วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

[Fic KyuMin] Mistake 38

Mistake



Mistake 38

                เมื่อเศษแก้วจากเทียนหอมดีไซน์สวยที่ผมกับมิสเทคช่วยกันเลือกมาให้คุณแม่เพื่อเป็นของคู่กันกับคุณพ่อ มันตกลงกับพื้นและแตกกระจายเป็นวงกว้าง ผมก็ตาลีตาเหลือกรีบตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำโดยที่ผมเองก็ลืมไปว่าตัวผมไม่มีอะไรปกปิดอยู่เลย ซึ่งมันก็พอดีกับคุณพ่อและพี่อาราที่เดินเข้ามาบริเวณสระว่ายน้ำตรงนี้พอดี ผมก็เลยไม่ต้องโชว์โง่ให้ใครเห็น ..
                “ไหนพี่สาวแกบอกว่าตอนนี้แกทำตัวดีขึ้นแล้ว แต่พอลับหลังพวกเรา แกก็แอบมาทำตัวเหลวไหลแบบเดิมเหรอ คยู ? แม่เสียใจจริงๆ เสียใจที่แกทำตัวน่าอับอายไม่เลิกแบบนี้ ..” คุณแม่ต่อว่าผมพลางปาดน้ำตาด้วยความเสียใจกับพฤติกรรมของผมที่ไม่ต่างจากแต่ก่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่คนอื่นๆในบ้านก็ทำได้แค่ยืนเงียบและคอยปลอบคุณแม่อยู่ใกล้ๆเท่านั้น ..

                “เคยเห็นหัวกันบ้างไหมว่าพวกเราจะรู้สึกยังไงที่แกพาใครต่อใครมานอนด้วยที่นี่ ? กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่พวกเราขอร้องแกให้หยุดทำตัวแบบนี้ แต่แกก็ไม่เคยเชื่อ ..” หลังจากที่แม่เงียบไปเพราะเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น พ่อก็พูดขึ้นมาบ้าง และยังมองไปที่ไอ้มิสเทคด้วยสายตาดูถูก ซึ่งมันทำเอาผมสะอึกจนพูดไม่ออก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมสะทกสะท้านกับสายตาแบบนั้นที่มองมายังคนที่ผมคบด้วย ..
               

                “คนอย่างแกแค่ไม่มีหางก็คงเอาได้หมดสินะ .. ฉันล่ะเหนื่อยใจกับแกจริงๆ” ผมเจ็บเหมือนถูกมีดกรีดลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับคำพูดเหล่านั้นของคนในครอบครัว ยิ่งมองย้อนกลับไปถึงพฤติกรรมเก่าก่อนของตัวเอง ผมก็ยิ่งเสียใจที่ทำอะไรไม่นึกถึงจิตใจของพ่อแม่หรือพี่สาวของตัวเองเลย ในตอนนั้นผมกลับเอาแต่นึกถึงความสุขของตัวเอง ..
และความสุขชั่วครั้งชั่วคราวแบบนั้นมันก็หวนกลับมาทำร้ายคนรักของผมในเวลานี้ ..

                “ทุกคนจะดุจะด่าผมยังไงก็ได้ ผมยอมรับ เพราะผมเคยเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว .. ถ้าทุกคนยังเหนื่อยใจกับผม .. ผมก็เสียใจที่ผมยังลบพฤติกรรมพวกนั้นออกไปจากสายตาของพ่อกับแม่ไม่ได้ .. แต่ผมขอร้องอย่างนึงได้ไหม พ่อกับแม่ได้โปรดอย่ามองซองมินมันแบบนั้น เพราะมันไม่เหมือนกับคนอื่นที่ผมเคยพามานอนด้วย” ผมใจสั่นเมื่อผมได้ยินเสียงสะอื้นเพราะความตื่นตระหนกของไอ้มิสเทค ผมก็เลยร้องขอพ่อและแม่ พร้อมกับพยายามเอาตัวเองมาบดบังร่างของไอ้มิสเทคมันเอาไว้ มันจะได้ไม่ต้องทนมองสายตาดูถูกแบบนั้น ..

                “เด็กคนนี้เป็นคนรักของน้องจริงๆนะคะ หนูสาบานได้ .. ที่น้องมันหายหน้าหายตาไป ไม่ใช่ว่าน้องมันไปทำตัวเหลวไหลที่ไหน .. เชื่อหนูสิคะ หนูไม่เคยโกหกพ่อกับแม่เลยนะคะ .. อย่าโกรธน้องมันเลยนะ วันนี้น้องมันก็แค่ขาดสติเท่านั้น ต่อไปมันคงไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้อีกแล้ว อย่าโกรธกันเลยนะ ..” พี่อาราพยายามควบคุมสถานการณ์โดยการบอกสถานะของไอ้มิสเทคให้พ่อกับแม่ของผมรับรู้ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้สถานการณ์ในขณะนี้มันดีขึ้น..
                “กี่ครั้งแล้วล่ะที่แกแก้ตัวแทนมันแบบนั้น แล้วสุดท้ายเป็นยังไง .. เห็นไหมวันนี้มันก็ยังทำตัวไม่ต่างจากทุกครั้งที่มันพาใครต่อใครเข้ามานอนที่นี่ .. คนรักเหรอ ? อาราแกแนะนำคนรักของน้องแกมากี่คนแล้ว สุดท้ายก็ไม่ต่างกับคู่นอน พอเถอะอาราพ่อไม่อยากฟังให้ปวดหัวอีกแล้ว มันจะจริงจังไปได้สักกี่น้ำกัน.. ” ผมนึกอยากหยุดเวลาเอาไว้เพียงแค่นี้ เพราะผมไม่อยากให้มิสเทคมันได้ยินได้ฟังพฤติกรรมทุเรศๆแบบนั้นของผมอีก ผมกลัวมันเจ็บ ถึงมันจะบอกว่าไม่แคร์ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่รู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่ได้ยิน ..

                ” พี่อาราถึงเงียบไปทันที เมื่อพ่อหยิบยกเอาเรื่องเก่าๆมาพูด
                “เรื่องนั้นผมไม่มีคำแก้ตัว เพราะผมผิดเอง..แต่เรื่องของมัน ผมแค่อยากให้ทุกคนรับรู้ไว้ว่าผมจริงจัง เพราะคำว่าคนรักของผมที่ใช้กับมันไม่ใช่ในสถานะคู่นอน และที่ผมพามันมาที่นี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพามาทำเรื่องแบบนั้นเหมือนกับหลายคนๆที่ผมเคยเรียกว่าแฟน เพราะสำหรับมันผมตั้งใจจะพามาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จัก .. แต่ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่คงยังไม่พร้อมจะรู้จักมันเท่าไหร่ ไว้โอกาสหน้าเราจะหาเวลามาทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้งนะครับ ..ถึงเวลานั้นผมหวังว่าทุกคนจะเอ็นดูมันบ้างนะ ..” ผมโค้งคำนับให้พ่อกับแม่ที่กำลังจะเดินออกไปจากบริเวณนี้ พลางพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำทั้งๆที่ในใจของผมมันกำลังเจ็บและคิดมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ตาม ..
               
                “เป็นเรื่องเลยแก ทำไมไม่ไปทำอะไรแบบนี้ในที่ที่มันมิดชิดหน่อย บอกไม่เคยจำเลย แกนี่มันน่าตีจริงๆ แล้วทีนี้จะทำยังไง แฟนแกภาพลักษณ์ติดลบไปแล้ว ..” พี่อาราเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่อยู่ในตู้ข้างๆที่อาบน้ำล้างตัว แล้วก็ส่งมาให้ผมกับไอ้มิสเทคคนละตัว จากนั้นก็รีบยืนหันหลังรอให้ผมกับมิสเทคมันขึ้นมาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
                “เฮ้อ .. ไม่รู้ว่ะ เครียดจนหัวจะระเบิดแล้ว ..” ผมถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก พลางกอดพี่สาวของตัวเองไว้ ซึ่งถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ กูโดนตีหัวแตกไปแล้วที่เอาตัวเปียกๆไปกอดแบบนั้น แถมยังพูดวะโว้ยใส่อีก ..

                “ก็สมควร ทำอะไรไม่รู้จักคิด ไงล่ะแกเซอร์ไพร์สเหนาะๆเลย ..
                “เซอร์ไพร์สแบบนี้ไม่เอาอ่ะ หัวใจจะวาย ..” ผมตอบพลางกอดพี่สาวตัวเองอย่างออดอ้อน เพราะตอนนี้พี่อาราคือคนเดียวในครอบครัวที่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้ผมได้ ..

                “ซองมินนายเองก็อย่าคิดมากนะ เรื่องแบบนี้ชวนให้บ้านแตกมาหลายรอบแล้ว แต่ไอ้น้องบ้ามันไม่เคยจำเลยไง..” พี่อาราสะบัดตัวผมให้ยอมปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ จากนั้นพี่สาวร่างบางก็เดินไปลูบหัวปลอบโยนไอ้มิสเทคที่ผมเผลอปล่อยให้มันยืนเงียบๆเหงาๆมาสักพักใหญ่
                “ครับ ..” มิสเทคมันยิ้มบางๆทั้งๆที่ตามันยังแดงอยู่

                “ไม่ต้องห่วงหรอก แค่ได้ยินคำว่าผมจริงจังหลุดออกมาจากปากของมัน ไม่นานอะไรๆมันก็น่าจะดีขึ้น ต้องให้เวลาพวกท่านทำใจกับหลายๆเรื่องนะ..” พี่อารายังคงขยี้หัวมิสเทคมันอยู่แบบนั้น ส่วนมิสเทคมันเองก็ยืนนิ่งยินยอมรับสัมผัสแห่งความเอ็นดูนั้นแต่โดยดี ..
                “ครับ ..

                “แล้วก็เรื่องลาออกพี่ไม่ขออนุมัติได้ไหม ? ยังไงก็ช่วยกลับไปคิดกันอีกครั้งนะว่าจะยอมอยู่ในตำแหน่งแบบนี้ต่อไป หรือว่าจะยอมรับโอกาสของพี่ .. บอกตรงๆว่าพี่เสียดายพนักงานแบบนายนะซองมิน ..พี่อยากให้พวกนายคิดดีๆ เพราะถึงยื่นใบลาออกไป เราสองคนจะแน่ใจได้ยังไงว่าอนาคตจะไม่ต้องมีใครย้ายไปประจำตำแหน่งที่ไหนอีก มันคงไม่โอเค ถ้าหากจะยื่นใบลาออกไปเรื่อยๆแบบนี้ พี่เชื่อว่าคงไม่มีใครใจดีหยิบยื่นโอกาสให้เราเหมือนอย่างพี่หรอก เรื่องของธุรกิจถ้าเกิดเขาไม่ต้องการใครแล้ว ย่อมไม่มีคำว่าโอกาสให้ใครเห็นหรอกนะ .. แผนกนั้นที่พี่ลองเสนอให้นายกลับไปคิดดู เพราะพี่เชื่อว่าคนละเอียดลออแบบนายคงจะทำให้สาขามีระบบระเบียบมากขึ้น .. ซึ่งฮีชอลมันทำไม่ได้หรอก พี่ถึงได้เลือกนายมาทำตำแหน่งนี้ และให้ฮีชอลมันเข้าไปทำตำแหน่งของนายแทน เพราะความคิดของมันหลากหลายและเปิดกว้าง รวมถึงประสบการณ์ของมันเองก็เป็นประโยชน์กับบริษัทของพี่ .. ส่วนคยู อนาคตแผนกแกจะต้องมีใครสักคนย้ายไปอยู่แผนกอื่น เพราะคนของแผนกแกมันล้นจนเกินความจำเป็น ซึ่งฉันเลือกแก เพราะฉันอยากให้แกเป็นผู้ช่วยซองมิน และฉันอยากให้แกช่วยดูเรื่องฟาร์มมุกให้ด้วย .. ไม่มีใครได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเสมอไปหรอก .. ก่อนจะปฏิเสธช่วยหุบปากและเอากลับไปคิดให้ดี .. อีกอย่างถ้าไม่มีแก เพื่อนแกก็จะได้แสดงความสามารถมากกว่านี้ .. ” มิสเทคมันนิ่งเงียบและตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่ของผมพูดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แต่กับผมที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าผมเองก็ถูกวางตัวให้ไปอยู่ในตำแหน่งนั้นด้วย ก็เริ่มออกอาการเถียงขึ้นมาทันที เพราะผมชอบงานไอที ไม่ชอบงานที่ต้องใช้ความละเอียดละออนั่น
                “ฝากเอากลับไปคิดเป็นการบ้านนะ อาทิตย์หน้ามาให้คำตอบด้วย ..” พี่อาราตบไหล่ของผมกับไอ้มิสเทคคนละทีสองทีแล้วก็เดินหายเข้าไปในบ้าน และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับไม้กวาดและที่โกยขยะ เพื่อเก็บเศษแก้วที่ใช้บรรจุเทียนหอมดีไซน์เก๋ที่มันกระจัดกระจายให้เรียบร้อย..

                “ทำไมมันมีแต่เรื่องให้กูต้องคิดเยอะแยะแบบนี้วะ กูปวดกะบาล” ผมยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ เพราะวันนี้อะไรๆมันก็ประเดประดังเข้ามาหาผมเหลือเกิน ..
                “พอมาคิดๆดูแล้ว ที่พี่มึงพูดมันก็ถูก .. กูว่ากูจะยกเลิกใบลาออกของกูนะ” มิสเทคมันจับมือของผมไว้ พลางบอกเล่าการตัดสินใจของมันให้ผมรู้

                “แล้วกูล่ะ ..
                “กูเคารพการตัดสินใจของมึง .. เพราะมันคงถึงเวลาที่เราสองคนจำเป็นต้องโตขึ้นกว่านี้ ..” มิสเทคมันยิ้มบางๆ แม้ว่าในรอยยิ้มของมันจะยังมีความไม่สบายใจหลงเหลืออยู่ก็เถอะ ..

                “ถ้าการตัดสินใจของกู มันทำให้เพื่อนกูก้าวหน้าขึ้น แล้วได้อยู่กับมึงด้วย กูยอมทิ้งสิ่งที่กูชอบก็ได้ .. กูเพิ่งเคยรักใครเป็น ฉะนั้นกูขอโตแค่ครึ่งเดียวนะ เพราะยังไงกูก็ไม่อยากอยู่ห่างจากมึงอยู่ดี ..” ผมบอกพลางยกยิ้มให้มันเป็นครั้งแรก หลังจากที่เกิดเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตเมื่อครู่
                ” มิสเทคมันส่ายหัวแก้เก้อ แล้วก็เดินนำผมเข้าไปตรงมุมอาบน้ำที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้

                “ขอโทษนะที่กูทำให้พ่อกับแม่มองมึงด้วยสายตาแบบนั้น ..” ผมยืนพิงประตูห้องอาบน้ำ พลางมองไอ้มิสเทคที่จุดเทียนหอมให้ความสว่างอย่างตั้งใจ
                “ไม่เป็นไร .. มาอาบน้ำกันเถอะ ..” มิสเทคมันตอบ พลางเดินไปยืนหลบมุมเพื่อถอดผ้าคลุมอาบน้ำออก แต่ยังไงซะผมก็ยังเห็นผิวขาวๆที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกลีบกุหลาบอย่างชัดเจน
แต่ภาพสวยงามตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้ผมเกิดปฏิกิริยาใดๆอย่างที่มันเคยเป็นสักนิด ..

                “กูรักมึงนะ .. มึงอย่ารังเกลียดพฤติกรรมไม่ดีของกูแต่ก่อนนะมิสเทค ..” ผมเดินเข้าไปสวมกอดมันอย่างเป็นกังวล เพราะวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มิสเทคมันได้รับฟังเรื่องราวในอดีตของผมว่ามันเน่าเฟะแค่ไหน ..
                “มึงบอกกูเองว่าคยูฮยอนคนนั้นมันตายไปแล้ว กูคงไม่มีวันเกลียดคนที่กำลังกอดกูอยู่ตอนนี้หรอก ..” มิสเทคมันลูบหัวผมเบาๆ ผมก็เลยยิ่งซุกใบหน้าและลำตัวเข้าหามันอย่างต้องการที่พึ่ง เพราะผมตอนนี้กำลังอ่อนแอและกำลังเสียใจกับเรื่องที่พ่อกับแม่พูดมากถึงมากที่สุด ..

                “มึง..
                “หืม ?” มิสเทคมันถามในลำคอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนผมต้องกอดมันให้แน่นขึ้นอีก เพราะอย่างน้อยหัวใจมันก็ยังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอยู่บ้าง ..

                “กูเจ็บว่ะ คำพูดและน้ำเสียงของพ่อกับแม่ มันทำให้ใจกูเหมือนกับถูกมีดกรีดเลย ..
                ” มิสเทคมันไม่ได้พูดอะไร เพราะมันทำเพียงแต่ลูบหัวผมที่กำลังกอดมันไว้จากข้างหลังต่อไป ..

                “กูไม่น่าขาดสติเลย กูน่าจะคิดได้ว่ามันหลายครั้งแล้วที่กูโดนว่าเพราะเรื่องนี้ .. เพียงแต่ว่ามันไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่พ่อกับแม่จะพูดกับกูตรงๆแบบนี้ ..” หลังจากที่อดกลั้นมานาน สุดท้ายน้ำตาของผมก็ไหลออกมาจากขอบตาจนได้
               

                “กูเสียดายเวลา ถ้าตอนนั้นกูชอบมึงมากเหมือนตอนนี้ กูคงมีหัวคิดและไม่ทำตัวแบบนั้นให้พวกท่านเสียใจซ้ำๆซากๆ .. กูมันคนหัวรั้น ยิ่งใครบอกอะไรกูยิ่งไม่ฟัง สุดท้ายมันก็เลยสะสมจนระเบิดออกมาแบบนี้ ..
               

                “ถ้าตอนนั้นกูรักมึง มันก็คงจะดี เพราะมึงคือคนเดียวที่ทำให้กูอยู่ในกรอบได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไร .. ถ้ากูคิดได้เร็วกว่านี้ พ่อกับแม่ก็คงไม่เสียใจและผิดหวังเพราะกู แล้วมึงก็คงไม่ถูกมองไม่ดีแบบนี้ ..” ผมพูดวกวนซ้ำไปซ้ำมา เอาเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวโยงกันมาพูดจนมั่วไปหมด เพราะตอนนี้ในหัวของผมมันตื้อไปหมด
ผมทั้งเสียใจ ทั้งเกลียดตัวเอง จนแทบแยกไม่ออกแล้วว่าความรู้สึกแบบไหนที่มันมีมากกว่ากัน ..
               
                “แค่ได้แอบมองมึง มันก็ทำให้กูตกหลุมรักมึงแล้ว .. มึงไม่เหมือนคนอื่น มึงไม่ควรถูกมองแบบนั้น .. กูเสียใจ .. เพราะกูมันก็ดีแต่ทำให้มึงและคนรอบข้างรู้สึกแย่ ..” ผมยังคงพร่ำบ่นอย่างคนคิดมากต่อไป
                “มึงเป็นคนอบอุ่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หืม ?” มิสเทคมันหันหน้าเข้ามากอดผมไว้ โดยเอาหน้าซุกกับแผ่นอกเปลือยเปล่าของผม เนื่องจากผมไม่ได้แต่งตัวให้มันมิดชิดอะไรนัก

                “ตั้งแต่เจอมึงมั้ง ..
                “คงงั้น .. มึงเลิกคิดมากได้แล้ว แบบนี้ไม่สมกับเป็นมึงเลย ..” มิสเทคมันประคองสองข้างแก้มของผม จากนั้นก็ดึงเนื้อตรงข้างแก้มของผมและส่ายไปส่ายมาจนหน้าผมงับยู่ยี่ไปหมด

                “สัส กูเจ็บนะโว้ย!” ผมโวยวาย พลางถอยห่างจากไอ้มิสเทคแทบจะทันที
                “ช่างมึงสิ มาอาบน้ำเร็วๆจะได้เข้านอน ..” มิสเทคมันหัวเราะ แล้วก็สั่งผมเสียงเข้ม แหม่ .. พอมั่นใจว่ากูทำอะไรมึงตรงนี้ไม่ได้ มึงถึงกับกล้าชวนกูอาบน้ำเลยนะ ..

                “ไม่เอา .. กูยังอยากกอดมึงอยู่ ..” ผมถอดเสื้อคลุมออกแล้วก็รีบเดินเข้าไปสวมกอดมันที่กำลังหันหลังเอาหน้ารองรับน้ำจากฝักบัวทันที
                “มึงไม่กลัวพ่อกับแม่มึงด่าอีกหรือไง ?” มิสเทคมันตีหัวผม แถมยังถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบอีกต่างหาก

                “กูหมายถึงกอดเฉยๆ ไอ้สัส เจอแบบนั้นอารมณ์กูกระเจิดกระเจิงหมดแล้ว แค่กอดกันแบบนี้ยังเสี่ยงเลย .. แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ขอกูเติมกำลังใจหน่อยเถอะ เมื่อกี้กูขวัญหนีดีฝ่อหมดแล้ว ..
                “อืม .. มึงอย่าคิดมากนะ อย่างที่พี่มึงบอกว่าเราต้องให้เวลาพวกท่าน ถ้าพ่อกับแม่มึงอารมณ์เย็นลงแล้ว ไม่นานพวกท่านก็น่าจะมองเห็นได้เองว่าจริงๆแล้วมึงเลิกทำตัวแบบนั้นมานานแล้ว .. เรื่องแนะนำกูกับที่บ้านของมึง ถ้าจะช้าไปอีกหน่อย ก็ไม่เป็นไรหรอก ..” ผมพลิกตัวพิงแผ่นหลังกับกำแพงหินอ่อน พร้อมกับกอดมิสเทคที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเปลือยเปล่าเอาไว้ให้แน่นที่สุด พร้อมกับหอมข้างแก้มของมันไปเรื่อย เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้บ้าง..
               
                “ซองมิน .. กูรักมึงนะ .. มึงได้ยินเสียงหัวใจกูไหม มันรู้สึกเหมือนที่ปากกูพูดเลยนะเว้ย ..” ผมปิดน้ำจากฝักบัว เพื่อให้มันฟังเสียงหัวใจของผมเอง เพราะลึกๆแล้วผมกำลังกลัวว่ามันจะไม่เชื่อคำพูดของผม
                “อืม .. กูได้ยิน .. และกูเองก็รักมึง เหมือนกับที่ไอ้ชินดงมันสักให้กูเหมือนกัน ..มึงรู้ไหม ตั้งแต่กูยอมเสี่ยงกับมึง กูก็ไม่เคยเสียใจเพราะมึงเลย .. ทุกอย่างมันเกินจากที่กูคาดเดาไปหมด ..” มิสเทคมันพูดพลางหันหน้ามาหาผมและยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างของมันให้ผมดูอีกครั้ง ทั้งๆที่ปกติมันจะหวงนักหวงหนา

                “อย่าไปลบมันออกนะมิสเทค .. แล้วก็ไม่ต้องไปสักเพิ่มด้วย กูไม่ชอบ .. กูยอมให้มึงได้แค่สองลายนี้ ..” ผมคว้าข้อมือของมันไว้ พลางจูบลงบนปลายนิ้วของมันทั้งสองข้าง มิสเทคมันก็เลยออกอาการขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด
                “อ..อืม ....ปล่อย กูจะใส่เสื้อคลุม ..” มิสเทคมันสะบัดมือออกจากการจับกุมของผมราวกับโดนของร้อน พลางพูดเสียงสั่นๆอย่างคนวางตัวไม่ถูก

                “มิสเทค .. ที่ตอนนี้กูยังยิ้มได้อยู่ จริงๆมันเป็นเพราะมึงนะ..” ผมกอดอกยกยิ้มพลางมองมันที่กำลังสู้สายตาของผมไม่ไหวด้วยแววตาที่ อืม .. จะว่ายังไงดี .. เอ็นดูมันล่ะมั้ง
                “รีบๆแต่งตัวเลยไอ้สัส ..” มิสเทคมันหายตัวไปยืนแอบอยู่ตรงหน้าทางเข้าห้องอาบน้ำริมสระ พลางส่งเสียงด่าให้ได้คลายเครียดเล่น

                “ครับๆ กูจะรีบแต่งตัวแล้วพามึงไปกินนมนอนเดี๋ยวนี้เลย .. โอ๊ย! ไอ้เชี่ยนี่ มึงโยนซากเทียนหอมใส่กูทำไม สัส กูเจ็บ ..” ผมบ่นพลางด่ามันไปด้วยอย่างเหลืออด
                “เรื่องของมึง เร็วๆ .. กูง่วง ..” พอแต่งตัวจนเรียบร้อยด้วยความเร็วสูง ผมก็รีบจูบปิดปากมันทันที เพราะเสียงของมันน่ะดังรบกวนคนกำลังจะหลับจะนอน ..
ช่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจเลยนะมึงเนี่ย

                “กลับบ้านมึงกันดีไหม ? กูกลัวกูร้องไห้ว่ะ ถ้าเกิดว่าพรุ่งนี้พ่อกับแม่โกรธจนไม่คุยกับกูขึ้นมาจริงๆ .. กูคงทำใจไม่ได้ ..” หลังจากที่ผมถอนริมฝีปากออกมาจากกลีบปากของมันแล้ว ผมก็ถามความเห็นของมัน พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมัน และมันคงจะเห็นแววตาที่แสดงถึงความกังวลจากนัยน์ตาของผม มิสเทคมันถึงได้ลูบหัวผมแล้วก็พยักหน้าเบาๆ เราสองคนก็เลยช่วยกันเก็บเศษซากแห่งความหฤหรรษ์นั่นให้เรียบร้อย..
โดยที่มิสเทคมันเองก็ไม่ลืมที่จะเก็บพวงกุญแจทรายเรืองแสงของมันที่วางทิ้งเอาไว้ริมสระ ใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาวของมันด้วย แล้วจากนั้นผมกับมันก็รีบเดินขึ้นห้องไปช่วยกันจัดเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย และแยกเสื้อเปียกๆของเราสองคนที่ไปสอยขึ้นมาจากสระใส่ลงในถุงพลาสสติกหนึ่งใบ ..
แล้วผมกับมันถึงค่อยสลับกันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำส่วนตัวของผม..

และก่อนจะออกไปจากที่นี่ ผมก็ไม่ลืมจะทิ้งโน้ตเอาไว้ว่าผมเสียใจและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้ และผมก็ไม่ลืมจะบอกรักทุกคนในครอบครัวของผมด้วย ซึ่งการบอกรักผ่านกระดาษโน้ตในครั้งนี้ ถือเป็นการบอกความรู้สึกของผมให้คนในครอบครัวรับรู้เป็นครั้งแรก
แม้ว่ามันจะดูน่าขัดเขินไปสักหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าผมไม่เคยพูดมันออกไปล่ะนะ ..

และสิ่งสุดท้ายที่ผมจะลืมไม่ได้เลยก็คือ ของขวัญที่ผมกับไอ้มิสเทคตั้งใจไปเลือกซื้อมาให้ทุกคน ผมอยากให้ทุกคนรับมันไว้ จะใช้หรือไม่ใช้ผมไม่ว่า ส่วนของแม่ที่มันตกแตกไปแล้ว ผมจะไปหาซื้อมาให้ใหม่ เมื่อถึงตอนนั้น ผมก็คงจะเลิกรู้สึกผิดกับตัวเองแล้ว และมันคงไม่ยากที่ผมจะพามิสเทคมันมามอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับแม่พร้อมกับแนะนำมันว่าคนคนนี้คือคนรักของผมด้วยตัวเองอีกครั้ง ..
สุดท้าย..ต่อให้ผมยิ้มได้เพราะมัน ..
แต่ลึกๆแล้วผมก็ยังคิดกังวลและนึกโทษตัวเองอยู่ดีที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจแบบนี้ ..



<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
   
เพี้ยนอ่วมเลยจ่ะ อาการหนักกว่าตอนที่เสียใจเพราะทำร้ายมิสเทคเยอะอยู่ ดราม่าฟิคเราไม่เคยมีอยู่จริง กรั่กๆ แต่อย่าลืมว่ายังมีมนุษย์เซอึนอยู่ นางไปทำงานของนางนานแล้ว ควรกลับมาได้หรือยัง 5555

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 มีนาคม 2558 เวลา 22:12

    เพี้ยนเอ้ยยยยย งานเข้าเลยไง ทำอะไรประเจิดประเจ้้อ ถ้าไม่ใช่ตรงนี้ก็ไม่มีเรื่องแล้วมะ ? เพี้ยนอดฟินเลยไง 5555

    พี่อารานางมีแผนดีๆแต่นางไม่บอกนี่เอง ปล่อยน้องเครียดจนลาออก เฮ้ออ โล่งอกไป :)

    Yuii

    ตอบลบ
  2. เซอึนเหรอ อย่ามาเลยยยยย แค่นี้ก็สางสารมิสเทคจะแย่แล้ว

    ตอบลบ