เพาะรัก
✈
23✈
เช้านี้ผมจำต้องตื่นจากฝัน เพราะเสียงเคาะประตูที่ดังลั่น
และเมื่อผมเดินไปเปิดประตูก็พบกับคุณชางมินที่กำลังถือจานบุลโกกิอยู่ตรงหน้า
“ผมทำเอาไว้ซะเยอะ เลยเอามาแบ่งให้”
คุณชางมินกล่าวพร้อมกับยื่นจานอาหารตรงหน้ามาให้
“ขอบคุณครับ
แต่ผมยังทานของพวกนี้ลำบากนะ..” ผมแกล้งหยอกคุณชางมินด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง
“อ่า.. ถ้าอย่างนั้นก็เอาให้เพื่อนคุณทานแล้วกัน
พอดีผมอยากทานหมูมาก คุณก็เข้าใจใช่ไหมว่าประเทศที่ผมไปอยู่ เขาไม่ทานกัน..” คุณชางมินเกาท้ายทอยแก้เก้อ จากนั้นเขาก็งัดสารพัดเหตุผลเพื่อให้ผมรับบุลโกกิชามนี้เอาไว้
“ขอบคุณนะครับ
ยังไงผมจะลองชิมดูนะ สักชิ้นนึงก็ได้..” ผมตอบ
พลางยกยิ้มให้เขาสบายใจว่าอาหารที่เขาทำจะไม่ถูกทิ้งให้เสียเปล่า
“ดีมาก~ อ้อ! วัตถุดิบพวกนี้ ผมซื้อมาจากเงินเบี้ยเลี้ยงของคุณนะ
อย่าบอกไอ้คยูมันล่ะ..” คุณชางมินขยิบตาให้ผม
จากนั้นเขาก็ยกฝ่ามือขึ้นมาขยี้เรือนผมของผมจนยุ่งเหยิงไปหมด แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะกับการกระทำของเขาเบาๆ ก่อนจะปิดประตูห้องให้สนิท..
พอหลังจากทานมื้อเช้าที่คุณชางมินเอามาให้จนหมด
ผมก็จัดการล้างจานให้เรียบร้อย แล้วก็แยกตัวออกมารดน้ำต้นไม้ตรงข้างระเบียง
จากนั้นก็จัดการย้ายราวตากผ้าออกมาไว้ข้างนอก เพราะวันนี้ท้องฟ้ากำลังปลอดโปร่ง
“ผมบอกคุณแล้วว่าเดี๋ยวผมย้ายเอง
ทำไมไม่เชื่อกันเลย..” คุณจงฮยอนที่ไม่รู้ว่ามาถึงห้องของผมเอาตอนไหน ถึงได้เข้ามาแย่งผมย้ายราวตากผ้าออกมาไว้ตรงนอกระเบียงซะได้
“ผมเห็นว่าแดดมันกำลังออกพอดีน่ะครับ.. ก็เลยจะย้ายมันเอง..” ผมตอบ
พลางถอยออกมายืนอยู่ตรงมุมกำแพง เพื่อที่คุณจงฮยอนจะได้ลากราวตากผ้าที่ทั้งหนักทั้งสูงใหญ่ได้ถนัดๆ
ครืดดดดดดดด
“ผมขอคุยอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม
?”
พอคุณจงฮยอนจัดการเลื่อนราวตากผ้าให้เข้าที่เข้าทางจนเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ
เขาก็เลื่อนประตูระเบียงให้ปิดสนิทลง
ส่งผลให้เราสองคนตัดขาดจากอีฮยอกแจที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้านในทันที
“ครับ ?” ผมตอบพลางส่งสายตาแห่งความสงสัยไปให้คุณจงฮยอน จากนั้นก็เหลือบไปมองยังตุ๊กตาดันโบะที่มีกล้องวงจรปิดแอบซ่อนอยู่อย่างกังวลใจ
เพราะในใจของผมมันรู้สึกว่า เรื่องที่คุณจงฮยอนต้องการจะพูด มันอาจจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อผม..
“ที่ผมเคยถามคุณว่า
ผมจีบคุณได้ไหม.. คำตอบของคุณคือไม่ได้ใช่หรือเปล่า
?” คุณจงฮยอนถามผมอย่างตรงไปตรงมาเสียจนผมไม่กล้าที่จะปริปากบอกหรือแม้กระทั่งจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
เพราะสายตาของเขามันฉายแววแห่งความเจ็บปวด อีกทั้งยังผสมปนเปไปด้วยความคาดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“ผ..ผม..” ผมได้แต่อมพะนำอยู่อย่างนั้น
แต่แล้วก็ต้องตัดสินใจพยักหน้าเพื่อยืนยันคำตอบ
ครืด ครืด..
ทันทีที่โทรศัพท์มันสั่น
ฝ่ามือของผมก็รีบยกขึ้นกอบกุมกระเป๋ากางเกงของผมแน่น
ขณะที่สายตาของผมกำลังจดจ้องไปยังตุ๊กตาดันโบะอย่างตื่นตระหนก
ด้วยเพราะผมกำลังคาดเดาเอาไว้ว่า คนปลายสายที่กำลังโทรหาผมในตอนนี้
อาจจะเป็นลูกเรือของสายการบินอาหรับ ที่อาจจะตื่นนอนแล้วและคงจะเข้าไปเช็คโปรแกรมสำหรับตรวจจับความเคลื่อนไหวของกล้องวงจรปิดตามกิจวัตรประจำวันของเขาก็เป็นได้..
“ผมขอตัวนะครับ..” ผมบอกคุณจงฮยอนเบาๆ
จากนั้นผมก็รีบแทรกตัวเพื่อไปเปิดประตูระเบียงและตั้งใจจะเดินลงไปคุยกับพี่เขาที่สวนของหอพัก
โดยขณะที่ผ่านบริเวณเตียงนอนผมถึงได้เหลือบไปเห็นว่าอีฮยอกแจไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
เพราะเขากำลังอยู่กับคุณซีวอนที่อาการดีขึ้นกว่าอีฮยอกแจอยู่มาก ผมจึงก้มหัวทักทายเขาแล้วก็รีบเดินเร็วๆออกจากห้องไป
“หมอนั่นมันเข้ามาในห้องเรากี่ครั้งแล้ว?” ทันทีที่ผมโทรกลับไปยังปลายสาย พี่เขาก็รีบตัดสายของผมทิ้งเพื่อที่จะโทรกลับมาหาผม
จากนั้นอีกฝ่ายก็รีบตั้งคำถามใส่ผมด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
“ก็หลายครั้งแล้วครับ.. พอดีว่าคุณจงฮยอนเขาเห็นว่าผมอาการไม่ค่อยดี ก็เลย..” ผมตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วหวิว
พลางเบ้หน้าเพราะความเจ็บเมื่อต้องเดินลงบันได
“เฮ้อ!” พี่คยูยังไม่ทันจะฟังที่ผมตอบคำถามจนจบ
จู่ๆเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด
“เป็นอะไรไปครับ..” ผมถามทั้งๆที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพี่เขากำลังรู้สึกอย่างไร
“หึง” ลูกเรือของสายการบินอาหรับคนนั้น
ตอบผมด้วยน้ำเสียงจริงจังด้วยคำเพียงสั้นๆ แต่กลับทำให้ผมใจสั่นได้อีกนาน
“...”
“ถ้าพี่กลับไปหาเราเมื่อไหร่
พี่ไม่อนุญาตให้มันเข้ามาดูแลเราที่ห้องอีกแล้วนะ.. แล้วถ้าเกิดมันยังเข้ามาอีก เราน่ะแหละที่จะเจอดี!” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ แต่ผมกลับยิ้มร่าที่พี่เขาไม่ได้ไม่พอใจจนถึงขนาดโกรธผมที่อนุญาตให้คุณจงฮยอนมาดูแลถึงห้องแบบนั้น..
“พี่ก็รีบๆกลับมาสิครับ ผมน่ะ.. อยากให้พี่มาทายาให้ แล้วก็อยากให้พี่เรียกผมมากินยา
กินข้าว แล้วก็กินน้ำด้วย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
จนอีกฝ่ายต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าเจอหน้ากัน ขอให้อ้อนได้แบบนี้นะ”
พี่เขาพูดดักคออย่างรู้ทัน จนผมถึงกับหุบยิ้มแทบจะทันที เพราะถ้าหากได้เจอหน้ากัน
ผมคิดว่าผมคงจะไม่กล้าพูดแบบนี้ออกไปแน่ๆ
“…”
“เชี่ย! สายแล้วโว้ย! พี่ไปอาบน้ำก่อนนะฮาบี
ตี๊ด---” ผมยิ้มขำกับอาการร้อนรนของอีกฝ่าย
จนกระทั่งพี่เขาวางสายไปแล้ว
ผมก็ยังคงนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งยาวใต้ต้นไม้ในสวนของหอพักเงียบๆคนเดียว
“…”
“รู้สึกดีจัง..” ผมกุมโทรศัพท์เอาไว้แน่น พลางมองจ้องราวกับว่าจะได้เห็นคนไกลปรากฏอยู่ในนั้น
“ไอ้น่ารักเอ๊ย!” ผมสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ
คุณชางมินก็เข้ามาทักทายผมด้วยการขยี้หัวของผมจนยุ่งเหยิงไปหมด แถมยังเรียกผมว่า ‘ไอ้น่ารัก’ อีกต่างหาก
“ระวังนะซองมิน
ถ้าเกิดไอ้คยูมันคลั่งมากๆ จะโดนรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว~ ยิ่งมีหนุ่มหน้าตาดีใส่เครื่องแบบ ATC มาหาถึงห้องทุกวัน โอ้ววว! แย่แน่ๆ”
คุณชางมินทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม พร้อมกับพาดแขนไว้บนพนักพิงของเก้าอี้ทางฝั่งของผม
อีกทั้งยังนั่งไขว้ห้างพูดจาข่มขู่ผมอย่างโจ่งแจ้งอีกต่างหาก
“พี่เขาทราบแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจมากนี่ครับ..” ผมหันไปตอบคุณชางมิน
“ผู้ชายอย่างไอ้คยูน่ะนะ.. ถ้ามันหวง มันหึง มันจะไม่ค่อยพูดหรอก.. แต่ถ้ามันพูดออกมาเมื่อไหร่ แสดงว่ามันกำลังรู้สึกแบบนั้นในระดับที่..มาก..” คุณชางมินชี้นิ้วพลางขยับไปมาตรงหน้าผม
คล้ายกับกำลังสั่งสอนเด็กที่ไม่ประสีประสาอย่างผม
“…” หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของคุณชางมิน
แก้มของผมก็ร้อนฉ่า อีกทั้งสายตาก็ไม่กล้าจะมองสบคุณชางมินอีกด้วย
“ผู้ชายแถบตะวันออกกลางน่ะ
ขี้หึงมากนะ..”
คุณชางมินบอกกับผมแบบนั้น แล้วก็ขยี้เรือนผมของผมแล้วก็ลุกเดินจากไปอีกแล้ว
อ่า.. ใจของผม..
ทำไมมันเต้นรัวแบบนี้นะ..
“อ่า.. ฝนตกแล้ว..”
ผมยกมือขึ้นรองสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า
พลางยกยิ้มจนเต็มแก้มไปพร้อมๆกับการเบ้หน้าน้อยๆ
เมื่อหยาดฝนมันตกกระทบลงบนเนื้อแผล
“…”
“นึกถึงเดทแรกเลยแฮะ..” ผมยกยิ้มคนเดียว พลางหัวเราะเบาๆ
เมื่อคิดย้อนไปถึงทริปแรกระหว่างผมกับลูกเรือของสายการบินอาหรับที่เมืองจินเฮ ซึ่งในตอนนั้นความสัมพันธ์ของเรายังไม่พัฒนามาไกลจนถึงขั้นที่จะเรียกว่า
‘คบหา’ กัน
“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกน่ะ”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียง ก็พบว่าคุณฮีชอลกำลังยืนกางร่มให้ผมอยู่
“คุณฮีชอลมาหาผมเหรอครับ ?” ผมย้อนถามพลางลุกขึ้นยืนและก้าวเดินไปพร้อมๆกับคุณฮีชอลที่ส่งสายตาบอกผมว่า
‘นายควรจะขึ้นห้องได้แล้ว’
“เปล่า.. หมอนั่นต่างหากที่อยากมาหานาย” คุณฮีชอลตอบหน้านิ่ง ผมที่ได้ฟังอย่างนั้นก็ถึงกับนิ่งเงียบเพราะความเขิน
เนื่องจาก ‘หมอนั่น’ ที่คุณฮีชอลเขาพูดถึงคือโจวคยูฮยอนคนรักของผม
“ล้อเล่นน่ะ
ฉันมาหานายนั่นแหละ.. ว่าแต่อาการดีขึ้นมากแล้วนี่”
คุณฮีชอลวางร่มชื้นน้ำฝนไว้บนพื้นตรงหน้าประตูกระจกตรงหน้าหอพัก
จากนั้นก็หันมาสำรวจร่างกายของผมอย่างละเอียด
“ครับ.. ตอนนี้ผมหายไข้แล้ว เหลือแค่แผลที่หน้ากับหัวเข่า แล้วก็รอยช้ำตรงหน้าท้องแค่นั้นเองครับ..” ผมตอบพลางยกยิ้มให้คุณฮีชอลสบายใจ
“ดีแล้ว
ไอ้คยูมันจะได้สบายใจ” คุณฮีชอลยกยิ้มให้ผมเป็นครั้งแรก ผมจึงรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ที่คนรอบๆกายของลูกเรือจากสายการบินอาหรับ นามว่าโจวคยูฮยอนกำลังนึกเอ็นดูในตัวผม
“ก็อย่างที่บอก
ไอ้หมอนั่นมันชอบทำตัวเป็นอากาศรอบๆ ตัวนายอยู่เรื่อย พอได้เห็นนายในสภาพนั้น ฉันเลยพลอยเป็นห่วงไปด้วย”
พอคุณฮีชอลกล่าวจบ เขาก็ก้มลงไปหยิบร่มขึ้นมากางเหนือศีรษะอีกครั้ง
“…”
“ตากฝนซะตัวชื้นขนาดนั้น.. ฉันว่านายได้ป่วยต้อนรับไอ้หมาบ้าแน่ๆ”
คุณฮีชอลบอกผมแบบนั้น แล้วก็เดินเอามือล้วงกระเป๋าจากไปพร้อมกับร่มคันใหญ่
“…” หลังจากที่ได้ยินคำเตือนด้วยความหวังดีของคุณฮีชอล ร่างกายของผมมันก็เริ่มรู้สึกหนาวๆขึ้นมาบ้างแล้ว
ผมจึงเลิกมองตามคุณฮีชอลที่กำลังจะเดินหายลับไปจากประตูรั้วหน้าหอพักในทันที
แค่ก แค่ก
“มึงต้องบ้าแค่ไหนวะ
ถึงไปนั่งตากฝนซะมอมแมมแบบนั้น ?”
อีฮยอกแจต่อว่าผมด้วยประโยคๆนี้เป็นรอบที่ร้อยแล้ว ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาในห้องที่ว่างเปล่า
เพราะคุณจงฮยอนกับคุณซีวอนเขากลับไปแล้ว กระทั่งอาบน้ำสระผมจนเสร็จ อีฮยอกแจก็ยังคงบ่นผมด้วยประโยคนี้ไม่เลิก
“…” ผมก็ได้แต่เงียบ เพราะผมเองก็บ้ามากจริงๆ
ที่ไปนั่งตากฝนแบบนั้น
“กินยาเลยมึง เอาไดร์มาเป่าผมด้วย
อย่าขี้เกียจ” อีฮยอกแจมันสั่ง
พร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้ผมเพื่อแย่งผ้าผืนเล็กไปจากมือของผม
เพื่อไล่ให้ผมไปยืนเป่าผมตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“…”
ผมอมยิ้มพลางยืนเป่าผมตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างว่าง่าย
“ยังจะยิ้มอีก
กูกำลังด่ามึงอยู่นะ!”
อีฮยอกแจรีบโวยวายทันทีที่มองเห็นผมกำลังยิ้มผ่านทางกระจกบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้ง
“…”
ผมก็เลยต้องเม้มปากเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้มตลอดการเป่าผมในครั้งนี้ กระทั่งเส้นผมมันเริ่มแห้งสนิท
ผมก็เดินไปหยิบยาแก้ไข้มากินดักเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้หัวผมเริ่มมึนๆ เบลอๆ
ขึ้นมาอีกแล้ว
“นอนเลย
โทรศัพท์อะไรนั่นก็เลิกสนใจไปก่อน..”
พอผมจะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่งขึ้นมาดูว่ามีข่าวคราวอะไรที่มันเกี่ยวกับลูกเรือของสายการบินอาหรับคนนั้นไหม
อีฮยอกแจมันก็รีบพูดขัดคอขึ้นมาอีก
“ห้านาทีได้ไหม ? พี่คยูอัพไอจีหากูพอดีเลย..” ผมหันหน้าจอโทรศัพท์ที่มันเด้งเตือนว่ามีใครบางคนเขากำลังพูดถึงผมผ่านทางแอปพลิเคชั่นอันคุ้นเคยอยู่
“เออ.. อ่านเสร็จแล้วนอนนะมึง” พออีฮยอกแจมันอนุญาตผมเสร็จ
มันก็ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้ผมเพื่อมอบพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆให้ผมได้ใช้เวลาอยู่กับคนรักเพียงครู่
ลูกเรือของสายการบินอาหรับคนนั้น
เขาอัพโหลดรูปของเจ้าเบดกำลังอ้าปากคล้ายกับจะแยกเขี้ยวใส่กล้อง
พร้อมด้วยแคปชั่นยาวๆว่า
GaemGyu: คุณพ่อบอกเบดว่า
พี่ @ImSMI กำลังป่วย ถ้างั้นเบดให้ไปก็ได้.. แต่ถ้าหายป่วยแล้ว ต้องคืนคุณพ่อมาให้เบดนะ..
ImSMI: ไม่คืนไม่ได้เหรอเบด..
GaemGyu: ไม่ได้!
เบดก็คิดถึงคุณพ่อนะ
ImSMI: พี่ก็..
คิดถึงเหมือนกันนี่..
GaemGyu: เอ้าๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน เดี๋ยวพ่อพาพี่ซองมินมาอยู่ด้วยเลยดีกว่า
เบดจะได้ไม่ต้องคิดถึงพ่อ ส่วนซองมินก็จะได้ไม่ต้องคิดถึงพี่ด้วย คึคึคึคึ
Chimchang: อ้วกได้มั้ย
?
Mino : กระโถนพร้อม อ้วกเลยเพื่อน คึคึคึ
A.Imran : เดี๋ยวนี้ @ImSMI เป็นคนแบบนี้เหรอวะ? อ้อนว่ะ!
Chimchang: เชี่ยยยยยยยยยยยยยย
Mino : เหยดดดดดดดดดดด
GaemGyu: ไอ้เชี่ย! มึง! อ่านออกเหรอวะ ?
Mino: ตามที่พวกกูเข้าใจ
มึงไม่ใช่แค่ฟังออกเฉยๆเรอะ?
A.Imran: กูรู้ กูเรียนมา! กูเข้าใจหมดแหละ ไอ้สัส!
แค่กูไม่แสดงออกเฉยๆเว้ย!
Mino: เชี่ยแล้ว
แยกย้ายตัวใครตัวมัน ไอ้สัส! อิมรานแม่งร้ายยยยย~~~~~~
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
วันนี้มาอัพดึกหน่อย เพราะว่าออกไปตะลอนข้างนอกมาทั้งวันเลย 555
หยุดยาวสัปดาห์นี้ใครได้หยุดก็ขอแสดงความยินดีด้วย ฮือออ เราไม่หยุด ได้แต่นั่งอิจฉา เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ฟิคอาจจะไม่ได้อัพทุกวันก็เป็นได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับความง่วงหลังเลิกงาน 555
[KyuMin Fic] เพาะรัก ✈ 23