วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

[Fic KyuMin] Mistake 40

Mistake



Mistake 40

                มื้อเช้าวันนี้เป็นมื้อที่โคตรกระเดือกไม่ลงจริงๆ มองไปทางซ้ายแม่งก็อืมครืม มองไปทางขวาแม่งก็หน้าตายสุดๆ กูนี่แบบจะแดกอะไรไม่ลงจริงๆ เพราะพวกมันต่างคนต่างก็ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่พวกมันก็รู้อยู่ว่าในความเงียบและความอึดอัดที่แสดงออกมันมีอะไรแอบแฝง ..
                สงครามประสาทกลางโต๊ะกินข้าว มันทำเอากูโคตรรู้สึกแปลกแยก ..

                “พวกมึงเล่นอะไรกันวะ แม่ง!” พอขึ้นมาบนรถได้ ผมก็บ่นใส่ไอ้มิสเทคมันทันที
               

                “มึงหนักใจกับสิ่งเป็นอยู่ มึงก็บอกเพื่อนมึงไปดิวะ” ผมบอกไอ้มิสเทคอย่างหงุดหงิด เพราะบรรยากาศเมื่อครู่แม่งโคตรไม่เจริญหูเจริญตาเลย
                “กูลำบากใจ .. กูสงสาร ..” ไอ้มิสเทคมันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

                “สงสาร ? ไอ้สัสยังไงสักวันเพื่อนมึงก็ต้องรู้ว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน บอกเลยนะว่ากูจัดการแน่ถ้าเพื่อนมึงล้ำเส้น .. อีกอย่างมึงสงสารเพื่อน แต่ไม่สงสารน้องมึงเหรอวะที่ต้องมาอยู่บ้านเดียวกับคนที่หักอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังรู้ทั้งรู้ว่าคนที่ตัวเองชอบเสือกมาชอบพี่ชายตัวเองอีก .. มึงคิดว่าน้องมึงมันโอเคจริงๆเหรอ ?” ผมย้อนถามมันเป็นชุด เพราะอยากเตือนสติมันให้คิดอะไรให้มันมากกว่านี้หน่อย คือกูก็เข้าใจว่าเป็นเพื่อนกันมานาน แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ท่าทางจะอาการหนักอยู่เหมือนกันล่ะมั้งตอนโดนกูทิ้งน่ะ ถึงได้หันมาชอบไอ้มิสเทคที่ก็คงจะประคบประหงมเพื่อนมันเต็มที่
                ส่วนไอ้ซองจิน รายนั้นแม่งก็น่าปวดหัว ตัวเองเจ็บแสนเจ็บ แต่พอเขากลับมาก็ทำเป็นเลยตามเลยเหมือนพี่มันอีก แบบนี้ไม่เรียกว่าโง่อย่างเดียวแล้ว ต้องเติมคำว่าบรมเข้าไปด้วย ..
               
                “บอกตรงๆกูไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ในเมื่อเซอึนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนั้น อยู่ๆมึงจะให้กูพูดออกไปเหรอว่ากูไม่ได้ชอบเธอ ?  หรือไม่ก็ไล่เธอออกไปเลยเพราะหมดความจำเป็นแล้ว เฮ้ยมึง กูก็สงสารเธอนะ บางทีเธออาจจะต้องการเวลาทำใจ อีกอย่างมึงอยู่กับกู มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้ว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน” มิสเทคมันอธิบายความคิดของมัน ซึ่งกูก็ไม่มีอะไรจะเถียง ยังไงแล้วแต่มันเถอะ เพราะกูก็มีวิธีในการป้องกันของกูก็แล้วกัน
                “แล้วแต่มึงเถอะ กูไม่ได้มีปัญหาอะไร กูก็แค่เป็นห่วงน้องมึง แล้วก็อึดอัดแทนมึงด้วย บอกตรงๆบรรยากาศในบ้านตอนนี้แม่งโคตรไม่น่าอยู่เลย ..” ผมพูดออกมาตรงๆ แล้วก็ตั้งใจขับรถต่อไปจนกระทั่งถึงบริษัทอย่างปลอดภัย

                เรื่องของผมกับครอบครัวก็ยังคาราคาซังเหมือนเดิม เพราะผมปิดเครื่องไร้การติดต่ออย่างสิ้นเชิง ทางเดียวที่จะติดต่อผมได้คือต้องมาหาผมที่ออฟฟิศ หรือไม่ก็ต้องรู้ทางไปบ้านไอ้มิสเทค ซึ่งแม้แต่ไอ้เพื่อนซี้สี่ตัวนั่นยังไม่มีใครรู้เลย เพราะเมื่อวันก่อนผมเป็นฝ่ายออกไปรอมันที่ป้ายรถเมล์
                ทุกครั้งที่ผมหลับตาท่ามกลางความเงียบ ผมจะนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ตลอด ผมรู้สึกแย่ และมันเป็นความรู้สึกแย่ที่ไม่มีวันลบได้ ผมมืดแปดด้าน เพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะเริ่มแก้ตัวจากตรงไหน ในเมื่อตอนนี้ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว ถ้าหากผมจะต้องทำตัวให้ดีกว่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะต้องทำตัวดีในรูปแบบไหน ..

                ปัญหาของผมกับพ่อแม่และพี่อารามันเป็นปัญหาเรื้อรังสะสมไม่ต่างกับกรณีของไอ้มิสเทค แต่สำหรับมิสเทคผมสามารถแก้ไขมันได้ด้วยวิธีการที่ผมกับมันมาเรียนรู้กันให้มากขึ้น เพราะจริงๆแล้ว ความรักระหว่างผมกับมันเกิดขึ้นทั้งๆที่เรายังรู้จักกันไม่มากพอ แต่สำหรับครอบครัวผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไง ในเมื่อเราทั้งหมดไม่จำเป็นต้องเรียนรู้กัน และเมื่อผมมองไม่เห็นหนทางแก้ไข ความรู้สึกแย่ๆพวกนี้ก็ย่อมไม่มีวันหายไป ..
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมจะสามารถพามิสเทคมันไปแนะนำกับที่บ้านได้อีกครั้ง
ตอนนี้ผมเลยทำได้แค่ตอกย้ำตัวเองให้หลาบจำว่าพฤติกรรมแบบนั้นมันส่งผลเสียอะไรบ้าง ..
               
                “อีเมลมรณะมาแล้วโว้ยยยยยยย!” ไอ้มินโฮมันตะโกนออกมาจนเสียงดังลั่นแผนก ทำเอาผมต้องหันไปมองก็เลยเห็นโน้ตแผ่นหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เป็นไปได้ว่ามันอาจจะถูกนำมาวางตรงนี้ตั้งแต่ตอนที่ผมกำลังเหม่อก็เป็นได้
                “รอบนี้โดนขายของกันคนละ 2 วัน กูนี่โล่งสัส นึกว่าจะโดนกันคนละ 10 วันแบบคราวก่อน รอบนั้นเล่นเอางานกูค้างข้ามเดือนเลยแม่ง ..” ไอ้มินโฮมันอ่านข้อความในอีเมลแล้วก็บอกให้ทุกคนรับรู้ให้ตรงกันว่าปีนี้พวกมึงสบายแล้ว เพราะได้ยืนขายของจนขาแข็งแค่สองวันเท่านั้น

                “แต่กูได้ข่าวมาว่าจะมีสเปเชียลเซลล์มาให้พวกมึงช่วยอีกเดือนหน้า คงไม่ใช่แค่สองวันแล้วมั้งกูว่า ..” สัส ไอ้ชางมิน มึงจะรีบพูดดับฝันพวกกูทำซากอะไรวะ
                “ทำไมพวกมึงต้องโอดครวญด้วยวะ ก็แค่ขายของ ..” ไอ้พี่ฮีชอลมันถามอย่างคนไม่รู้ชะตากรรมตัวเองในอนาคตซะแล้ว

                “มันต้องยืนแปดเก้าชั่วโมงตลอดทั้งวันน่ะสิไอ้พี่ฮีชอล นั่งก็ไม่ได้ เมื่อยโคตรๆ เมื่อยแบบร่างจะแยก ยิ่งคนไม่เคยยืนนานๆนะไอ้พี่เอ้ย อย่าให้พูดเลยว่ามันทรมานขนาดไหน แถมเวลาพักบางทีอาจไม่ได้พักเที่ยงตรงนะไอ้พี่ เพราะมันต้องสลับกันไปพัก รอบนั้นกูได้แดกบ่ายสอง สัสเอ้ย กูนี่หิวจนไส้จะขาด ..” ผมหมุนตัวหันหลังไปผสมโรงคุยกับขาเม้าทั้งหลาย เพราะตอนนี้ไอ้พี่ฮีชอลปีศาจหัวแดงมันกำลังเดินยืดเส้นยืดสายจนทั่วห้อง
                “เออ แม่งระบบกระเพราะอาหารของกูนี่เกือบพังชิบหายวายวอด ..” ไอ้จงฮยอนรีบสำทับทันที ส่วนผมที่มีโอกาสได้สบตากับไอ้มิสเทคโดยบังเอิญเข้าพอดี ก็เลยหันหน้ากลับเข้าโต๊ะและได้ฤกษ์อ่านโน้ตแผ่นนั้นสักที

                มีอะไรวะ ?’ ผมเปิดรีโมทเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของไอ้มิสเทค จากนั้นผมก็เปิดเวิร์ดขึ้นมาและพิมพ์ถามมันอย่างสงสัย
                เป็นอะไร กูเห็นมึงเหม่อนานแล้ว ..’ มิสเทคมันพิมพ์ตอบกลับมา ผมที่อ่านข้อความนั้นก็เลยอมยิ้ม

                เผลอคิดมากเรื่องที่บ้านอยู่น่ะ กูโอเคดี ..’
                โอเคเชี่ยอะไร มึงเหม่อ งานการก็ไม่ทำ ..’ มิสเทคมันรีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อผมได้อ่านข้อความของมัน ผมก็หันไปมองมันพลางอมยิ้มนิดๆ

                โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง ..’ ผมตอบมันแค่นั้นแล้วผมก็ลุกขึ้นมาชงกาแฟที่หัวครัว และก็ไม่ผิดจากที่คิดนักว่ามิสเทคมันต้องเดินตามผมมา แต่ว่าการที่มันเดินเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลังแบบนี้ ผมไม่ได้คิดเอาไว้ล่วงหน้าเลย ..
ใจกูแม่งเลยสั่นไปหมด ..

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกโทษตัวเอง ผ่านมาจะอาทิตย์นึงแล้ว มึงยังโทษตัวเองไม่พอเหรอ ?” มิสเทคมันถามเสียงอู้อี้ พลางออกแรงกอดรอบเอวของผมไว้
“กูคิดออกแค่วิธีนี้จริงๆมิสเทค และมันก็เป็นวิธีที่กูสบายใจที่สุดแล้ว ..” ผมตอบมันพลางแงะตัวมันออก พร้อมกับหันหน้าเข้ามาหามัน

“มึงสบายใจจริงเหรอ ? สีหน้ามึงอมทุกข์ตลอดเวลาเนี่ยนะ ..” มิสเทคมันประครองสองข้างแก้มของผม พลางออกแรงดึงใบหน้าของผมให้โน้มลงมาหามัน เพื่อที่มันจะได้จ้องจับผิดผมได้ชัดๆ
“กูมืดแปดด้านจริงๆว่ะ .. ถึงประเด็นนี้มันจะคล้ายกับประเด็นของมึงก็เถอะ ให้ตายกูก็คิดไม่ออกอยู่ดี ..เพราะตอนนี้กูก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น จะให้กูพิสูจน์ตัวเองแบบที่ทำกับมึงมันคงไม่เห็นผล กูไม่รู้ว่ากูจะต้องดีอีกแค่ไหน ในเมื่อตอนนี้ที่กูกำลังเป็นอยู่ มันก็ไม่ได้แย่ไม่ใช่เหรอ ?” ผมตอบมันเสียงแผ่ว แล้วก็คว้าฝ่ามือของมันมากุมไว้ ..

“มึงก็แค่ทำตัวให้ดีแบบนี้ต่อไป .. ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา และมึงก็เลิกโทษ เลิกตอกย้ำตัวเองซะที เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ..เข้าใจมั้ย ?” มิสเทคมันย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ พลางตบแก้มเรียกสติผมจนหน้าชา
“สัส กูเจ็บ แม่งแดงหรือเปล่าวะ ฟาดมาได้ ..” ผมปัดมือมันออก พลางลูบสองข้างแก้มของตัวเองอย่างหัวเสีย ส่วนไอ้มิสเทคมันก็หัวเราะชอบอกชอบใจใหญ่

“เจ็บๆสิดี จะได้เลิกบ้า!” มิสเทคมันเถียงขึ้นมาทันควัน ผมก็เลยได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไล่หลังมันที่เดินออกจากห้องครัวไป ..
 และเมื่อเหลือผมเพียงแค่ลำพัง ริมฝีปากมันก็วาดขึ้นเป็นรอยยิ้มในทันที ..

ตกเย็นผมอยากกินอาหารทะเล ผมก็เลยบอกให้ไอ้มิสเทคมันแวะซื้อมาทำให้กิน ซึ่งมันก็ไม่ปฏิเสธแถมยังไม่บ่นกูสักคำ มื้อเย็นวันนี้ก็เลยอลังการงานสร้างมากๆ เพราะต้องกินต้องแดกกันสี่คน มิสเทคมันเลยต้องทำเยอะอย่าง ..
“วันนี้โคตรจะลาภปากเลย มีปูดิบหมักซอสถั่วเหลืองด้วย ..” ไอ้ซองจินมันพูดขึ้นกลางวงอาหารตรงพื้นที่เล็กๆบริเวณหน้าประตูบ้าน แถมยังทำตาวาวอีกต่างหาก ส่วนกูนี่เซย์โนว์เลยจ้า เพราะกูไม่นิยมแดกปูดิบ มิสเทคมันเลยนึ่งปูให้กูแดกกับซอสถั่วเหลือง เพราะมันกลัวกูอดแดกปูราคาแพงสัสๆ

“ได้กินซุปร้อนๆค่อยโล่งคอหน่อยเนอะ ..” เซอึนหันไปพูดกับไอ้มิสเทค หลังจากตักซุปเผ็ดๆกินไปหนึ่งคำ กูก็เลยตักกินบ้าง พร้อมกับคุ้ยเอาของทะเลหลายๆอย่างมากินด้วย กูจะได้สารอาหารอย่างครบถ้วน
“มึงจะเอาด้วยมั้ย ?” มิสเทคมันหันมาถามผม เมื่อมันแกะหอยเชลล์ย่างให้ไอ้ซองจินไปหลายฝา แล้วคิดเหรอว่ากูจะปฏิเสธเรื่องกิน แหม่! ความคิดนั้นมันไม่เคยมีในพจนานุกรมของกูเว้ย ..

“พี่อย่าแย่งผมกินหมดนะเว้ย ..” ไอ้ซองจินแม่งมีหวงกูด้วย เหอะ นี่กูเห็นว่ามึงกำลังเสียใจแบบต้องเก็บให้มิดอยู่นะ กูถึงยอมมึงน่ะ
“กูเอากุ้งก็ได้ ..” ผมตอบเลี่ยงๆทำทีเป็นไม่อยากแดกอะไรมากมายนัก จากนั้นมิสเทคมันก็แกะกุ้งย่างหอมฉุยให้กูแดก แต่ดันมีมารผจญ เพราะเซอึนก็ดันชอบแดกกุ้งอีก ไอ้สัส กูไม่แดกแล้วก็ได้วะ

“หมึกย่าง ..” ผมยกยิ้มให้มัน แล้วก็คีบหมึกย่างที่ไอ้มิสเทคมันคีบใส่ในจานผมมากิน แล้วก็ปิดท้ายด้วยกิมจิให้คล่องคอ เพราะเครื่องเคียงชนิดนี้เป็นอะไรที่กูขาดไม่ได้
“แดกเองบ้างดิ แกะให้คนโน้นคนนี้อยู่ได้ ..” ผมบ่น แล้วก็ลุกเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบน้ำเย็นๆมาเติม

“สัส .. มึงซื้อปลาไหลมาด้วย ไอ้เชี่ย มึงจงใจเก็บไว้แดกคนเดียวใช่มั้ยมิสเทค ใจร้าย ..” ผมโวยวายยกใหญ่ที่ไอ้มิสเทคมันมีของดีแล้วอุบเงียบ
“หึ” มิสเทคแม่งหัวเราะชั่วร้ายมาก แล้วแม่งไม่ยอมคีบจากเตามาให้กูด้วย กูเลยต้องเดินไปหาเตาย่างด้านหลังของมันแทน ไม่อย่างนั้นกูไม่มีทางได้แดกปลาไหลย่างของโปรดกูแน่ ..
ซึ่งเมนูนี้เคยทำให้กูกับมันทะเลาะกันที่ปูซานมาแล้ว เพราะมันดันเป็นเมนูโปรดของเราทั้งคู่!

“มึงต้องเสียสละดิ มันมีอยู่ไม่กี่ตัวเองนะเว้ย” มิสเทคมันว่าพร้อมกับยึดตะเกียบกู ห่า .. นิสัยเสีย
“เออ แม่ง” บอกเลยว่ากูงอน ต่อให้เอาปลาไหลย่างมาง้อกู ยังไงกูก็ไม่มีทางคืนดีด้วยง่ายๆแน่ ไอ้ห่ามิสเทคแม่ง ทำไมต้องกินเหมือนอร่อยชิบหายขนาดนั้น กูนี่นั่งมองน้ำลายยืดเลยไอ้สัส กูมันพลาดเองที่ไม่ได้รีเควชเมนูนี้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ..

ครืด ครืด ..

“ครับ .. อยู่ครับ .. โทรศัพท์มึง” มิสเทคมันเดินไปล้างมือตรงก๊อกน้ำที่สวนหน้าบ้าน จากนั้นถึงค่อยรับสายแล้วก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมก็เลยมองหน้ามันอย่างต้องการคำตอบว่าคนที่จะคุยกับกูมันคือใคร
“พี่มึง .. รับดิ เขาเป็นห่วง ..” มิสเทคมันบอก ผมก็เลยรับโทรศัพท์มาถือไว้และเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินทะลุออกไปคุยข้างหลังบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว

“ว่า ?” ผมยืนพิงกำแพงบ้าน พร้อมกับส่งเสียงไปตามปลายสาย
“แกปิดเครื่องทำไม ฉันติดต่อไม่ได้เลย ..” พี่อาราทำเสียงดุนิดๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะดุจริงจังอะไรมาก เพราะความเป็นห่วงมันมีมากกว่าต้องการจะตำหนิ

“ผมยังไม่พร้อมจริงๆว่ะ ตอนนี้คือแย่ .. แย่มากจริงๆ” ผมทรุดตัวลงนั่งยองๆกับพื้นดิน พลางเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบกิ่งไม้มาเขี่ยดินเล่น
“แกก็ไม่น่าจะคิดน้อยเลยนี่หว่า .. อีกอย่างเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเคยโดนครั้งแรก .. ทำไมไม่จำ ?” พี่อาราถาม พลางถอนหายใจอย่างเป็นกังวลไปด้วย

“อารมณ์นั้นใครมันจะทันคิดกันล่ะ ...
“เห้อ .. แกก็อย่าคิดมาก พ่อกับแม่ก็แค่ตกใจที่แกคบผู้ชายด้วยกัน คือแกก็รู้ใช่ป่ะว่ามันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมากอ่ะเรื่องนี้ แล้วอีกอย่างเขาก็โมโหที่เห็นแกทำอะไรแบบนั้น ทั้งๆที่เขาก็บอกปากเปียกปากแฉะ อารมณ์นั้นเขาไม่มานั่งคิดหรอกว่าแกกำลังมีอะไรกับคนที่แกชอบน่ะ ..

“แล้วผมต้องทำยังไงล่ะ ? ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว ..
“เห้อ แกเฉยๆไปก่อนแล้วกัน พ่อกับแม่คงกำลังใช้ความคิด แกต้องให้เวลาหน่อย อย่างน้อยนะตอนนี้เขาก็มองแฟนแกใหม่แล้ว .. แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นที่เขาโกรธ เพราะเขาโกรธที่พฤติกรรมไม่ดีของแกมากกว่า .. แต่ถ้าให้เดาฉันคิดว่าพ่อกับแม่น่าจะไม่โกรธแกแล้วแหละ ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรหาแกหรอก .. อย่างที่เคยบอกว่าฉันเคยชมแฟนแกให้พ่อกับแม่ฟัง ฉะนั้นพฤติกรรมของแกตอนนี้ จากที่ฉันตามดู ตามคุม ฉันก็บอกท่านหมด มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านจะโกรธแกอีกในเมื่อพวกท่านก็รู้ว่าเรื่องระหว่างแกกับซองมินมันเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว .. เพียงแต่เขาไม่เคยรู้ไงว่าแฟนแกที่ฉันพูดๆไปเนี่ยหน้าตาเป็นยังไง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าชื่ออะไร เพราะฉันบอกพวกท่านเองว่าถึงเวลาแกจะพามาแนะนำให้รู้จัก ท่านก็เลยไม่เซ้าซี้ เอาง่ายๆมันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะแหละ ไม่เห็นเหรอ พอแกบอกว่าแกจริงจังกับคนนี้พวกท่านถึงได้เงียบไปน่ะ .. แกต้องให้เวลาพวกท่านทำใจจริงๆ มันกะทันหันเกินไป เข้าใจไหม ? แต่เรื่องที่ท่านบอกว่าเสียใจและผิดหวังนั่นน่ะมันเป็นเรื่องจริง แกอย่ากลับไปทำตัวแบบนั้นอีกแล้วกัน ถ้าแกไม่อยากเจ็บใจแบบนี้ ..” ผมน้ำตาไหลอีกแล้ว แค่รู้ว่าพวกท่านอาจจะไม่โกรธผมแล้ว

“ผมจะไม่ทำแล้ว .. พี่เชื่อผมนะ .. ผมรู้สึกผิดจริงๆครับ ข้างในนี้มันเจ็บไปหมดเลย ..” ผมสะอื้นพร้อมกับให้คำมั่นสัญญากับพี่สาวของตัวเอง
“ดีแล้ว .. อย่าคิดมากล่ะ เปิดเครื่องไว้ด้วยเผื่อพ่อกับแม่จะโทรหาแกอีก ..

“อืม”
“ถ้าแกมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่าคำแนะนำของฉันและต้องการความช่วยเหลือ แกบอกฉันได้ทันที ..

“ครับ .. ผมรักพี่นะ ” ผมก้มหน้าปาดน้ำตาป้อยๆ พลางบอกรักพี่สาวตัวเองเสียงอ่อย
“หึ .. ฉันก็รักแกไอ้น้องบ้า แค่นี้นะจะอาบน้ำนอนละ ..

“อื้อ” หลังจากที่วางสายกับพี่อาราเรียบร้อยแล้ว ผมก็นั่งก้มหน้าพร้อมกับยิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน เพราะใจที่มันอัดแน่นไปด้วยความเครียด เริ่มคลายตัวจากการบีบรัดตัวเองสักที ..
“เป็นอะไร ?” มิสเทคมันนั่งยองๆตรงหน้าของผม พร้อมกับงัดใบหน้าของผมให้เงยขึ้นมองสบสายตากับมัน

“กูดีใจ ..” ผมบอกมันพลางยกยิ้มขณะที่น้ำตาก็ยังคงไหลอยู่บนนั้น
“ดีใจแล้วร้องไห้ทำไมวะ ?” มิสเทคมันถามขำๆ ขณะที่มันก็เช็ดน้ำตาให้ผมไปด้วย

“พ่อกับแม่ดูเหมือนจะหายโกรธกูแล้ว .. พวกท่านมองมึงในทางที่ดีขึ้นแล้ว .. กูควรจะทำยังไงดีวะ กูไม่อยากรออยู่เฉยๆ กูควรจะทำยังไงดีมึง กูดีใจจนมือสั่นไปหมดแล้ว ” ผมตอบมันอย่างลนลานเพราะผมดีใจมาก ดีใจเนื้อเต้นไปหมด ซึ่งพอโดนมิสเทคมันจูบปิดปากแบบนั้น ผมก็เลยพูดอะไรไม่ออก คล้ายๆกับช็อคไปเลย ..
“มึงพูดมาก ..” มิสเทคมันบอกแค่นั้น แล้วก็ขยับตัวมานั่งยองๆข้างๆผม

” ผมไม่ได้โต้เถียงอะไร แต่กลับยกยิ้มค้างอยู่แบบนั้นเพราะสัมผัสอุ่นๆมันยังติดอยู่บนริมฝีปากผมอยู่เลย
“มึงลองทำแบบที่มึงทำกับกูดีไหม ? กลับไปทำให้ท่านเห็นว่าตอนนี้มึงเป็นคนใหม่แล้ว บางทีท่านอาจจะยังไม่เคยรู้จักมึงคนนี้ก็ได้ เพราะมึงคนนี้เอาแต่ขลุกตัวอยู่กับกูไม่ใช่เหรอ ฉะนั้นมึงก็ควรจะไปทำความรู้จักกับท่านในฐานะลูกชายคนเดิมที่นิสัยดีขึ้นนะ ..” มิสเทคมันเสนอความคิดเห็น

“แต่พฤติกรรมของกูอยู่ในสายตาของพวกท่านมาตลอดนะมึง .. กู ..” ผมพยายามหาข้ออ้าง เพราะใจนึงผมก็เกร็งๆอยู่เหมือนกันถ้าจะต้องกลับไปอยู่บ้าน และอีกใจก็ห่วงเรื่องอื่นด้วยเหมือนกัน
“มึงแน่ใจเหรอว่ามึงอยู่ในสายตาของท่านตลอดเวลาจริงๆ ยังไงมันก็ต้องมีช่องโหว่บ้างแหละ .. มึงกลับไปทำให้ท่านภูมิใจดีกว่ามั้ย มึงไม่เห็นต้องกลัวเลยวะ ในเมื่อมึงเป็นคนบอกกูเองว่าพวกท่านอาจจะหายโกรธมึงแล้ว ..” กูตอนนี้กำลังห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะถ้ากูไปก็เท่ากับกูยอมเปิดทางให้เพื่อนมึงทำคะแนนน่ะสิ ในเมื่อเขาทำเนียนมึงก็ทำเนียนเหมือนเขาแบบนี้ กูจะแน่ใจได้ยังไงว่าความเนียนมันจะไม่ทำให้เพื่อนมึงยิ่งรู้สึกดีกับมึงมากกว่าที่เป็นอยู่ ..
ความใกล้ชิดมันน่ากลัวซะด้วยสิ ..

“มึงก็ไปกับกูสิ ” ในเมื่อผมอยากจะยิงปืน ผมก็ต้องยิงปืนนัดเดียวให้ได้นกถึงสองตัว ไม่อย่างนั้นผมอาจมีสิทธิ์ขาดทุนจนล่มจมก็ได้
“แล้วซองจินล่ะ กูไม่อยากให้อยู่ด้วยกันตามลำพังเลย เพราะกูรู้สึกว่าซองจินยังไม่ค่อยจะโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้สักเท่าไหร่ ..

“ก็ให้มันไปอยู่คอนโดกูดิ ยังไงก็ไม่มีใครอยู่แล้วนี่ .. เห้อ พวกมึงสองคนแม่งน่าปวดหัวว่ะ ทำไมชอบทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยากวะ จะแคร์อะไรกับคนรอบข้างมากกว่าตัวเองนักหนาวะ ..” พอพูดมาถึงเรื่องเซอึน ผมก็อดบ่นไม่ได้เพราะสองพี่น้องแม่งทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นด้วยกันทั้งคู่ แต่ยังไงความอึดอัดที่แสดงออกมันก็ยังมองเห็นได้ด้วยตาอยู่ดี
“คนรอบข้างที่มึงว่า เขาก็สำคัญต่อพวกกูเหมือนกันนะ .. ไม่ว่าจะมึงหรือเซอึนทุกคนล้วนสำคัญในสถานะของตัวเอง” เออ แม่งทีกับกูล่ะทำตัวชัดเจน ทำไมไม่ไปชัดเจนกับเพื่อนมึงวะ

“ถึงเวลาเมื่อไหร่กูจะทำให้มันชัดเจนแน่ๆ มึงไม่ต้องกลัว ..” มิสเทคมันพูดแล้วก็ลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวเข้าบ้าน แต่กูที่สายตาดันดีเลิศจนเกิดเหตุ เลยเสือกเหลือบไปมองเห็นเซอึนยืนแอบอยู่ตรงปากประตูหลังบ้านเข้าพอดี กูก็เลยก้าวเดินเข้าไปประชิดตัวไอ้มิสเทค พร้อมกับขังมันไว้กับกำแพงมนุษย์อย่างกูและกำแพงอิฐด้านหลัง ..
กูประกบปากจูบมันอย่างลึกซึ้ง โดยไม่มีการตะล่อมขออนุญาตแต่อย่างใด ดังนั้นเรียวลิ้นของเราสองคนจึงพันพัวกันจนแทบแยกไม่ออก และเมื่อเราต่างก็ตอบรับในรสสัมผัสอันลึกซึ้งของกันและกันอย่างแนบแน่น ..
เสียงจูบของเราจึงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อพื้นที่ตรงนั้นมันมีแต่ความเงียบสงบ

ผมปล่อยให้มิสเทคมันเป็นฝ่ายไล่ต้อนผมอย่างที่ไม่เคยให้โอกาสมันมาก่อน ดังนั้นมันจึงปรนเปรอบทจูบอันร้อนแรงของมันให้ผมอย่างเต็มที่ โดยที่เนื้อตัวของเราก็แนบชิดสนิทกันจนแทบจะรวมร่าง ..
ซึ่งถ้าเซอึนยังไม่ยอมล่าถอยไปล่ะก็
บางทีผมกับมัน อาจจะได้เสียกันตรงนี้ก็เป็นได้



  <-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มาต่อแล้วจ้า คนเพี้ยนฉลาดอีกแล้ว แอบหนีบมิสเทคหนีเซอึนซะงั้น
คนเพี้ยนชีวิตครอบครัวใกล้จะเลิกดราม่าแล้ว คึคึ
คาดว่า 50 ตอนก็น่าจะจบ

เราเปิดจองฟิค Grey & White Diary แล้วใครสนใจลองกดเข้าไปอ่านรายละเอียดได้เลยค่ะ
เรื่องนี้ซองมินป่วยเป็นลูคีเมีย จะเล่าถึงการรักษาโรคนี้และความรักของคยูมิน
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1113114&chapter=49

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 มีนาคม 2558 เวลา 23:23

    กี้แกนี่มันร้ายกาจจริงเลย สนับสนุนให้เซอึนอยู่อยู่ตรงนั้นแหละ 55

    ตอบลบ