Mistake
Mistake 15
การช่วยงานคลังสินค้ารอบแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดีพร้อมกับการที่กูมีอาการยอกหลังสัสๆติดตัวมาด้วย
คืออาการที่ว่านี้แม่งยังไม่ทันจะหายดี อีเมลตัดสินชะตาชีวิตกูก็ออกมาอีกหนึ่งฉบับ
ซึ่งอารมณ์นี้ใครจะเอากูไปไว้วันไหนก็เชิญเถอะ ขอแค่อย่ามายุ่งกับกูตอนนี้เป็นพอ ..
“กูเอามึงไปไว้วันเสาร์แล้วกัน ท่าทางอาการมึงจะแย่ ..” ไอ้ชางมินลุกจากโต๊ะที่มีหมาสองตัวยืนรุมอยู่
เพื่อเดินมาตบไหล่ผมเบาๆสองสามที
ห่าราก .. ร่างกูสะเทือนเลยดิงานนี้
…
“คำพูดเหมือนดูดีเนอะ แต่มือมึงนี่กำลังทำร้ายกูอยู่ อย่ามาเนียนไอ้สัส!” ผมด่าแกมเหน็บแนมไอ้หัวหน้ามันด้วยความเจ็บแค้น
ก็รู้ทั้งรู้ว่ากูหลังยอกยังจะมายุ่งวุ่นวายกับกูอีก ..
“ขอบคุณพวกกูหรือยังที่เห็นแก่ความโง่ของมึงเลยยอมยกวันเสาร์ให้ ..” ไอ้มินโฮ มึงยังจะมีหน้ามาทวงบุญคุณกับกูอีก มึงด่ากูว่าโง่จนความโง่แม่งครอบงำกูขนาดนี้
มึงไม่ควรหน้าด้านมาทวงบุญคุณกูจริงๆ..
“พ่องมึงเหอะ” ผมด่าพวกมัน
แล้วหันหน้าไปทางโต๊ะทำงานของไอ้มิสเทคที่ตอนนี้กำลังออกไปทำงานนอกสถานที่พร้อมกับลูกทีมของมันเพื่อตัดความรำคาญ
“ไอ้ชางมินมึงต้องได้เห็นตอนมันชู้ตกล่องลังขึ้นเทินข้างบน
ไอ้สัส แม่งนึกว่าเป็นนักกีฬาบาสทีมชาติมั้ง มีกระโดดขึ้นชู้ตแล้วเกาะแป้นด้วยเว้ย
แต่ขอโทษที แป้นที่ว่ามันคือเหลี่ยมกล่องลังด้านล่าง ไอ้ห่า ดูความโง่ของมัน
กล่องล่วงลงมาทับแม่งเกือบตาย ดีที่มันเป็นกล่องเปล่า เล่นเอาคลังสินค้าเค้าวุ่นวายไปหมด
.. คิดจะโชว์พาวน์แต่เสือกทำตัวเสร่อ กูล่ะปลง .. ไม่อยากจะเชื่อว่าที่ผ่านมาแม่งเป็นเซียนด้านนี้
แต่พอเป็นซัมวันจะลงมือทำเชี่ยอะไรก็ตายอนาถทุกที ...ไม่ทราบว่ามึงเป็นเชี่ยอะไรครับ
น้อตหลุดจนทำตัวปัญญาอ่อนทุกที กูล่ะขำ ..” ไอ้มินโฮ ไอ้สัส
มึงกระชากหัวกูให้เงยหน้าขึ้นตอบแบบนี้เลยเหรอวะ ความเสือกนี่ไม่เป็นสองลองใครเลยนะมึง
..
“อ้อ ซัมวันไปคลังสินค้านี่เอง
กูก็สงสัยว่าทำไมอยู่ๆแม่งก็โทรมาเสนอตัวจะไปพร้อมมึง ..”
ไอ้ชางมินมันหันไปพูดกับไอ้มินโฮ แล้วก็หันมามองหน้าผมในเชิงว่า ‘กูรู้ทันมึงละ ไอ้สัสคยู’ ..
ตอนนี้ .. จิตใจกูต้องนิ่ง
ไม่หือไม่อือ ไม่ดิ้น!
เดี๋ยวพวกมันก็หยุดเสือกเอง!
ผมนั่งเขียนโปรแกรมให้ฝ่ายบุคคลเพื่อใช้ในการดึงข้อมูลจนกระทั่งท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท
เห็นอย่างนั้นท้องก็เริ่มจะร้อง ผมเลยตัดสินใจปิดหน้าจอเอาไว้ชั่วคราวเพื่อลงไปซื้อบะหมี่กินปะทังชีวิต
คืองานวันนี้มันต้องเอาให้เสร็จเพราะฝ่ายบุคคลเขาเร่งจะเอาแล้ว
กูเลยต้องอยู่ทำโอทีคนเดียวนี่ไง!
“อ้าว .. ยังไม่กลับบ้านอีก ..” ผมกำลังเลือกน้ำดื่มของผมอยู่ดีๆ ก็มีคนเข้ามาทัก
“ทำโอทีดิ .. แล้วมึงทำไมกลับมาออฟฟิศอีกล่ะ
?” ผมถามไอ้มิสเทคที่กำลังยืนมองผมที่นั่งยองๆอยู่หน้าตู้น้ำ
“กูมาส่งเด็กพวกนั้นแหละ มันเอารถทิ้งไว้ที่นี่ ..” มิสเทคมันตอบ
ส่วนผมก็แค่พยักหน้า
“กินอะไรมายัง ?” ผมหยิบน้ำเปล่าออกมาสองขวด
พลางถามไอ้มิสเทคที่ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆผม
“ยัง ..”
มิสเทคมันตอบพลางส่ายหัว
“กินบะหมี่กัน ..” ผมชวนมัน
ซึ่งมันก็ไม่ปฏิเสธ พอจ่ายค่าเสียหายเสร็จ
ผมกับไอ้มิสเทคก็เดินเข้าบริษัทและมุ่งตรงไปยังห้องครัวประจำออฟฟิศ ..
“น้ำที่ออฟฟิศก็มี มึงจะเสียเงินซื้อไปทำไม ?”
ไอ้มิสเทคมันถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ขณะที่ผมกำลังคนเส้นบะหมี่ให้มันเข้าน้ำเข้าเนื้อ
ทั้งของมันและของผม ..
“เออ .. จริงว่ะ .. แล้วทำไมมึงไม่ท้วงกู
?” ผมย้อนถาม คืออารมณ์ตอนนั้นกูเบลอไงที่หันมาแล้วเจอมันยืนอยู่ด้านหลัง
เลยโง่หยิบน้ำเปล่ามาแดกซะ ..
“…”
“ที่แท้มึงเองก็รวนเหมือนกูล่ะสิ”
ผมพูดขึ้นมาลอยๆ พลางเลื่อนถ้วยบะหมี่ถ้วยหนึ่งไปไว้ตรงหน้ามัน
เฟี้ยว~
“สัส! ไอ้มิสเทคมันเลอะนะโว้ย
..” ผมด่าไอ้มิสเทค
พลางเช็ดเสื้อของตัวเองที่เปื้อนคราบบะหมี่จากปลายตะเกียบ
“แล้วไง ?” มิสเทคมันลุกขึ้นไปหยิบตะเกียบของออฟฟิศตรงเค้าน์เตอร์ล้างจาน
พลางหันมาถามและยกคิ้วขึ้นมาหนึ่งข้าง มองดูแล้วกวนตีนดีชิบหาย
“ถามมาได้ กูก็ดีใจสิวะ..”
ผมตอบพลางโซ้ยบะหมี่อย่างหิวโหย
“กูไม่ได้รวน ..” มิสเทคมันเถียง
คือถ้าเป็นก่อนรู้ความจริงกูก็คงเชื่อและเฟลสัสๆ แต่พอรู้เรื่องนั้นแล้ว
กูมั่นใจว่ามิสเทคมันก็ต้องมีอาการไม่ต่างจากกูแน่ๆ
“มึงจะกลับแล้วเหรอ ?”
พอทานมื้อเย็นด้วยอาหารง่ายๆเสร็จ ผมกับไอ้มิสเทคก็เดินกลับมาที่ออฟฟิศ
สักพักมิสเทคมันก็ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง หลังจากที่มันทำอะไรก้องๆแก้งๆบนโต๊ะทำงานของมันมาได้สักพักใหญ่
ผมถึงได้เงยหน้าขึ้นจากการทำงานของตัวเอง
“อืม”
มิสเทคมันชะงักปลายเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องทำงาน แล้วหันมาตอบผม
“รอกูก่อนดิ
อีกแป้บเดียวก็จะเสร็จแล้ว” ผมรั้งมันด้วยคำพูดและการกระทำทันทีอย่างไม่ต้องรีรอ
“มึงไม่ได้เอารถมา ?” มิสเทคมันถามกลับ
ขณะที่ข้อมือของมันก็ไม่ได้ปฏิเสธการจับกุมของผม
“เออ .. กูขอกลับด้วยคนดิ ..” ผมโกหกออกไปคำโต ทั้งๆที่จริงๆแล้ววันนี้ผมเอารถมา
“เร็วๆแล้วกัน กูเริ่มง่วงแล้ว ..” มิสเทคมันตอบ
พลางบิดแขนออกจากการกอบกุมของผม แล้วเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานของมันตามเดิม
ส่วนกูก็ยิ้มหน้าบานเลยดิ
มันยอมอ่อนข้อให้กูแล้วนี่ …
“เสร็จแล้วโว้ยยยยยยยยยยยย”
ผมร้องตะโกนออกมาพลางบิดขี้เกียจไปทางซ้ายทีขวาที
ทำเอาไอ้มิสเทคที่กำลังนั่งอ่านหนังสือนิตยสารอยู่บนโต๊ะทำงานข้างๆหันมามอง
“ปิดเครื่องดิ จะได้กลับ ..”
มิสเทคมันปิดหนังสือแล้วก็หันมาเตือนผม ขณะที่มันก็สะพายกระเป๋าเตรียมพร้อมจะกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมกับมันเดินคุยกันจนกระทั่งมาถึงลานจอดรถ
เล่นเอาผมเสียววาบๆขึ้นมาในอก
เมื่อไอ้มิสเทคมันหันไปมองยังตำแหน่งที่รถของผมจอดอยู่
ผมก็เลยต้องพยายามยืนบังทิศทางการมองเห็นของมัน ..
จากนั้นผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เคราะห์ดีที่ว่าวันนี้กูมาสาย เลยไม่มีที่จอดรถจนกูต้องเอารถไปจอดให้ไกลจากหน้าตึก
…
ไม่งั้นนะ ความแตกไม่เหลือซากแน่กู
…
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะมึง ..”
เมื่อรถของไอ้มิสเทคมาจอดเทียบท่าตรงปากทางเข้าคอนโด ผมก็เดินลงจากรถ
และอ้อมมาเคาะกระจกทางฝั่งคนขับเพื่อบอกให้มันขับรถดีๆอย่าประมาท
เพราะตลอดทางที่ผมนั่งมาด้วย ผมเห็นมิสเทคมันหาวแล้วหาวอีกจนผมเป็นห่วง
“รู้แล้วน่า ..”
“รู้แล้วก็ทำตามที่พูดด้วย
ถ้าง่วงนักมึงก็แวะหาซื้ออะไรกินที่มันทำให้ตาสว่างสักหน่อยก็ได้ ..”
ผมยังไม่ยอมแพ้ที่จะบอกกล่าวมันด้วยความเป็นห่วง
“ครับๆ ผมทราบแล้วครับ ..”
มิสเทคมันพยักหน้าสองสามทีพลางรับปากผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“มิสเทค .. มึงนอนห้องกูอีกก็ได้นะ
.. ปลอดภัยกว่ามึงกลับทั้งๆที่สภาพของมึงก็ง่วงซะขนาดนี้อีก ..” ผมท้าวแขนกับขอบหน้าต่าง พลางยื่นหน้าเข้าไปข้างในรถเพียงเล็กน้อย
“หือ .. มึงกำลังฝันอยู่เหรอคยู
มึงอย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่าคืนนั้นมึงไม่ได้นอนที่พื้น …” มิสเทคมันยกยิ้ม
พลางตีข้างแก้มของผมแรงๆ
“อะไรวะ กูอุตส่าห์ทำเนียน ..” ผมคว้าข้อมือของมันไว้
พลางเอามาวนเวียนอยู่แถวๆปลายจมูก
“กูหักมึงหนึ่งคะแนน ..”
มิสเทคมันสะบัดมือออกจากการกอบกุมของผม แล้วจากนั้นก็มันผลักหน้าผมออกจากด้านในของตัวรถ
พร้อมกับปิดหน้าต่างรถอย่างรวดเร็ว …
ส่วนกูมัวแต่อึ้งกับคะแนนที่ถูกตัดอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว !!!!
ไอ้เชี่ยยยยย แค่กอดกูยังถูกหักคะแนนเลยมึง โคตรเขี้ยว!
“ศูนย์คะแนนจากร้อย .. ไอ้เชี่ย! กูอยากจะบ้า!”
ผมเดินบ่นเป็นหมีกินผึ้งจากหน้าปากทางเข้าคอนโดจนกระทั่งเดินเข้าไปในคอนโดจนถึงหน้าประตูห้อง
ผมก็ยังรู้สึกเสียดายคะแนนนั้นไม่หาย!
รู้งี้กูนอนกอดหมอนข้างดีกว่า ไอ้สัส!
“กอดก็ไม่ได้ มึงอย่าหวังว่าจะได้จูบเลย … โง่จริงๆ
อุตส่าห์มีตั้งหนึ่งคะแนน ก็เสือกมาถูกหักออกไปอีก ไอ้โง่ ..”
ผมด่าตัวเองอย่าเหลืออด พลางรินน้ำเย็นใส่แก้วแล้วกระดกขึ้นดื่มอึกใหญ่
แล้วพอหมดแก้วผมก็เทน้ำจากกระบอกใส่น้ำลงไปใหม่
จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มพรวดๆอยู่หลายแก้ว
“เชี่ย! พุงจะแตก ..” ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาที่ผมเคยแอบมานอนกอดไอ้มิสเทค พลางตบท้องของตัวเองเบาๆ
..
“เพราะมึงเลยมิสเทค ทำกูดับอนาถทุกที ..”
ผมกล่าวโทษมันอย่างโยนความผิด แต่ทำไมใบหน้าของผมถึงเอาแต่ยิ้มก็ไม่รู้
แค่นึกไปถึงใบหน้าของมันในมโนสำนึก หัวใจมันก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ซ้ำยังมีความสุขโดยที่มันไม่ต้องทำอะไรมากมายอีกต่างหาก …
สรุปคือกูเป็นเอามากจริงๆ
ครืด ครืด …
ผมล้วงโทรศัพท์ที่กำลังสั่นครืดคราดเพียงชั่วขณะจากในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
ปรากฏว่าเป็นข้อความจากไอ้มิสเทค ผมก็เลยรีบกดเปิดอ่านข้อความด้วยฝ่ามืออันสั่นเทา
…
‘กูลืมบอกมึงไปว่า..กูจะให้มึงอีกหนึ่งคะแนนก็แล้วกัน
.. ทีนี้คะแนนของมึงก็ไม่ติดลบแล้ว .. อย่ามาทำหน้าหมาป่วยใส่กูอีกล่ะ
..มันทุเรศลูกตา ..’
“ไอ้เชี่ยยยยยยยยย …
ทำไมมึงให้ความหวังกูได้น่ารักขนาดนี้วะมิสเทค ..”
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มาต่อแล้วจ้า
คยูก็ยังเป็นคนเพี้ยนๆเหมือนเดิม คึคึคึ
[Fic KyuMin] Mistake 15