Mistake
[Special] It's Not Mistake
– Sungmin Part
เสียงพูดคุยของคนกลุ่มนั้นยังคงดังก้องไปทั่วทั้งคอนโด
เล่นเอาผมไม่เป็นอันทำการทำงาน
เนื่องจากหัวข้อสนทนาที่พวกเขาพูดคุยกันมันเรียกร้องความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี ..
ผมเลยเผลอเดินไปหยุดยืนตรงหน้าตู้เย็นเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ
ครั้นพอได้สติ ผมก็ทำเป็นเปิดตู้เย็นและรินน้ำใส่แก้ว
แต่พอจงฮยอนร้องทักว่าหน้าของผมมันเหมือนกับน้องเทคของไอ้คยูฮยอนเข้า
น้ำเย็นที่ผมดื่มอั่กๆเข้าไปก็ส่งผลให้ผมสำลักออกมาจนหน้าดำหน้าแดง ..
“กินยังไงของมึงให้สำลักวะมิสเทค ..”
ไอ้คยูมันลุกขึ้นเดินมาดูความปลอดภัยของผม พลางรุนหลังให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ เนื่องจากน้ำที่ผมดื่มจนกระทั่งสำลัก
มันเปียกโชกไปทั่วเนื้อผ้าช่วงบน …
และเมื่อผมได้อยู่กับตัวเอง ความคิดมากมายก็เริ่มไหลบ่าเข้ามา …
จากคำพูดของเพื่อนไอ้คยู มันบอกได้ว่า ณ ตอนนั้น
ไม่ใช่ผมแค่เพียงฝ่ายเดียวที่รู้สึกดีกับมันอย่างนั้นใช่ไหม ? มันเป็นความรู้สึกดีที่ได้คุยกันแบบนั้นน่ะเหรอ ?
ผมไม่ค่อยจะเข้าใจนัก เพราะสำหรับผม ถ้าหากรู้สึกดี
ในหัวของผมจะมีแต่เรื่องของเขาเต็มไปหมด และสายตาของผมจะต้องมีแต่เขาเท่านั้น
ไม่ใช่ว่ารู้สึกดีแต่ก็ยังคบกับใครต่อใครไปทั่วได้แบบนั้น ..
แต่ก็ช่างเถอะ
ในตอนนี้ผมก็รับรู้ได้แล้วว่าไอ้คยูมันชอบผมจากใจจริง ..
แล้วผมยังจะต้องสนใจเรื่องของอดีตอีกทำไม ..
ที่ผ่านมาผมเอาแต่ใช้สมองคิดกะเกณฑ์และทดสอบนั่นนี่ให้วุ่นวายไปหมด
จนผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆมัน ผมจะรู้สึกเหนื่อย
แต่ไม่เคยเลยที่ผมจะไม่มีความสุข ..
พอมาคิดๆดูแล้ว
ถ้าหากผมลองใช้หัวใจคิดดูบ้าง ผมอาจจะไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้ก็ได้มั้ง ..
ผมเคยคิดว่าสถานะ
‘แฟน’ ที่ผมได้มาจากมัน
ไม่สามารถเป็นเครื่องการันตีได้เลยว่ามันจะเป็นคนของผมจริงๆ
เพราะที่ผ่านมาทุกคนก็สามารถเป็นแฟนกับมันได้ทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่ผมจะคิดทดสอบมัน
และผลลัพธ์ที่ได้มันก็เกินคาดไปมาก ..
มากจนถึงกับว่า .. ผมจำเป็นจะต้องโกหกมันต่อไปเรื่อยๆ
เพราะมันเป็นกังวลกับเรื่องโกหกของผมมากกว่าที่คิด
..
อันที่จริงเรื่องของเซอึน ผมไม่ควรจะต้องเป็นกังวลเลยด้วยซ้ำ
ในเมื่อเธอเองก็คบกับซองจินมาเกือบจะปีแล้ว
แถมยังคบกันทั้งๆที่น้องชายของผมเองก็ไม่สมบูรณ์แบบนัก .. สาเหตุที่เป็นอย่างนั้น
เท่าที่ทราบมา
เซอึนมักจะโทษตัวเองเสมอว่าเธอคือต้นเหตุที่ทำให้ซองจินไม่สามารถมองเห็นได้อย่างปกติ
…
ถึงจะรู้ทั้งรู้อย่างนั้น
ผมก็ยังอดกลัวไม่ได้ว่าถ้าหากเซอึนได้กลับมาพบกับรักแรกของเธออีก
เรื่องทุกอย่างมันอาจจะไม่เข้ารูปเข้ารอยเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น ..
จริงๆแล้วผมเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก
เพราะสิ่งที่ผมกลัว ไม่ใช่กลัวว่าซองจินจะต้องเสียใจเหมือนอย่างที่ผมบอก คยูฮยอนออกไป
เพราะความจริงแล้วในหัวของผมคิดแต่เพียงว่าผมไม่อยากจะเสียคยูฮยอนไปอีก ผมถึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนได้เจอกัน
..
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังเจอกัน เพราะผมไม่อาจหลีกเลี่ยงโชคชะตาได้ …
ยิ่งผมทดสอบเขามากเท่าไหร่
มันก็กลายเป็นว่าผมต่างหากที่โดนทดสอบเข้าเสียเอง
เพราะยิ่งเห็นปฏิกิริยาของเขาที่มักจะแสดงออกราวกับหึงหวง ผมก็ยิ่งถลำลึก
และยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบนี้ ผมก็ยิ่งมองเห็นด้านดีๆของเขามากขึ้น
เขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ ..
และเพราะอย่างนั้น ความรู้สึกของผมจึงไม่อาจมีคำว่า ‘เผื่อใจ’ ได้อีกต่อไป ..
คลิก ..
“เป็นอะไร ?” ผมหันไปมองต้นเสียง
ก็เห็นไอ้คยูมันเปิดประตูเข้ามา
“เปล่า แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ..”
ผมตอบพลางเดินเลี่ยงไปอีกมุม เพื่อจะเดินออกนอกห้องนอน
เพราะในตอนนี้ผมไม่มีความจำเป็นอะไรแล้วที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ในเมื่อผมยืนคิดเรื่องระหว่างมันและผมจนกระทั่งเสื้อมันแห้ง ..
“นอนกับกูดิ .. นะ ..”
ไอ้คยูมันคว้าข้อมือของผมไว้ พลางส่งสายตาอ้อนแบบที่ผมไม่อาจทนมองได้นานๆ
“กูต้องทำงานต่อ
งานกูยังไม่เสร็จ” ผมปฏิเสธโดยเอาเรื่องงานที่ผมเองก็เครียดไม่แพ้เรื่องของมันมาอ้าง
“กูปิดคอมให้แล้ว
วันนี้มึงหักโหมมาเยอะแล้ว มึงควรพักผ่อน ..”
ไอ้คยูมันพาตัวเองที่มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งเข้ามาลากคอผมให้ล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน
พอสถานการณ์มันเริ่มอันตรายมากขึ้น ผมก็เริ่มดิ้นแรงขึ้นๆ
แต่ไอ้คยูมันก็กอดผมแน่นขึ้นด้วยเหมือนกัน ..
“ทำไมมึงไม่ชอบนอนบนเตียงวะ กูไม่เข้าใจ
กูว่ามันต้องมีสาเหตุแต่มึงไม่ยอมบอกกู ..” ไอ้คยูมันปล่อยผม
ไม่ได้คิดจะเซ้าซี้อะไร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ยอมให้ผมเดินออกไปนอกห้องนอน ..
“บนเตียงนี้มึงกอดใครมากี่คนแล้ว ..”
ผมถามพลางมองปลายเท้าของตัวเอง
“กูไม่เคยนับ .. แต่มึงจะเป็นคนแรกและคนเดียวที่กูอยากนอนกอดบนเตียงนี้แล้วก็หลับไปด้วยกัน
.. ไม่ใช่อยากเอาให้มันสนุกไปวันๆแค่นั้น ..” ไอ้คยูมันพูดพลางลูบหลังมือของผมเล่น แต่ผมกลับใจสั่นกับคำตอบของมัน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคำตอบอันตรงไปตรงมาของมัน ทำให้ผมลืมเหตุผลที่ผมไม่ชอบนอนบนเตียงของมันไปสนิทใจ
..
“นอนกับกูนะ ..”
ไอ้คยูมันรั้งตัวผมให้ล้มตัวลงนอนด้วยกัน จากนั้นมันก็กอดผมเอาไว้จากข้างหลัง
ลมหายใจของมันมีกลิ่นแอลกอฮอลล์ปะปนออกมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่รบกวนอะไรผมมากนัก
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ..
“ที่เพื่อนมึงพูด .. มันหมายถึงตอนนั้นมึงเองก็รู้สึกดีกับกูเหรอ
?” ผมถามพลางมองไปยังวิวด้านนอกผ่านกระจกใส ..
“จะว่ารู้สึกดีก็คงใช่มั้ง .. เพราะตอนนั้นไม่ว่ากูจะไปนอนกับใครแต่ทุกคืนกูต้องได้คุยกับมึงก่อน
กูถึงจะสบายใจ ไม่รู้ดิ มันบอกไม่ถูก .. อีกอย่างความรู้แบบนั้นกูไม่รู้ว่ามันควรจะเรียกว่าอะไร
.. เพราะกูไม่เคยคิดหาคำตอบ .. และกูก็ไม่เคยคิดสงสัยมันด้วย
..”
“…”
“กูขอโทษนะที่กูเคยบอกว่าอยากจะจีบมึง ทั้งๆที่ตอนนั้นกูยังไม่ได้คิดจริงจังอะไรมาก
.. แต่ไม่รู้ว่ะ
มึงเป็นคนเดียวจริงๆที่กูคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ... ”
“…”
“จะว่าไปตอนนั้นกูเองก็อยากเห็นหน้ามึงเหมือนกันนะ
.. แต่มึงปฏิเสธมาก็ดีแล้ว .. เพราะกูเองก็กลัวทำหน้าไม่ถูกเหมือนกันว่ะถ้าเกิดได้เจอหน้ามึง
.. เห้อ .. พอมาคิดๆดูแล้ว ตอนนั้นกูคงชอบมึงจริงๆล่ะมั้ง
.. แต่มันแค่ยังไม่มากพอที่มึงจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับกู
..” คำพูดของไอ้คยู ยิ่งได้ฟังผมก็ยิ่งเจ็บนะ
แต่มันเป็นความเจ็บที่ไม่ได้บาดลึกเหมือนทีแรก
อาจเป็นเพราะผมมองว่ามันเป็นเรื่องของอดีตไปแล้วก็ได้มั้ง ..
“…”
“แต่ถ้าตอนนั้นกูชอบมึง .. แล้วตอนนี้กูก็ชอบมึงเหรอวะ
.. กูว่าถ้าตอนนั้นมันเรียกว่าชอบ ตอนนี้มันก็ต้องเรียกว่ารักดิ
.. อืม .. สงสัยกูคงรักมึงว่ะ
เพราะกูหึงมึงชิบหาย .. ยิ่งแฟนน้องชายมึงทำเหมือนว่าสนใจมึงนะ
กูยิ่งหึงมึงว่ะ .. แล้วต่อให้ในบ้านมึงมีน้องชายมึงอีกคน
กูก็หึงอยู่ดี .. กูไม่รู้นะว่าสิ่งที่กูคิดมันจริงไม่จริง
แต่มึงมาอยู่กับกูได้ กูถือว่าโอเคและปลอดภัยกับหัวใจกูที่สุดละ ..”
“…”
“ที่สำคัญกูอยากอยู่ใกล้ๆมึงว่ะ .. ไม่อยากให้มึงห่างตัวเลย
..”
“…”
“ความรู้สึกแบบนี้
มึงว่ามันคือรักใช่หรือเปล่าวะ ?” ไอ้คยูมันถาม พลางชะโงกหน้ามาบดบังวิวด้านนอกจนมิด
สายตาของผมจึงมองเห็นแค่ใบหน้าของมันเท่านั้น ..
“….” หัวใจของผมเต้นตึกตักอย่างแรง
จนผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเลยทีเดียว
และผมก็มั่นใจว่าไอ้คยูมันเองก็คงจะได้ยินเสียงหัวใจของผมด้วยเหมือนกัน
เพราะในตอนนี้ระยะห่างระหว่างเรามันไม่ได้มากเลย ..
“แต่กูว่ามันใช่ว่ะ ความรู้สึกแบบนั้นยังไงมันก็ต้องเพราะกูรักมึงแล้วแน่ๆ…” สมองของผมมันพร่าเผลอไปหมด
เมื่อคำพูดของไอ้คยูมันดังก้องอยู่ในหูราวกับเสียงสะท้อน ซ้ำร้ายหัวใจของผมในตอนนี้มันก็ยังทำงานหนักแบบเกินพอดี
..
และที่เป็นอย่างนั้น ผมมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ …
แต่มันเป็นเพราะคำว่ารักที่ออกจากปากของคนอย่างมันมากกว่า …
ผมหลับตาลงโดยอัตโนมัติ ทันทีที่ใบหน้าของไอ้คยูมันเริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผม
จากนั้นไม่นานลมหายใจเคล้ากลิ่นแอลกอฮอลล์ก็เป่ารดปลายจมูกของผมในระยะประชิด
พร้อมด้วยริมฝีปากหนาของมันที่ค่อยๆประทับลงบนกลีบปากของผมอย่างเชื่องช้า ..
ไอ้คยูมันจูบซับริมฝีปากของผมเบาๆอยู่อย่างนั้น
โดยยังไม่คิดจะล่วงเกินผมแต่อย่างใด
คล้ายกับมันกำลังลองเชิงผมอยู่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ ..
ขณะที่ผมในสมองมีแต่ความว่างเปล่า
หากแต่ความรู้สึกกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ได้รับจากคนอย่างมัน
ผมจึงลืมเลือนไปแล้วว่าก่อนหน้านั้นผมเคยบอกกับมันไปว่า
มันจะจูบผมได้ก็ต่อเมื่อคะแนนของมันเต็มร้อยแล้วเท่านั้น …
แต่พอเราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ผมกลับไม่เคยนับคะแนนที่ผมต้องให้มันอีกเลย …
แบบนี้ถ้าเราจะจูบกันเหมือนแต่ก่อน
ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง …
ทันทีที่ผมรั้งต้นคอของมันให้โน้มเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
ริมฝีปากของมันก็เริ่มและเล็มกลีบปากของผมด้วยสัมผัสที่หนักหน่วง และจากนั้นไม่นานนัก
ปลายลิ้นร้อนของมันก็เข้ามาทักทายกับปลายลิ้นของผมที่รอรับสัมผัสจากมันอยู่ เราสองคนหยอกล้อคลอเคลียกันอย่างเพลิดเพลิน
จนลืมเวลาที่กำลังดำเนินไปในแต่ละวินาที ..ก่อนสัมผัสจะแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น
เมื่อทั้งผมและมันต่างก็คิดอยากจะตักตวงความฉ่ำหวานจากปลายลิ้นของกันและกันให้ได้มากที่สุด
…
ส่งผลให้เสียงจูบแลกความหวานของเรามันดังก้องไปทั่วห้อง ..
แต่กลับไม่มีใครสนใจจะหยุดมันเลยสักคน ..
“มึงในตอนนี้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับกูแล้วนะมิสเทค”
ไอ้คยูมันถอนริมฝีปากออกห่าง เมื่อผมเริ่มจะขาดอากาศหายใจ
จากนั้นมันก็โอบกอดผมเอาไว้จากข้างหลังเหมือนอย่างเดิม
“….”
ผมไม่สามารถพูดอะไรได้เลยจริงๆ เพราะตอนนี้ผมกำลังรวนขั้นสุด
แค่จะหายใจผมยังไม่กล้าเลย
คำว่ารักของมันไม่รู้ทำไมถึงทำให้ผมดีใจจนพูดไม่ออกแบบนี้ก็ไม่รู้ …
หรือเพราะมันเหนือความคาดหมายไปเยอะก็ไม่รู้สิ ..
คืนนี้ผมต้องฝันดีแน่ๆ ผมเชื่ออย่างนั้น ..
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มาลงก่อนไปทำงาน
หวังว่าจะมีความสุขกับตอนนี้นะคะ
[Fic KyuMin - Special] It's Not Mistake - Sungmin Part