วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Mistake 1

Mistake



  
Mistake : 1

“เป็นเชี่ยไรครับไอ้สัส ยุกยิกอยู่ได้ ..” เสียงกระซิบกระซาบจากไอ้ชางมินที่นั่งข้างๆกำลังบ่งบอกว่ารำคาญกูสุดขั้วหัวใจ แต่แล้วยังไงล่ะวะ กูกำลังหงุดหงิดอยู่นี่หว่า มึงเข้าใจคนกำลังหงุดหงิดมั้ย มันอยู่นิ่งไม่ได้โว้ย!
“เรื่องของกู!” สัสเอ้ย ไอ้คยูฮยอนมึงนี่พลาดพลั้งจนชีวิตแทบหาไม่ ไงล่ะเป็นจุดเด่นจนได้ครับคนหล่ออย่างกู แม้จะนั่งอยู่หลังสุด แต่ก็ยังมีคนให้ความสนใจ ..
เชี่ยเอ้ย มันใช่เรอะ ที่คนเค้าหันมามองไม่ใช่ว่ากูส่งเสียงดังจนรบกวนวิทยากรที่ยืนอยู่ข้างหน้ารึไง
กูนี่แม่งบ้าบอว่ะ ..

“ตกลงมึงเป็นเชี่ยไรวะ เดี๋ยวก็หน้าบึ้ง เดี๋ยวก็หน้าบาน .. นี่มึงยังปกติดีอยู่มั้ย กูถามจริง ?” ไอ้มินโฮ ไอ้เพื่อนเวร ถ้าคนอย่างกูไม่ปกตินี่มึงไม่อาจหาคนปกติจากโลกนี้ได้อีกแล้วเว้ย กูบอกเลย!
“ไอ้สัส เรื่องของกู!” กระหยิ่มยิ้มย่องเลยสิกู ในที่สุดอีซองมินน้ำนิ่งหยิ่งโคตรๆมันก็หันมามองกูสักที กูเลยยักคิ้วใส่แม่งซะเลย
แต่แม่งก็ดันทำหยิ่ง ทำเฉย เท่านั้นไม่พอ แม่งยังสะบัดบ๊อบใส่กูด้วย!
คือแม่งควรจะเลิกทำหยิ่งใส่กูได้แล้วป่ะวะ อย่างน้อยก็คนเคยๆแค่คืนเดียวอ่ะ แม่งจะหยิ่งใส่ทำซากอะไรนักหนา รำคาญลูกตาว่ะ  

“เออ! ให้มันเป็นเรื่องของมึงตลอดชีวิตเลยนะสัส อย่าได้คิดมาอ้อนวอนตรงแทบเท้าพวกกู เพื่อให้มานั่งฟังมึงคร่ำครวญอะไรไร้สาระเด็ดขาด เดี๋ยวมึงเจอเตะยอดหน้า ..” แหม่! ไอ้จงฮยอน มึงนี่ใช้ไม่ได้เลยนะสัส ได้ทีนี่ทับถมกูจัง
“ฝันไปเถอะครับ ว่าพวกมึงๆจะได้เอาตีนมาทาบหน้ากู ..” ผมกระตุกมุมปากใส่พวกแม่งอย่างสะใจ แล้วก็นั่งกระดิกตีนฟังวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของบริษัทที่เรากำลังทำงานอยู่อย่างสบายใจ

“ถึงไม่ทาบ กูก็รู้ว่าคงสากพิลึก ..บุญของพวกกูแล้วว่ะ” เชี่ยมากๆครับ ไอ้เวรซีวอน อยู่กันคนละแผนกแล้วยังจะมาสะเออะออกความเห็นกับพวกกูอีก นอกคอกอย่างมึงกูขอตัดออกจากกองมรดกว่ะครับ
“ไอ้สัสซีวอน มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว .. ถึงหน้ากูจะสาก แต่มันก็สากแบบหลุมเสน่ห์โว้ย แค่กูกระดิกนิ้ว ทุกคนแม่งก็แทบจะเดินเรียงแถวเข้ามาหากูแล้ว ” กูเบ่งใส่ไอ้ซีวอนแม่งเลย ไอ้เชี่ยนี่มันรวย มีมรดกกินไปจนแก่ ชีวิตนี้ไม่ต้องทำงานทำการก็มีเงินกินเงินใช้ แต่แม่งเป็นพวกลูกคุณหนูนอกคอกชอบความลำบากลำบนเลยมาเป็นพนักงานลูกจ้างของชาวบ้านเค้านี่ไง

“เพราะมึงอยู่ในที่มืดไง พูดงี้แสดงว่ามึงไม่เคยได้ยินประโยคนี้อ่ะดิ ..เขาว่ากันว่า .. ผับทำให้ศพกลายร่างเป็นเจ้าชาย” ไอ้พวกวัวตัวเชี่ย พวกมึงไม่ต้องหัวเราะไปกับคำพูดของไอ้ชางมินมันเลย แม่งทำเอาซะกูเห็นภาพเลยสัส!
“กูเกลียดพวกมึงว่ะ .. แม่งเลวยกกลุ่ม!” กูต้องออกปากด่าพวกมัน แล้วยังต้องสละมือนึงมาปิดแก้มด้วย เสียหมาจริงๆ

“เกลียดก็เกลียดดิ คิดว่าพวกกูแคร์ ? ไม่เลยว่ะ ขอโทษทีไอ้ปัญญาอ่อน” ดูพวกแม่งนะ กวนส้นตีนใส่กูไม่เลิก ดีนะที่ถึงเวลาพักกลางวันซะก่อน ไม่งั้นกูได้ฆาตกรรมหมู่คนปัญญาอ่อนแบบพวกมันกลางห้องอบรมแน่ ..
นี่ถือว่าโชคช่วยพวกมึงไว้นะ บอกเลย!

“เออ .. กูก็ไม่เหมือนกันวะ .. ไอ้ปัญญาอ่อน .. หยิ่งๆอย่างกู พวกมึงอย่ามาง้อนะเว้ย” เอาซี้~~~~ กูมีมิสเทคที่กูไม่อยากจะมีกับไอ้น้ำนิ่งกลิ่นน้ำนมนั่นแล้ว ..
ทีนี้ล่ะ ความหยิ่งของกูแม่งทะลุติดเพดาน ลอยขึ้นบนท้องฟ้าเลยสัส
พวกมึงพลาดละ กูหยิ่งแล้วหยิ่งเลย ..

“ไอ้คยู ชักจะเพ้อเจ้อละมึง .. ” พอไอ้พวกเพื่อนเวรๆมันด่าผมเสร็จ มันก็ลุกออกจากห้องอบรมทันทีที่วิทยากรปล่อยตัวพนักงานออกจากคอก ..
คือเอาจริงๆป่ะ คนดีๆอย่างกูไม่ควรจะไปเกลือกกลั้วกับไอ้พวกปัญญาอ่อนอย่างพวกแม่งว่ะ ดังนั้นคนดีๆอย่างกูก็เลยเชิ่ดๆเริ่ดๆ ปลีกตัวฉายเดี่ยวอย่างไม่แยแสหมาตัวใดทั้งนั้น เพื่อเดินไปดูไลน์ของว่างที่ทางโรงแรมจัดเตรียมเอาไว้รองรับพนักงานที่มาเข้าร่วมฟังการอบรม ..

“ทำไมกินเยอะจังวะ ..” หลังจากหยิบของว่างตามที่อีซองมินมันหยิบอย่างลืมตัวไปแล้ว สองขามันก็ยังจะก้าวเดินตามร่างเล็กนั่นไปอีก ทีนี้ความเป็นส่วนตัวจึงเกิดขึ้น เมื่ออีซองมินมันเดินไปหาที่เงียบๆยืนทานของว่างคนเดียวในมุมลับตาคน ..
” แม่งกูถามแล้วเสือกหยิ่ง แดกเอาแดกเอาอยู่นั่น เห็นกูเป็นอากาศธาตุรึไงวะ

“ทำไม ?” เออแม่งเอากับมันสิ พอไม่หยิ่งก็เสือกประหยัดคำพูด
“เห็นมึงกินแล้วอร่อยดี กูเลยให้ ..” ผมยกคานาเป้ชิ้นเล็กน่าทานให้มันหนึ่งชิ้นมันเลยออกปากพูดได้สักที

“เพื่อ ?” เฮ้ยไอ้น้ำนิ่งหยิ่งโคตรๆนี่เว้ย กูก็บอกอยู่ว่าเห็นมึงกินแล้วอร่อยดี ยังจะมาย้อนถามกูอีก ต้องให้กูแปลเกาหลีเป็นเกาหลีอีกหรือไงวะ
“กูก็บอกอยู่ว่าเห็นมึงกินแล้วมันอร่อยดี แม่งเข้าใจยากตรงไหน ..

….” เออเว้ย .. แม่งผีเข้าผีออก อยู่ๆก็ปากหนักเหมือนเดิม
“ขอบคุณกูซักคำไม่มีเลยเนอะ ..” หลังจากหยิบคานาเป้เข้าปากเงียบๆมานาน จนสุดท้ายมันก็หมดจาน ปากเลยว่างพาลหาเรื่องไอ้คนที่ยืนส่งกลิ่นหอมชวนหิวนมอยู่ข้างๆ

“ไม่จำเป็น ก็มึงให้กูเอง” ไอ้สัส! กูว่านอกจากมึงจะหยิ่งแล้วเสือกกวนตีนแบบแอบๆซะด้วย
….

“มึงอ่ะ .. รู้จักกับกูอย่างเป็นทางการแล้ว ทักกันบ้างไม่ได้หรือไงวะ ..” พอแม่งจะเดินเอาจานไปเก็บ ปากไม่รักดีของกูก็ดันพูดอาลัยอาวรณ์ใส่มันไปซะงั้น
“มันเป็นทางการตรงไหนวะ กูกับมึงแทบไม่ได้พูดกันเลย นอกจากเอากันอย่างเดียว ..” ดูแม่งหน้าด้านว่ะ พูดออกมาได้ไม่อายปาก ไหนบอกว่าเรื่องเมื่อคืนมันเป็นมิสเทคไง แล้วไหงมึงถึงจำได้จนขึ้นใจเลยล่ะวะ
ดูอย่างกูนี่ ต้องพยายามระลึกความหลังอยู่นานเลยนะโว้ย

“พูดมาได้ไม่อายปากนะมึง .. ที่จริงแล้วมึงก็ติดใจกูอ่ะดิ๊” ได้ทีกูเลยเดินไปหยุดยืนตรงหน้ามัน แล้วก็ส่ายนิ้วดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างกวนตีน
                ….” อย่ามาทำตาขีดใส่กูอีซองมิน คนเรามันควรจะพูดความจริงนะเว้ย

                “มึงน่ะไม่ได้เรื่อง ” ฉุนเลยสิกู แม่งพูดด้วยน้ำหน้านิ่งๆ แถมยังเอาจานมาชนอกกูเพื่อให้ยอมหลีกทางให้อีก คือมึงหยามความภาคภูมิใจของกูแบบนี้ มึงยังกล้าคิดอีกเหรอว่ากูจะปล่อยมึงไปง่ายๆน่ะไอ้น้ำนิ่งหยิ่งโคตรๆ
                เดี๋ยวกูจะจัดการให้ถอนคำพูดแทบไม่ทันเลยมึง!

                โจวคยูฮยอนคนที่เลือดกำลังขึ้นหน้า จัดการล็อคร่างเล็กของอีซองมินเอาไว้กับกำแพงตรงซอกลับตาคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นริมฝีปากที่กูโคตรจะมั่นใจว่าช่ำชอง ก็จัดการบดเบียดเข้าหากลีบปากสีชมพูนั่นอย่างแนบแน่น ความนุ่มหยุ่นของกลีบปากได้รูปนั่น ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งอยากจะบดขยี้ให้มันหายหมั่นเขี้ยว
                แต่ดูแม่งดิ ดูแม่งยังนิ่งเหมือนหน้าตาซะงั้น นี่มึงไม่คิดจะอ่อนระทวยเลยหรือไงวะ!
                ไม่ได้การละ กูต้องเผด็จศึกสั่งสอนให้รู้ซะบ้างว่ามึงไม่ควรมาดูถูกโจวคยูฮยอนคนนี้

            ทันทีที่สบโอกาสในการสั่งสอน เรียวลิ้นร้อนก็รีบล่วงล้ำเข้าไปซึมซับความหอมหวานอันน่าหลงใหลจากกลีบปากคู่นั้นอย่างหลงระเริง
                แต่แม่งเอ้ยยยย! อีซองมินแม่งทำกูสติแตกจนได้ว่ะ!
               
                ตุ้บ!

                “นิ้วเท้ากู !!!!!!!!!!!!!!” ริมฝีปากของกูที่กำลังหลงใหลในรสชาติอันหอมหวานของคนหยิ่งๆอย่างอีซองมินถึงกับร้องจ๊ากออกมา เมื่อจานในมือของกูมันล่วงลงเฉาะหัวแม่โป้งเท้าเข้าอย่างจัง
ไอ้สัสเจ็บน้ำตาจะไหล

“กูบอกแล้วว่ามึงน่ะไม่ได้เรื่อง หึ ..” เฮ้ยๆ มึงห้ามเดินหนีกูนะเว้ยอีซองมิน มึงห้ามเด็ดขาด!
“มึงไม่มีสิทธิ์มาขำกูนะเว้ยมิสเทค .. มึงควรกลับไปหยิ่งอย่างเดิมเลยสัส เห็นกูเจ็บแล้วหัวเราะแบบนี้ มึงโคตรจะนิสัยไม่ดีเลย ..” กูรีบก้มลงไปเก็บไอ้จานเฮงซวยนั่น แล้วก็เดินกระเพลกเข้าไปหาเรื่องไอ้น้ำนิ่งที่เดินหน้าตั้งไปเก็บจานอย่างรวดเร็ว เพราะดูเหมือนว่าเราจะเข้าอบรมช้ากว่าใครเพื่อนซะแล้ว เนื่องจากหน้าห้องอบรมแม่งไม่มีเพื่อนพนักงานคนไหนยืนอยู่ตรงนี้อีกเลย

“ทีหลังมึงไม่ควรจะเดินเท้าเปล่าในโรงแรมนะ .. ระวังจะเจ็บนิ้วโป้งอีก” ดูมัน คนหยิ่งๆอย่างมันกูชักไม่อยากจะให้แม่งพูดละ พูดออกมาแต่ละคำแม่งกวนตีนดีชิบหาย
“กูเดินเท้าเปล่าที่ไหน กูใส่ถุงเท้าด้วยเถอะ มิสเทคมึงนี่ตาถั่วชะมัด ..” พอมันหายตัวเข้าไปในห้องอบรมจนเรียบร้อยแล้ว กูเลยต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จากนั้นก็รีบกระซิบแก้ตัวกับมันอย่างรวดเร็ว แล้วจึงแยกตัวมานั่งกับไอ้พวกปัญญาอ่อนเหมือนอย่างเดิม เพราะรองเท้ากูแม่งอยู่ตรงนั้นไง กูเลยต้องกลับมานั่งกับพวกแม่ง บอกเลยกูไม่ได้กลัวพวกแม่งจะปล่อยเกาะสักนิด ..

“กลับมาทำไมไอ้สัส มึงไปแล้วไปลับไม่ควรกลับมานะเว้ย ..” นั่นไง ไอ้พวกเวร ก้นกูยังไม่ทันจะแตะเก้าอี้ดีด้วยซ้ำ ปากมึงก็รีบแกว่งหาตีนกูทันที
“รองเท้ากูอยู่นี่ กูผิดเหรอที่กูกลับมาหารองเท้าของกู” พูดจบก็ยักคิ้วใส่พวกแม่งซะเลย ตอนนี้กูอารมณ์ดีมาก พวกมึงกวนตีนกูไปเถอะ กูไม่โกรธหรอกว่ะ

“โธ๊! หัวหมอจริงนะสัส” ดูไอ้ชางมินแม่งทำมาขึ้นเสียงแหลมใส่กู เดี๋ยวกูก็บ้องหูให้
“เออ .. กูหัวหมอมาก ไม่งั้นกูจะยึดห้องมานอนคนเดียวได้เหรอวะ ฮ่าๆ” กูทำหน้าหยิ่งสวมวิญญาณอีซองมินมาเต็มที่ เพราะกูดูดพลังจากมันมาแล้ว ฉะนั้นความหยิ่งของกูจึงพุ่งปรี๊ดๆ

“ไอ้สัส เมาเป็นหมาขนาดนั้น คิดว่ากูอยากนอนร่วมห้องกับมึงมั้ง คนฉลาดๆอย่างกูเลยไปเบียดเบียนไอ้พวกนี้เพื่อซุกหัวนอนแทนไง”
“เออ .. ฉลาดให้มันทั้งทริปนะมึง ห้องกูไม่ต้อนรับคนปัญญาอ่อน”

“ตามสบายมึงเถอะ กูเข้าใจว่ามึงคงไม่มีปัญญาพักห้องหรูๆน่ะนะ .. ไม่เป็นไร กูให้สิทธิ์มึงครองห้องคนเดียวเต็มที่” พูดซะดูดีเลยนะมึงไอ้ชางมิน ได้ข่าวว่าค่าห้องบริษัทจ่าย
“ปิดจ๊อบ คนดีๆอย่างกูไม่ควรเสวนากับคนปัญญาอ่อน” กูเบะปากใส่มันแล้วโยกไหล่ไปมาอย่างกวนตีน ไอ้ชางมินแม่งเลยตบกลางกบาลของกูซะนี่

หลังจากการอบรมเดินทางมาจนถึงจุดสิ้นสุด วิทยากรก็ให้จับกลุ่มเล่นเกมโดยการนับเลข ใครได้เลขเหมือนกันก็อยู่กลุ่มเดียวกัน และโชคแม่งก็โคตรจะเข้าข้างกูเลย เพราะกูได้อยู่กลุ่มเดียวกับอีซองมินมันด้วยเว้ย
“หึหึหึ” แม่งไอ้มิสเทค มึงจะกลั้นขำข้างๆหูกูเพื่อ เห็นหน้ากูแล้วมันไปจี้จุดปลุกเส้นเอ็นในลำคอของมึงให้ทำงานหรือไงวะ ขำอยู่ได้

มึงขำไรมิสเทค เดี๋ยวกูโบกให้ .. นั่งหยิ่งๆเงียบๆของมึงไปเลย ..’ กูจัดการพิมพ์ข้อความลงในโทรศัพท์ตรงหน้าสมุดโน้ตแล้วเอาวางไว้บนตักของตัวเอง จากนั้นก็แอบสะกิดขามันด้วยปลายนิ้วให้มันเบิกตาอ่านข้อความของกูซะ
กูขำคนบ้า ..’ ดูแม่ง ยังจะมีแก่จิตแก่ใจควักโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ข้อความตรงหน้าสมุดโน้ตโต้ตอบกับกูอีก

มิสเทคมึงว่ากูบ้า นี่มึงต้องรับผิดชอบด้วยการเอาเบอร์ของมึงมาให้กูเลย ..’
เพื่อ ?’

เพื่อคุยงานมั้ง ถุย! มึงเล่นกวนตีนกูแบบนี้ กูไม่ควรปล่อยมึงให้ลอยนวล …’
ประสาท …’ ดูแม่งนะ พอด่ากูเสร็จแม่งก็ไม่สนใจกูอีกเลย

หยิ่งสัสๆ ไอ้มิสเทค ..

ที่กูไม่อยากจะมิสเทคกับมึง เพราะกูแม่งอยากจะเรียลกับมึงไงไอ้สัส แม่งโดนใจ คนเชี่ยไรแม่งน่าฟัดชิบหาย!

 -·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>


อยู่ๆก็อยากเขียน เลยลัดคิว คยูฮยอนติ้งต๊องเนอะ 5555 เรื่องนี้จะห่ามๆนิดนึง ทั้งซองมินทั้งคยู เป็นไงล่ะมัวแต่จูบจนเกิดมิสเทคจานเฉาะนิ้วเท้าเลย 555555 ควรเขียนว่ารับประกันความติงต๊องแทนความเกรียนดีมั้ยเนี่ย -*-
อยากจะเชิญมาร่วมแทค #คยูมินมิสเทค เหลือเกิน
 


วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Mistake - Start

Mistake

 http://i.imgur.com/uHMy5FD.jpg 

start.....

                ทำไมเช้านี้กูถึงมึนหัวแบบนี้วะ แล้วนั่นใครทำไมมานอนเป็นหมูอบน้ำนมจนขึ้นอืดขนาดนั้น จำได้ว่าเมื่อคืนกูเดินทางมาปูซานเพื่อเข้าร่วมงานประชุมประจำปีของบริษัท แล้วก็มีการแดกเหล้าสังสรรค์เคล้าความสำเร็จกันพอเป็นพิธี สัสเอ้ย .. แดกพอเป็นพิธีเชี่ยอะไรเล่า ไอ้คยู ไอ้เวร มึงน่ะแดกจนหัวราน้ำเลย มึงถึงได้หิ้วใครมานอนด้วยแบบนี้
                “เฮ้ยๆ ตื่นๆ” โจวคยูฮยอนคนมึน แต่ไม่ได้เมากำลังเขย่าเรียกหมูอบน้ำนมจนขึ้นอืดที่กำลังนอนคว่ำหน้าอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง โห .. แล้วดูดิวะ แผ่นหลังขาวๆของมัน มีแต่รอยแดงเต็มไปหมด โคตรน่าเกลียดเลย สัส!
                แต่แม่งก็ฝีมือกูเอง .. ฉะนั้นกูจะไม่ออกความเห็น ..

                “อะไร ..” เสียงยานคางของมันเปล่งออกมาเบาๆ ทั้งๆที่ใบหน้าของมันยังคงมุดอยู่กับหมอนใบใหญ่
                “ตื่นดิวะ ..
 เฮ้ย! กูเรียกก็ตื่นดิวะ .. ตื่นมาดูตัวเองแก้ผ้าเป็นเพื่อนกูนี่ ..

“แม่ง! เพลียเชี่ยไรนักหนา กูไม่ได้มักมากสักหน่อย สัส แล้วอย่ามาโวยวายใส่กูนะมึง เดี๋ยวมีเรื่อง ..” โจวคยูฮยอนคนปัญญาอ่อน เอ้ย ไม่สิ กูไม่ควรด่าตัวเอง ..
เอาใหม่ๆ โจวคยูฮยอนคนหล่อโคตรๆ ลุกไปหาอะไรแดกดีกว่า ท่าทางมันคงจะเพลียจริงๆ ว่าแต่แม่งขาวๆสัสๆ แล้วนี่กูเอาใครมานอนด้วยวะ เสียงแม่งก็คุ้นๆอีกต่างหาก ..
แต่ช่างแม่งเหอะ จะใครก็ช่าง ตอนนี้กูหิว กูควรหาอะไรแดกก่อนมาระลึกชาติอีกรอบ ..

หลังจากคว้าผ้าเช็ดตัวที่ล่วงลงไปกองกับพื้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากกองเสื้อผ้าสักเท่าไหร่ ผมก็เดินออกไปดูของกินในตู้เย็นเล็กๆของทางโรงแรม แล้วโจวคยูฮยอนคนโง่ที่หิวจนตาลายก็จำต้องสั่งรูมเซอร์วิสมาประทังชีวิต เมื่อเปิดตู้เย็นแล้วพบแต่น้ำเปล่ากับเบียร์หกกระป๋อง
สาดดดดดดดด เวลานี้กูต้องการแดกของหนัก ไม่ใช่ของเมา!

“ว่าแต่แม่งคือใครวะ .. ลีลาเด็ดสัส ” กูนั่งแดกไประลึกชาติไปจนแทบจะสำลักในกระบวนท่าของกูอยู่แล้ว แต่แม่งก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงมันคือใคร แถมไปหิ้วมาจากส่วนไหนของโรงแรมกูก็จำไม่ได้อีก ..
“แต่เสียงแม่งคุ้นๆว่ะ .. แล้วทำไมกูถึงจำหน้ามันไม่ได้วะ เฮ้ย! กูไม่ได้มักมากนะเว้ย ก็แค่เมาอ่ะเมา! จำหน้าไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย สาดดดด ไอ้ปัญญาอ่อน! คนก่อนๆมึงไม่เห็นจะคิดจนหัวสมองแทบแตกแบบนี้เลยวะ ..
โจว คยูฮยอนคนประสาท มึงนั่งแดกไปบ่นไป นี่อร่อยมากเลยเนอะ

….” เหนื่อย! กูด่าตัวเองจนเหนื่อย! ขอเวลากูแดกเงียบๆเถอะ ว่าแต่ผิวแม่งนุ่มมากเลยว่ะ สัมผัสแม่งยังติดอยู่ที่มืออยู่เลย ตัวแม่งก็หอมเหมือนกลิ่นน้ำนมเลย ผิวแม่งก็ขาว เสียอย่างเดียว อวบชิบหาย กอดแล้วแม่งหมั่นเขี้ยว กูเลยจัดหนักเลยไง แล้วเสียงแม่งก็หวานด้วยนะเว้ย ดวงตาของแม่งก็น่าหลงใหลอีกต่างหาก ..
แล้วใบหน้าของมันนะ …..
“ไอ้สัส! ตกลงคนที่กูกอดแม่งคืออีซองมินน้ำนิ่งหยิ่งโคตรๆหรอกเหรอวะ ?” พอสมองของผมเริ่มจะกลับมาเป็นระบบระเบียบจนเรียบร้อยแล้ว รูปร่างหน้าตาของคนที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ก็ปรากฏขึ้นมาเป็นฉากๆ โดยไล่จากช่วงล่างขึ้นช่วงบน
“ก็เออดิ .. แล้วมึงคิดว่าใคร ?” อีซองมินมันเดินออกมาจากห้องทั้งๆที่หัวยังฟูๆอยู่เลย ขณะที่ร่างกายขาวเนียนในตอนนี้ก็มีเนื้อผ้าปกปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แตกต่างจากกูเหลือเกินที่สะเออะสั่งรูมเซอร์วิสทั้งๆที่สภาพยังดูไม่จืด ..
มิน่าล่ะ พนักงานแม่งถึงได้มองกูแปลกๆ

” กูแม่งถึงกับตะลึง ทำไมไอ้หยิ่งผยองคนนี้มันถึงได้หน้าเนียนใสนักวะ นี่หน้าแม่งเคยเป็นสิวบ้างมั้ย เสียชาติเกิดชิบหาย ดูอย่างกูนี่ เยอะแยะ ..
ไอ้สัส นี่กูควรจะภูมิใจมั้ย สมองชักเลอะเลือน

“มึงไม่คิดจะโวยวายหน่อยเหรอ คือกูทำมึงเสียหายนะโว้ย ..” แม่งผิดคาด! นอกจากจะไม่โวยวายใส่กูแล้ว ยังเสือกมาแย่งกูแดกด้วย ทำไมมึงไม่สั่งมากินเองห๊ะ
อย่าบอกว่าแม้แต่รูมเซอร์วิสมึงก็ยังจะหยิ่งใส่เขา!

“โวยวายทำไม มึงเมาแล้วกูก็เมา .. เราต่างคนต่างยินยอมป่ะวะ ไม่ได้ไม่เสีย ..” โหยแม่ง คำพูดของแม่งโคตรหยิ่ง ตัดขาดไม่เหลือเยื่อใยเลยสัส! สมแล้วกับฉายาน้ำนิ่งหยิ่งโคตรๆที่คนเขาเรียกกันน่ะ
“กูน่ะได้เปรียบ เพราะยังไงมึงก็เสร็จกู .. ที่ถามก็แค่เป็นห่วง ..” หมั่นไส้แม่ง! อย่างนี้ต้องตอกย้ำ! เก่งนักใช่มั้ย ? ได้รับคำชมมากเลยนี่คุณพนักงานดีเด่น!

“ห่วงทำไม ? มันก็แค่มิสเทคป่ะวะ ..

“ผิดพลาดน่ะผิดพลาด มึงอย่าคิดมาก ในเมื่อมึงได้กำไรยิ่งไม่ต้องคิดอะไรเลยไม่ใช่เหรอวะ .. ขอบคุณสำหรับมื้อนี้ .. แล้วกูหวังว่ามึงจะไม่คิดถึงเรื่องไร้สาระนี่อีก ..

ปัง

อีซองมินไอ้คนหยิ่งผยอง วันๆชอบทำแต่หน้านิ่งๆเหมือนคนกล้ามเนื้อตายด้าน แถมไม่ยอมพูดยอมจากับเพื่อนร่วมงานอีก
แล้วมึงทำไมยังมีหน้ามาพูดกับกูเป็นต่อยหอยเลยล่ะ สาดดดดดด

“มึงบอกกูว่าเรื่องเมื่อคืนแม่งคือมิสเทค แล้วมึงคิดว่ากูอยากจะมิสเทคกับมึงมั้ย สัส!

 <-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>

ตอนแรกว่าจะยังไม่เอาลงบล็อค แต่ดันอยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเลยต้องเอาลง 55