Mistake
Mistake 37
พนักงานประจำแผนกการตลาดในช่วงนี้
แลดูทุกคนจะลุกลี้ลุกลนมาก ซึ่งกูไม่เข้าใจว่าแผนกนี้มันเป็นอะไรของมันกันวะ
จะกลับบ้านแต่ละที พวกแม่งต้องทำยังกับแอบทิ้งงานเพื่อไปเที่ยว ..
คือมันก็ห้าโมงครึ่งแล้วป่ะ
? จะเลิกงานแล้วกลับบ้าน มันใช่เรื่องแปลกที่ไหนวะ กูโคตรไม่เข้าใจคนพวกนี้เลยจริงๆว่ะ..
“ทางโล่งแน่แล้วนะพี่ ?” หญิงสาวหนึ่งเดียวของแผนก เดี๋ยวก็ผลุบเดี๋ยวก็โผล่หน้าตรงขั้นบันไดครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ยอมเดินออกจากข้างกำแพงที่ใช้เป็นเกาะกำบังสักที
“เออ โล่งแล้วเนี่ยไม่มีหมาที่ไหนผ่านมาสักตัว.. ”
ผมตอบอย่างนึกรำคาญ เพราะไอ้มิสเทคแม่งก็ดันเป็นไปกับลูกน้องของมันด้วย ..
“มิสเทคมึงรีบเดินลงบันไดมาสักทีดิ๊
กูหิวข้าวแล้ว มึงจะลีลาอะไรนักหนา ?”
ผมเดินย้อนกลับไปที่บันไดไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ผมกำลังยืนอยู่
แล้วจากนั้นผมก็บ่นไอ้มิสเทคที่มันทำตัวราวกับเด็กอย่างเหลืออด
จากนั้นผมก็จัดการลากแขนมันเดินถูลู่ถูกังตามผมมาทันที
“กูเจ็บนะเว้ย ..” มิสเทคมันโวยวาย
พลางตีฝ่ามือของผมที่กำลังกุมข้อมือของมันไว้
“ก็มึงชักช้าเองนี่หว่า ..” ผมตอบเสียงอ่อย
พลางปล่อยมันให้เป็นอิสระ
“…” มิสเทคมันเงียบไม่ยอมโต้เถียง
เพราะมันกำลังหลบอะไรสักอย่างตรงข้างเสากลมอ้วน
ขณะที่ลูกน้องของมันอีกสองคนก็ทำแบบนั้นที่เสาถัดไปเช่นกัน …
“เฮ้อ..”
“หลบอะไรของมึงวะ ?” ผมถามอย่างสงสัย
ยิ่งไอ้มิสเทคมันถอนหายใจออกมาเมื่อกี้ ความสงสัยของผมก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
‘หัวหน้า ..’ มิสเทคมันตอบแบบไม่มีเสียง
จากนั้นมันก็รีบคว้าข้อมือของผมให้รีบเดินออกมาที่ลานจอดรถ
“เพื่อ ?”
เมื่อเข้ามานั่งในรถได้แล้ว ผมก็ยังไม่เลิกสงสัย
“ถ้ากูไม่หลบ
กูคงได้ทำงานต่อจนดึกดื่นแบบหลายๆวันที่ผ่านมาน่ะสิ .. มึง ..ตั้งแต่กูยื่นใบลาออกไป กูรู้สึกเหมือนกูกำลังถูกบีบอยู่เลยว่ะ
แถมน้องๆในแผนกยังพลอยซวยไปกับกูด้วย ..”
มิสเทคมันตอบอย่างอ่อนล้ากับโชคชะตาชีวิตของมัน
“ก็ไหนหัวหน้ามึงบอกให้มึงรอพี่กูกลับมาจากเชจูก่อนไง
แล้วมันมีความจำเป็นอะไรถึงต้องมาบีบมึงกันวะ ? มึงคิดมากไปหรือเปล่า ? หัวหน้ามึงเห็นมันโหด จนแทบจะแดกหัวได้แบบนั้น ที่จริงมันก็เป็นคนที่จริงจังกับชีวิตคนนึงเหมือนกันนะเว้ย
มันไม่น่าจะคิดอะไรเด็กๆแบบนั้นนะกูว่า ..อีกอย่างตอนนี้ทุกๆแผนกมันก็ยุ่งเหมือนกันหมด
แล้วยิ่งแผนกมึงเป็นกำลังสำคัญ จะยุ่งวุ่นวายกว่าแผนกอื่นสักหน่อย มันก็คงไม่แปลก..” ผมแย้งความคิดที่มันเริ่มจะเลยเถิดของไอ้มิสเทค
และชี้ให้มันเห็นถึงความดีงามของเพื่อนบ้านสมัยเด็กของผมสักนิดสักหน่อย ตอบแทนที่ช่วงนี้อดีตเพื่อนบ้านหัวสีแดงมันยุ่งมาก
ยุ่งซะจนไม่มีเวลามาจิกกัดผมเหมือนตอนเด็กๆ..
และกูเองก็ยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลาไปอ้อนตีนกับมันเลย …
“มึงจะคิดยังไงก็เรื่องของมึงเถอะ
มุมมองของคนนอกกับคนในคงไม่เหมือนกัน ..” มิสเทคมันพูดตัดบท
แล้วก็นั่งหลับตานิ่งๆจนกระทั่งผมพามันมากลับมาถึงบ้านของผม ที่จนป่านนี้แล้วคนในครอบครัวก็ยังไม่คิดจะกลับมาสร้างสีสันให้บ้านหลังนี้มีชีวิตชีวากันสักที
จนกูจะเลิกตื่นเต้นกับการเปิดตัวไอ้มิสเทคมันแล้วเนี่ย ช่วยกลับมาตื่นเต้นกับกูสักทีเถอะ..
“พี่ค้างกับคยูมันนะ .. อืม .. ยังไม่ได้กิน อีกสักพักค่อยทำ ตอนนี้ยังเหนื่อยๆและขี้เกียจ .. ก่อนนอนปิดบ้านให้เรียบร้อยด้วยเข้าใจมั้ย ?”
พอก้นแตะพื้นโซฟาได้ ไอ้มิสเทคมันก็โทรรายงานน้องชายของมันทันที ซึ่งเป็นภาพที่ผมชินตาซะแล้วแหละ
“อื้ม .. สบายใจขึ้นแล้วสินะถึงไล่กันแบบนี้น่ะ
?” มิสเทคมันกดเสียงเข้มคุยโทรศัพท์หยอกเย้ากับน้องมันไม่สนใจกูเลย
ตั้งแต่ขัดคอกันบนรถแล้ว
“กูไปทำมื้อเย็นก่อน ..”
พอมันวางสายจากน้องชายของมันแล้ว มันก็หันมาบอกผมแล้วก็เดินเข้าห้องครัวไปเลย
ซึ่งบรรยากาศระหว่างผมกับมัน ผมรู้สึกได้เลยว่าแม่งอึมครืมเชี่ยๆ
หลังจากมิสเทคมันทำมื้อเย็นจนเรียบร้อย
เราสองคนก็ต่างคนก็ต่างกินไม่ยอมพูดยอมจา จนกระทั่งอาหารในจานมันหมดลง ผมเลยอาสาเป็นคนเก็บล้างทั้งของตัวเองและของมันอย่างยินดี
ซึ่งมิสเทคมันเองก็ไม่ปฏิเสธความต้องการของผม
เพราะมันทิ้งจานข้าวของมันไว้บนโต๊ะไม้สีขาวสะอาดตา ส่วนตัวของมันก็เดินเงียบหายไปที่ไหนสักแห่งในบ้านหลังนี้
พอทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆจนเสร็จ ผมก็เดินหามันจนทั่วบ้าน
กะจะเคลียร์กันให้มันจบๆไป จะได้ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใส่กันแบบนี้ และในที่สุดผมก็หามันจนเจอ
..
เพราะบ้านผมมันก็เล็กแค่นี้
ถ้าหาไม่เจอนี่แสดงว่ามันหอบผ้าหอบผ่อนหนีกูไปแล้วนะนั่น ..
ไอ้มิสเทคมันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าสระว่ายน้ำขนาดย่อมกลางบ้าน
ที่สามารถมองเห็นดาวบนฟ้าได้อย่างชัดเจนเนื่องจากพื้นที่บริเวณสระว่ายน้ำบ้านผมไม่ได้มุงหลังคาเอาไว้
เราเพียงแค่อาศัยตัวบ้านสร้างความเป็นส่วนตัวเท่านั้น และเอกลักษณ์ของบ้านนี้ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือภาพจำลองท้องทะเลขนาดใหญ่ตรงริมสระเบื้องหน้านั่น
ที่มันเนรมิตให้เราเหมือนกับยืนอยู่บนผืนทรายเนียนละเอียดไปพร้อมๆกับเฝ้ามองธรรมชาติอันสวยงาม
ซึ่งมันขาดก็เพียงแต่เสียงคลื่นเท่านั้นที่ๆบ้านของเรามันไม่มี เพราะถ้าเกิดมันมีเสียงคลื่นขึ้นมานะ
บ้านกูนี่กลายสภาพเป็นบ้านพักริมทะเลไปเลย ..
ผมล่ะนึกขอบคุณโจวอาราจริงๆที่ไม่บ้าจนถึงขั้นนั้น
..
ผมยืนมองไอ้มิสเทคอยู่ตรงริมประตูทางเข้าสระว่ายน้ำที่มันเชื่อมต่อกับตัวบ้านอยู่พักใหญ่
ซึ่งรอบตัวของมันในตอนนี้จะมีก็แต่แสงจันทร์เท่านั้นที่คอยให้ความสว่าง เพราะมิสเทคมันไม่ได้คิดจะจุดเทียนหอมเหมือนอย่างพี่อารา
หรืออย่างใครๆก็ตามที่เข้ามาใช้พื้นที่ในบริเวณนี้ ..
มิสเทคมันยืนนิ่งมองอะไรสักอย่างในมือของมันอยู่นาน
ส่งผลให้ขาของผมมันก็ก้าวไม่ออกตามไปด้วย
เพราะมันเหมือนกับว่าในตอนนี้ระหว่างผมกับมันกำลังมีแผ่นกระจกบางใสที่ไม่อาจมองเห็นมาขวางกั้นอยู่
…
ต๋อม ..
ผืนน้ำสงบนิ่งในสระว่ายน้ำขนาดย่อมกระเพื่อมตัวเป็นวงกว้าง
เมื่อมิสเทคมันโยนอะไรสักอย่างลงไป แต่จากนั้นไม่นานนัก
มิสเทคมันก็รีบกระโดดลงไปงมหาของสิ่งนั้นอยู่นานสองนาน …
และเมื่อมันหาสิ่งที่มันต้องการได้แล้ว มันก็วางของสิ่งนั้นลงบนขอบสระ
แล้วก็ท้าวแขนมองจ้องมันด้วยรอยยิ้ม ซึ่งผมเห็นแล้วก็นึกอยากจะยิ้มตามมันไปด้วย
ขณะที่ในอกของผมมันก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ..
เพราะของที่ว่านั่น
มันคือพวงกุญแจทรายเรืองแสงที่ผมเป็นคนซื้อให้มันเองกับมือ ..
ผมอาศัยจังหวะที่มิสเทคมันกำลังมองเหม่อ ค่อยๆหย่อนตัวเองลงในสระและค่อยๆดำน้ำเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว
โดยที่คนที่กำลังเหม่อมองพวงกุญแจทรายเรืองแสงท่ามกลางความเงียบสงบในตอนกลางคืน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า
ณ ตอนนี้เจ้าของพวงกุญแจพวงนั้น กำลังขยับเข้ามาใกล้ตัวมันทุกทีแล้ว ..
“อ๊ะ” ทันทีที่ผมโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มิสเทคมันก็สะดุ้งอย่างตกใจ แต่ก็ไม่สามารถหนีผมไปไหนได้
เพราะผมกำลังโอบกอดมันเอาไว้ทั้งตัว โดยที่สองฝ่ามือของผมกำลังกอบกุมฝ่ามือของมันที่กำลังโอบล้อมพวงกุญแจทรายเรืองแสงเอาไว้อีกชั้น
..
“มึงอย่าน้อยใจกูเลยนะ ที่กูพูดมันไม่ได้หมายความว่ากูไม่เชื่อมึง
เพียงแต่กูแค่ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ไอ้พี่ฮีชอลมันต้องมาบีบมึง
เพราะตอนนี้สถานการณ์ของมึงน่ากำลังอยู่ในช่วงใช้ให้คุ้มซะมากกว่า ..ส่วนลูกน้องของมึงมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องคอยช่วยนั่นช่วยนี่ให้งานของแผนกมันสำเร็จผลไม่ใช่เหรอวะ
กูถึงได้บอกมึงไงว่าบางทีมึงอาจจะคิดมากไป” ผมวางปลายคางเกยลงบนลาดไหล่ของไอ้มิสเทค
พลางพูดอธิบายขยายความข้างๆใบหูของมันอย่างแผ่วเบา ..
“…”
“อีกไม่นานมึงก็จะออกจากที่นี่แล้ว
กูก็แค่อยากให้มึงสนุกกับงานของตัวเองให้เต็มที่ เพราะกูไม่อยากให้มึงคิดมากแค่นั้นเอง
.. และอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้มึงอยากอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะมึงรักแบรนด์ของพี่กูไม่ใช่เหรอ
? ถ้ามึงเอาแต่คิดว่าคนนั้นคนนี้ไม่พอใจมึงอย่างนั้นอย่างนี้
มึงจะไปมีความสุขได้ยังไง ?”
“...”
“ตั้งแต่คบกับมึง กูก็อยากอยู่ใกล้ๆมึง
อยากมีมึงอยู่ด้วยในทุกช่วงชีวิต แถมมึงยังทำให้กูเป็นน้องจอมทรยศ และมึงยังทำให้กูเหมือนเป็นเด็กไม่รู้จักโตอีกด้วย
มึงรู้ตัวไหมมิสเทค ?” ผมถามไอ้มิสเทคพลางหอมซอกคอและลาดไหล่อันเปียกชื้นของมันไปด้วย
“งั้นมึงก็ให้กูยกเลิกใบลาออกสิ ..” มิสเทคมันพูดเสียงแผ่วพลางยื่นข้อเสนอบางอย่างกับผม
“ไม่มีทาง กูบอกมึงแล้วไงว่ากูยอมให้มึงไปอยู่บริษัทอื่นดีกว่ายอมให้มึงลดตำแหน่งตัวเองจนไร้ความก้าวหน้าเพื่อกู
..”
“กูก็ไม่ได้ทำเพื่อมึงไปหมดทุกอย่างนี่
มึงก็แค่มองข้ามอะไรที่มันเกี่ยวกับมึงไปสิ ..” มิสเทคมันเถียง
“ถึงกูจะทำเป็นมองข้าม แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าเหตุผลของมึงมันมีกูเข้ามาเกี่ยวด้วย
..ฉะนั้นทางเดียวที่มึงจะสามารถทำได้ ถ้าเกิดมึงอยากทำงานอยู่ภายใต้บริษัทของพี่กู
.. มึงก็แค่รับโอกาสจากพี่กูซะ .. กูบอกแล้วไง
ถ้ามึงเลือกข้อนี้ยังไงกูก็ยอมมึง ถึงแม้กูจะไม่เต็มใจก็เถอะ ..”
“ก็เพราะกูไม่อยากเลือกข้อนี้ไง
กูถึงได้ยอมลาออกตามที่มึงบอกให้กูทำ เพราะมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ในเมื่อกูเองก็ไม่อยากอยู่ห่างจากมึงเหมือนกัน
..” ทันทีที่มิสเทคมันพูดจบ
ผมก็กดริมฝีปากลงบนข้างแก้มอันเปียกชื้นของมันไปหนึ่งที ..
“…”
“มึงทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตคนเดียวซะที่ไหน
กูเองก็ด้วยที่เป็นเหมือนมึง ..” มิสเทคมันเถียงเสียงค่อย
แต่ไม่รู้ทำไมการเถียงของมันในครั้งนี้ถึงได้ดูไม่อ้อนตีน
แต่ยิ่งอ้อนให้ผมรักมันมากขึ้น …
“ทีหลังเวลากูทำตัวไม่ได้ดั่งใจ มึงอย่าไปทำลายข้าวของที่กูให้เลย มันไม่ผิดสักหน่อย
.. อยากสั่งสอนมึงก็มาสั่งสอนที่กูนี่ ..” ผมกอดมิสเทคมันให้แน่นขึ้น
ขณะที่ใบหน้าของผมก็ซุกเข้าหาความหอมละมุนตรงซอกคอของมันไปด้วย
“กูจะจำเอาไว้แล้วกัน ..” มิสเทคมันตอบเพียงแค่นั้น
แล้วมันก็เงียบไป ส่วนผมก็ค่อยๆพลิกตัวของมันให้หันหน้ามาหาผม
จากนั้นผมก็ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของมันอย่างแผ่วเบา และค่อยๆจูบซับริมฝีปากอวบอิ่มของมันอย่างเพลิดเพลิน
..
เป็นเวลาเนิ่นนานที่บทจูบของเราสองคนยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน
ขณะที่ความอบอุ่นมันก็ปกคลุมไปทั่วกายของเรา จนซึมซับไปถึงใจ ส่งผลให้รสจูบยิ่งทวีความหนักหน่วงมากขึ้น
..
เมื่อเราต่างคนต่างก็ถลำลึกต่อห้วงแห่งความรู้สึกของตัวเองในขณะนี้..
ผมทั้งจูบทั้งไล่ต้อนไอ้มิสเทคให้จนมุม
เมื่อความต้องการมันเริ่มจุดติดขึ้น จนกระทั่งผมล็อคตัวของมันไว้ตรงขั้นบันไดเล็กๆตรงริมสระได้
ผมก็เริ่มโอบกอดรอบเอวของมันไว้ พลางแทรกตัวเข้าแนบชิดตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของมัน
เพื่อที่ผมจะได้มอบรสจูบอันลึกล้ำได้มากขึ้น ..
ขณะที่ผิวกายของเรายามเมื่อสัมผัสเสียดสีกัน
ต่อให้มีเสื้อผ้าอาภรณ์มาคอยขวางกั้น มันก็ไม่อาจฉุดรั้งความต้องการของเราที่มันเริ่มจะทวีคูณมากขึ้นได้
เมื่อเนื้อผ้าอันเปียกชุ่มมันแนบรั้งไปกับผิวกายของเราสองคนจนเสื้อผ้าพวกนั้นมันแทบจะไม่มีความหมายใดๆเลย
..
เพราะถึงอย่างไรแล้ว
เราก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของกันและกันได้อยู่ดี ..
“มึงชอบอยู่บ้านกูหรือคอนโดมากกว่ากัน ?”
หลังจากที่มอบรสจูบจนมิสเทคมันแทบจะขาดอากาศหายใจ
ผมก็ผละริมฝีปากออกห่างจากกลีบปากของมัน มาเคล้อคลออยู่ข้างๆใบหูเล็ก
พลางชวนคุยเพื่อลดทอนความหน้าบางของมันไปด้วย
เพราะตอนนี้แม้แต่เหล้าสักหยดก็ไม่ตกถึงท้องมัน ฉะนั้นความเขินอายของมันย่อมมีอยู่มาก
..
“อื้ม ..ค..คอนโด ..” มิสเทคมันเริ่มเสียงสั่นและตอบคำถามอย่างขาดห้วง
เมื่อปลายลิ้นของผมเริ่มไล้วนตรงช่วงหูของมันเล่น พลางขบเม้มเย้าหยอกอย่างที่ชอบทำกับมันทุกครั้ง
เพราะอารมณ์ของมิสเทคมันจะจุดติดง่ายมาก เมื่อผมเริ่มปลุกเร้ามันด้วยสัมผัสวาบหวามตรงจุดอ่อนไหวบนร่างกายตรงส่วนแรกของมัน
..
“ทำไม ? ไหนมึงบอกบ้านกูน่าอยู่ไง
?” ผมยังคงถามมันต่อไป พลางล็อคใบหน้าของมันไม่ให้ขยับหนีสัมผัสที่ผมตั้งใจปรนเปรอให้
ส่งผลให้มันเริ่มใช้ช่วงล่างขยับหนีแทน แต่ก็ไม่อาจทำได้มากนัก
เมื่อช่วงตัวของผมกำลังขวางกั้นความต้องการของมันอยู่
และยิ่งมันดีดดิ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกวาบหวามในอกมากเท่านั้น ..
“อื้อ .. แต่คอนโดมึง .. มันยังทำให้กูรู้สึก
.. เหมือนได้อยู่บ้าน .. มากกว่าที่นี่
..”
มิสเทคมันตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเมื่อมันกำลังถูกผมปลุกเร้าอย่างหนักหน่วงขึ้น และคำตอบของมันก็ยิ่งส่งผลให้ผมรู้สึกหมั่นเขี้ยวมันขึ้นมา
ผมก็เลยผละใบหน้าออกห่างจากข้างใบหู เพื่อมาจูบปิดปากของมันด้วยสัมผัสที่รุนแรงขึ้นกว่าทีแรก
จากนั้นผมก็ขบเม้มกลีบปากล่างของมันเพื่อส่งปลายลิ้นเข้าไปทักทายความหอมหวานภายในอีกครั้ง
และเมื่อมันยินยอมตอบรับสัมผัสจากผมแล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะเกี่ยวกระหวัดรัดรึงเรียวลิ้นของเราให้หลอมรวมเป็นหนึ่ง
..
ขณะที่ฝ่ามือของผมมันก็เริ่มอยู่นิ่งไม่ไหว ผมจึงลากไล้ปลายนิ้วไปทั่วผิวกายนุ่มมือของมันภายใต้ร่างของผมอย่างเชื่องช้า
สร้างความซ่านเสียวให้กับมิสเทคมันได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อตัวของมันเริ่มบดเบียดเข้าหาลำตัวของผมให้แนบชิดขึ้น
ส่งผลให้ช่วงล่างของเราถึงคราวต้องเสียดสีกันอย่างแนบสนิทยิ่งกว่าวินาทีแรก ..
จากนั้นระหว่างเรามันก็มากเกินกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
…
“กูจะกอดมึงให้ถนอมที่สุดเลยมิสเทค
..” ผมดันช่วงตัวให้ไอ้มิสเทคมันให้ขยับเข้าไปใกล้กับขอบสระมากขึ้น ทำให้ครึ่งตัวของมันอยู่เหนือน้ำและอีกครึ่งตัวของมันอยู่ใต้น้ำ
จากนั้นผมก็ค่อยๆโน้มตัวเองเข้าแนบชิดกับมันอีกครั้ง และใช้วงแขนเป็นหมอนรองศีรษะของมันด้วย
พร้อมกับค่อยๆกระซิบด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าหวานที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในความดูแลอย่างเต็มที่
...
“อื้ม ..”
มิสเทคมันตอบรับเสียงอู้อี้ในลำคอ พลางหันหน้าหลบสายตาของผมที่กำลังทอดมองมันอยู่ ..
“ถ้ามึงอายไม่กล้ามองหน้ากู
มึงดูดาวแทนก็ได้ ก็ไม่หึงดาวหรอก .. ” ผมเสนอวิธีแก้เขินให้มัน
เพราะดูเหมือนมันจะไม่รู้วิธีการเอาตัวรอดจากความเขินไปซะแล้ว
มันถึงได้นอนสสงบนิ่งภายใต้ร่างของผม ขณะที่ใบหน้าของมันก็ทำได้แค่หันหน้าหนี ซึ่งวิธีนั้นมันจะช่วยให้ความเขินอายมันหายไปจนตลอดรอดฝั่งหรือไง
?
“อืม ..”
มิสเทคมันตอบรับผมในลำคออีกแล้ว แต่ใบหน้าของมันก็ยังไม่ยอมขยับตามคำแนะนำ
เห็นอย่างนั้นผมก็เลยฉวยโอกาสอันดีนี้หอมแก้มมันซะเลย
ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ก็ไม่รู้ ถ้าเป็นตอนปกติมันคงจะด่ากูว่าประสาทไปแล้ว…
และถ้าเป็นตอนปกติของกูก่อนจะมีเซ็กส์
กูก็คงไม่ใจเย็น มานั่งมองความน่ารักของใครแบบมันหรอก..
พอเป็นมัน
ทำไมผมต้องทำตัวอ่อนโยนทุกครั้งในเวลาที่เรากำลังจะเป็นหนึ่งเดียวกันก็ไม่รู้ แค่เห็นมันหน้าแดงเพราะความเขิน
หัวใจมันก็สูบฉีดอย่างบ้าคลั่งไปแล้ว
ยิ่งบางครั้งมันเป็นฝ่ายเข้าหาผมด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้มันใจกล้า
ผมก็ยิ่งพ่ายแพ้ให้กับมันที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็คงไม่มีทางชนะ..
เพราะผมยอมมันได้ทุกอย่าง
..
ต่อให้เสียฟอร์ม
ผมก็ยอมได้ ..
“อื้อ ..อึก ..” ผมจัดการปลดกระดุมเม็ดเล็กด้วยมือข้างเดียวอย่างทุลักทุเล
จนกระทั่งเหลือเพียงแค่เม็ดสุดท้าย
ไม่นานนักเสื้อเชิ้ตแบบพอดีตัวของไอ้มิสเทคมันก็ลดความเป็นทางการลงไปได้ ..
เมื่อเสื้อผ้าของมันในขณะนี้กำลังหลุดรุ่ยเสียจนเผยให้เห็นผิวขาวสวยที่กำลังต้องสะท้อนกับแสงจันทร์ให้ยิ่งน่าหลงใหล
ผมจึงค่อยๆก้มหน้าลงฝากฝังร่องรอยสีกลีบกุหลาบลงบนผิวเนื้อของมันอย่างต้องมนต์สะกด
..
สัมผัสอุ่นชื้นจึงแต่งแต้มไปทั่วผิวขาวราวกับน้ำนมของมันครั้งแล้วครั้งเล่าแทบจะทุกซอกทุกมุม
สลับกับร่องรอยสีกลีบกุหลาบที่มันเพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ส่งผลให้เสียงครางหวาน ครวญก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
แต่ผมก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้นเพราะฝ่ามือของผมมันเริ่มจะไต่ระดับต่ำลงจากช่วงเอวมาจนถึงขอบกางเกงสแลคขาวยาว
เพื่อปลดเปลื้องเนื้อผ้าอันเกะกะให้หลุดพ้นออกจากร่างกายขาวนุ่มของมันอย่างทุลักทุเล
..
เมื่อผมไม่ได้อยากจะชื่นชมความหอมหวานเพียงแค่ช่วงบนอีกต่อไป
..
“อ๊ะ ..อื้อ ..อ๊า ..” ผมรั้งตัวไอ้มิสเทคให้ตั้งตรง
จากนั้นผมก็ดันช่วงตัวของมันให้ขึ้นไปนั่งบนริมสระ
ขณะที่ขาทั้งสองขาของมันยังคงวางแช่อยู่ภายใต้ผิวน้ำ
โดยที่มีช่วงตัวของผมกำลังขวางกั้นขาทั้งสองข้างของมันอยู่
จากนั้นผมก็เริ่มปรนเปรอสัมผัสอุ่นร้อนชวนหวามไหวให้มันด้วยริมฝีปากของผมเอง ..
ร่างกายขาวผ่องของมันที่ไม่มีผิวน้ำคอยบดบังจึงบิดเร้าอย่างเสียวซ่าน
เมื่อสัมผัสของผมกำลังเล่นงานมันอย่างหนักหน่วง
เสียงครางครวญกระสันจึงทวีความดังมากยิ่งขึ้น …
“ค..คยู ..ก..กูมองดาว อื้อ ..ไม่ได้แล้ว
.. อ๊า .. มึง ..อ
..อย่า ..ไม่เอา ..อึก .. กู ..อาย ..” มิสเทคมันพูดไม่ได้ศัพท์เมื่อผมยังไม่เลิกปรนเปรอมันอย่างต่อเนื่อง
“อ๊ะ ..อื้อ .. ห .. หยุด ..เถอะ ..อึก ..” มิสเทคมันค่อยๆประคองใบหน้าของผมให้ละความสนใจจากส่วนอ่อนไหวของมันอย่างบังคับนิดๆ
ผมก็เลยต้องยอมละห่างจากความหอมหวานของมันอย่างแสนเสียดาย
และเมื่อสายตาของผมสบเข้ากับดวงตาของมัน ผมก็เห็นความเก้อเขินปรากฏขึ้นในนั้น
อีกทั้งใบหน้าของมันยังแดงซ่านเสียจนมันแทบจะสุกไหม้ เห็นอย่างนั้นผมก็อดสงสารมันไม่ได้
เพราะเมื่อครู่ผมเริ่มขาดสติมากขึ้นทุกที ทุกทีแล้ว ..
“มึงถอดให้กูนะ
..” ผมรั้งมิสเทคให้มาแนบชิดกันภายใต้ผิวน้ำอีกครั้ง เพราะผมกำลังยอมอ่อนข้อให้มันแบบพบกันคนละครึ่งทาง
ฉะนั้นช่วงล่างของเราที่กำลังแนบชิดกันอยู่จึงถูกปกปิดด้วยผิวน้ำยามค่ำคืน
ส่งผลให้มองเห็นเพียงแค่เงาเลือนราง ..
“กูทนไม่ไหวแล้วมิสเทค
กูอยากกอดมึงมากกว่านี้ .. มึงถอดให้กูนะ .. กูอยากให้มึงถอดให้กูบ้าง ..” ผมออดอ้อนมันด้วยการจูบซับไปทั่วใบหน้าของมัน เพียงแค่นั้นมิสเทคมันก็ทนไม่ได้ที่จะนิ่งเงียบไม่ทำตามความต้องการของผม
เห็นอย่างนั้นผมจึงจัดการเสื้อเชิ้ตตัวบางแนบเนื้อของไอ้มิสเทคให้หลุดพ้นจากกรอบสายตาของผมทันที
เราสองคนจะได้อยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์แบบ ..
ผมกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
เพื่อที่เนื้อตัวของเราสองคนจะได้แนบชิดกันมากขึ้นอีกนิด
จากนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งของผมก็เริ่มลากไล้ต่ำลงตามช่วงแนวสะโพกไปจนถึงช่วงขาของไอ้มิสเทคที่มันแตะกับพื้นกระเบื้องภายใต้สระน้ำขนาดย่อม
แล้วจึงเกี่ยวกระหวัดช่วงขาข้างนั้นให้วาดแนบชิดข้างตัวของผมอย่างรวดเร็ว โดยที่มืออีกข้างก็ต้องโอบประคองช่วงเอวของมันให้มั่นคงขึ้นด้วย..
“แบบนี้กูจะดูดาวตามที่มึงแนะนำได้ยังไง
..” มิสเทคมันซบหน้าลงกับลาดไหล่ของผม พลางตัดพ้อต่อว่าผมเบาๆ
ขณะที่มันก็โอบกอดรอบลำคอของผมเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยเช่นกัน ..
“พออยู่ตรงนั้นมึงก็อายกูเหลือเกินนี่ กูถึงต้องพามึงมากอดตรงนี้ ..
เอาเหล้าไหมมิสเทค ? มึงจะได้ไม่ต้องเขินกูไงแถมยังช่วยอะไรๆให้กูได้ตื่นตัวอีกต่างหาก
..” ผมกระซิบเสียงแผ่วอย่างยั่วเย้า
พลางขบเม้มติ่งหูของมันให้เนื้อตัวได้สั่นซ่าน
ขณะที่ปลายนิ้วของผมมันเริ่มจะคืบคลานเข้าไปสัมผัสทักทายกับความอุ่นร้อนบริเวณช่วงล่างของมันแล้ว
..
“อึก .. อ๊ะ ..อื้อ .. ค..คยู ..”
ทันทีที่ปลายนิ้วของผมเข้าไปสัมผัสทักทายกับความอุ่นร้อนภายในส่วนไวสัมผัสของมันแล้ว
เรี่ยวแรงของมันที่ก็แทบจะไม่มี ก็ยิ่งไม่มีเข้าไปอีก ผมเลยต้องประคองร่างทั้งร่างของมันให้แน่นขึ้นเพื่อที่มันจะยังสามารถหยัดยืนอยู่ภายใต้ผิวน้ำได้ต่อไป
..
แต่ถึงอย่างนั้น ส่วนอ่อนไหวของเราที่มันแตะสัมผัสกัน
ก็เริ่มเข้าใกล้เขตอันตรายมากกว่าทุกสัดส่วนบนร่างกายเมื่อ ณ
ตอนนี้ความอึดอัดคับแน่นมันเริ่มเข้ามาทักทายมากขึ้นทุกขณะ ผมจึงไม่รอช้าที่จะบดเบียดกายเข้าแนบชิดกับมิสเทคมันมากขึ้น
ขณะที่ด้านหลังของมันเองก็ถูกปรนเปรอสัมผัสชวนหวั่นไหวให้ไม่ขาด ..
“อืม ..อ่า ..มิสเทค ..” เสียงครางทุ้มต่ำของผมดังผสมปนเปไปกับเสียงครางหวานของมิสเทคอย่างสุขสม
เมื่อเราต่างก็ปรนเปรอความสุขให้กันและกันอย่างไม่คิดจะสนใจเวลานาทีว่ามันผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว
..
“ถ้ามึงชอบ มึงก็เก็บเอาไว้ดีๆนะ มึงอย่าทิ้งมันอีก ..” หลังจากปรนเปรอสร้างความพร้อมให้มิสเทคมันจนได้ที่แล้ว
ผมก็ไล่ต้อนมิสเทคมันให้จนมุมตรงริมขอบสระ
ทำให้ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าพวงกุญแจทรายเรืองแสงที่ผมเป็นคนซื้อให้มันเองกับมือ
ได้ถูกเจ้าของและคนที่ซื้อมันไว้ทอดทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี ..
“อ๊ะ ..อ๊า ..”
มิสเทคมันพยักหน้าตอบรับอย่างน่ารัก
จากนั้นมันก็คว้าพวงกุญแจของรักของหวงของมันมาไว้ในครอบครอง
ซึ่งมันพอดีกับผมที่ค่อยๆส่งตัวตนเข้าผมเข้ามาทักทายกับความอุ่นร้อนภายในกายของมันเข้าพอดี
เสียงหวานใสที่เกิดจากความกระสันก็ดังขึ้นอย่างห้ามปรามไม่อยู่ ..
“จ..เจ็บ ..อื้อ ..อึก ..” มิสเทคมันแนบหน้ากับริมขอบสระ
พลางกำพวงกุญแจในมือของมันเอาไว้แน่น
และพยายามจะผลักดันช่วงตัวของผมให้ถอยห่างจากส่วนหวามไหวของมัน ..
“มึงเจ็บมากไหม ? กูขอโทษ
กูลืมไปว่ากูไม่ได้ใช้ตัวช่วย ..” ผมหยุดการเคลื่อนไหวพลางถามมันอย่างห่วงใย
ส่วนริมฝีปากของผมก็คอยจูบปลอบโยนทั่วใบหน้าของมันไปด้วย เมื่อสีหน้าของมันที่หันมาร้องขอผมมันบ่งบอกได้ว่าความคับแน่นของผมกำลังเล่นงานช่วงล่างของมันจนสาหัส
..
“ต..ต่อเถอะ ..”
หลังจากที่ทุกอย่างไร้การเคลื่อนไหวมาเนิ่นนาน
มิสเทคมันก็ออกปากอนุญาตผมที่กำลังโอบกอดมันเอาไว้ด้วยความเกร็ง
เนื่องจากความต้องการมันค่อยๆทรมานผมมากขึ้นทุกทีๆ แล้วไหนจะความกลัวว่าหากผมขยับตัวสักนิด
มิสเทคมันก็อาจจะเจ็บได้ ผมก็เลยกอดมันด้วยความเกร็งอยู่แบบนั้น ..
“มึงแน่ใจนะ ?” ผมถามมันอีกครั้ง
ใจนึกอยากหยุดกิจกรรมระหว่างผมกับมันไว้เพียงแค่นี้ หรือถ้าอยากจะต่อจริงๆ
ผมว่ารอใช้ตัวช่วยก็น่าจะดีกว่า ..
“อืม .. มึงทำต่อเถอะ ..”
มิสเทคมันเอื้อมมือมาคล้องคอผมอยู่ยืนซ้อนด้านหลังของมันไว้
พลางหันหน้ามาจูบซับกลีบปากของผมเบาๆ เพื่อบอกกลายๆว่ามันต้องการผมแล้ว ..
และต้องการมากกว่านี้ ..
“อ๊ะ ..อ๊า ..อืม ..อื้อ ..อ๊าาาาาาาาาา”
เสียงครางหวานอย่างเสียวซ่านของมันยังคงดังก้องสลับกับเสียงครางทุ้มต่ำของผมอย่างสุขสม
ขณะที่จังหวะร้อนรักของเรายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวกระสัน
..
จังหวะรักของเราจึงถูกเปลี่ยนมือผู้คุมเกมอย่างกะทันหัน …
ตุ้บ!
เสียงอะไรบางอย่างที่มันล่วงหล่นลงกับพื้น บริเวณประตูทางเข้าที่เชื่อมต่อกับตัวบ้านและสระว่ายน้ำ
ส่งผลให้จังหวะร้อนรักระหว่างผมกับมันต้องหยุดลงอย่างขาดห้วงด้วยเพราะความตกใจ ..
แต่เมื่อกรอบสายตามันปรากฏร่างของผู้ที่ทำให้เกิดเสียง เราสองคนก็แทบจะผละตัวออกห่างจากกันในทันที
ทั้งๆที่ความต้องการยังคงครุกครุ่นจนทั่วร่าง ..
“แม่ ..”
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
ปั่นมาราธอนเลย
คึคึคึ เหตุการณ์ตื่นเต้นมาแล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงโปรดติดตาม
แล้วไหนจะเรื่องลาออกของมิสเทคอีก แล้วนี่ยังมาโดนปีศาจหัวแดงของคยูใช้งานหนักอีก มิสเทคเอ้ยงานหนักใจยังมีให้ได้ขบคิดกันต่อไป สำหรับตอนนี้หวังว่ามันจะหวานและเห็นถึงความรักของคนสองคนเหมือนเคย
ปล. ตอนนี้เราปลดแบนไปได้หนึ่งตอนแล้ว ว่าจะลองปลดอีกสองตอนถ้าสำเร็จก็อาจกันแบบเดิมเนอะ รอลุ้นกันต่อไป ซึ่งเราตัดคำหยาบคายที่เขาคิดว่าหยาบจนรูปประโยคมันเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร ไว้คงต้องให้ตามมาอ่านในบล็อคเฉพาะตอนนั้นๆเหมือนกับฉากตัดซะแล้ว T^T
[Fic KyuMin] Mistake 37