The Fairies
สรวงสวรรค์ ..
ดินแดนแห่งเหล่าทวยเทพ ผู้รับหน้าที่ที่พระเจ้าทรงบัญชา …
นั่นก็คือความอิ่มเอมและนบนอบในสิ่งที่เรียกว่า ‘ความสุข’
“ท่านแม่ ..” ภูติสวรรค์ตัวน้อยทำตาใสและเงยหน้ามองผู้เป็นแม่ที่ทอดมองมาที่ตนด้วยสายตาอ่อนโยน
“หืม ..”
“ท่าน
แม่เคยบอกข้าว่า
ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์เป็นดินแดนที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่พวกเรา
แล้วทำไมข้าถึงข้ามไปเล่นทางฝั่งทิศเหนือมิได้”
เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ เพราะตนเคยได้ยินมาว่าดินแดนทางตอนเหนือ
เป็นดินแดนที่น่าอัศจรรย์ใจมาก …
“เด็กน้อย .. สิ่งใดที่ผู้ใหญ่กล่าวห้าม นั่นหมายความว่าที่แห่งนั้นล้วนมีแต่อันตราย ..”
ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะของลูกน้อยด้วยความเอ็นดู
เพราะถึงอีซองมินจะดื้อดึงอยู่บ้าง แต่สิ่งใดที่นางกล่าวห้าม
ลูกชายของนางก็มิเคยฝ่าฝืน ..
อี
ซองมินยังคงจดจำคำสอนจากผู้เป็นแม่ได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าคำสอนพวกนั้นจะถูกสอนสั่งเมื่อครั้งที่ตนยังเล็กนัก
และเมื่อเวลาผ่านไป อีซองมินก็ไม่เคยคิดจะฝ่าฝืนดังเช่นเดิม ..
ทุก
วันอีซองมินได้แต่โบยบินมายังเส้นรอยต่อระหว่างเขตแดนของตนและเขตแดนต้อง
ห้าม
เด็กหนุ่มได้แต่นั่งมองพื้นที่ขาวละมุนทั่วทั้งผืนด้วยความสงสัยใคร่รู้ …
อุณหภูมิของดินแดนแห่งนี้ แตกต่างจากอุณหภูมิทางฝั่งของตนมาก ..
จากที่ตนคาดคะเนทางสายตาแล้ว
ดินแดนทางฝั่งของตนนั้นมีพื้นที่กว้างขวางกว่ามาก
ถึงจะแบ่งเป็นเขตแดนแยกจากกันอย่างเป็นเอกเทศก็ตาม
แต่อย่างไรแล้วเขตแดนแต่ละแห่งก็คือเขตแดนของพวกเราเหล่าภูติทุกตนอยู่ดี …
จะมีก็เพียงแต่ดินแดนสีขาวที่แยกตัวออกห่างจากชาวภูติอย่างเราโดยสิ้นเชิง …
ดินแดนแห่งสวรรค์จะแบ่งไปตามลักษณะเด่นทางภูมิภาค อย่างเช่นดินแดนที่อีซองมินอาศัยอยู่ เรียกว่า ‘ดินแดนแห่งบุปผา’ ตลอดทั้งปีจึงมีแต่กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิด และยังเป็นแหล่งรวมพลของสัตว์ขนาดเล็กอีกด้วย …
ดินแดนถัดมา จะเป็นดินแดนที่อยู่ติดกับมหาสมุทร
ดินแดนแห่งนี้จะขึ้นชื่อเรื่องสถานที่พักตากอากาศและยังเป็นแหล่งรวมสัตว์
น้ำหลากชนิดอีกด้วย
ถัดจากดินแดนที่พักตากอากาศ ก็จะเป็นดินแดนแห่งขุนเขา
ซึ่งจะเป็นที่อยู่ของสัตว์ขนาดใหญ่หลากชนิด
ซึ่งดินแดนแห่งนี้ก็ถือว่าอันตรายรองลงมาจากดินแดนสีขาวทางตอนเหนือเลยที
เดียว …
แต่สำหรับอีซองมิน มันไม่ได้น่ากลัวเช่นนั้น …
เพราะตนได้ทำการสำรวจมาทุกซอกทุกมุมแล้ว …
ถัด
จากดินแดนอันตราย ก็เป็นดินแดนแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ดินแดนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสีเหลืองอร่ามจากต้นไม้ขนาดใหญ่ตลอดทั้งปี
แต่จุดเด่นของดินแดนแห่งนี้คือพืชผลทางการเกษตรขนาดใหญ่มหึมานั่นเอง …
ทุก
ดินแดนถึงแม้จะแยกส่วนสัดอย่างชัดเจน
แต่ภูติทุกตนก็สามารถเข้านอกออกในได้อย่างอิสระ
เพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้ซองมินต้องมานั่งมองดินแดนสีขาวจากระยะไม่ใกล้ไม่
ไกลแบบนี้ ...
ซองมินก็แค่อยากรู้ว่าทำไม ภูติทุกตนถึงห้ามเข้าไปในดินแดนสีขาว …
มันมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ .. นั่นคือสิ่งที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจของตนมาตลอด …
“ไป
คาบมาปีกัส” อีซองมินหลุดจากภวังค์แห่งความคิด
เมื่อเสียงทุ้มทรงอำนาจจากอีกฟากฝั่งหนึ่งลอยมาตามสายลม
ดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มพยายามจะเพ่งมองไปยังดินแดนสีขาวบริสุทธิ์อย่างสุด
ความสามารถ …
จากมุมนี้เด็กหนุ่มมองไม่เห็นเจ้าของเสียงทุ้มทรงเสน่ห์ผู้นั้นชัดเจนนัก จะเห็นก็เพียงเงาร่างอันเลือนราง ….
ฟึบ!
ชายผู้นั้นกำลังฝึกนกฮูกหิมะขนาดใหญ่อย่างกระฉับกระเฉง
นี่เป็นครั้งแรกที่ซองมินได้เห็นนกตัวใหญ่มหึมาขนาดนี้
ซองมินแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลย …
มันน่าอัศจรรย์ใจมาก …
มิน่า .. ภูติสวรรค์ตนอื่นจึงพากันกล่าวขานเช่นนี้ …
สอง
ขาของซองมินกำลังก้าวย่างเข้าไปใกล้ยังดินแดนต้องห้ามแห่งนั้นช้าๆ
ขณะที่ดวงตาของเขาก็เอาแต่จับจ้องไปยังร่างของชายผู้หนึ่งที่เอาแต่สนใจกับ
สัตว์เลี้ยงของตนเพียงอย่างเดียว …
เขาเป็นใครตนก็มิอาจทราบ ….
หากแต่หัวใจกลับเต้นรัวอย่างน่าประหลาด …
ยิ่ง
สาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ภาพลักษณ์ของชายผู้นั้นก็ยิ่งชัดเจนในม่านสายตา
รูปร่างของผู้ชายผ฿นั้นดูสง่างามราวกับนักรบผู้หาญกล้า
อีกทั้งแผ่นหลังของเขาก็ยังกว้างใหญ่แลดูอบอุ่น …
เส้นผมของเขาเป็นสีขาวมุกกลมกลืนกับสีประจำดินแดนที่เขาอยู่อาศัย …
เขาเป็นใคร ? ทำไมถึงอยู่ในดินแดนต้องห้ามแห่งนั้น ?
“อ๊ะ”
ด้วยเพราะใจลอย อีซองมินจึงไม่ทันระวังว่าเบื้องหน้า
แท้ที่จริงมันมิใช่ทางเดิน หากแต่มันคือน้ำตกอันเยือกเย็น ที่หากตกลงไป
ตนคงจะแข็งตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่ …
เสี้ยว
วินาทีที่ร่างกำลังจะล่วงลงสู่ผืนธาราอันเยือกเย็น
อีซองมินได้แต่หลับตาแน่น ปีกใสที่เคยแข็งแกร่ง
เมื่อพบเจอกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป
ก็ไม่อาจเรียกมันมาใช้งานเพื่อช่วยชีวิตของตนได้เลย …
วินาทีชีวิตอันแสนสั้น ทำเอาซองมินนึกโทษตัวเองไม่น้อย ที่ดันคิดอะไรพร่ำเพ้อ จนพาลพาให้ตนเองพบเจอกับความยากลำบาก …
ไอเย็นจากธาราส่งผลให้ความหนาวเหน็บเข้ามาทักทายได้ไม่ยาก …
อีกนิดเดียวอีซองมินก็จะถูกแช่แข็งทั้งเป็นอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใครบางคนเสียก่อน ..
*★.• ·*.:。•.★*
อีซองมินหลับไปนานเท่าใด ก็ไม่อาจทราบ
รู้เพียงแต่ว่าสิ่งแรกที่ม่านสายตามันมองเห็น กลับไม่ใช่สถานที่อันคุ้นเคย
ภายในห้องที่ตนมานอนพักเอาแรงอยู่นี้
มีการตกแต่งที่วิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก
ให้ความรู้สึกเหมือนตนกำลังอยู่ในพระราชวังอย่างไรอย่างนั้น …
อีกทั้งเตียงนอนที่ตนกำลังอิงแอบอยู่นี้ก็ยังนุ่มนิ่มพาลพาให้นอนหลับอย่างสบาย
ใจ ไหนจะหมอนใบนุ่มที่เคยหนุนนอนนั่นอีก
ไม่แปลกเลยที่ตนจะหลับนอนจนไม่รู้จักเวล่ำเวลา …
เด็ก
หนุ่มสะบัดผ้าห่มสีชมพูหวานออกจากตัว
และวางปลายเท้าลงบนผืนพรมที่ออกแบบในลักษณะคล้ายคลึงกับผืนหญ้าที่อีซองมิ
นคุ้นเคย
และเมื่อปลายเท้าของซองมินเหยียบลงบนผืนพรมสีน้ำตาลอ่อนอันเปรียบเสมือนผืน
ดินอันอุดมสมบูรณ์
ความเย็นเฉียบก็แล่นปราดจนซองมินต้องกระโดดโหยงเหยงไปยืนบนพรมผืนหญ้าทันที …
หากแต่เพียงเสี้ยววินาทีที่สายตาของซองมินสบกับภาพสะท้อนในกระจก ท่าทางกระโดกกระเดกมันก็พลันหายไป …
ปีก
ใสๆของซองมินที่เคยงดงามในสายตาของภูติตนอื่น ณ
ตอนนี้มันกำลังหลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี เด็กหนุ่มลองขยับปีกของตนเองไปมา
เพื่อหวังจะโบยบินอีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำได้ ..
นี่
เป็นครั้งแรกที่ความกลัวมันเข้ามาทักทายภายในจิตใจของอีซองมิน
จนมันกลั่นกรองออกมาเป็นหยดน้ำตา
ร่างเล็กของภูติตัวน้อยทรุดลงนั่งกับพรมผืนหญ้าด้วยท่าทางอ่อนแรง
ใบหน้าหวานผิดแผกจากเด็กหนุ่มทั่วไป
จรดลงบนหน้าขาของตัวเองเพื่อหลบซ่อนน้ำตาที่ไม่อาจให้ผู้ใดมองเห็น …
วินาที
นี้ อีซองมินเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านแม่จึงย้ำนักย้ำหนาว่าอย่างไรแล้ว
อีซองมินก็ห้ามเข้ามาเที่ยวเล่นในดินแดนสีขาวบริสุทธิ์แห่งนี้เด็ดขาด …
เพราะมันอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างที่ใครก็ไม่อาจคิด …
และก็ไม่รู้ว่าจะมีทางแก้ไขได้หรือไม่ …
แกร๊ก …
“เจ้าฟื้นแล้วหรอกหรือ ?”
เสียงเปิดประตูดังมาพร้อมๆกับเสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนที่อีซองมินเคยมองเขา
จากที่ไกลๆ
ซึ่งเขาคนนั้นก็คือคนเดียวกันกับผู้ที่ช่วยชีวิตของตนให้หลุดพ้นจากการตกลง
สู่ผืนธาราอันเย็นเฉียบ …
“ทานข้าวก่อนสิ แล้วค่อยไป ..”
เด็กหนุ่มรีบเช็ดหน้าเช็ดตา
ก็ทันได้เห็นว่าชายผู้นั้นแท้ที่จริงแล้วมีใบหน้าอันหล่อเหลา อีกทั้งปาก ตา
จมูกก็ยังรับกับรูปหน้าอันคมสันของเขาได้เป็นอย่างดี ..
เขาหลีกทางให้เหล่าสาวใช้เดินถือถาดอาหารและผลไม้เข้ามาในห้อง
จนกระทั่งเหล่าสาวใช้เดินหายลับตาไป
ริมฝีปากอิ่มเอิบคู่นั้นจึงได้กล่าวถ้อยคำที่ฟังอย่างไรแล้วก็ดูเหมือนจะไล่
กันกลายๆ
“ข้าจะกลับบ้านได้อย่างไร ในเมื่อปีกของข้า ..” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน พลางหันหลังโชว์ปีกใสๆที่ตอนนี้มันเสียหายไม่มีชิ้นดีให้ชายผู้นั้นดู …
“ถึงเจ้าจะอยู่ต่อ ก็ใช่ว่าปีกของเจ้าจะเป็นเหมือนเดิม ..” ชายผู้นั้นพิงขอบประตูห้อง พร้อมกับพูดจาใจร้ายออกมาได้หน้าตาเฉย
อีซองมินได้แต่นิ่งเพราะไม่รู้จะต่อล้อต่อเถียงอีกฝ่ายว่าอย่างไร
จึงตัดปัญหาโดยการเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะเล็กๆตรงมุมห้อง
เพื่อทานอาหารที่อีกฝ่ายใจดีนำมันมาให้ซองมินทาน ..
เพราะของกินตรงหน้าคือสิ่งๆเดียวที่ทำให้รู้ว่าเขาคนนี้ยังคงมีน้ำใจดีงามหลงเหลืออยู่ …
“เจ้าทนอยู่ในอุณหภูมิเช่นข้านานๆมิได้หรอก กลับบ้านของเจ้านั่นล่ะคือทางเลือกที่ดีที่สุด ..”
*★.• ·*.:。•.★*
อีซองมินไม่เข้าใจจิตใจของตนเองเลย ทำไมคำพูดของชายผู้นั้น
ก่อนที่เขาจะกลับหลังหันเดินจากไป
มันถึงได้ทำให้หัวใจของอีซองมินสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก …
ความรู้สึกอบอุ่นใจเล็กๆ แบบนี้ มันคืออะไรกัน ?
หลังจากทานอาหารที่ชายผู้นั้นนำมาให้อย่างอิ่มหนำ
เหล่าหญิงรับใช้ที่ไม่รู้ว่ามานั่งรออยู่ตรงหน้าห้องของตนตั้งแต่เมื่อไหร่
ก็ขออนุญาตเดินเข้ามาเก็บสำรับ ..
ขณะที่หญิงรับใช้อีกกลุ่มกลับเอาเสื้อผ้าหน้าตาประหลาดมาให้อีซองมินหยิบยืม …
“คุณชายคยูฮยอนมอบให้ท่านเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ผู้มีเส้นผมสีขาวราวกับไข่มุกยิ้มกว้าง พร้อมกับคลี่เสื้อผ้าให้ซองมินดูอย่างเชื้อเชิญ …
คุณชายคยูฮยอน ? งั้นเหรอ ….
ชายผู้นั้นคือคุณชายคยูฮยอนสินะ …
“ท่าน
คงมาจากดินแดนทางตอนใต้ใช่หรือไม่
ข้าเคยได้ยินมาว่าที่แห่งนั้นอุดมสมบูรณ์และงดงามมาก”
หญิงรับใช้ผู้นั้นจัดแจงสวมเสื้อผ้าหนาๆให้ซองมิน
พลางถามไถ่ถึงดินแดนของซองมินอย่างสงสัยใคร่รู้ …
“ใช่ .. ดินแดนของข้าเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ .. ถ้าเจ้าอยากเห็น ทำไมเจ้าไม่ข้ามฝั่งมาเที่ยวเล่นดินแดนของข้าล่ะ ..” เด็กหนุ่มยิ้มถามหญิงรับใช้ด้วยท่าทางเป็นมิตร
“ข้าข้ามฝั่งไปมิได้หรอกท่าน .. อุณหภูมิทางนั้นกับที่นี่แตกต่างกันมาก ..”
“นั่นสิ .. ข้าเองก็ลืมเสียสนิทใจ .. หากเจ้าข้ามไป ปีกของเจ้าก็คงเป็นดังเช่นข้า ..” เด็กหนุ่มทำหน้าเศร้า พร้อมกับเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อแตะปีกบางใสภายใต้เสื้อตัวหนาเพียงเบาๆ
“ไม่ใช่แค่ปีกจะเสียหายหรอกท่าน .. มันมิใช่แค่นั้น …” หญิงรับใช้ตอบเพียงเท่านั้น ก็เดินนำซองมินออกมานอกห้อง เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านของตน …
ที่
พักอาศัยของชายผู้นั้นโออ่าสมดั่งฐานะคุณชายของเหล่าภูติน้ำแข็งจริงๆ
ดินแดนแห่งนี้ไม่ว่าจะเหยียบย่างไปที่ใดก็ล้วนแล้วแต่จะเหน็บหนาวจับขั้ว
หัวใจ …
มัน
น่าแปลกที่ห้องที่ซองมินหยิบยกมาพักเพียงชั่วคราวกลับอบอุ่นและแตกต่างจาก
ทุกสิ่งโดยรอบของบ้านหลังนี้ ภูติตนนั้นคงจะมีวิชาแกร่งกล้าเอามากๆ
ถึงได้มีพลังอำนาจทำให้พื้นที่เย็นๆกลับกลายเป็นพื้นที่อบอุ่นเพียงชั่วคราว
ให้ซองมินได้นอนพักเอาแรง ….
เพียงแค่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจมันก็วูบไหวอีกแล้ว …
ท่านแม่เคยบอกซองมินไว้ว่า
ภูติในดินแดนสวรรค์เป็นจำพวกที่มีความคิดและสติปัญญาอันเป็นตัวของตัวเอง
ดังนั้นจิตใจของเราจึงซื่อตรงต่อความคิด …
แต่ในสถานการณ์ประหลาดๆเช่นนี้ อีซองมินไม่เข้าใจเลยว่าตนเองกำลังคิดและรู้สึกอย่างไรอยู่ …
ความรู้สึกในตอนนี้ มันแปลกใหม่สำหรับซองมินเหลือเกิน …
เมื่อซองมินเดินออกมาจากประตูบ้านของชายผู้นั้น ม่านสายตาของซองมินก็มองเห็นร่างสูงใหญ่ที่มีปีกสีขาวขุ่นประดับประดาอยู่กลางหลัง …
และข้างๆกายของเขาก็มีนกฮูกหิมะตัวใหญ่ยักษ์เฝ้าคลอเคลียอยู่ ….
รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเขาที่มีให้กับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด
กลับส่งผลต่อคนที่กำลังแอบมองเขาอยู่ฝ่ายเดียวดังเช่นอีซองมิน เพียงเสี้ยววินาทีแห่งความคิด
ซองมินนึกอิจฉานกฮูกยักษ์ตัวนั้นที่เขาผู้นั้นส่งยิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน
อีกทั้งยังลูบหัวกลมๆของมันอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดูอีกต่างหาก ...
ท่าทางของเขาแตกต่างจากคุณชายหน้ายักษ์เมื่ออยู่ต่อหน้าซองมินจริงๆ
ปีกของเขาแตกต่างจากปีกของซองมินมาก
แถมยังใหญ่โตโอ่อ่าสมกับลักษณะทางกายภาพของเขาเสียอีก
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อีซองมินมองเห็นเขาในลักษณะของภูติตนหนึ่ง
เพราะปกติแล้วเขามักจะหลบซ่อนปีกของเขาอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีขาวสะอาดที่มักจะ
ยึดติดกับไหล่กว้างของเขาเสมอ ..
“มาแล้วหรือ …” ชายผู้นั้นยืนยิ้มค้าง เมื่อหันมาเห็นซองมินยืนอยู่ตรงนี้
“อื้อ”
“คลุมตัวเจ้าไว้ซะ ..”
เมื่อซองมินเดินเข้ามาใกล้ ชายผู้นั้นก็ยื่นผ้าคลุมสีขาวสะอาดมาให้
ซองมินจึงรับมันมาคลี่ห่อคลุมร่างกายของตนเองอย่างไม่มีทางเลือก …
ผ้า
คลุมที่เขายื่นมาให้ซองมิน
มั่นใจได้เลยว่าเป็นผ้าผืนเดียวกับที่เขาใส่ติดตัวอยู่ตลอดเวลาแน่ๆ
เพราะทันทีที่นำมันมาห่มคลุมร่างกายของตนเอง
ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วจิตใจ
อีกทั้งกลิ่นกายหอมอ่อนๆของเขายังโอบล้อมรอบตัวของซองมินเอาไว้อีกด้วย …
ชายผู้นั้นฉวยโอกาสตอนที่อีซองมินกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความเผลอไผล
รั้งร่างของซองมินขึ้นมานั่งบนขนนุ่มๆของนกฮูกหิมะตัวเขื่องอย่างรวดเร็ว …
และทันทีที่เจ้าปีกัสสยายปีกบิน สายลมเคล้าไอเย็นยะเยือกก็ตีเข้ากลางแสกหน้าของซองมินทันที …
มวล
อากาศเย็นภายนอก ส่งผลให้อีซองมินหนาวสั่น
เสื้อผ้าหนาๆและผ้าคลุมที่เขามอบให้ ไม่ได้ช่วยให้ซองมินคลายความหนาวได้เลย
และด้วยระยะทางอันยาวนาน ร่างกายของซองมินก็เริ่มชาเหน็บทุกขณะ …
ต่างกับคุณชายคยูฮยอนที่ไม่สะทกสะท้านต่อลมหนาวเช่นนี้สักนิด ..
ด้วย
ลักษณะทางกายภาพเช่นนี้
มันทำให้ซองมินมองเห็นเส้นขนานแบ่งแยกภูติสวรรค์ทั้งสองขั้วออกจากกันอย่าง
ชัดเจน นี่คือเหตุผลเดียวที่เราทั้งสองดินแดนต่างมิควรมายุ่งเกี่ยวกัน ….
“เจ้าควรจะอดทนอีกนิด .. ไม่นานเจ้าก็จะปลอดภัย ..”
คำพูดของเขา เหตุใดถึงทำให้ซองมินวางใจ ..
อีกทั้งแผ่นอกของเขา เหตุใดถึงเป็นเกราะกำบังความหนาวเหน็บชั้นเยี่ยมได้เช่นนี้ …
*★.• ·*.:。•.★*
“เจ้ามิควรทะเล่อทะล่าเช่นนั้นอีก ..” เขามาส่งซองมินจนถึงที่หมาย แค่เพียงร่างกายของซองมินกลับมาอยู่ในพื้นที่ที่ควรอยู่ อาการแปลกๆทางกายมันก็พลันหายไป …
จะเหลือก็แค่เพียงความรู้สึกทางใจ ที่มันไม่อาจเหมือนเดิม …
“ข้ามิได้ทะเล่อทะล่า ..” ภูติตัวจ้อยเถียงคอเป็นเอ็น เมื่ออีกฝ่ายกลับพูดจาดุด่าว่ากล่าวราวกับตนเองเป็นเด็ก
“ถ้าเช่นนั้น ร่างของเจ้ามันเกือบจะตกลงไปในธารน้ำนั่นได้อย่างไร ?” เมื่อเขาไล่บี้กลับมา อีซองมินก็ไม่รู้จะตอบเขากลับไปว่าอย่างไรดี เพราะตนเองนั้นรู้ดีว่าตนทะเล่อทะล่ามากแค่ไหน …
“เด็กน้อย .. ความโชคดีมิได้มีบ่อยครั้ง .. เจ้าจงอย่าดื้อดึงให้มันมากนักเลย ..”
เขาเอื้อมมือข้ามผ่านเขตแดนของเขาเข้ามาลูบหัวของอีซองมินเหมือนกับลูบหัว
เจ้านกฮูกนั่นเลย
หากแต่มันจะต่างกันก็ตรงที่ฝ่ามือคู่นี้มิได้ลูบมันเพราะความเอ็นดู
แต่กลับขยี้มันเพราะความหมั่นไส้ต่างหาก …
“ข้ามิใช่เด็ก ..” เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายตาขวาง พลางปัดมือใหญ่คู่นั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี …
“ข้าไปล่ะ .. หวังว่าเราคงไม่ได้พบเจอกันอีก ..” เขาทิ้งท้ายถ้อยคำบาดลึกไว้เช่นนั้น พลางกลับหลังหันให้อีซองมินที่ยืนมองเขาจากทางฝั่งเขตแดนของตน
“ด..เดี๋ยว ..” และทันทีที่ซองมินออกปากรั้งเขาไว้ ปลายเท้าของชายผู้นั้นก็หยุดนิ่งลง คล้ายกับรอฟังในสิ่งที่อีซองมินจะพูดมันต่อไป …
“ขอบคุณ …” เด็กหนุ่มกล่าวถ้อยคำนั้นอย่างแผ่วเบา ขณะที่สายตาก็ยังคงมองแผ่นหลังกว้างของชายผู้นั้นไม่ให้คลาดสายตา …
“มิเป็นไร ..” เขาตอบเพียงแค่นั้น แล้วก็เดินออกห่างจากเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสองเราในทันที …
และเมื่อซองมินหันหลังกลับ …ขอนไม้ที่ซึ่งเคยเชื่อมต่อระหว่างดินแดนทางตอนใต้กับดินแดนทางตอนเหนือก็หักครึ่งลง เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า …
ส่งผลให้ทั้งสองดินแดนตัดขาดออกจากกันอย่างเป็นทางการ …
เป็นเช่นนี้มันดีแล้วหรือ นั่นคือสิ่งที่คยูฮยอนอยากถามตนเองมากที่สุด …
*★.• ·*.:。•.★*
Update : 140201
การเดินทางจากผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่ตนคุ้นเคยมาตั้งแต่เล็กจนโต
ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่ทำให้อีซองมินรู้สึกเหนื่อยเช่นนี้ ..
ภูติสวรรค์ เมื่อไม่มีปีก ก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เดินดิน ..
โชคยังดีที่ตอนเด็กๆท่านแม่เคยสอนสั่งการสร้างเรือเฉพาะกิจไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
เวลานี้มันก็เลยได้นำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ซองมินกระโดดขึ้นลงอยู่ในอากาศตรงใต้ต้นไม้ใหญ่มานานสองนานแล้ว
..
เมื่อปีกมันใช้การไม่ได้ สิ่งเดียวที่พอจะพึ่งพาได้ก็คือขาทั้งสองข้าง …
เสียอย่างเดียว ตัวของซองมินเล็กเท่ายอดหญ้าเพียงเท่านั้น
แล้วแบบนี้ใบไม้ใหญ่ที่ซองมินต้องการมันจะล่วงหล่นลงมาได้อย่างไร …
“เห้อ” เมื่อกระโดดไปก็เสียแรงเปล่า
ซองมินจึงทิ้งตัวลงนั่งกับผืนหญ้าอย่างหงุดหงิด
ฟิ้ว~
เพียงเสี้ยววินาที สายลมโหมกระหน่ำก็พัดพาไปทั่วทุกหัวระแหง หากแต่ก็เพียงไม่นาน
สายลมเหล่านั้นก็นิ่งสงบลง
ส่งผลให้ใบไม้ขนาดใหญ่หลากหลายใบล่วงหล่นลงมายังพื้นเบื้องล่าง …
ด้วยความดีใจ ซองมินจึงรีบวิ่งไปเก็บลากมันเพื่อเอามาใช้งาน …
ซองมินเลือกทำเลเหมาะๆในการสร้างเรือขนาดเล็กเพื่อเป็นยานพาหนะสำหรับเดินทางไปยังบ้านพักของตน
เด็กหนุ่มต่อเรือใบไม้อย่างชำนิชำนาญด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม …
จนกระทั่งเรือใบไม้ลำเล็กกลายเป็นรูปเป็นร่างอย่างสมบูรณ์
อีซองมินก็ทิ้งตัวลงนอนบนผืนหญ้าอย่างหมดแรง พลันเมื่อดวงตากลมโตมองลอดผ่านม่านเงากิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ไปเห็นสัตว์ปีกขนาดมหึมาบินวนอยู่บนฟากฟ้า
…หัวใจของอีซองมินก็เต้นรัวขึ้นมาอีกหน …
ซองมินมั่นใจ หากนกตัวนั้นมิใช่ปิกัส ..
หัวใจของซองมินจะไม่ทำงานอย่างหนักเช่นนี้เลย
…
ความจริงแล้วชายผู้นั้นก็มิได้เย็นชาอะไรนัก
เขามิได้อยากจะตัดขาดและไม่ดูดำดูดีคนตกทุกข์ได้ยากดังเช่นซองมิน .. เมื่อคิดมาถึงตรงนี้
ผ้าคลุมที่เขาให้ไว้ดูต่างหน้า ก็เหมือนกับมันจะกลายร่างเป็นชายผู้นั้นเสียเอง …
ซองมินพยายามสะบัดหัวของตนเองให้หยุดคิดเรื่องของชายแปลกหน้าที่ได้พบเจอกันเพียงครั้งเดียว
แล้วก็หยัดยืนขึ้นจนเต็มความสูง พลางลากเรือใบไม้ของตนลงสู่ผืนธาราเบื้องหน้า …
เมื่อตัวของซองมินเข้ามานั่งนิ่งๆอยู่บนเรือใบไม้ได้สำเร็จ ซองมินก็ออกแรงพายโดยใช้กิ่งไม้ไม่เล็กไม่ใหญ่แทนไม้พาย
เพื่อให้เรือของซองมินเดินหน้าไปตามเส้นทางที่ต้องการ …
ยามค่ำคืนดึกดื่น ส่งผลให้แมลงน้อยใหญ่ที่ยังไม่ถึงเวลาหลับใหล
พากันส่งเสียงร้องเรียกซองมินอย่างเซ็งแซ่ จนซองมินต้องออกปากห้าม ..
แมลงพวกนั้นจึงหยุดร้องเรียกซองมินได้เสียที
…
แต่พอซองมินห้ามไม่ให้ส่งเสียง แมลงอีกจำพวกก็บินวนอยู่รอบตัวซองมิน
พลางส่องแสงสว่างไสวอย่างงดงามท่ามกลางความมืด
ซองมินก็เลยเพลิดเพลินไปกับความงดงามตลอดการเดินทาง …
และเมื่อซองมินกลับมายังดินแดนของซองมินที่มีแต่ความอบอุ่น
เสื้อตัวหนาที่สาวใช้ของคุณชายคยูฮยอนเป็นผู้สวมใส่ให้ซองมินเองกับมือ ก็ถูกถอดออกและพับเก็บอย่างเป็นระเบียบ
ก่อนจะวางเอาไว้บนตักอย่างทะนุถนอม …
เหลือก็เพียงแต่ผ้าคลุมของคุณชาย ที่อีซองมินยังคงนำมันมาห่อร่างกาย
เพื่อไม่ให้อากาศเย็นสบายในยามค่ำคืนต้องกระทบกายของตน …
*★.• ·*.:。•.★*
ซองมินไม่มีเวลาหยุดพักนานนัก
เพราะซองมินไม่แน่ใจว่าท่านแม่จะกลับมาจากวังหรือยัง ท่านแม่ของซองมินเป็นข้าหลวงขององค์ราชินีแห่งภูติผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้นท่านก็เลยมิค่อยจะอยู่ติดบ้านเท่าใดนัก ..
และหากเรื่องที่ซองมินได้พบเจอมาในวันนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ..
ซองมินคงจะโดนท่านแม่หยิกจนเนื้อเขียวเป็นแน่
กระทั่งซองมินกลับมาถึงบ้าน
และสายตาพลันเห็นว่าบ้านทั้งหลังปิดไฟเสียมืดสนิท
ซองมินก็เผลอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก …
แต่ปัญหาของซองมินยังไม่จบลงแค่นั้น เมื่อบ้านของซองมินถูกสร้างอยู่บนต้นไม้ใหญ่นั่นน่ะ
…
ในเมื่อปีกก็ใช้การไม่ได้ .. แล้วซองมินจะขึ้นไปข้างบนได้อย่างไร
?
เด็กหนุ่มเดินวนไปวนมาอยู่ตรงใต้ต้นไม้อันคุ้นตาอย่างคิดไม่ตก
พลางกอดเสื้อตัวหนาที่ได้รับมาจากใครบางคนเสียแนบแน่น ..
พลันสายตาของซองมินก็เหลือบไปเห็นเมล็ดพันธุ์ตกอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่
ซองมินก็เลยวางเสื้อตัวหนาลงบนผืนหญ้าตรงส่วนที่สะอาดที่สุดในสายตาของซองมิน
จากนั้นซองมินก็ออกแรงด้วยมือทั้งสองข้างดันเมล็ดพันธุ์ให้มันตรงกับตำแหน่งที่ซองมินเล็งเอาไว้
…
ส่วนขั้นตอนสุดท้าย
ซองมินก็ลากกิ่งไม้ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้มาวางพาดลงบนเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่ แล้วก็เอาก้อนหินมาวางทับปลายกิ่งไม้ด้านหนึ่งเพื่อหวังจะถ่วงน้ำหนัก
…
วิธีนี้ซองมินจำมาจากเครื่องเล่นของเด็กๆในสวนริมน้ำเชียวนะ
…
ซองมินเดินไปหยิบเสื้อตัวหนามากอดแนบอกดังเช่นเดิม จากนั้นปลายเท้าเล็กก็ก้าวเหยียบปลายกิ่งไม้อีกด้านหนึ่ง
ที่ไม่มีก้อนหินถ่วงอยู่ แล้วซองมินก็ออกแรงกระโดดตัวให้สูงที่สุด เพื่อที่ซองมินจะได้เข้าบ้านของตนเองได้
…
ครั้งแรกไม่สำเร็จ … เพราะซองมินออกแรงน้อยเกินไป … หากแต่ครั้งที่สอง
ซองมินดันลอยลิ่วอยู่เหนือหลังคาบ้านของตัวเองซะอย่างนั้น …ดีที่มืออีกข้างหนึ่งของซองมินคว้าเถาว์วัลย์ไว้ได้ทัน
ซองมินก็เลยสามารถดีดตัวเพื่อขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านได้สำเร็จ …
สาบานได้เลย .. วันนี้จะเป็นวันที่อีซองมินจำทุกอย่างได้จนขึ้นใจเชียวล่ะ..
เพราะชีวิตของซองมินจะทรหดไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว …
เมื่อล้มตัวลงนอนบนเตียงของตนเองที่ไม่ได้นุ่มดังเช่นเตียงของใครอีกคน
หากแต่อย่างไรแล้วมันก็สบายสำหรับซองมินที่สุด …
เด็กหนุ่มนอนกอดเสื้อตัวหนา ขณะที่ผ้าคลุมยังคงห่มกายของตนเองอยู่แบบนั้น …
ไม่นานอีซองมินก็นอนหายใจสม่ำเสมอท่ามกลางความอบอุ่นในจิตใจ ..
*★.• ·*.:。•.★*
ปัง! ปัง!
“ท่านพี่ซองมิน! นี่ท่านหลงลืมหน้าที่ของท่านแล้วหรือ
..” เสียงดังตึงตังจากหน้าประตู
ทำให้เด็กหนุ่มพลิกตัวไปมาอย่างงัวเงีย ผมเส้นเล็กที่เคยเป็นทรงบัดนี้ชี้ฟูเสียจนดูไม่ได้
…
“มีอะไรอันนา โหวกเหวกโวยวายเช่นนี้ มิสมกับเป็นกุลสตรีเลย ..” ซองมินขยี้หัวฟูๆของตนเอง พลางทำตาปรือใส่เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าตน
“ท่านก็ว่ากล่าวแต่ข้า
.. แล้วตัวท่านล่ะ
สายจนตะวันโด่งเช่นนี้ ท่านยังมิเก็บดอกไม้มาให้ข้าอีกหรือ ? ประเดี๋ยวข้าจะต้องรีบนำมันไปถวายแด่องค์ราชินีแล้วนะท่าน ..” ฉับพลันที่อีซองมินได้ยินเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็เบิกตาโต
เมื่อตนเองดันทำตัวเหลวไหลเสียเอง
“ข้าขอเวลาชั่วโมงนึง
.. ม.. ไม่สิ ครึ่งชั่วโมง! แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ข้าจะรีบนำดอกไม้มาให้เจ้า” พลันเมื่อกล่าวจบ ซองมินก็รีบปิดประตูบ้านของตนเองอย่างรวดเร็ว
สองขาของเด็กหนุ่มเดินวนไปวนมาอย่างคิดไม่ตก ว่าตนเองจะทำอย่างไรกับปีกเจ้าปัญหาของตนดี
…
“ท..ทำไม ?”
ซองมินเดินวนไปวนมาราวกับหนูติดจั่น พลันเมื่อสายตามองเห็นร่างของตนเองในกระจกเงา
ปลายเท้าอันงุ่นง่านก็หยุดนิ่งลง …
สายตาของซองมินมองเห็นปีกของตนเองที่ตอนนี้คงอยู่ในสภาพเดิมเรียบร้อยแล้ว
ทั้งๆที่เมื่อคืนวานซองมินยังขยับปีกไม่ได้อยู่เลย แล้วทำไมเช้าวันนี้มันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
?
เพราะเหตุใดกัน ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย …
ปัง! ปัง!
“ท่านพี่ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาที ..” ทันทีที่เด็กสาวร้องเตือน
อีซองมินก็รีบสะบัดข้อสงสัยทั้งหมดนั่นทิ้งไป จากนั้นสองมือก็รีบกระชากประตูบ้านออกอย่างแรง
“ข้าจะรีบไป”
ซองมินออกอาการเหนื่อยหอบ จากนั้นก็รีบออกตัวโบยบินไปยังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
เพื่อเก็บดอกไม้ที่องค์ราชินีทรงโปรดปรานอย่างเร่งรีบ …
*★.• ·*.:。•.★*
ตุบ!
“โอ้ยยยยย!” เพราะความเร่งรีบ
จึงทำให้อีซองมินร่อนลงสู่ทุ่งบุปผาผิดจังหวะ มันก็เลยส่งผลให้ร่างเล็กๆกลิ้งหลุนๆอยู่ท่ามกลางบุปผาสีชมพูหวาน
…
ซองมินสะบัดหัวไล่อาการมึนงงอยู่สองสามที
จากนั้นซองมินก็เริ่มใช้มนต์คาถาในการรวบรวมดอกไม้เพื่อนำมาถวายแด่องค์ราชินี …
และเรื่องการใช้เวทมนต์ในครั้งนี้ ซองมินก็ต้องเก็บเป็นความลับด้วยเช่นกัน
เพราะท่านแม่เคยสอนสั่งซองมินมาตั้งแต่ยังเล็กนัก ว่าการเก็บดอกไม้
เพื่อนำมาถวายแด่องค์ราชินี ซองมินมิควรใช้เวทมนต์ใดๆเลย
เนื่องจากว่าการเก็บดอกไม้แต่ละดอกด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง มันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ
และความจงรักภักดีของตนที่มีแด่องค์ราชินี
ซองมินรู้
.. ซองมินจำได้ …
เพียงแต่ครั้งนี้ซองมินมีเวลาไม่มาก ก็เลยต้องพึ่งเวทมนต์เล็กๆน้อยๆพวกนี้แทน
…
ครั้นพอบรรลุเป้าหมาย
ซองมินก็รีบนำดอกไม้ที่หอบมาจนเต็มสองอ้อมแขนโบยบินกลับไปยังบ้านพักของตนเองให้เร็วที่สุด
พออันนาได้รับในสิ่งที่เธอต้องการ เด็กสาวก็รีบโบยบินมุ่งตรงไปยังพระราชวังในทันที
…
จากนั้นซองมินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ภารกิจเสร็จสิ้นไปด้วยดี …
เมื่อมีเวลาว่าง
ซองมินก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน พลางหยิบเสื้อตัวหนามากอดไว้แนบอก เนื่องจากเป้าหมายต่อไปที่ตนเองต้องการ
คือการไปเยือนยังดินแดนน้ำแข็งอีกครา …
เด็กหนุ่มตั้งท่าจะโบยบินขึ้นสู่น่านฟ้าอีกครั้ง
หากแต่ครั้งนี้ตนไม่อาจโบยบินได้ดั่งใจนึก
แม้ว่าปีกใสๆของซองมินจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วก็ตาม …
ณ เวลานี้ ซองมินรู้สึกเหมือนว่าปีกของตน มันมิอาจใช้งานหนักได้อีกต่อไป …
*★.• ·*.:。•.★*
ขณะเดียวกันดินแดนสีขาวเองก็วุ่นวายไม่ต่างกัน
เนื่องจากองค์ราชาของเหล่าภูติน้ำแข็งอยู่ๆก็ล้มป่วยอย่างมิทราบสาเหตุ
จะมีก็แต่เพียงเหล่าข้ารับใช้ในวังเพียงเท่านั้นที่ทราบเรื่องราวข้อเท็จจริง …
“ท่านหมอหลวง .. เราจะทำอย่างไรกันดี?” นางรับใช้คนสนิทเอ่ยถามหมอหลวงผู้ดูแลพระอาการอย่างกังววลใจ
สีหน้าของนางบ่งบอกได้ชัดแจ้งว่านางกำลังเป็นห่วงองค์ราชาของนางยิ่งชีวิต
“การใช้เวทมนต์เปลี่ยนจากอากาศหนาวเหน็บ
ให้เป็นอากาศอบอุ่น .. จะต้องใช้พลังเวทขั้นสูง
.. อีกทั้งการรักษาอาการบาดเจ็บของผู้อื่นก็เช่นเดียวกัน ..
มิแปลกที่องค์ราชาจะทรงล้มป่วย .. หากพระองค์ทรงใช้เวทมนต์ซ้ำอีก
ร่างกายของพระองค์ก็จะยิ่งอ่อนแอลง .. ทางเดียวที่เราจะสามารถทำได้
คือการเอ่ยห้ามมิให้พระองค์ทำแบบนั้นซ้ำสองอีก”
หญิงรับใช้ได้แต่ทอดมององค์ราชาของนางอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
เมื่อนางรู้ดีว่าเหตุใดองค์ราชาจึงทำเช่นนั้น …
เพราะนางเองก็ออกปากห้ามซ้ำแล้วซ้ำอีก
แต่องค์ราชาก็มิยอมเชื่อในสิ่งที่นางตักเตือนเลยสักนิด .. ผลก็เลยมาจบลงเอาแบบนี้
…
นี่แหละหนา ‘ความรัก’ …
อีกทั้งยังเป็นรักที่มิมีทางเป็นไปได้อีกด้วย
..
*★.• ·*.:。•.★*
นับตั้งแต่ครานั้น ซองมินก็มิเคยพบเจอกับคุณชายคยูฮยอนอีกเลย
ไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม ซองมินก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงา ครั้นจะแอบลักลอบเข้าไป
ซองมินก็ทำมิได้ เพราะบัดนี้มีทหารยามมาเฝ้าเวรตรงเขตแดนกั้นขวางระหว่างดินแดนทั้งสองอยู่หลายนาย
…
บางทีภายในดินแดนสีขาวคงจะมีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นเป็นแน่ เหล่าทหารยามจึงพากันเดินตรวจตาเสียจนเข้มงวดเช่นนี้
..
ระยะเวลานานร่วมเดือน ปีกบางใสของซองมินก็ยังคงใช้งานหนักมากมิได้ และเรื่องนี้ก็ยังมิมีใครล่วงรู้
เพราะซองมินระวังตัวเป็นอย่างดี ..
ช่วงนี้ท่านแม่มีเวลาอยู่กับซองมินเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ซองมินจึงมีโอกาสได้ทานผลไม้อบแห้งอยู่บ่อยๆ
และเพราะมันรสชาติดีมาก ซองมินก็เลยทานมันจนแทบจะหมดเกลี้ยง …
เนื้อตัวของซองมินก็เลยอวบอูมมากยิ่งขึ้น จนท่านแม่ออกคำสั่งให้ซองมินไปโบยบินออกกำลังกายเสียบ้าง
..
ซองมินก็เลยต้องโบยบินมานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้เพียงลำพัง …
เกือบเดือนแล้ว คุณชายก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของซองมินมิเสื่อมคลาย
มีอยู่หลายคราที่ซองมินต้องนั่งมองดวงจันทร์บนฟากฟ้าด้วยอาการเหม่อลอย …
เพราะซองมินกำลังหวังว่าคุณชายจะนั่งมองดวงจันทร์ดังเช่นซองมิน …
“ขี้คร้านจริงๆเจ้านี่” ซองมินหลุดจากภวังค์แห่งความคิดในทันที
เมื่อท่านแม่ตามหาตัวซองมินจนเจอ ซองมินน่ะโดนท่านแม่ทุบตีอยู่หลายทีเชียว
“ข้าเพิ่งจะหยุดพักเมื่อครู่เองนะท่านแม่
..” ซองมินรีบโบยบินขึ้นไปหลบอยู่บนเกสรดอกไม้
พลางโผล่หน้ามาเถียงท่านแม่ของตน
ทำให้อีกฝ่ายที่อยู่เบื้องล่างมองเห็นแค่ลูกกะตาใสของคนเป็นลูกเพียงเท่านั้น …
“เห้อ .. เจ้านี่มัน ..”
ท่านแม่ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนผืนหญ้าบ้าง ซองมินจึงหาญกล้าที่จะโบยบินลงมานอนเคียงข้างกันกับท่าน
…
เราสองคนแม่ลูกกำลังทอดมองผืนฟ้าสีส้มอมม่วงอย่างเงียบงัน สายตาของซองมินยามนี้กำลังมองตามนกกลุ่มใหญ่ที่กำลังโบยบินอยู่บนฟากฟ้ากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
…
“ท่านแม่ …”
“หืม
?”
“ท่านว่าข้าผิดปกติหรือเปล่า
ที่เอาแต่นึกถึงคนคนนึงอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน ..” ซองมินพลิกตัวหันหน้าเข้าหาท่านแม่ของตน
ฝ่ายผู้เป็นแม่เองก็พลิกใบหน้าเข้าหาเด็กหนุ่มเช่นกัน …
“นี่ลูกชายข้าโตพอที่จะมีความรักตั้งแต่เมื่อใดกัน ..” ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะของเด็กหนุ่มพลางยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
รักหรือ
?
อาการแบบนั้นมันใช่จริงๆหรือ ?
“แต่มันไม่เร็วไปหรือท่านแม่ .. ข้าเพิ่งจะพบเจอเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
..”
“ความรักไม่มีกฏเกณฑ์
หากเจ้าอยากจะรัก .. ก็มิมีสิ่งใดมาห้ามความรู้สึกของเจ้าได้
.. แม้กระทั่งเวลา” คำพูดของท่านแม่ยังมีบางจุดที่ซองมินนึกค้านอยู่ในใจ
…
เพราะระหว่างตนกับคุณชายคยูฮยอน มันมีคำว่า ‘เส้นขนาน’
มาขวางกั้นอยู่ …
*★.• ·*.:。•.★*
หลายคืนมาแล้วที่คยูฮยอนตรากตรำทำงานอย่างหนัก
เพื่อให้จิตใจของตนเองมิต้องนึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่ตนเองก็ทราบดีว่าไม่อาจเผลอใจได้
..
แต่ยิ่งบังคับตนเองเท่าใด ..
จิตใจก็มิเคยจะเชื่อฟังสมองของตนเองเลยสักครา …
คยูฮยอนทิ้งตัวลงนั่งบนขอบหน้าต่างเพื่อหวังจะรับริ้วลมเย็นๆในยามค่ำคืนให้จิตใจมันสดชื่นขึ้นมาบ้าง
ดวงดาราที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม แม้มันจะกำลังส่องสกาวระยิบระยับจับตาเพียงใด
คยูฮยอนก็มิอาจมองเห็นความงดงามของมันได้ …
อันที่จริงแล้วคยูฮยอนมิได้พบเจอกับภูติสวรรค์ตนนั้นเพียงครั้งเดียว
ก่อนหน้านั้นคยูฮยอนเคยพบเจอเด็กหนุ่มผู้นั้นในงานเฉลิมฉลองวันคืนพระจันทร์เต็มดวง
…
ในคืนวันนั้นเป็นค่ำคืนที่เหล่าภูติสวรรค์จะมารวมตัวกันเพื่อร้องรำทำเพลงต่อหน้าดวงจันทราอย่างรื่นรมย์
ซึ่งขณะนั้นคยูฮยอนยังเล็กนัก จึงชอบแอบหนีเที่ยวตามประสาเด็กอยู่บ่อยครั้ง …
และนั่นจึงเป็นเหตุให้คยูฮยอนมิอาจใช้เวทมนต์ที่มีอยู่อย่างพร่ำเพรื่อ …
จำได้ว่าหลังจากกลับมาจากงานนั้น
คยูฮยอนถูกทำโทษให้นั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูวังเป็นเวลาสองอาทิตย์
กว่าท่านพ่อจะยอมยกโทษให้ …
และหลังจากนั้นมา คยูฮยอนก็มิเคยฝ่าฝืนคำสั่งของท่านพ่ออีกเลย …
เพราะคยูฮยอนทราบผลลัพธ์จากการดื้อรั้นของตนเองดีแล้ว …
หลังจากคยูฮยอนบอกลาเด็กหนุ่มผู้นั้น
คยูฮยอนก็ตัดสินใจใช้เวทมนต์หักขอนไม้ท่อนนั้นทิ้งลงอย่างไม่ใยดี
เพื่อสื่อให้เห็นถึงการตัดขาดต่อความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้น …
และเศษไม้ที่ปลิดปลิวล่วงลงสู่ผืนธาราพวกนั้น
ก็มิต่างกับเศษใจของคยูฮยอนเลยสักนิด …
คยูฮยอนเป็นคนสั่งพลทหารให้จัดเวรยามตรงรอยต่อระหว่างสองดินแดนอย่างแน่นหนา
ซึ่งมันไม่มีเหตุผลใดๆเลย เนื่องจากสองดินแดนชิดใกล้มิเคยเป็นปรปักษ์ต่อกัน …
จะมีก็แต่คยูฮยอนแต่เพียงผู้เดียวที่เข้าใจในเหตุผลของการกระทำของตนเองดี
…
แท้ที่จริงแล้ว
คยูฮยอนกำลังคาดหวังให้ภูติตนนั้นก้าวข้ามผ่านเขตแดนเข้ามายังดินแดนของตน
หากแต่อีกนัยน์หนึ่งคยูฮยอนกลับกลัวว่าตนจะมิอาจหักห้ามใจได้ หากว่าภูติตนนั้นจะล่วงล้ำเข้ามายังเขตแดนของตนจริงๆ
คยูฮยอนจึงตัดปัญหาโดยการให้ทหารยามมาเฝ้าดูไม่ให้คนของอีกฝั่ง ไม่ว่าจะใครก็ตามห้ามลักลอบเข้ามาโดยเด็ดขาด
….
จิตใจของคยูฮยอนในตอนนี้กำลังสับสนนัก …
บางครั้งสิ่งที่ทำลงไป มันก็ดูจะไร้เหตุผลอย่างไม่น่าให้อภัย …
*★.• ·*.:。•.★*
Update : 140202
Update : 140202
ก่อนท่านแม่จะเดินทางกลับวังเพื่อไปรับใช้องค์ราชินี ท่านฝากฝังให้ซองมินจัดเตรียมบุปผาอบเครื่องหอมไปให้ท่านป้าจินอา
ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณดินแดนแห่งฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากว่าเมื่อสองสามวันก่อน
ท่านป้านำผลไม้พันธุ์ดีมาให้ซองมินกับท่านแม่ได้ทานกันจนอิ่มหนำ
ครอบครัวของเราจึงอยากจะแสดงน้ำใจกลับไปบ้าง ..
ซองมินใช้เวทมนต์ในการเก็บรวบรวมดอกไม้หลากชนิด เนื่องจากตนต้องการดอกไม้จำนวนมาก
อีกทั้งเวลาก็ยังจำกัดอีกด้วย …
เด็กหนุ่มจัดเตรียมพื้นที่สำหรับการทำเครื่องหอมตรงลานหน้าบ้านของตนอย่างกระฉับกระเฉง
มือเล็กหยิบจับผ้าสีขาวปูลงบนกิ่งไม้ใหญ่ซึ่งเป็นลานรับรองแขก
หากแต่ในเวลานี้ลานกว้างๆได้กลายร่างเป็นลานประกอบกิจกรรมของอีซองมินไปจนเต็มตัวแล้ว
…
ฟึ่บ!
“โอ้ย! แค่กๆ”
เด็กหนุ่มไอสำลักค่อกแค่กอยู่นานสองนาน เมื่ออยู่ๆดอกไม้นานาชนิดที่ตนใช้เวทมนต์ให้ช่วยจัดหามาให้
มันก็ล่วงหล่นลงบนตัวของซองมินเสียจนมิด
หนำซ้ำซองมินยังเผลองับมันไว้เต็มปากอีกต่างหาก …
ให้ตายสิ ช่วงนี้พลังเวทของซองมินมันควบคุมได้ยากจริงๆ
ซองมินจัดการร้องเรียกเหล่านกน้อยให้มาช่วยขนย้ายดอกไม้มากมายมหาศาลพวกนี้
จากนั้นซองมินก็ลุกเดินเข้าไปในบ้าน
เพื่อนำอ่างแก้วใบใสที่ซองมินได้จัดเตรียมน้ำผสมเครื่องหอมเอาไว้ก่อนหน้าติดมือมาด้วย
…
เด็กหนุ่มค่อยๆบรรจงนำช่อบุปผาแต่ละชนิดจุ่มลงไปในอ่างแก้วใบใส
เพื่อชำระล้างเศษดิน เศษทรายที่มันอาจจะปะปนมากับช่อบุปผาเหล่านี้ …
เมื่อเด็กๆบ้านใกล้เรือนเคียงเห็นซองมินกำลังก้มหน้าก้มตาวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมอะไรสักอย่าง
พวกเขาก็พากันมายืนมุงดูสิ่งในที่ซองมินทำอย่างตั้งใจ ..
ซองมินจึงได้โอกาสหาผู้ช่วยเสียเดี๋ยวนั้น …
ซึ่งเด็กๆก็ดูจะเต็มใจเป็นผู้ช่วยของซองมินเอามากๆ
..
*★.• ·*.:。•.★*
หลังจากภารกิจของซองมินเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
ก็ถึงคราวที่ซองมินจะต้องนำดอกไม้อบเครื่องหอมไปมอบให้ท่านป้าจนถึงหน้าประตูบ้าน …
เนื่องด้วยการทำเครื่องหอมเหล่านี้ จะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ
ดังนั้นซองมินจึงมิค่อยทำมันบ่อยนัก และบัดนี้ดอกไม้อบเครื่องหอม จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับใช้ประกอบพิธีการต่างๆ
…
ภูติตัวจ้อยหอบหิ้วตระกร้าใบเล็กที่บรรจุบุปผาเครื่องหอมไว้จนเต็มสองไม้สองมือ
ขณะที่ปีกบางใสก็ขยับขึ้นลงไปตามการชักพาของจิตใต้สำนัก
ซองมินโบยบินลัดเลาะไปตามต้นไม้ใหญ่
จนกระทั่งมาถึงธารน้ำซึ่งเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเราเหล่าภูติทุกตน …
และด้วยเพราะซองมินต้องโบยบินในระยะทางไกลๆ
ก้นตระกร้าที่ซองมินถือเอาไว้ทั้งสองข้าง จึงละกับผิวน้ำอยู่รำไร
ส่งผลให้กลิ่นหอมจากเครื่องหอมชั้นดีล่องลอยไปตามสายลม …
ลอยมาไกลเสียจนภูติแห่งน้ำแข็งมิมีกระจิตกระใจจะตรากตรำทำงานของตนเลย …
ภูติตัวจ้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อท่านป้าขอบอกขอบใจเสียหลายหน
ซ้ำยังออกปากชื่นชมในความสามารถของซองมินอีกด้วย เมื่อท่านทราบว่าซองมินคือผู้คิดค้นการทำดอกไม้อบเครื่องหอมขึ้นมา
…
และสิ่งที่ซองมินถูกอกถูกใจที่สุดก็เห็นจะเป็นฟักทองต้มหวานที่ท่านป้าจัดทำมาให้ซองมินทานนี่ล่ะ
…
*★.• ·*.:。•.★*
หลังจากซองมินร่ำลากับท่านป้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซองมินก็ตั้งใจไว้ว่าซองมินจะแอบเที่ยวเตร่อยู่แถวนี้อีกสักหน่อย
เนื่องจากซองมินมิได้มาเยือนยังดินแดนแห่งฤดูใบไม้ผลิมานานพอสมควรแล้ว …
ดินแดนแห่งนี้แตกต่างจากดินแดนที่ซองมินอาศัยอยู่มาก
เนื่องจากป่าใหญ่ผืนนี้ล้วนแล้วแต่จะมีสีส้มอมแดงแทบทั้งสิ้น
บรรยากาศมันแลดูอบอุ่นในความรู้สึกของซองมินเหลือเกิน
…
ซองมินโบยบินบ้าง เดินบ้าง และก็หยุดพักบ้าง
เนื่องจากปีกของซองมินเริ่มจะขยับต่อไปมิไหว
อีกทั้งร่างกายของซองมินยังรู้สึกเหน็บหนาวอย่างบอกไม่ถูก …
และยิ่งซองมินถลำลึกเข้าไปในป่ากว้าง ความหนาวเหน็บก็ยิ่งมากขึ้น มากขึ้น …
ซองมินนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ดินแดนแห่งฤดูใบไม้ผลิมีภูมิอากาศที่อยู่ๆก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อครู่ที่ซองมินเดินลากขาผ่านมา รอบๆกายของซองมินยังมีแต่สีส้มอมแดงอยู่เลย …
แล้วเหตุใดรอบกายของซองมินในตอนนี้จึงเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดังเช่นดินแดนแห่งน้ำแข็งกันเล่า
…
ปลายเท้าของซองมินกำลังเหยียบย้ำลงบนพื้นผิวของหิมะอันเย็นเฉียบ
และเพราะซองมินหรือก็ตัวเล็กเพียงเท่านี้ ทันทีที่ซองมินเหยียบย่ำลงบนพื้นผิวอันมิคุ้นเคย
ร่างทั้งร่างของซองมินก็แทบจะกลืนหายไปกับผิวหิมะอันบริสุทธิ์
ณ
ตอนนี้ ซองมินชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า ซองมินกำลังเหยียบย่างอยู่ ณ ที่ใด ..
ซองมินกำลังหนาวสั่น และคิดอยากจะเดินย้อนกลับไปทางเดิมอยู่หลายครา
แต่ซองมินก็มิอาจทำได้ เมื่อหันมองกลับไป
รอยเท้าเล็กๆของซองมินมันก็หายวับเพราะสายลมไปเรียบร้อยแล้ว …
ด้วยความชาเหน็บของปลายเท้าที่เกิดจากการเหยียบย่ำบนพื้นเย็นๆมาเนิ่นนาน
จึงส่งผลให้ซองมินตัดสินใจสยายปีกของตนเพื่อโบยบินไปยังที่ที่ตนคิดว่ามันจะสามารถให้ความอบอุ่นแก่ตนได้บ้าง
…
*★.• ·*.:。•.★*
“เราควรจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดีขอรับ ?”
เหล่านายทหารน้อยใหญ่ต่างยืนล้อมหน้าล้อมหลังองค์ราชาของพวกตนเพื่อปรึกษาหารือถึงทางการแก้ไขปัญหาในด้านภูมิประเทศอันเกี่ยวเนื่องกับภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป
จึงส่งผลให้ธารน้ำซึ่งเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงสัตว์ป่าหลากชนิดกลับกลายเป็นลานน้ำแข็งเสียสิ้น
…
เหล่าสัตว์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
หรือแม้กระทั่งสัตว์ประจำท้องถิ่นก็พากันล้มหายตายจาก เมื่อขาดน้ำมาหล่อเลี้ยงร่างกาย
…
“ข้าคิดว่าเราควรจะใช้พลังเวทเพื่อรักษาดินแดนแห่งนี้ให้คงสภาพเดิม ..”
“เหล่านักเวทหลวง
บัดนี้ก็ไร้วิชาอาคมกันไปมากแล้วขอรับ .. ”
“เพราะเหตุใดกัน”
คยูฮยอนย้อนถามกลับ
ขณะที่ดวงตาคู่คมยังคงจ้องมองพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ที่บัดนี้เหลือเพียงแต่ภูเขาน้ำแข็งเพียงเท่านั้น
…
“ด้วยกิจหน้าการงานขอรับ .. ท่านเหล่านั้นจำเป็นต้องสละพลังเวทของท่านเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนขอรับ
..”
นายทหารรายงานความเป็นไปของบ้านเมืองแด่องค์กษัตริย์ของตนด้วยท่าทางฉะฉาน
“หากเป็นเช่นนั้น .. ข้าเองก็ควรจะเสียสละด้วยเช่นกัน
..”
สิ้นคำคยูฮยอนก็ใช้พลังเวทขั้นสูงเพื่อช่วยเหลือสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่ภายใต้พื้นที่การปกครองของตนในทันที
…
แม้ว่าเหล่าทหารหาญจะกล่าวห้าม …
หากแต่กษัตริย์หนุ่มก็มิยอมฟังคำฉุดรั้งเหล่านั้นเลย
…
*★.• ·*.:。•.★*
ตุบ!
ร่างเล็กหล่นตุบลงบนผิวหิมะอันกว้างใหญ่ไพศาล
เมื่อการฝืนตนเองมันพาลพาให้ร่างกายของซองมินอ่อนแอลงยิ่งกว่าเดิม
อีกทั้งเนื้อตัวของซองมินก็ยังชาเหน็บจนมิอาจขยับเขยื้อนกายได้
ซ้ำร้าย
ปีกของซองมินยังขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี …
ดูท่าแล้ว
ซองมินคงได้สิ้นชีพเป็นภูตผีร้ายอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นแน่ …
“เหตุใดเจ้าจึงมานอนเล่นท่ามกลางหิมะเช่นนั้นเล่า ?”
ปลายเท้าของใครบางคนก้าวเข้ามาใกล้ซองมินทีละนิด จากนั้นไม่นานเงาร่างของเขาก็โอบล้อมรอบกายของซองมินเอาไว้
…
ด้วยเพราะน้ำเสียงทุ้มนุ่มแสนโหยหากำลังดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ดวงตาของซองมินที่กำลังจะปรือปิด จึงค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ เลยทันได้เห็นใบหน้าของคุณชายที่ตนสมัครรักใคร่….
“คุณชาย …”
ริมฝีปากอันแห้งผากของซองมินกล่าวได้เพียงเท่านั้น
ซองมินก็ไม่อาจทนกับความทรมานทางร่างกายของตนเองได้อีกต่อไป …
และแล้วสติของซองมินก็พลันดับวูบลง …
*★.• ·*.:。•.★*
ตึก ตึก ตึก …
เสียงอะไรสักอย่างกระทบกับพื้นผิวของหิมะเป็นจังหวะจะโคน
ส่งผลให้เนื้อตัวของซองมินมันสั่นโงนเงนไปหมด
แต่พอซองมินทำท่าจะล่วงลงจากอะไรบางอย่าง
ท่อนแขนของใครสักคนก็โอบล้อมรอบเอวของซองมินไว้ จึงทำให้ซองมินรู้ตัวว่า …
ณ ตอนนี้ซองมินกำลังนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวแสนสง่า
และคุณชายคือผู้กุมบังเหียน …
“เจ้ายังชาเหน็บอยู่หรือไม่ ?”
เสียงทุ้มของคุณชายกำลังกระซิบชิดริมหูของซองมินนี่เอง ระยะห่างของเราในตอนนี้
มันแนบชิดต่อกันมากเหลือเกิน …
และยังมากเสียจนซองมินทำตัวไม่ถูกขึ้นมา …
“ม ..ไม่” ซองมินก้มหน้าชิดอก
พลางส่ายหน้าตอบเขาเสียงค่อย
“อีกประเดี๋ยวก็จะถึงที่พักแล้ว
.. ”
คุณชายเขาพูดกับซองมินเช่นนั้น แล้วคุณชายเขาก็เงียบไป ..
ซองมินจึงทำได้แค่มองสองข้างทางด้วยความตื่นตาตื่นใจเพียงเท่านั้น
…
และก็น่าแปลก .. เหตุใดซองมินจึงมิหนาวเหน็บดังเช่นคราแรกก็มิรู้
…
คุณชายพาซองมินมา ณ ที่ใด ซองมินมิรู้เลย
อาณาจักรของคุณชายล้วนมีแต่สิ่งมหัศจรรย์ทั้งนั้น ผืนป่าในดินแดนของคุณชาย
เมื่อเทียบกับดินแดนของซองมินแล้ว มันแตกต่างกันมาก …
อย่างเช่นภูติน้ำแข็งหลายๆตนที่ซองมินเหลือบไปเห็น
พวกเขาเหล่านั้นมักจะส่องแสงสะท้อนสีฟ้าในตนเอง
ทำให้พวกเขาเหล่านั้นดูงดงามจับตาอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะสัตว์ป่า
รวมไปถึงสัตว์น้ำหลากชนิดนั่นอีก
หน้าตาของมันไม่เหมือนกับพันธุ์สัตว์ในดินแดนของซองมินเลย …
ปลาในดินแดนของคุณชายสามารถบินก็ได้ หรือจะอยู่ในน้ำก็ได้ …
แปลกจริงๆ
“ดินแดนของท่านอัศจรรย์ใจนัก
..”
ซองมินกล่าวชมจากใจจริง เพราะยิ่งคุณชายนำพาซองมินก้าวลึกเข้ามามากเพียงใด
ความงดงามซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์ที่ซองมินมิเคยได้เห็น ก็ยิ่งปรากฏมากขึ้นเท่านั้น …
“อัศจรรย์ใจอย่างไร ข้ามิเห็นว่ามันจะเป็นเช่นนั้น ..” คุณชายตอบซองมินด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ท่านนี่มีตาหามีแววไม่
..”
“นี่เด็กน้อย
.. เจ้าหายดีแล้วหรือ
ถึงได้มีเรี่ยวแรงมาต่อปากต่อคำกับข้า .. ”
“…” เมื่อคุณชายถามเช่นนั้น
ซองมินก็ถึงกับเงียบสนิทในทันที เพราะซองมินกำลังกลัวว่าหากตนกล่าวว่าสบายดีแล้ว
จะถูกส่งกลับอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวหรือไม่ …
ขอเวลาอีกประเดี๋ยวได้ไหม …
ซองมินขอเวลาแค่อยู่ใกล้ๆคุณชายอีกประเดี๋ยวเท่านั้น …
*★.• ·*.:。•.★*
ฟึ่บ!
เมื่อเพกาซัสเหยียบย่ำลงบนหนองน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ของกบขนาดมหึมา
ซองมินก็รีบหดตัวเข้าหาคุณชายคยูฮยอนในทันที
ซ้ำเจ้ากบพวกนั้นยังเกเรคอยกระโดดย่ำน้ำใส่ผู้บุกรุกดังเช่นซองมินกับคุณชายอีก …
หากแต่สิ่งที่ทำให้ซองมินตกอกตกใจมากกว่านั้น ก็เมื่อตอนที่คุณชายใช้พลังเวทสาดซัดเข้าใส่เจ้ากบเกเรตนนั้นอย่างไม่ใยดี
ซ้ำยังเผื่อแผ่ไปถึงเจ้ากบเกเรอีกตนที่กำลังใช้กิ่งไม้ดุนดันบ้านพักหลังเล็กๆของภูติน้ำแข็งผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าดงดิบแห่งนี้
…
“เจ้าทำราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ เจ้ามิเคยพานพบมาก่อน ..” แน่สิ
ซองมินมิเคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นสักครั้ง
เพราะเด็กๆในผืนป่าที่อยู่ภายใต้การดูแลของซองมิน ล้วนแล้วแต่จะเชื่อฟังซองมินทั้งนั้น
รวมทั้งไม่มีนิสัยเกเรเช่นนั้นด้วย …
“ใช่” ซองมินตอบคำถามของคุณชายอย่างฉะฉาน
“มิน่าเชื่อ
..”
“ท่านหาว่าข้าโกหกหรือ
?”
“ข้ายังมิได้ว่ากล่าวเจ้าสักคำ
.. ดูเหมือนเจ้าจะร้อนตัวไปเองเสียแล้ว
..” ซองมินมิเคยคาดคิดเลย ว่าหากเจอคุณชายอีกครั้ง
แล้วซองมินจะได้พบกับคุณชายที่ชอบพูดจายียวนกวนประสาทซองมินเช่นนี้ …
ท่าทางเย็นชาราวกับน้ำแข็งของเขา
หายไปอยู่ ณ ที่ใดกัน …
*★.• ·*.:。•.★*
คยูฮยอนสับสนในตนเองเหลือเกิน สับสนจนมิรู้ว่าตนควรจะทำอย่างไรดี
อีกทั้งคยูฮยอนก็ไม่ได้ทำใจเอาไว้ล่วงหน้าว่าตนจะได้พบหน้าคร่าตากับภูติสวรรค์ตนนี้
คยูฮยอนจึงวางตัวมิถูก …
ซ้ำอีกฝ่ายยังอ่อนแรงเนื่องมาจากอากาศอันหนาวเหน็บประจำดินแดนของตนอีก
แล้วจะให้คยูฮยอนไม่ดูดำดูดีคนตกทุกข์ได้ยากได้อย่างไร ?
สุดท้ายคยูฮยอนก็ฝืนร่างกายของตนเองอีกครั้ง …
หลังจากแยกทางกับเหล่าทหารหาญ โดยการออกคำบัญชาให้เหล่าทหารพวกนั้นกลับไปทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์
คยูฮยอนก็รีบร่ายเวทมนต์เพื่อช่วยรักษาปีกบางใสให้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น
จากนั้นคยูฮยอนก็ใช้พลังเวททำให้บรรยากาศโดยรอบอยู่ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ …
และถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านั้น มันจะทำให้คยูฮยอนเริ่มอ่อนแรงลงอีก …
หากแต่คยูฮยอนก็ยังสามารถเก็บอาการของตนเองได้ดี …
ไม่นานคยูฮยอนก็พาซองมินเดินทางมาถึงวังกลางป่า
ที่คยูฮยอนมักจะใช้เป็นสถานที่พักแรมเมื่อยามที่คยูฮยอนเข้ามาดูงานในแถบนี้ …ดังนั้นที่แห่งนี้จึงมีความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก
เนื่องจากคยูฮยอนไม่ต้องการให้ผู้ใดมารบกวนเวลาทำงานของตน จึงมิมีนางกำนัลคอยมาปรนนิบัติพัดวีให้
…
อันที่จริงคยูฮยอนทราบแล้วล่ะว่าภูติตนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว
แต่เหตุที่คยูฮยอนยังมิอาจส่งเขากลับไปได้ อาจเป็นเพราะ ….
ตนกำลังกลัวว่าภูติสวรรค์ตนนี้ จะยังไม่แข็งแรงดีพอต่อการเดินทางไกลกระมัง
…
ใช่
.. มันต้องเป็นเช่นนั้น
มิมีเหตุผลใดฉุดรั้งให้ภูติตนนั้นยังคงอยู่ที่นี่หรอก .. มิมี
…
*★.• ·*.:。•.★*
คุณชายเดินนำซองมินขึ้นบันไดอันทอดยาวไปสู่ด้านในอย่างช้าๆ
ซองมินไม่รู้ว่าเขาจงใจเดินให้ช้าหรือว่าอย่างไรกันแน่ ซองมินจึงสามารถก้าวตามการก้าวเดินของเขาได้ทัน
…
ปราสาทของคุณชายมิได้มีการตกแต่งอย่างหรูหราเท่าใดนัก
ในสายตาของซองมินมันออกจะเรียบง่าย แลดูลงตัวอย่างบอกไม่ถูก …
“คืนนี้เจ้าพักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน .. หากเจ้าหายดีทันเช้าวันรุ่งขึ้น
ข้าจะพาเจ้าไปส่งยังดินแดนของเจ้าด้วยตนเอง ..”
คุณชายเดินนำเข้ามาในห้องอันกว้างใหญ่ ที่มีเพียงแค่เตียงนอนหลังเดียวตั้งอยู่ตรงมุมห้องทางขวามือเท่านั้น
ส่วนทางซ้ายมือของซองมินเป็นบ่อน้ำไม่เล็กไม่ใหญ่นัก
ปลายทางน้ำมันเชื่อมต่อออกไปด้านนอก ซึ่งออกแบบให้เป็นหน้าต่างบานใหญ่ให้ซองมินสามารถมองลอดออกไปได้
…
“แล้วถ้าข้ายังมิหายล่ะท่าน ?”
ซองมินใจหายวาบขึ้นมาทันที เมื่อคุณชายกล่าวออกมาเช่นนั้น จึงลองถามหยั่งเชิงออกไป
หากแต่คุณชายก็มิมีคำตอบกลับมาให้ซองมิน …
“เจ้ารีบนอนพักรักษาตัวเถิด
..”
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุม คุณชายก็กล่าวเช่นนั้นกับซองมิน
พร้อมทั้งขายาวๆของเขาก็ค่อยๆก้าวไปด้านหลัง
จนกระทั่งสายตาของซองมินมิอาจมองเห็นใบหน้าอันงดงามของเขาได้อีก …
“คุณชาย ..” ซองมินรีบก้าวเดินเข้าไปคว้าข้อมือของคุณชายเอาไว้
โดยที่ซองมินก็มิทันคิดตริตรองให้ดีเสียก่อน กว่าจะรู้ตัวว่าตนทำอะไรลงไป
ฝ่ามือของซองมินก็ฉุดรั้งร่างของคุณชายเอาไว้กับซองมินเสียแล้ว …
“นามของข้าคือซองมิน .. แม้มันอาจจะช้าไปที่ข้าเพิ่งจะมาแนะนำตัวกับท่านเอาตอนนี้
.. ข้าก็แค่ .. อยากให้ท่านจดจำชื่อของข้าบ้าง
..” ซองมินปล่อยมือจากคุณชายทันที พลางก้มหน้าคิดหาเหตุผลขึ้นมารองรับการกระทำของตน
ที่แม้แต่ตนเองยังไม่เข้าใจเลยว่าทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร
?
และหลังจากที่ซองมินกล่าวเช่นนั้นออกมา
ความเงียบก็ปกคลุมรอบๆกายของเราอีกครั้ง .. กระทั่งร่างของคุณชายล้มฟุบลงไปต่อหน้าต่อตา ..
ความสงบเงียบที่เคยเป็นก็จางหายไป …
เหลือเพียงแต่ความว้าวุ่นใจเข้ามาแทนที่
…
*★.• ·*.:。•.★*
Update : 140203
เมื่อยังเล็ก ยามที่ซองมินป่วยไข้
ท่านแม่ก็มักจะออกไปรองน้ำค้างจากเบื้องบนมาให้ซองมินดื่ม ท่านเปรยกับซองมินว่า
หากซองมินดื่มน้ำพวกนี้ทุกวัน ร่างกายของซองมินก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม เหตุเพราะน้ำค้างอันใสสะอาดเหล่านั้นเป็นยารักษาโรคชั้นดีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานมาให้แก่พวกเราเหล่าภูติ
…
ท่านแม่บอกว่า น้ำค้างทั่วฟ้า มิใช่ว่าจะเป็นยารักษาโรคได้ทั้งหมด
ครั้นพอได้ฟังท่านแม่ว่ากล่าวเช่นนั้น ซองมินจึงถามกลับไปว่า ‘แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่ามันใช้รักษาโรคได้หรือไม่’
คำตอบของท่านแม่มิใช่การบอกกล่าวด้วยคำพูด หากแต่ท่านแม่กลับเป็นฝ่ายสอนสั่งให้ซองมินเป็นผู้ไปหาคำตอบนั้นด้วยตัวของซองมินเอง
…
ภูติสวรรค์ตัวจ้อยใช้กิ่งไม้เล็กๆกลัดใบไม้ใหญ่ให้เป็นรูปทรงกรวย จากนั้นอีซองมินก็ใช้เถาว์วัลย์ผูกติดกับไม้กลัดเพื่อที่ซองมินจะได้นำภาชนะรองรับยารักษาโรคชั้นดีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานมาให้ในจำนวนที่มากพอที่จะทำให้คุณชายห่างหายจากอาการป่วยไข้
หยดน้ำแต่ละหยด
กว่าที่ซองมินจะได้มันมา ก็ต้องใช้เวลาอยู่ครึ่งค่อนแรม
ซ้ำร้ายคุณภาพยารักษาโรคที่รองรับได้ มันก็ไม่อาจจะใช้งานได้จริง …
หยดน้ำค้างที่สามารถนำมาดื่มกินเพื่อใช้รักษาโรค
จะต้องเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาราบนฟากฟ้า หากแต่สิ่งที่ซองมินรองรับมาได้
มันก็ไม่ต่างอะไรกับหยดน้ำใสจากธารธาราอันกว้างใหญ่สักนิด …
ซองมินมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดดินแดนของคุณชายจึงแทบมิมีน้ำค้างให้ดื่มกินเช่นนี้
…
ภูติสวรรค์ตัวจ้อยกอดเข่าก้มหน้าซ่อนความอ่อนแอของตนเอง
เมื่อตนมองมิเห็นหนทางช่วยเหลือให้คุณชายมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นเลย ..
ภายในอกของซองมินมันกำลังเป็นกังวลเสียจน ซองมินนึกกลัวไปเสียหมด ..
ยิ่งซองมินทอดทิ้งเขาไว้เพียงลำพังแบบนี้ ซองมินก็ยิ่งเป็นห่วง ..
*★.• ·*.:。•.★*
“เจ้าออกมานั่งทำอะไรในกลางดึกกลางดื่นเช่นนี้
..” ซองมินเผลอหลับไปเมื่อไหร่
ก็ยังมิทันจะรู้ตัว หากไม่ได้ยินเสียงของคุณชายร้องเรียกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ซองมินก็คงจะนั่งหลับอยู่ตรงนี้จนถึงเช้า ..
“ข้าต่างหากที่ควรจะถามว่าท่านออกมาทำไม ?”
ซองมินขยับกายให้คุณชายได้นั่งลงตรงที่ว่างข้างๆซองมิน
ขณะที่ซองมินก็ดุด่าว่ากล่าวเขาไปด้วย …
“…” คุณชายมิมีคำตอบให้ซองมินดังเช่นเคย
“อ้า~ ได้แล้ว …”
เพราะซองมินขี้คร้านจะสนใจคุณชายอีก
ซองมินก็เลยเหลือบสายตาไปมองยังกรวยเล็กๆที่ซองมินผูกมันเอาไว้กับใบไม้ใบหญ้าในบริเวณนี้
..
ซองมินโบยบินไปยังภาชนะรองรับเครื่องยาชั้นดีที่บัดนี้เปร่งประกายระยิบระยับจับตา
ภูติตัวจ้อยค่อยๆบรรจงคลายปมเถาว์วัลย์เพื่อนำหยดน้ำค้างมากสรรพคุณมาให้คุณชายดื่ม
...
“ท่านแม่บอกข้าว่าน้ำค้างเหล่านี้ สามารถทำให้ร่างกายที่อ่อนแอกลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม
.. ข้าก็เลยออกมารองรับมันเพื่อนำไปให้ท่านดื่ม …” ซองมินยกยิ้มหวานมองปริมาณน้ำอันเต็มปริ่มของภาชนะในมือ
ครั้นเมื่อซองมินเงยหน้าขึ้นมองคุณชาย
รอยยิ้มที่ยังคงหุบไม่ลงจึงมีเผื่อเหลือไปถึงคุณชายด้วยเช่นกัน …
“คุณชาย …”
ซองมินเอียงคอมองคุณชายอย่างนึกฉงนในท่าทีของคุณชายที่เอาแต่มองหน้าของซองมิน โดยไม่คิดจะพูดจาตอบรับใดๆสักคำ
..
“รีบดื่มสิท่าน ..” ซองมินเอื้อมมือข้างหนึ่งไปฉุดรั้งฝ่ามือของคุณชายที่วางราบอยู่บนพื้นหิน
จากนั้นซองมินก็นำภาชนะรูปทรงกรวยยัดใส่ฝ่ามือของคุณชายอีกครา …
คุณชายก้มลงมองภาชนะที่บรรจุยารักษาโรคที่ซองมินอวดอ้างนักหนาด้วยสายตานิ่งเรียบ
จากนั้นคุณชายก็ค่อยๆจรดริมฝีปากลงบนขอบภาชนะทรงกรวยที่ซองมินเป็นคนยัดใส่มือของคุณชายเอง
..
“ข้ารองรับมันมาได้มาอีกแล้วท่าน ..”
ซองมินรีบลุกขึ้นยืน พร้อมกับโบยบินไปยังภาชนะรูปทรงกรวยที่ซองมินผูกเอาไว้บนก้านของดอกไม้สีฟ้าครามอย่างรวดเร็ว
…
ครั้นซองมินจะรีบนำมันกลับมาให้คุณชายได้ดื่มกินอีกรอบ
สายตาของซองมินก็เหลือบไปเห็นภาชนะทรงกรวยตรงอีกฟากฝั่งหนึ่งกำลังเรืองรองด้วยแสงพราวระยับจับตา
ซองมินก็รีบโบยบินไป ณ ที่แห่งนั้นทันที …
“ข้าต้องดื่มหยดน้ำเหล่านี้จนหมดเลยหรือ ?” พอซองมินโอบประครองภาชนะทรงกรวยจนเต็มสองไม้สองมือ
และนำมันมายื่นให้กับคุณชาย .. คุณชายก็หรี่ตามองซองมินอย่างนึกฉงน
ซองมินจึงพยักหน้าขึ้นลงอยู่สองสามที …
“หากข้าดื่มสักประมาณสิบถ้วย .. ท้องของข้าคงจะบวมน้ำกันพอดี
..” คุณชายหยิบภาชนะทรงกรวยไปจากมือของซองมิน
จากนั้นคุณชายก็จรดริมฝีปากลงบนขอบภาชนะอย่างรวดเร็ว
ครั้นพอซองมินจะโบยบินนำยารักษามาให้คุณชายอีก คุณชายก็รั้งร่างของซองมินเอาไว้ …
“เจ้ามิรู้หรือ .. ยารักษาโรคน่ะ ไม่ว่าจะประเภทใด
ก็มิควรดื่มเสียจนเกินพอดี ..” คุณชายกล่าวเรียบๆ
ขณะที่ซองมินก็นั่งฟังคุณชายเงียบๆไปด้วย ..
ด้วยความสัตย์จริง ซองมินมิมีเวลาคิดตริตรองถึงความพอดีนั่นหรอก ..
เพราะขณะนี้ซองมินกำลังนึกห่วงคุณชายเสียจนจิตใจมันปั่นป่วนไปหมดแล้ว ..
*★.• ·*.:。•.★*
อาการเจ็บไข้ของคุณชายแลดูน่าเป็นห่วง
เหตุเพราะเนื้อตัวของคุณชายเดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็เย็นจนซองมินมิรู้จะทำอย่างไรดี
ฝ่ายคุณชายเองก็เข้มแข็งมาก เขาพยายามจะแสดงออกว่าเขาไม่เป็นอะไรนัก
แม้ว่าอาการของเขาจะยังไม่สู้ดีก็ตาม ..
“อันที่จริงเจ้าเองก็หายดีแล้ว .. ข้าว่าเจ้าควรจะกลับบ้านของเจ้าเสียที
..” คำพูดของคุณชายทำเอาซองมินวูบไหวในอก ท่าทางของเขากลับมาเย็นชาอีกครั้ง
จนซองมินไม่อาจซ่อนสีหน้าแห่งความน้อยใจได้ ..
“เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าการที่เจ้าหายตัวมาอยู่กับข้าถึงสามวันสามคืนเต็มๆ
ผู้คนทางโน้นจะมิเป็นห่วงเจ้า ..” เมื่อคุณชายย้อนถามซองมินด้วยคำถามที่ทำให้ซองมินรู้สึกผิดไม่น้อย
ที่ตนเองมัวแต่สนใจกับอาการป่วยไข้ของคุณชาย จนหลงลืมความห่วงใยของท่านแม่ที่ป่านนี้มิรู้ว่าท่านจะทราบหรือยังว่าซองมินมิได้เที่ยวเตร่เหมือนอย่างเคย
..
“ข้าอาการดีขึ้นแล้ว มิมีเหตุจำเป็นอันใดที่เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อ ..”
คำพูดของคุณชายคล้ายกับของมีคมที่มันบาดลึกลงในจิตใจของซองมินจนกลายเป็นแผลเหวอะหวะ
…
“ข้าเข้าใจท่านดีว่าข้านั้นเป็นภาระแก่ท่าน .. อย่างไรแล้ว
ข้าขอดูแลท่านจนกว่าท่านจะแข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่
เพื่อตอบแทนที่ท่านเคยช่วยเหลือข้ามาสองครั้งสองหน” เสียงของซองมินกำลังสั่น
อีกทั้งน้ำตาของซองมินก็กำลังจะไหล
และทันทีที่ซองมินพูดจบ ซองมินก็รีบวิ่งออกจากห้องนั้นในทันที
..
*★.• ·*.:。•.★*
ภูติตัวจ้อยหอบหิ้วหัวใจที่กำลังเจ็บปวดรวดร้าวกับสิ่งที่ตนเพิ่งจะพบเจอมา
พลางใช้สองมือยกขึ้นปาดหยดน้ำตาที่มันเอาแต่จะไหลรินไม่ยอมหยุด …
ซองมินโบยบินออกมาให้ห่างไกลจากตัวปราสาทของคุณชายอยู่มากพอสมควร
จึงทำให้ซองมินหล่นตุบลงบนผืนหญ้าริมหนองน้ำ เนื่องจากว่าซองมินใช้งานปีกบางใสของตนมากเกินไป
…
ซองมินมิเข้าใจคุณชายเอาเสียเลย
แท้ที่จริงแล้วคุณชายมิได้คิดอันใดกับซองมินเลยใช่ไหม การให้ความช่วยเหลือของคุณชาย
มิได้มีความหมายพิเศษอันใดแอบแฝงเลยหรือ …
อีกทั้งสายตาของคุณชาย มันมิได้สื่อความนัยน์อันลึกซึ้งจริงๆน่ะหรือ ซ้ำร้ายคุณชายยังมาฝากฝังล่องลอยความอบอุ่นลงบนกลีบปากของซองมินในยามดึกเมื่อค่ำคืนวานเสียอีก
…
แล้วแบบนี้คุณชายจะให้ซองมินคิดอย่างไร ? ในเมื่อการกระทำของคุณชายมันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
…
“ท่านมีเรื่องทุกข์ใจอันใดกันเล่า ถึงได้มานั่งร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ ..”
ซองมินเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นเจ้าของเสียงใสที่กล่าวทักซองมินอย่างเป็นมิตร …
“ข้า ..”
ซองมินมิรู้จะเริ่มต้นเรื่องราวระหว่างตนเองกับคุณชายอย่างไรดี
จึงเอ่ยค้างเอาไว้เพียงเท่านั้น …
“หากให้ข้าคาดเดา .. เรื่องที่ท่านกลุ้มใจก็คงจะมิพ้นความรัก
..”
“ท่านทราบได้อย่างไร
?” ซองมินย้อนถามหญิงสาวข้างๆตนอย่างนึกฉงนใจ
“เพราะความรัก
เป็นสิ่งเดียวที่ทำลายความสุขของภูติสวรรค์ .. ท่านเองก็น่าจะทราบ .. แท้ที่จริงแล้วภูติสวรรค์ทุกตน
ล้วนแล้วแต่พึงพอใจในสิ่งที่ตนเป็น .. แต่เมื่อเกิดความอยากมี
อยากได้ อาการเป็นทุกข์ก็จะมาเยือน ..”
“….”
“โชคชะตาของพวกเราทุกคนจะเป็นอย่างไรนั้นอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงลิขิต
.. ไม่ว่าท่านจะดึงดันสักเท่าใด
ทุกอย่างก็จะยังดำเนินไปตามโชคชะตา ..”
“…”
“หากท่านเชื่อในความรักของท่านกับเขาผู้นั้น
.. ได้โปรดจงรอวันที่โชคชะตาจะดำเนินมาถึง
จักดีกว่าท่านมานั่งทำหน้าเศร้าเช่นนี้ ..”
คำพูดของภูติสาวตนนั้นทำให้อีซองมินสบายใจขึ้นมาบ้าง
เพราะอย่างน้อยซองมินก็เชื่อในความรู้สึกของตนเอง …
อีกทั้งยังเชื่อในตัวคุณชาย ว่าทุกอย่างที่เขากำลังทำ …
แท้ที่จริง มันอาจมิได้ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ
…
*★.• ·*.:。•.★*
คยูฮยอนรู้ตัวดีว่าตอนนี้คยูฮยอนมิอาจปกป้องอีซองมินจากภัยธรรมชาติในดินแดนของตนได้อีก
เมื่อตนได้ใช้พลังเวทที่มีอยู่อย่างหักโหม คยูฮยอนจึงสูญสิ้นวิชาเวทไปจนหมดสิ้น
อีกทั้งร่างกายของคยูฮยอนก็ไม่อาจกลับมาเป็นดังเดิมได้ …
คยูฮยอนจำต้องหลบซ่อนปีกสีขาวขุ่นของตนเองให้ห่างไกลจากสายตาของอีซองมินอยู่หลายครั้งหลายครา
เนื่องจากคยูฮยอนมิต้องการให้อีซองมินต้องเป็นกังวล …
ตนจึงตัดสินใจออกปากไล่อีซองมินกลายๆเช่นนั้น …
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา อีซองมินคอยดูแลคยูฮยอนอย่างดี แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะไม่ช่วยให้อาการของคยูฮยอนดีขึ้นก็ตาม
แต่ภูติตนนั้นก็ยังพยายามจะหาทางช่วยเหลือตนให้พ้นจากอาการเจ็บป่วยอย่างสุดความสามารถ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คยูฮยอนมิอาจบังคับจิตใจของตนเองให้เชื่อฟังได้
..
ครั้นเมื่อนึกไปถึงวันที่อีซองมินออกไปตากอากาศเย็นๆยามค่ำคืน
เพื่อรองรับน้ำค้างบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นหยดน้ำที่อีกฝ่ายเชื่อว่ามันจะสามารถรักษาให้คยูฮยอนหายขาดจากอาการที่กำลังเป็นอยู่
ความดีของอีซองมินจึงค่อยๆกัดเซาะกำแพงหัวใจของคยูฮยอนให้พังลงเรื่อยๆ
ซ้ำยังต้องมาเห็นจมูกแดงๆของอีกฝ่าย
เนื่องจากอากาศหนาวเย็นนั่นอีก หัวใจของคยูฮยอนมันก็เริ่มจะควบคุมตนเองมิได้ จนกระทั่งคยูฮยอนได้เห็นรอยยิ้มของภูติตัวจ้อย
สายตาของคยูฮยอนก็มิอาจละไปจากใบหน้าขาวนวลที่กำลังเปื้อนรอยยิ้มจนเต็มแก้มนั่นเลย
….
. เมื่อคยูฮยอนปล่อยตัว ปล่อยใจให้เป็นไปตามสิ่งที่ตนเองต้องการมากเข้า
ทุกอย่างก็ยิ่งถลำลึก
สัมผัสอบอุ่นที่คยูฮยอนเผลอไผลฝากฝังเอาไว้บนกลีบปากของอีซองมิน
ราวกับเครื่องเตือนใจให้คยูฮยอนหยุดความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้เพียงเท่านี้ ..
เพราะหากคยูฮยอนยังดังทุรังต่อไป ไม่ใครก็ใครคงจะต้องดับสิ้นดวงวิญญาณ …
*★.• ·*.:。•.★*
แม้ซองมินจะเชื่อมั่นเช่นนั้น
แต่พอต้องเผชิญหน้ากับคุณชายจริงๆ ซองมินก็มิอาจทำตัวให้เป็นปกติได้ ซองมินมักจะหลบสายตาของคุณชายที่มองมาที่ซองมินเสมอ
…
อีกทั้งซองมินก็มักจะใช้เวลาอยู่กับคุณชายให้น้อยที่สุด ..
และเพราะการหลบหน้าคุณชาย จึงทำให้ซองมินพบกับมิตรสหายที่แสนดีอยู่หลายตน ..
หากแต่ซองมินก็ต้องตัดใจบอกลาพวกเขา
เนื่องจากซองมินคิดทบทวนไว้ดีแล้วว่าซองมินควรจะเดินทางกลับไปยังดินแดนของซองมินเองเสียที
..
เพียงแค่นึกไปถึงสีหน้าเป็นห่วงของท่านแม่ ซองมินก็ปวดใจอยู่ลึกๆ
“ยามเมื่อถึงรุ่งสาง
ข้าจะเดินทางกลับไปยังดินแดนของข้าตามที่ท่านต้องการ ..” ซองมินบอกกับคุณชายที่นอนหลับใหลอยู่ข้างๆซองมินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ซองมินกวาดตามองไปทั่วใบหน้าของคุณชายอย่างช้าๆ
เนื่องจากว่าซองมินอยากจะจดจำใบหน้านี้ไว้ในยามคะนึงถึง …
“คุณชาย ..”
ซองมินขยับตัวเข้าไปแนบชิดกับคุณชายอย่างโหยหา
พลางวาดวงแขนโอบกอดร่างหนาให้แนบแน่นที่สุด เพราะนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่อีซองมินจะได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณชายผู้เป็นที่รักยิ่ง
…
เพียงแค่คิดว่ารุ่งสางจะมาเยือนในอีกไม่นานนี้ อีซองมินก็ร่ำไห้ออกมาจนได้
…
อ่อนแอ .. ซองมินไม่คิดเลยว่าตนเองจะอ่อนแอเช่นนี้ …
*★.• ·*.:。•.★*
“เจ้ามาร่ำไห้ให้คนเช่นข้าทำไม ?” นับตั้งแต่วันที่เราผิดใจกันเพราะคำพูดที่ทำใจเอาไว้ดีแล้วว่ามันจะส่งผลกระทบใดๆตามมา
..
หากแต่เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นจริง
คยูฮยอนกลับมิอาจทำใจให้สงบลงได้
ยามหลับ คยูฮยอนจึงมิอาจหลับ
ยามตื่นคยูฮยอนจึงมิอาจสบายใจ ..
“คนอย่างข้าที่ดีที่ผลักไสเจ้า .. เหตุใดเจ้าจึงเสียน้ำตาให้ข้า ..” เพราะความเผลอไผลเป็นเหตุ จึงทำให้คยูฮยอนพลั้งปากถามไถ่ออกไป
แม้ว่าสมองมันกำลังสั่งการให้คยูฮยอนทำเป็นไม่รับรู้เรื่องราวอันใด
เพื่อปลดปล่อยให้อีซองมินได้พบเจอกับอิสระภาพของคำว่า ‘ความสุข’ …
“…” อีซองมินมิยอมกล่าวอันใดเลย
นอกจากจะสะอึกสะอื้นอยู่กับอกของคยูฮยอนเพียงเท่านั้น
“ยิ่งเจ้าทำดีกับข้า .. ยิ่งเจ้าแสดงออกว่าชอบพอในตัวข้า
.. มันก็ยิ่งทำให้ข้าลำบากใจ ..”
คยูฮยอนบอกกล่าวความรู้สึกของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อตนมิอาจเก็บงำความรู้สึกได้อีกต่อไป …
เพียงแค่คิดว่าวันต่อๆไปในภายภาคหน้า
คยูฮยอนจะมิอาจมีซองมินอยู่เคียงข้างกาย หัวใจของคยูฮยอนก็ยิ่งอยากจะฉุดรั้งซองมินเอาไว้ด้วยความเห็นแก่ตัว
..
“ข้ามิอยากเป็นคนเห็นแก่ตัว .. ข้ามิอยากเป็นคนทำร้ายเจ้าด้วยสองมือของข้าเอง
..”
“ข้ามิเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดสักนิด
.. หากการยอมรับความรู้สึกของตนเองมันทำให้ท่านกลายเป็นคนเลวทรามเช่นนั้น
.. ทำไมท่านไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้เห็นสิ่งใด
แล้วปลดปล่อยข้าให้ไปตามทางของข้าเสียล่ะ ?”
“เพราะข้ามันคนเห็นแก่ตัว ข้าจึงฉุดรั้งเจ้าเอาไว้
ทั้งๆที่สมองมันกลับต่อต้านการกระทำของข้าแทบตาย .. หากแต่ใจของข้ามันยังอยากจะมีเจ้าไว้ให้รัก ..”
“คุณชาย ..” น้ำเสียงหวานเคล้าความยินดีของอีซองมิน
กำลังกรีดลงกลางใจของคยูฮยอนอย่างช้าๆ เหตุเพราะคยูฮยอนรู้ดีว่าการตัดสินใจของตน
มันกำลังดึงรั้งให้เราทั้งสองคนดับสิ้นไปพร้อมๆกัน …
“มิว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ .. ข้าจะโอบกอดเจ้าไว้
และปกป้องเจ้าด้วยสองมือของข้าเอง … ซองมิน”
คยูฮยอนค่อยๆบรรจงจุมพิตลงบนกลีบปากของภูติสวรรค์ต่างแดนอย่างเชื่องช้า
พลางเลาะเล็มลิ้มชิมกลีบปากสดสวยอย่างหลงใหล
ความหอมหวานจากคำรัก ชักพาให้สัมผัสไต่ระดับไปตามความรู้สึกทางอารมณ์
…
อ่อนหวานบ้าง ร้อนแรงบ้าง จนทั้งสองแทบจะสำลักความสุขที่เกิดจาก
‘ความรัก’ เสียให้ได้ …
*★.• ·*.The End:。•.★*
จบแล้ว แถมจบเลยวันเกิดคยูฮยอนอีกต่างหาก งึกๆ แต่เอาเป็นว่าฟิคเรื่องนี้คือฟิคเนื่องในโอกาสพิเศษก็แล้วกันเนอะ ฮ่าๆ จบแบบเคลียร์เรื่องความรัก แต่ยังไม่เคลียร์เรื่องปัญหาหลายๆสิ่งที่จะตามมา เนื่องจากว่า ....
โปรดติดตามตอนต่อไป ในวันวาเลนไทน์ 55555555555
โปรดติดตามตอนต่อไป ในวันวาเลนไทน์ 55555555555
[SF - HBD Kyu] The Fairies [End]