วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

[Fic KyuMin] Mistake 37

Mistake



Mistake 37

            พนักงานประจำแผนกการตลาดในช่วงนี้ แลดูทุกคนจะลุกลี้ลุกลนมาก ซึ่งกูไม่เข้าใจว่าแผนกนี้มันเป็นอะไรของมันกันวะ จะกลับบ้านแต่ละที พวกแม่งต้องทำยังกับแอบทิ้งงานเพื่อไปเที่ยว ..
คือมันก็ห้าโมงครึ่งแล้วป่ะ ? จะเลิกงานแล้วกลับบ้าน มันใช่เรื่องแปลกที่ไหนวะ กูโคตรไม่เข้าใจคนพวกนี้เลยจริงๆว่ะ..

                “ทางโล่งแน่แล้วนะพี่ ?” หญิงสาวหนึ่งเดียวของแผนก เดี๋ยวก็ผลุบเดี๋ยวก็โผล่หน้าตรงขั้นบันไดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมเดินออกจากข้างกำแพงที่ใช้เป็นเกาะกำบังสักที
                “เออ โล่งแล้วเนี่ยไม่มีหมาที่ไหนผ่านมาสักตัว.. ” ผมตอบอย่างนึกรำคาญ เพราะไอ้มิสเทคแม่งก็ดันเป็นไปกับลูกน้องของมันด้วย ..

                “มิสเทคมึงรีบเดินลงบันไดมาสักทีดิ๊ กูหิวข้าวแล้ว มึงจะลีลาอะไรนักหนา ?” ผมเดินย้อนกลับไปที่บันไดไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ผมกำลังยืนอยู่ แล้วจากนั้นผมก็บ่นไอ้มิสเทคที่มันทำตัวราวกับเด็กอย่างเหลืออด จากนั้นผมก็จัดการลากแขนมันเดินถูลู่ถูกังตามผมมาทันที
                “กูเจ็บนะเว้ย ..” มิสเทคมันโวยวาย พลางตีฝ่ามือของผมที่กำลังกุมข้อมือของมันไว้

                “ก็มึงชักช้าเองนี่หว่า ..” ผมตอบเสียงอ่อย พลางปล่อยมันให้เป็นอิสระ
                ” มิสเทคมันเงียบไม่ยอมโต้เถียง เพราะมันกำลังหลบอะไรสักอย่างตรงข้างเสากลมอ้วน ขณะที่ลูกน้องของมันอีกสองคนก็ทำแบบนั้นที่เสาถัดไปเช่นกัน
               
                “เฮ้อ..
                “หลบอะไรของมึงวะ ?” ผมถามอย่างสงสัย ยิ่งไอ้มิสเทคมันถอนหายใจออกมาเมื่อกี้ ความสงสัยของผมก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

                หัวหน้า ..’ มิสเทคมันตอบแบบไม่มีเสียง จากนั้นมันก็รีบคว้าข้อมือของผมให้รีบเดินออกมาที่ลานจอดรถ
                “เพื่อ ?” เมื่อเข้ามานั่งในรถได้แล้ว ผมก็ยังไม่เลิกสงสัย

                “ถ้ากูไม่หลบ กูคงได้ทำงานต่อจนดึกดื่นแบบหลายๆวันที่ผ่านมาน่ะสิ .. มึง ..ตั้งแต่กูยื่นใบลาออกไป กูรู้สึกเหมือนกูกำลังถูกบีบอยู่เลยว่ะ แถมน้องๆในแผนกยังพลอยซวยไปกับกูด้วย ..” มิสเทคมันตอบอย่างอ่อนล้ากับโชคชะตาชีวิตของมัน
                “ก็ไหนหัวหน้ามึงบอกให้มึงรอพี่กูกลับมาจากเชจูก่อนไง แล้วมันมีความจำเป็นอะไรถึงต้องมาบีบมึงกันวะ ? มึงคิดมากไปหรือเปล่า ? หัวหน้ามึงเห็นมันโหด จนแทบจะแดกหัวได้แบบนั้น ที่จริงมันก็เป็นคนที่จริงจังกับชีวิตคนนึงเหมือนกันนะเว้ย มันไม่น่าจะคิดอะไรเด็กๆแบบนั้นนะกูว่า ..อีกอย่างตอนนี้ทุกๆแผนกมันก็ยุ่งเหมือนกันหมด แล้วยิ่งแผนกมึงเป็นกำลังสำคัญ จะยุ่งวุ่นวายกว่าแผนกอื่นสักหน่อย มันก็คงไม่แปลก..” ผมแย้งความคิดที่มันเริ่มจะเลยเถิดของไอ้มิสเทค และชี้ให้มันเห็นถึงความดีงามของเพื่อนบ้านสมัยเด็กของผมสักนิดสักหน่อย ตอบแทนที่ช่วงนี้อดีตเพื่อนบ้านหัวสีแดงมันยุ่งมาก ยุ่งซะจนไม่มีเวลามาจิกกัดผมเหมือนตอนเด็กๆ..
                และกูเองก็ยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลาไปอ้อนตีนกับมันเลย

                “มึงจะคิดยังไงก็เรื่องของมึงเถอะ มุมมองของคนนอกกับคนในคงไม่เหมือนกัน ..” มิสเทคมันพูดตัดบท แล้วก็นั่งหลับตานิ่งๆจนกระทั่งผมพามันมากลับมาถึงบ้านของผม ที่จนป่านนี้แล้วคนในครอบครัวก็ยังไม่คิดจะกลับมาสร้างสีสันให้บ้านหลังนี้มีชีวิตชีวากันสักที จนกูจะเลิกตื่นเต้นกับการเปิดตัวไอ้มิสเทคมันแล้วเนี่ย ช่วยกลับมาตื่นเต้นกับกูสักทีเถอะ..
                “พี่ค้างกับคยูมันนะ .. อืม .. ยังไม่ได้กิน อีกสักพักค่อยทำ ตอนนี้ยังเหนื่อยๆและขี้เกียจ .. ก่อนนอนปิดบ้านให้เรียบร้อยด้วยเข้าใจมั้ย ?” พอก้นแตะพื้นโซฟาได้ ไอ้มิสเทคมันก็โทรรายงานน้องชายของมันทันที ซึ่งเป็นภาพที่ผมชินตาซะแล้วแหละ

                “อื้ม .. สบายใจขึ้นแล้วสินะถึงไล่กันแบบนี้น่ะ ?” มิสเทคมันกดเสียงเข้มคุยโทรศัพท์หยอกเย้ากับน้องมันไม่สนใจกูเลย ตั้งแต่ขัดคอกันบนรถแล้ว
                “กูไปทำมื้อเย็นก่อน ..” พอมันวางสายจากน้องชายของมันแล้ว มันก็หันมาบอกผมแล้วก็เดินเข้าห้องครัวไปเลย ซึ่งบรรยากาศระหว่างผมกับมัน ผมรู้สึกได้เลยว่าแม่งอึมครืมเชี่ยๆ

                หลังจากมิสเทคมันทำมื้อเย็นจนเรียบร้อย เราสองคนก็ต่างคนก็ต่างกินไม่ยอมพูดยอมจา จนกระทั่งอาหารในจานมันหมดลง ผมเลยอาสาเป็นคนเก็บล้างทั้งของตัวเองและของมันอย่างยินดี ซึ่งมิสเทคมันเองก็ไม่ปฏิเสธความต้องการของผม เพราะมันทิ้งจานข้าวของมันไว้บนโต๊ะไม้สีขาวสะอาดตา ส่วนตัวของมันก็เดินเงียบหายไปที่ไหนสักแห่งในบ้านหลังนี้
                พอทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆจนเสร็จ ผมก็เดินหามันจนทั่วบ้าน กะจะเคลียร์กันให้มันจบๆไป จะได้ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใส่กันแบบนี้ และในที่สุดผมก็หามันจนเจอ ..
เพราะบ้านผมมันก็เล็กแค่นี้ ถ้าหาไม่เจอนี่แสดงว่ามันหอบผ้าหอบผ่อนหนีกูไปแล้วนะนั่น ..

ไอ้มิสเทคมันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าสระว่ายน้ำขนาดย่อมกลางบ้าน ที่สามารถมองเห็นดาวบนฟ้าได้อย่างชัดเจนเนื่องจากพื้นที่บริเวณสระว่ายน้ำบ้านผมไม่ได้มุงหลังคาเอาไว้ เราเพียงแค่อาศัยตัวบ้านสร้างความเป็นส่วนตัวเท่านั้น และเอกลักษณ์ของบ้านนี้ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือภาพจำลองท้องทะเลขนาดใหญ่ตรงริมสระเบื้องหน้านั่น ที่มันเนรมิตให้เราเหมือนกับยืนอยู่บนผืนทรายเนียนละเอียดไปพร้อมๆกับเฝ้ามองธรรมชาติอันสวยงาม ซึ่งมันขาดก็เพียงแต่เสียงคลื่นเท่านั้นที่ๆบ้านของเรามันไม่มี เพราะถ้าเกิดมันมีเสียงคลื่นขึ้นมานะ บ้านกูนี่กลายสภาพเป็นบ้านพักริมทะเลไปเลย ..
ผมล่ะนึกขอบคุณโจวอาราจริงๆที่ไม่บ้าจนถึงขั้นนั้น ..

ผมยืนมองไอ้มิสเทคอยู่ตรงริมประตูทางเข้าสระว่ายน้ำที่มันเชื่อมต่อกับตัวบ้านอยู่พักใหญ่ ซึ่งรอบตัวของมันในตอนนี้จะมีก็แต่แสงจันทร์เท่านั้นที่คอยให้ความสว่าง เพราะมิสเทคมันไม่ได้คิดจะจุดเทียนหอมเหมือนอย่างพี่อารา หรืออย่างใครๆก็ตามที่เข้ามาใช้พื้นที่ในบริเวณนี้ ..
มิสเทคมันยืนนิ่งมองอะไรสักอย่างในมือของมันอยู่นาน ส่งผลให้ขาของผมมันก็ก้าวไม่ออกตามไปด้วย เพราะมันเหมือนกับว่าในตอนนี้ระหว่างผมกับมันกำลังมีแผ่นกระจกบางใสที่ไม่อาจมองเห็นมาขวางกั้นอยู่

ต๋อม ..

ผืนน้ำสงบนิ่งในสระว่ายน้ำขนาดย่อมกระเพื่อมตัวเป็นวงกว้าง เมื่อมิสเทคมันโยนอะไรสักอย่างลงไป แต่จากนั้นไม่นานนัก มิสเทคมันก็รีบกระโดดลงไปงมหาของสิ่งนั้นอยู่นานสองนาน
                และเมื่อมันหาสิ่งที่มันต้องการได้แล้ว มันก็วางของสิ่งนั้นลงบนขอบสระ แล้วก็ท้าวแขนมองจ้องมันด้วยรอยยิ้ม ซึ่งผมเห็นแล้วก็นึกอยากจะยิ้มตามมันไปด้วย ขณะที่ในอกของผมมันก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ..
เพราะของที่ว่านั่น มันคือพวงกุญแจทรายเรืองแสงที่ผมเป็นคนซื้อให้มันเองกับมือ ..
               
                ผมอาศัยจังหวะที่มิสเทคมันกำลังมองเหม่อ ค่อยๆหย่อนตัวเองลงในสระและค่อยๆดำน้ำเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว โดยที่คนที่กำลังเหม่อมองพวงกุญแจทรายเรืองแสงท่ามกลางความเงียบสงบในตอนกลางคืน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ณ ตอนนี้เจ้าของพวงกุญแจพวงนั้น กำลังขยับเข้ามาใกล้ตัวมันทุกทีแล้ว ..
                “อ๊ะ” ทันทีที่ผมโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มิสเทคมันก็สะดุ้งอย่างตกใจ แต่ก็ไม่สามารถหนีผมไปไหนได้ เพราะผมกำลังโอบกอดมันเอาไว้ทั้งตัว โดยที่สองฝ่ามือของผมกำลังกอบกุมฝ่ามือของมันที่กำลังโอบล้อมพวงกุญแจทรายเรืองแสงเอาไว้อีกชั้น ..

                “มึงอย่าน้อยใจกูเลยนะ ที่กูพูดมันไม่ได้หมายความว่ากูไม่เชื่อมึง เพียงแต่กูแค่ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ไอ้พี่ฮีชอลมันต้องมาบีบมึง เพราะตอนนี้สถานการณ์ของมึงน่ากำลังอยู่ในช่วงใช้ให้คุ้มซะมากกว่า ..ส่วนลูกน้องของมึงมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องคอยช่วยนั่นช่วยนี่ให้งานของแผนกมันสำเร็จผลไม่ใช่เหรอวะ กูถึงได้บอกมึงไงว่าบางทีมึงอาจจะคิดมากไป” ผมวางปลายคางเกยลงบนลาดไหล่ของไอ้มิสเทค พลางพูดอธิบายขยายความข้างๆใบหูของมันอย่างแผ่วเบา ..
               

                “อีกไม่นานมึงก็จะออกจากที่นี่แล้ว กูก็แค่อยากให้มึงสนุกกับงานของตัวเองให้เต็มที่ เพราะกูไม่อยากให้มึงคิดมากแค่นั้นเอง .. และอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้มึงอยากอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะมึงรักแบรนด์ของพี่กูไม่ใช่เหรอ ? ถ้ามึงเอาแต่คิดว่าคนนั้นคนนี้ไม่พอใจมึงอย่างนั้นอย่างนี้ มึงจะไปมีความสุขได้ยังไง ?
                ...

               
                “ตั้งแต่คบกับมึง กูก็อยากอยู่ใกล้ๆมึง อยากมีมึงอยู่ด้วยในทุกช่วงชีวิต แถมมึงยังทำให้กูเป็นน้องจอมทรยศ และมึงยังทำให้กูเหมือนเป็นเด็กไม่รู้จักโตอีกด้วย มึงรู้ตัวไหมมิสเทค ?” ผมถามไอ้มิสเทคพลางหอมซอกคอและลาดไหล่อันเปียกชื้นของมันไปด้วย
                “งั้นมึงก็ให้กูยกเลิกใบลาออกสิ ..” มิสเทคมันพูดเสียงแผ่วพลางยื่นข้อเสนอบางอย่างกับผม

                “ไม่มีทาง กูบอกมึงแล้วไงว่ากูยอมให้มึงไปอยู่บริษัทอื่นดีกว่ายอมให้มึงลดตำแหน่งตัวเองจนไร้ความก้าวหน้าเพื่อกู ..
                “กูก็ไม่ได้ทำเพื่อมึงไปหมดทุกอย่างนี่ มึงก็แค่มองข้ามอะไรที่มันเกี่ยวกับมึงไปสิ ..” มิสเทคมันเถียง

                “ถึงกูจะทำเป็นมองข้าม แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าเหตุผลของมึงมันมีกูเข้ามาเกี่ยวด้วย ..ฉะนั้นทางเดียวที่มึงจะสามารถทำได้ ถ้าเกิดมึงอยากทำงานอยู่ภายใต้บริษัทของพี่กู .. มึงก็แค่รับโอกาสจากพี่กูซะ .. กูบอกแล้วไง ถ้ามึงเลือกข้อนี้ยังไงกูก็ยอมมึง ถึงแม้กูจะไม่เต็มใจก็เถอะ ..
                “ก็เพราะกูไม่อยากเลือกข้อนี้ไง กูถึงได้ยอมลาออกตามที่มึงบอกให้กูทำ เพราะมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ในเมื่อกูเองก็ไม่อยากอยู่ห่างจากมึงเหมือนกัน ..” ทันทีที่มิสเทคมันพูดจบ ผมก็กดริมฝีปากลงบนข้างแก้มอันเปียกชื้นของมันไปหนึ่งที ..

“มึงทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตคนเดียวซะที่ไหน กูเองก็ด้วยที่เป็นเหมือนมึง ..” มิสเทคมันเถียงเสียงค่อย แต่ไม่รู้ทำไมการเถียงของมันในครั้งนี้ถึงได้ดูไม่อ้อนตีน แต่ยิ่งอ้อนให้ผมรักมันมากขึ้น

                “ทีหลังเวลากูทำตัวไม่ได้ดั่งใจ มึงอย่าไปทำลายข้าวของที่กูให้เลย มันไม่ผิดสักหน่อย .. อยากสั่งสอนมึงก็มาสั่งสอนที่กูนี่ ..” ผมกอดมิสเทคมันให้แน่นขึ้น ขณะที่ใบหน้าของผมก็ซุกเข้าหาความหอมละมุนตรงซอกคอของมันไปด้วย
                “กูจะจำเอาไว้แล้วกัน ..” มิสเทคมันตอบเพียงแค่นั้น แล้วมันก็เงียบไป ส่วนผมก็ค่อยๆพลิกตัวของมันให้หันหน้ามาหาผม จากนั้นผมก็ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของมันอย่างแผ่วเบา และค่อยๆจูบซับริมฝีปากอวบอิ่มของมันอย่างเพลิดเพลิน ..

                เป็นเวลาเนิ่นนานที่บทจูบของเราสองคนยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน ขณะที่ความอบอุ่นมันก็ปกคลุมไปทั่วกายของเรา จนซึมซับไปถึงใจ ส่งผลให้รสจูบยิ่งทวีความหนักหน่วงมากขึ้น ..
เมื่อเราต่างคนต่างก็ถลำลึกต่อห้วงแห่งความรู้สึกของตัวเองในขณะนี้..

ผมทั้งจูบทั้งไล่ต้อนไอ้มิสเทคให้จนมุม เมื่อความต้องการมันเริ่มจุดติดขึ้น จนกระทั่งผมล็อคตัวของมันไว้ตรงขั้นบันไดเล็กๆตรงริมสระได้ ผมก็เริ่มโอบกอดรอบเอวของมันไว้ พลางแทรกตัวเข้าแนบชิดตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของมัน เพื่อที่ผมจะได้มอบรสจูบอันลึกล้ำได้มากขึ้น ..
                ขณะที่ผิวกายของเรายามเมื่อสัมผัสเสียดสีกัน ต่อให้มีเสื้อผ้าอาภรณ์มาคอยขวางกั้น มันก็ไม่อาจฉุดรั้งความต้องการของเราที่มันเริ่มจะทวีคูณมากขึ้นได้ เมื่อเนื้อผ้าอันเปียกชุ่มมันแนบรั้งไปกับผิวกายของเราสองคนจนเสื้อผ้าพวกนั้นมันแทบจะไม่มีความหมายใดๆเลย ..
                เพราะถึงอย่างไรแล้ว เราก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของกันและกันได้อยู่ดี ..

                “มึงชอบอยู่บ้านกูหรือคอนโดมากกว่ากัน ?” หลังจากที่มอบรสจูบจนมิสเทคมันแทบจะขาดอากาศหายใจ ผมก็ผละริมฝีปากออกห่างจากกลีบปากของมัน มาเคล้อคลออยู่ข้างๆใบหูเล็ก พลางชวนคุยเพื่อลดทอนความหน้าบางของมันไปด้วย เพราะตอนนี้แม้แต่เหล้าสักหยดก็ไม่ตกถึงท้องมัน ฉะนั้นความเขินอายของมันย่อมมีอยู่มาก ..
                “อื้ม ....คอนโด ..” มิสเทคมันเริ่มเสียงสั่นและตอบคำถามอย่างขาดห้วง เมื่อปลายลิ้นของผมเริ่มไล้วนตรงช่วงหูของมันเล่น พลางขบเม้มเย้าหยอกอย่างที่ชอบทำกับมันทุกครั้ง เพราะอารมณ์ของมิสเทคมันจะจุดติดง่ายมาก เมื่อผมเริ่มปลุกเร้ามันด้วยสัมผัสวาบหวามตรงจุดอ่อนไหวบนร่างกายตรงส่วนแรกของมัน ..

                “ทำไม ? ไหนมึงบอกบ้านกูน่าอยู่ไง ?” ผมยังคงถามมันต่อไป พลางล็อคใบหน้าของมันไม่ให้ขยับหนีสัมผัสที่ผมตั้งใจปรนเปรอให้ ส่งผลให้มันเริ่มใช้ช่วงล่างขยับหนีแทน แต่ก็ไม่อาจทำได้มากนัก เมื่อช่วงตัวของผมกำลังขวางกั้นความต้องการของมันอยู่ และยิ่งมันดีดดิ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกวาบหวามในอกมากเท่านั้น ..
                “อื้อ .. แต่คอนโดมึง .. มันยังทำให้กูรู้สึก .. เหมือนได้อยู่บ้าน .. มากกว่าที่นี่ ..” มิสเทคมันตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเมื่อมันกำลังถูกผมปลุกเร้าอย่างหนักหน่วงขึ้น และคำตอบของมันก็ยิ่งส่งผลให้ผมรู้สึกหมั่นเขี้ยวมันขึ้นมา ผมก็เลยผละใบหน้าออกห่างจากข้างใบหู เพื่อมาจูบปิดปากของมันด้วยสัมผัสที่รุนแรงขึ้นกว่าทีแรก จากนั้นผมก็ขบเม้มกลีบปากล่างของมันเพื่อส่งปลายลิ้นเข้าไปทักทายความหอมหวานภายในอีกครั้ง และเมื่อมันยินยอมตอบรับสัมผัสจากผมแล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะเกี่ยวกระหวัดรัดรึงเรียวลิ้นของเราให้หลอมรวมเป็นหนึ่ง ..
                ขณะที่ฝ่ามือของผมมันก็เริ่มอยู่นิ่งไม่ไหว ผมจึงลากไล้ปลายนิ้วไปทั่วผิวกายนุ่มมือของมันภายใต้ร่างของผมอย่างเชื่องช้า สร้างความซ่านเสียวให้กับมิสเทคมันได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อตัวของมันเริ่มบดเบียดเข้าหาลำตัวของผมให้แนบชิดขึ้น ส่งผลให้ช่วงล่างของเราถึงคราวต้องเสียดสีกันอย่างแนบสนิทยิ่งกว่าวินาทีแรก ..
จากนั้นระหว่างเรามันก็มากเกินกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้

“กูจะกอดมึงให้ถนอมที่สุดเลยมิสเทค ..” ผมดันช่วงตัวให้ไอ้มิสเทคมันให้ขยับเข้าไปใกล้กับขอบสระมากขึ้น ทำให้ครึ่งตัวของมันอยู่เหนือน้ำและอีกครึ่งตัวของมันอยู่ใต้น้ำ จากนั้นผมก็ค่อยๆโน้มตัวเองเข้าแนบชิดกับมันอีกครั้ง และใช้วงแขนเป็นหมอนรองศีรษะของมันด้วย พร้อมกับค่อยๆกระซิบด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าหวานที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในความดูแลอย่างเต็มที่ ...
“อื้ม ..” มิสเทคมันตอบรับเสียงอู้อี้ในลำคอ พลางหันหน้าหลบสายตาของผมที่กำลังทอดมองมันอยู่ ..

“ถ้ามึงอายไม่กล้ามองหน้ากู มึงดูดาวแทนก็ได้ ก็ไม่หึงดาวหรอก .. ” ผมเสนอวิธีแก้เขินให้มัน เพราะดูเหมือนมันจะไม่รู้วิธีการเอาตัวรอดจากความเขินไปซะแล้ว มันถึงได้นอนสสงบนิ่งภายใต้ร่างของผม ขณะที่ใบหน้าของมันก็ทำได้แค่หันหน้าหนี ซึ่งวิธีนั้นมันจะช่วยให้ความเขินอายมันหายไปจนตลอดรอดฝั่งหรือไง ?
“อืม ..” มิสเทคมันตอบรับผมในลำคออีกแล้ว แต่ใบหน้าของมันก็ยังไม่ยอมขยับตามคำแนะนำ เห็นอย่างนั้นผมก็เลยฉวยโอกาสอันดีนี้หอมแก้มมันซะเลย ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ก็ไม่รู้ ถ้าเป็นตอนปกติมันคงจะด่ากูว่าประสาทไปแล้ว
และถ้าเป็นตอนปกติของกูก่อนจะมีเซ็กส์ กูก็คงไม่ใจเย็น มานั่งมองความน่ารักของใครแบบมันหรอก..

พอเป็นมัน ทำไมผมต้องทำตัวอ่อนโยนทุกครั้งในเวลาที่เรากำลังจะเป็นหนึ่งเดียวกันก็ไม่รู้ แค่เห็นมันหน้าแดงเพราะความเขิน หัวใจมันก็สูบฉีดอย่างบ้าคลั่งไปแล้ว ยิ่งบางครั้งมันเป็นฝ่ายเข้าหาผมด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้มันใจกล้า ผมก็ยิ่งพ่ายแพ้ให้กับมันที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็คงไม่มีทางชนะ..
เพราะผมยอมมันได้ทุกอย่าง ..
ต่อให้เสียฟอร์ม ผมก็ยอมได้ ..

“อื้อ ..อึก ..” ผมจัดการปลดกระดุมเม็ดเล็กด้วยมือข้างเดียวอย่างทุลักทุเล จนกระทั่งเหลือเพียงแค่เม็ดสุดท้าย ไม่นานนักเสื้อเชิ้ตแบบพอดีตัวของไอ้มิสเทคมันก็ลดความเป็นทางการลงไปได้ ..
เมื่อเสื้อผ้าของมันในขณะนี้กำลังหลุดรุ่ยเสียจนเผยให้เห็นผิวขาวสวยที่กำลังต้องสะท้อนกับแสงจันทร์ให้ยิ่งน่าหลงใหล ผมจึงค่อยๆก้มหน้าลงฝากฝังร่องรอยสีกลีบกุหลาบลงบนผิวเนื้อของมันอย่างต้องมนต์สะกด ..

สัมผัสอุ่นชื้นจึงแต่งแต้มไปทั่วผิวขาวราวกับน้ำนมของมันครั้งแล้วครั้งเล่าแทบจะทุกซอกทุกมุม สลับกับร่องรอยสีกลีบกุหลาบที่มันเพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ส่งผลให้เสียงครางหวาน ครวญก้องไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ผมก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้นเพราะฝ่ามือของผมมันเริ่มจะไต่ระดับต่ำลงจากช่วงเอวมาจนถึงขอบกางเกงสแลคขาวยาว เพื่อปลดเปลื้องเนื้อผ้าอันเกะกะให้หลุดพ้นออกจากร่างกายขาวนุ่มของมันอย่างทุลักทุเล ..
เมื่อผมไม่ได้อยากจะชื่นชมความหอมหวานเพียงแค่ช่วงบนอีกต่อไป ..

“อ๊ะ ..อื้อ ..อ๊า ..” ผมรั้งตัวไอ้มิสเทคให้ตั้งตรง จากนั้นผมก็ดันช่วงตัวของมันให้ขึ้นไปนั่งบนริมสระ ขณะที่ขาทั้งสองขาของมันยังคงวางแช่อยู่ภายใต้ผิวน้ำ โดยที่มีช่วงตัวของผมกำลังขวางกั้นขาทั้งสองข้างของมันอยู่ จากนั้นผมก็เริ่มปรนเปรอสัมผัสอุ่นร้อนชวนหวามไหวให้มันด้วยริมฝีปากของผมเอง ..
ร่างกายขาวผ่องของมันที่ไม่มีผิวน้ำคอยบดบังจึงบิดเร้าอย่างเสียวซ่าน เมื่อสัมผัสของผมกำลังเล่นงานมันอย่างหนักหน่วง เสียงครางครวญกระสันจึงทวีความดังมากยิ่งขึ้น

“ค..คยู ....กูมองดาว อื้อ ..ไม่ได้แล้ว .. อ๊า .. มึง ....อย่า ..ไม่เอา ..อึก .. กู ..อาย ..” มิสเทคมันพูดไม่ได้ศัพท์เมื่อผมยังไม่เลิกปรนเปรอมันอย่างต่อเนื่อง
“อ๊ะ ..อื้อ .. .. หยุด ..เถอะ ..อึก ..” มิสเทคมันค่อยๆประคองใบหน้าของผมให้ละความสนใจจากส่วนอ่อนไหวของมันอย่างบังคับนิดๆ ผมก็เลยต้องยอมละห่างจากความหอมหวานของมันอย่างแสนเสียดาย และเมื่อสายตาของผมสบเข้ากับดวงตาของมัน ผมก็เห็นความเก้อเขินปรากฏขึ้นในนั้น อีกทั้งใบหน้าของมันยังแดงซ่านเสียจนมันแทบจะสุกไหม้ เห็นอย่างนั้นผมก็อดสงสารมันไม่ได้ เพราะเมื่อครู่ผมเริ่มขาดสติมากขึ้นทุกที ทุกทีแล้ว ..

“มึงถอดให้กูนะ ..” ผมรั้งมิสเทคให้มาแนบชิดกันภายใต้ผิวน้ำอีกครั้ง เพราะผมกำลังยอมอ่อนข้อให้มันแบบพบกันคนละครึ่งทาง ฉะนั้นช่วงล่างของเราที่กำลังแนบชิดกันอยู่จึงถูกปกปิดด้วยผิวน้ำยามค่ำคืน ส่งผลให้มองเห็นเพียงแค่เงาเลือนราง ..
“กูทนไม่ไหวแล้วมิสเทค กูอยากกอดมึงมากกว่านี้ .. มึงถอดให้กูนะ .. กูอยากให้มึงถอดให้กูบ้าง ..” ผมออดอ้อนมันด้วยการจูบซับไปทั่วใบหน้าของมัน เพียงแค่นั้นมิสเทคมันก็ทนไม่ได้ที่จะนิ่งเงียบไม่ทำตามความต้องการของผม เห็นอย่างนั้นผมจึงจัดการเสื้อเชิ้ตตัวบางแนบเนื้อของไอ้มิสเทคให้หลุดพ้นจากกรอบสายตาของผมทันที
                เราสองคนจะได้อยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์แบบ ..

                ผมกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น เพื่อที่เนื้อตัวของเราสองคนจะได้แนบชิดกันมากขึ้นอีกนิด จากนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งของผมก็เริ่มลากไล้ต่ำลงตามช่วงแนวสะโพกไปจนถึงช่วงขาของไอ้มิสเทคที่มันแตะกับพื้นกระเบื้องภายใต้สระน้ำขนาดย่อม แล้วจึงเกี่ยวกระหวัดช่วงขาข้างนั้นให้วาดแนบชิดข้างตัวของผมอย่างรวดเร็ว โดยที่มืออีกข้างก็ต้องโอบประคองช่วงเอวของมันให้มั่นคงขึ้นด้วย..
                “แบบนี้กูจะดูดาวตามที่มึงแนะนำได้ยังไง ..” มิสเทคมันซบหน้าลงกับลาดไหล่ของผม พลางตัดพ้อต่อว่าผมเบาๆ ขณะที่มันก็โอบกอดรอบลำคอของผมเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยเช่นกัน ..

                “พออยู่ตรงนั้นมึงก็อายกูเหลือเกินนี่ กูถึงต้องพามึงมากอดตรงนี้ .. เอาเหล้าไหมมิสเทค ? มึงจะได้ไม่ต้องเขินกูไงแถมยังช่วยอะไรๆให้กูได้ตื่นตัวอีกต่างหาก ..” ผมกระซิบเสียงแผ่วอย่างยั่วเย้า พลางขบเม้มติ่งหูของมันให้เนื้อตัวได้สั่นซ่าน ขณะที่ปลายนิ้วของผมมันเริ่มจะคืบคลานเข้าไปสัมผัสทักทายกับความอุ่นร้อนบริเวณช่วงล่างของมันแล้ว ..
                “อึก .. อ๊ะ ..อื้อ .. ..คยู ..” ทันทีที่ปลายนิ้วของผมเข้าไปสัมผัสทักทายกับความอุ่นร้อนภายในส่วนไวสัมผัสของมันแล้ว เรี่ยวแรงของมันที่ก็แทบจะไม่มี ก็ยิ่งไม่มีเข้าไปอีก ผมเลยต้องประคองร่างทั้งร่างของมันให้แน่นขึ้นเพื่อที่มันจะยังสามารถหยัดยืนอยู่ภายใต้ผิวน้ำได้ต่อไป ..
                แต่ถึงอย่างนั้น ส่วนอ่อนไหวของเราที่มันแตะสัมผัสกัน ก็เริ่มเข้าใกล้เขตอันตรายมากกว่าทุกสัดส่วนบนร่างกายเมื่อ ณ ตอนนี้ความอึดอัดคับแน่นมันเริ่มเข้ามาทักทายมากขึ้นทุกขณะ ผมจึงไม่รอช้าที่จะบดเบียดกายเข้าแนบชิดกับมิสเทคมันมากขึ้น ขณะที่ด้านหลังของมันเองก็ถูกปรนเปรอสัมผัสชวนหวั่นไหวให้ไม่ขาด ..

                “อืม ..อ่า ..มิสเทค ..” เสียงครางทุ้มต่ำของผมดังผสมปนเปไปกับเสียงครางหวานของมิสเทคอย่างสุขสม เมื่อเราต่างก็ปรนเปรอความสุขให้กันและกันอย่างไม่คิดจะสนใจเวลานาทีว่ามันผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว ..
                “ถ้ามึงชอบ มึงก็เก็บเอาไว้ดีๆนะ มึงอย่าทิ้งมันอีก ..” หลังจากปรนเปรอสร้างความพร้อมให้มิสเทคมันจนได้ที่แล้ว ผมก็ไล่ต้อนมิสเทคมันให้จนมุมตรงริมขอบสระ ทำให้ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าพวงกุญแจทรายเรืองแสงที่ผมเป็นคนซื้อให้มันเองกับมือ ได้ถูกเจ้าของและคนที่ซื้อมันไว้ทอดทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี ..

                “อ๊ะ ..อ๊า ..” มิสเทคมันพยักหน้าตอบรับอย่างน่ารัก จากนั้นมันก็คว้าพวงกุญแจของรักของหวงของมันมาไว้ในครอบครอง ซึ่งมันพอดีกับผมที่ค่อยๆส่งตัวตนเข้าผมเข้ามาทักทายกับความอุ่นร้อนภายในกายของมันเข้าพอดี เสียงหวานใสที่เกิดจากความกระสันก็ดังขึ้นอย่างห้ามปรามไม่อยู่ ..
                “จ..เจ็บ ..อื้อ ..อึก ..” มิสเทคมันแนบหน้ากับริมขอบสระ พลางกำพวงกุญแจในมือของมันเอาไว้แน่น และพยายามจะผลักดันช่วงตัวของผมให้ถอยห่างจากส่วนหวามไหวของมัน ..

                “มึงเจ็บมากไหม ? กูขอโทษ กูลืมไปว่ากูไม่ได้ใช้ตัวช่วย ..” ผมหยุดการเคลื่อนไหวพลางถามมันอย่างห่วงใย ส่วนริมฝีปากของผมก็คอยจูบปลอบโยนทั่วใบหน้าของมันไปด้วย เมื่อสีหน้าของมันที่หันมาร้องขอผมมันบ่งบอกได้ว่าความคับแน่นของผมกำลังเล่นงานช่วงล่างของมันจนสาหัส ..
                “ต..ต่อเถอะ ..” หลังจากที่ทุกอย่างไร้การเคลื่อนไหวมาเนิ่นนาน มิสเทคมันก็ออกปากอนุญาตผมที่กำลังโอบกอดมันเอาไว้ด้วยความเกร็ง เนื่องจากความต้องการมันค่อยๆทรมานผมมากขึ้นทุกทีๆ แล้วไหนจะความกลัวว่าหากผมขยับตัวสักนิด มิสเทคมันก็อาจจะเจ็บได้ ผมก็เลยกอดมันด้วยความเกร็งอยู่แบบนั้น ..

                “มึงแน่ใจนะ ?” ผมถามมันอีกครั้ง ใจนึกอยากหยุดกิจกรรมระหว่างผมกับมันไว้เพียงแค่นี้ หรือถ้าอยากจะต่อจริงๆ ผมว่ารอใช้ตัวช่วยก็น่าจะดีกว่า ..
                “อืม .. มึงทำต่อเถอะ ..” มิสเทคมันเอื้อมมือมาคล้องคอผมอยู่ยืนซ้อนด้านหลังของมันไว้ พลางหันหน้ามาจูบซับกลีบปากของผมเบาๆ เพื่อบอกกลายๆว่ามันต้องการผมแล้ว ..
                และต้องการมากกว่านี้ ..

                “อ๊ะ ..อ๊า ..อืม ..อื้อ ..อ๊าาาาาาาาาา” เสียงครางหวานอย่างเสียวซ่านของมันยังคงดังก้องสลับกับเสียงครางทุ้มต่ำของผมอย่างสุขสม ขณะที่จังหวะร้อนรักของเรายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวกระสัน ..
            จังหวะรักของเราจึงถูกเปลี่ยนมือผู้คุมเกมอย่างกะทันหัน
               
                ตุ้บ!

                เสียงอะไรบางอย่างที่มันล่วงหล่นลงกับพื้น บริเวณประตูทางเข้าที่เชื่อมต่อกับตัวบ้านและสระว่ายน้ำ ส่งผลให้จังหวะร้อนรักระหว่างผมกับมันต้องหยุดลงอย่างขาดห้วงด้วยเพราะความตกใจ ..
                แต่เมื่อกรอบสายตามันปรากฏร่างของผู้ที่ทำให้เกิดเสียง เราสองคนก็แทบจะผละตัวออกห่างจากกันในทันที ทั้งๆที่ความต้องการยังคงครุกครุ่นจนทั่วร่าง ..

                “แม่ ..
               

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
 

ปั่นมาราธอนเลย คึคึคึ เหตุการณ์ตื่นเต้นมาแล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงโปรดติดตาม แล้วไหนจะเรื่องลาออกของมิสเทคอีก แล้วนี่ยังมาโดนปีศาจหัวแดงของคยูใช้งานหนักอีก มิสเทคเอ้ยงานหนักใจยังมีให้ได้ขบคิดกันต่อไป สำหรับตอนนี้หวังว่ามันจะหวานและเห็นถึงความรักของคนสองคนเหมือนเคย 
ปล. ตอนนี้เราปลดแบนไปได้หนึ่งตอนแล้ว ว่าจะลองปลดอีกสองตอนถ้าสำเร็จก็อาจกันแบบเดิมเนอะ รอลุ้นกันต่อไป ซึ่งเราตัดคำหยาบคายที่เขาคิดว่าหยาบจนรูปประโยคมันเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร ไว้คงต้องให้ตามมาอ่านในบล็อคเฉพาะตอนนั้นๆเหมือนกับฉากตัดซะแล้ว T^T
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น