิน น้องแฟนจะได้เถียงทัน” พี่เขาพูดพลางกลั้วหัวเราะ แต่ผมกลับไม่รู้จะตอบอะไรพี่เขาดี
ที่ผมไม่ได้เรียนก็เพราะความดื้อของผมเองนั่นแหละ..

            “ดื้อเงียบใช่ไหมเนี่ย ?  อย่างนี้พี่ต้องรีบดัดนิสัยหรือเปล่า” พี่เขาหันมาตีปลายจมูกผม แล้วก็บ่นอะไรอีกก็ไม่รู้ ส่วนผมก็ได้แต่อมยิ้มอย่างเดียว..
เพราะตอนนี้ผมกำลังมีความสุขมาก..

            ไม่น่าเชื่อว่าผมกับพี่คยูจะปรับความเข้าใจกันง่ายกว่าที่คิด นั่นเป็นเพราะว่าในใจลึกๆ แล้วพี่เขายังอยากจะฟังทุกอย่างจากปากผมก่อน แต่เพราะความสับสนมันตรงเข้าเล่นงาน พี่คยูก็เลยสติหลุด..
            “กอดเอวพี่ก็ได้นะน้องแฟน..” หลังจากคุยกันเสร็จ พี่เขาก็พาผมไปนั่งกินข้าวที่ร้านใกล้ๆ มอ จากนั้นพี่เขาก็พาผมมานั่งรถเล่น

            ผมได้แต่พิงหัวตัวเองกับแผ่นหลังของพี่เขาไว้ ถ้าจะให้กอดเอว ผมยังไม่กล้าทำหรอก มันน่าเขินจะตาย เพราะแค่จับชายเสื้อของพี่เขาไว้ ผมก็เขินจะแย่แล้ว
            “เดี๋ยวตก.. เตือนไม่ฟังเลย..” พี่เขาทำเสียงดุใส่ผม จากนั้นพี่เขาก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือผมให้มาโอบกอดเอวของพี่เขาไว้ แล้วพี่เขาก็โมเมจับมือผมไม่ยอมปล่อยอีกเลย..
           
            พอมีความสุข อะไรๆ ก็มักจะผ่านไปเร็วเสมอ โดยเฉพาะเวลา เผลอแป๊บเดียวพระอาทิตย์ก็หายลับไปแล้ว ผมเลยกลับมาถึงบ้านตอนฟ้ามืดพอดี
            “น้องแฟน..” ผมลงจากรถมอเตอร์ไซค์ของพี่เขา ตั้งใจจะรีบเดินเข้าบ้าน เพราะผมทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมควรจะยืนรอพี่เขาเอารถเข้าบ้านก่อน หรือว่าผมควรจะทำยังไงดี
            ผมก็เลยเดินหนีเข้าบ้านซะ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว..

            “ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะ..” พี่เขาถามพลางยิ้มบางๆ ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเขินๆ
            “เฮ้อ โล่งอก.. นึกว่าชาตินี้พี่จะต้องโมเมกับน้องแฟนไปตลอดซะแล้ว” ผมหลุดขำออกมาทันทีที่พี่เขาพูดจบ

            “น้องแฟนเริ่มมีหลายสีหน้าแล้วแฮะ” พี่เขาพูดประโยคนี้ด้วยหน้านิ่งๆ แถมน้ำเสียงก็ยังนิ่งอีก แต่ผมนี่สิ ทำไมต้องเขินอีกแล้ว หรือเพราะสายตาของพี่ คยู.. มันเหมือนกับตอนที่พี่เขาล้อผมเรื่องเครื่องบินกระดาษลำนั้น ที่ผมเขียนชื่อของตัวเองใส่ลงไป แล้วก็เหมือนตอนที่พี่เขาแอบอ่านข้อความที่ผมคุยกับซองจิน ก่อนจะเอามาคาดคั้นคำตอบกับผม..
            “เดี๋ยวเจอกันบนห้องนะน้องแฟน..” พอพี่เขาพูดจบ เขาก็ยืดตัวขึ้นมาหอมแก้มผม จากนั้นก็สตาร์ทรถเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย..
แล้วพี่เขามาทิ้งให้ผมจมอยู่กับความเขินอายตรงหน้าบ้านคนเดียวได้ไง

            “พี่จะขึ้นห้องแล้วนะน้องแฟน.. มัวทำอะไรอยู่ ?
นี่ผมยืนอยู่ตรงนี้ จนพี่เขาจอดรถเสร็จเลยเหรอ ?

ผมหันกลับไปมองทางต้นเสียง ก็เห็นว่าพี่เขามายืนเกาะรั้วบ้านของตัวเองเพื่อล้อผม ทำไมผมถึงบอกว่าเขากำลังล้ออยู่น่ะเหรอ ก็เพราะสีหน้าของพี่คยูน่ะสิ มันบ่งบอกออกมาแบบนั้น..
พอเห็นผมเอาแต่มอง พี่เขาก็ทำมือชี้ๆ ให้เข้าไปในบ้านด้วยท่าทางทะเล้นๆ

“ผมแค่ให้โอกาสนะเว้ยพี่ ถึงกับต้องหอมแก้มกันเลยเหรอวะ” ผมเกือบจะยิ้มแล้วแหละ ถ้าซองจินไม่เดินหน้าบูดออกมาหาผม แล้วก็มายืนมองพี่คยูซะตาขวางขนาดนี้..
แต่พี่คยูก็หาได้แคร์ไม่ แถมยังยักไหล่ใส่ซองจินอีกต่างหาก..

ผมจับแขนซองจินไว้ พลางส่ายหน้าไม่ให้น้องอารมณ์ขึ้น เพราะอีกฝ่ายก็อายุมากกว่า มันคงไม่ดีแน่ถ้าซองจินจะมีเรื่องกับพี่คยู..
“กูมาแล้วเว้ย เดี๋ยววันนี้กูปิดบ้านเลี้ยงเลย สัส มีความสุขเว้ย!” พี่คยูเดินเข้าบ้านไปแล้ว แต่เสียงเฮฮาจากบ้านพี่เขาก็ยังดังเล็ดลอดออกมาให้ผมกับซองจินได้ยินอยู่ดี..
“ความจริงพี่ก็น่าจะเล่นตัวมั่ง..” ซองจินหันมาทำหน้าดุใส่ผม จากนั้นก็ลากผมเข้าบ้าน

“เดี๋ยวผมจะไปช่วยงานพวกพี่ปีสี่นะ..” ผมพยักหน้าให้ซองจิน พลางแอบคิดในใจว่าคนข้างบ้านจะต้องไปช่วยงานด้วยหรือเปล่า..
“เข้าใจกันแล้วใช่ไหม..” ผมเดินออกมาส่งซองจินตรงหน้าบ้าน ตอนซองจินกำลังใส่รองเท้า น้องก็เงยหน้าขึ้นมาถามผมแบบนั้น ผมก็เลยพยักหน้าให้

“ก็ดีแล้ว.. แต่ถ้าพี่มันทำตัวไม่ดี บอกเลยนะ ซองจินจะอัดให้..” ผมยิ้มพลางพยักหน้าให้น้อง จากนั้นซองจินก็เดินออกจากบ้านไป ผมรีบปิดบ้าน แล้วก็วิ่งขึ้นไปบนห้อง

พอขึ้นมาถึงห้อง ผมก็รีบถอดกระเป๋าสะพาย พร้อมกับเปิดไฟให้สว่าง และเมื่อผมเดินไปยืนตรงข้างหน้าต่าง ผมก็เห็นว่าพี่เขามายืนรออยู่ก่อนแล้ว..

ครืด ครืด..

พอได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นครืดคราดในกระเป๋าที่ผมวางเอาไว้บนโต๊ะ ผมก็หันไปมอง จากนั้นก็มองไปที่พี่คยูที่กำลังทำไม้ทำมือให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ..

น้องแฟนขึ้นมาช้าเมื่ออ่านข้อความจบ ผมก็ยิ้ม แล้วรีบพิมพ์ตอบกลับไปว่า แต่ผมก็ขึ้นมาหาพี่แล้วนี่ครับ..’ พอพิมพ์เสร็จ ผมก็เงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้ผู้ชายผิวขาวคนนั้นที่กำลังยืนอ่านข้อความของผมอยู่ตรงข้างหน้าต่าง..
น้องแฟนยิ้มแล้วน่ารักดีออก.. เพราะงั้นยิ้มให้มันเยอะๆ หน่อยพี่เขาพิมพ์ตอบผมกลับมาเร็วมาก พอผมอ่านจบก็เงยหน้าขึ้นไปมองพี่เขาที่ยืนอยู่ทางหน้าต่างฝั่งตรงกันข้าม จากนั้นพี่เขาก็ทำมือฉีกยิ้มใส่ผม
ผมเลยยิ้มตอบกลับไป..

ดีมาก..’ พอผมยิ้มให้พี่เขาดูอีกรอบ พี่เขาก็ตอบผมกลับมาแบบนี้ ผมก็เลยได้แต่ยืนเขินกับข้อความเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้..
อบอุ่นจัง..

ทำไมพี่ถึงอบอุ่นแบบนี้ครับ ?

“ไอ้คยูเว้ย กูติดเครื่องรอมึงนานแล้วนะสัส จะไปมั้ย ?” เสียงตะโกนโหวกเหวกจากเพื่อนบ้านอีกหนึ่งคนของผมดังขึ้น ทำให้ผมกับพี่คยูหันไปสนใจเขาคนนั้นทันที
“เออ ไปๆ รอแป๊บ..” พี่คยูชะโงกหน้าไปตอบพี่ชางมินที่เพิ่งจะดับเครื่อง แล้วเดินมาเรียกพี่คยูตรงข้างบ้าน

“แม่ง ต้องให้กูมาตามตลอด..” พี่ชางมินบ่นพี่คยูอย่างจงใจจะให้คนที่กำลังยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงข้างหน้าต่างรู้สึกตัว
“น้องแฟนชวนเพื่อนพี่เถลไถลเหรอครับ ? เดี๋ยวพวกพี่ก็โดนพวกปีแก่กินหัวกันพอดี” พอพี่ชางมินหันมาเจอผม พี่เขาก็ยืนกอดอกสวดผมยับ

“ใช่ๆ คืนดีกันแล้วนี่.. คนอื่นคงไม่สำคัญหรอก” เอาใหญ่เชียวพี่จงฮยอน อยู่ๆ ก็มาทับถมผมซะงั้น
“เชี่ย! เดี๋ยวกูลงไป หุบปากหมาๆ ของพวกมึงซะ” พี่คยูไม่รู้หยิบอะไรมาปาใส่พวกพี่ทั้งสอง จนพวกพี่เขาต้องวิ่งหลบกันใหญ่

“สิบนาทีนะเว้ย กูมีเวลาให้มึงเต๊าะน้องแฟนแค่สิบนาที” พี่ชางมินชูนิ้วขึ้นมาสิบนิ้ว แล้วก็เดินหลบฉากออกไปพร้อมกับพี่จงฮยอน
 พี่รีบไปช่วยงานพวกพี่อีทึกก่อนนะน้องแฟน.. คืนนี้ฝันดีครับ.. แต่ต้องฝันถึงพี่นะ ถึงจะเรียกว่าฝันดีพอเหตุการณ์เริ่มสงบ พี่คยูก็ส่งข้อความมาหาผม จากนั้นห้องของพี่เขาก็ปิดไฟมืดสนิท ผมก็เลยได้แต่ยืนยิ้มมองข้อความอยู่ตรงข้างหน้าต่าง จนกระทั่งพี่เขาเดินออกมาข้างนอกบ้าน และสตาร์ทรถขับออกไป ผมถึงได้เดินมาทิ้งตัวลงนอนเล่นบนที่นอนของตัวเอง..

อ่า.. วันนี้ผมยิ้มเยอะเกินไปแล้ว..

เพราะพี่คนเดียวเลย.. โจว คยูฮยอน..


<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
rewrite



อ่านจบแล้วอยู่ข้างใครเลือกมา 5555 พี่โมเมออกจะน่ารัก งุงิ (โกยเรตติ้งให้พี่โมเมสุดชีวิต)
ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก แค่พัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้น แต่หลังจากนี้นี่แหละที่อยากจะนำเสนอ
โฮ๊ะๆ ขอบคุณที่ติดตามฟิคเอื่อยๆเรื่องนี้ค่า >.<