Mistake
Mistake 38
เมื่อเศษแก้วจากเทียนหอมดีไซน์สวยที่ผมกับมิสเทคช่วยกันเลือกมาให้คุณแม่เพื่อเป็นของคู่กันกับคุณพ่อ
มันตกลงกับพื้นและแตกกระจายเป็นวงกว้าง ผมก็ตาลีตาเหลือกรีบตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำโดยที่ผมเองก็ลืมไปว่าตัวผมไม่มีอะไรปกปิดอยู่เลย
ซึ่งมันก็พอดีกับคุณพ่อและพี่อาราที่เดินเข้ามาบริเวณสระว่ายน้ำตรงนี้พอดี
ผมก็เลยไม่ต้องโชว์โง่ให้ใครเห็น ..
“ไหนพี่สาวแกบอกว่าตอนนี้แกทำตัวดีขึ้นแล้ว
แต่พอลับหลังพวกเรา แกก็แอบมาทำตัวเหลวไหลแบบเดิมเหรอ คยู ? แม่เสียใจจริงๆ
เสียใจที่แกทำตัวน่าอับอายไม่เลิกแบบนี้ ..”
คุณแม่ต่อว่าผมพลางปาดน้ำตาด้วยความเสียใจกับพฤติกรรมของผมที่ไม่ต่างจากแต่ก่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะที่คนอื่นๆในบ้านก็ทำได้แค่ยืนเงียบและคอยปลอบคุณแม่อยู่ใกล้ๆเท่านั้น ..
“เคยเห็นหัวกันบ้างไหมว่าพวกเราจะรู้สึกยังไงที่แกพาใครต่อใครมานอนด้วยที่นี่
? กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่พวกเราขอร้องแกให้หยุดทำตัวแบบนี้
แต่แกก็ไม่เคยเชื่อ ..”
หลังจากที่แม่เงียบไปเพราะเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น พ่อก็พูดขึ้นมาบ้าง
และยังมองไปที่ไอ้มิสเทคด้วยสายตาดูถูก ซึ่งมันทำเอาผมสะอึกจนพูดไม่ออก
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมสะทกสะท้านกับสายตาแบบนั้นที่มองมายังคนที่ผมคบด้วย ..
“…”
“คนอย่างแกแค่ไม่มีหางก็คงเอาได้หมดสินะ
.. ฉันล่ะเหนื่อยใจกับแกจริงๆ” ผมเจ็บเหมือนถูกมีดกรีดลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กับคำพูดเหล่านั้นของคนในครอบครัว ยิ่งมองย้อนกลับไปถึงพฤติกรรมเก่าก่อนของตัวเอง ผมก็ยิ่งเสียใจที่ทำอะไรไม่นึกถึงจิตใจของพ่อแม่หรือพี่สาวของตัวเองเลย
ในตอนนั้นผมกลับเอาแต่นึกถึงความสุขของตัวเอง ..
และความสุขชั่วครั้งชั่วคราวแบบนั้นมันก็หวนกลับมาทำร้ายคนรักของผมในเวลานี้
..
“ทุกคนจะดุจะด่าผมยังไงก็ได้ ผมยอมรับ เพราะผมเคยเป็นแบบนั้นจริงๆ
แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว .. ถ้าทุกคนยังเหนื่อยใจกับผม
.. ผมก็เสียใจที่ผมยังลบพฤติกรรมพวกนั้นออกไปจากสายตาของพ่อกับแม่ไม่ได้
.. แต่ผมขอร้องอย่างนึงได้ไหม พ่อกับแม่ได้โปรดอย่ามองซองมินมันแบบนั้น
เพราะมันไม่เหมือนกับคนอื่นที่ผมเคยพามานอนด้วย”
ผมใจสั่นเมื่อผมได้ยินเสียงสะอื้นเพราะความตื่นตระหนกของไอ้มิสเทค
ผมก็เลยร้องขอพ่อและแม่ พร้อมกับพยายามเอาตัวเองมาบดบังร่างของไอ้มิสเทคมันเอาไว้
มันจะได้ไม่ต้องทนมองสายตาดูถูกแบบนั้น ..
“เด็กคนนี้เป็นคนรักของน้องจริงๆนะคะ หนูสาบานได้ .. ที่น้องมันหายหน้าหายตาไป ไม่ใช่ว่าน้องมันไปทำตัวเหลวไหลที่ไหน ..
เชื่อหนูสิคะ หนูไม่เคยโกหกพ่อกับแม่เลยนะคะ .. อย่าโกรธน้องมันเลยนะ วันนี้น้องมันก็แค่ขาดสติเท่านั้น ต่อไปมันคงไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้อีกแล้ว
อย่าโกรธกันเลยนะ ..”
พี่อาราพยายามควบคุมสถานการณ์โดยการบอกสถานะของไอ้มิสเทคให้พ่อกับแม่ของผมรับรู้ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้สถานการณ์ในขณะนี้มันดีขึ้น..
“กี่ครั้งแล้วล่ะที่แกแก้ตัวแทนมันแบบนั้น แล้วสุดท้ายเป็นยังไง ..
เห็นไหมวันนี้มันก็ยังทำตัวไม่ต่างจากทุกครั้งที่มันพาใครต่อใครเข้ามานอนที่นี่
.. คนรักเหรอ ? อาราแกแนะนำคนรักของน้องแกมากี่คนแล้ว
สุดท้ายก็ไม่ต่างกับคู่นอน พอเถอะอาราพ่อไม่อยากฟังให้ปวดหัวอีกแล้ว มันจะจริงจังไปได้สักกี่น้ำกัน..
” ผมนึกอยากหยุดเวลาเอาไว้เพียงแค่นี้ เพราะผมไม่อยากให้มิสเทคมันได้ยินได้ฟังพฤติกรรมทุเรศๆแบบนั้นของผมอีก
ผมกลัวมันเจ็บ ถึงมันจะบอกว่าไม่แคร์ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่รู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่ได้ยิน
..
“…” พี่อาราถึงเงียบไปทันที
เมื่อพ่อหยิบยกเอาเรื่องเก่าๆมาพูด
“เรื่องนั้นผมไม่มีคำแก้ตัว
เพราะผมผิดเอง..แต่เรื่องของมัน ผมแค่อยากให้ทุกคนรับรู้ไว้ว่าผมจริงจัง
เพราะคำว่าคนรักของผมที่ใช้กับมันไม่ใช่ในสถานะคู่นอน และที่ผมพามันมาที่นี่
ผมไม่ได้ตั้งใจจะพามาทำเรื่องแบบนั้นเหมือนกับหลายคนๆที่ผมเคยเรียกว่าแฟน เพราะสำหรับมันผมตั้งใจจะพามาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จัก
.. แต่ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่คงยังไม่พร้อมจะรู้จักมันเท่าไหร่
ไว้โอกาสหน้าเราจะหาเวลามาทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้งนะครับ ..ถึงเวลานั้นผมหวังว่าทุกคนจะเอ็นดูมันบ้างนะ ..” ผมโค้งคำนับให้พ่อกับแม่ที่กำลังจะเดินออกไปจากบริเวณนี้
พลางพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำทั้งๆที่ในใจของผมมันกำลังเจ็บและคิดมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ตาม
..
“เป็นเรื่องเลยแก ทำไมไม่ไปทำอะไรแบบนี้ในที่ที่มันมิดชิดหน่อย
บอกไม่เคยจำเลย แกนี่มันน่าตีจริงๆ แล้วทีนี้จะทำยังไง แฟนแกภาพลักษณ์ติดลบไปแล้ว ..” พี่อาราเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่อยู่ในตู้ข้างๆที่อาบน้ำล้างตัว แล้วก็ส่งมาให้ผมกับไอ้มิสเทคคนละตัว
จากนั้นก็รีบยืนหันหลังรอให้ผมกับมิสเทคมันขึ้นมาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“เฮ้อ .. ไม่รู้ว่ะ เครียดจนหัวจะระเบิดแล้ว ..” ผมถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก พลางกอดพี่สาวของตัวเองไว้
ซึ่งถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ กูโดนตีหัวแตกไปแล้วที่เอาตัวเปียกๆไปกอดแบบนั้น
แถมยังพูดวะโว้ยใส่อีก ..
“ก็สมควร ทำอะไรไม่รู้จักคิด ไงล่ะแกเซอร์ไพร์สเหนาะๆเลย ..”
“เซอร์ไพร์สแบบนี้ไม่เอาอ่ะ
หัวใจจะวาย ..” ผมตอบพลางกอดพี่สาวตัวเองอย่างออดอ้อน เพราะตอนนี้พี่อาราคือคนเดียวในครอบครัวที่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้ผมได้
..
“ซองมินนายเองก็อย่าคิดมากนะ เรื่องแบบนี้ชวนให้บ้านแตกมาหลายรอบแล้ว แต่ไอ้น้องบ้ามันไม่เคยจำเลยไง..” พี่อาราสะบัดตัวผมให้ยอมปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ
จากนั้นพี่สาวร่างบางก็เดินไปลูบหัวปลอบโยนไอ้มิสเทคที่ผมเผลอปล่อยให้มันยืนเงียบๆเหงาๆมาสักพักใหญ่
“ครับ ..”
มิสเทคมันยิ้มบางๆทั้งๆที่ตามันยังแดงอยู่
“ไม่ต้องห่วงหรอก
แค่ได้ยินคำว่าผมจริงจังหลุดออกมาจากปากของมัน ไม่นานอะไรๆมันก็น่าจะดีขึ้น
ต้องให้เวลาพวกท่านทำใจกับหลายๆเรื่องนะ..” พี่อารายังคงขยี้หัวมิสเทคมันอยู่แบบนั้น
ส่วนมิสเทคมันเองก็ยืนนิ่งยินยอมรับสัมผัสแห่งความเอ็นดูนั้นแต่โดยดี ..
“ครับ ..”
“แล้วก็เรื่องลาออกพี่ไม่ขออนุมัติได้ไหม
? ยังไงก็ช่วยกลับไปคิดกันอีกครั้งนะว่าจะยอมอยู่ในตำแหน่งแบบนี้ต่อไป
หรือว่าจะยอมรับโอกาสของพี่ .. บอกตรงๆว่าพี่เสียดายพนักงานแบบนายนะซองมิน
..พี่อยากให้พวกนายคิดดีๆ เพราะถึงยื่นใบลาออกไป
เราสองคนจะแน่ใจได้ยังไงว่าอนาคตจะไม่ต้องมีใครย้ายไปประจำตำแหน่งที่ไหนอีก
มันคงไม่โอเค ถ้าหากจะยื่นใบลาออกไปเรื่อยๆแบบนี้
พี่เชื่อว่าคงไม่มีใครใจดีหยิบยื่นโอกาสให้เราเหมือนอย่างพี่หรอก
เรื่องของธุรกิจถ้าเกิดเขาไม่ต้องการใครแล้ว ย่อมไม่มีคำว่าโอกาสให้ใครเห็นหรอกนะ ..
แผนกนั้นที่พี่ลองเสนอให้นายกลับไปคิดดู เพราะพี่เชื่อว่าคนละเอียดลออแบบนายคงจะทำให้สาขามีระบบระเบียบมากขึ้น
.. ซึ่งฮีชอลมันทำไม่ได้หรอก พี่ถึงได้เลือกนายมาทำตำแหน่งนี้
และให้ฮีชอลมันเข้าไปทำตำแหน่งของนายแทน เพราะความคิดของมันหลากหลายและเปิดกว้าง
รวมถึงประสบการณ์ของมันเองก็เป็นประโยชน์กับบริษัทของพี่ .. ส่วนคยู
อนาคตแผนกแกจะต้องมีใครสักคนย้ายไปอยู่แผนกอื่น เพราะคนของแผนกแกมันล้นจนเกินความจำเป็น
ซึ่งฉันเลือกแก เพราะฉันอยากให้แกเป็นผู้ช่วยซองมิน
และฉันอยากให้แกช่วยดูเรื่องฟาร์มมุกให้ด้วย .. ไม่มีใครได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเสมอไปหรอก
.. ก่อนจะปฏิเสธช่วยหุบปากและเอากลับไปคิดให้ดี .. อีกอย่างถ้าไม่มีแก เพื่อนแกก็จะได้แสดงความสามารถมากกว่านี้ .. ” มิสเทคมันนิ่งเงียบและตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่ของผมพูดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
แต่กับผมที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าผมเองก็ถูกวางตัวให้ไปอยู่ในตำแหน่งนั้นด้วย ก็เริ่มออกอาการเถียงขึ้นมาทันที
เพราะผมชอบงานไอที ไม่ชอบงานที่ต้องใช้ความละเอียดละออนั่น
“ฝากเอากลับไปคิดเป็นการบ้านนะ
อาทิตย์หน้ามาให้คำตอบด้วย ..”
พี่อาราตบไหล่ของผมกับไอ้มิสเทคคนละทีสองทีแล้วก็เดินหายเข้าไปในบ้าน และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับไม้กวาดและที่โกยขยะ
เพื่อเก็บเศษแก้วที่ใช้บรรจุเทียนหอมดีไซน์เก๋ที่มันกระจัดกระจายให้เรียบร้อย..
“ทำไมมันมีแต่เรื่องให้กูต้องคิดเยอะแยะแบบนี้วะ กูปวดกะบาล”
ผมยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ เพราะวันนี้อะไรๆมันก็ประเดประดังเข้ามาหาผมเหลือเกิน
..
“พอมาคิดๆดูแล้ว ที่พี่มึงพูดมันก็ถูก .. กูว่ากูจะยกเลิกใบลาออกของกูนะ”
มิสเทคมันจับมือของผมไว้ พลางบอกเล่าการตัดสินใจของมันให้ผมรู้
“แล้วกูล่ะ ..”
“กูเคารพการตัดสินใจของมึง .. เพราะมันคงถึงเวลาที่เราสองคนจำเป็นต้องโตขึ้นกว่านี้
..” มิสเทคมันยิ้มบางๆ
แม้ว่าในรอยยิ้มของมันจะยังมีความไม่สบายใจหลงเหลืออยู่ก็เถอะ ..
“ถ้าการตัดสินใจของกู มันทำให้เพื่อนกูก้าวหน้าขึ้น แล้วได้อยู่กับมึงด้วย
กูยอมทิ้งสิ่งที่กูชอบก็ได้ .. กูเพิ่งเคยรักใครเป็น ฉะนั้นกูขอโตแค่ครึ่งเดียวนะ
เพราะยังไงกูก็ไม่อยากอยู่ห่างจากมึงอยู่ดี ..”
ผมบอกพลางยกยิ้มให้มันเป็นครั้งแรก หลังจากที่เกิดเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตเมื่อครู่
“…” มิสเทคมันส่ายหัวแก้เก้อ
แล้วก็เดินนำผมเข้าไปตรงมุมอาบน้ำที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้
“ขอโทษนะที่กูทำให้พ่อกับแม่มองมึงด้วยสายตาแบบนั้น
..” ผมยืนพิงประตูห้องอาบน้ำ
พลางมองไอ้มิสเทคที่จุดเทียนหอมให้ความสว่างอย่างตั้งใจ
“ไม่เป็นไร .. มาอาบน้ำกันเถอะ ..” มิสเทคมันตอบ พลางเดินไปยืนหลบมุมเพื่อถอดผ้าคลุมอาบน้ำออก แต่ยังไงซะผมก็ยังเห็นผิวขาวๆที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกลีบกุหลาบอย่างชัดเจน
แต่ภาพสวยงามตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้ผมเกิดปฏิกิริยาใดๆอย่างที่มันเคยเป็นสักนิด
..
“กูรักมึงนะ .. มึงอย่ารังเกลียดพฤติกรรมไม่ดีของกูแต่ก่อนนะมิสเทค
..” ผมเดินเข้าไปสวมกอดมันอย่างเป็นกังวล
เพราะวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มิสเทคมันได้รับฟังเรื่องราวในอดีตของผมว่ามันเน่าเฟะแค่ไหน
..
“มึงบอกกูเองว่าคยูฮยอนคนนั้นมันตายไปแล้ว
กูคงไม่มีวันเกลียดคนที่กำลังกอดกูอยู่ตอนนี้หรอก ..”
มิสเทคมันลูบหัวผมเบาๆ ผมก็เลยยิ่งซุกใบหน้าและลำตัวเข้าหามันอย่างต้องการที่พึ่ง
เพราะผมตอนนี้กำลังอ่อนแอและกำลังเสียใจกับเรื่องที่พ่อกับแม่พูดมากถึงมากที่สุด ..
“มึง..”
“หืม ?”
มิสเทคมันถามในลำคอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนผมต้องกอดมันให้แน่นขึ้นอีก เพราะอย่างน้อยหัวใจมันก็ยังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอยู่บ้าง
..
“กูเจ็บว่ะ
คำพูดและน้ำเสียงของพ่อกับแม่ มันทำให้ใจกูเหมือนกับถูกมีดกรีดเลย ..”
“…” มิสเทคมันไม่ได้พูดอะไร
เพราะมันทำเพียงแต่ลูบหัวผมที่กำลังกอดมันไว้จากข้างหลังต่อไป ..
“กูไม่น่าขาดสติเลย กูน่าจะคิดได้ว่ามันหลายครั้งแล้วที่กูโดนว่าเพราะเรื่องนี้
.. เพียงแต่ว่ามันไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่พ่อกับแม่จะพูดกับกูตรงๆแบบนี้
..” หลังจากที่อดกลั้นมานาน สุดท้ายน้ำตาของผมก็ไหลออกมาจากขอบตาจนได้
“…”
“กูเสียดายเวลา ถ้าตอนนั้นกูชอบมึงมากเหมือนตอนนี้
กูคงมีหัวคิดและไม่ทำตัวแบบนั้นให้พวกท่านเสียใจซ้ำๆซากๆ .. กูมันคนหัวรั้น
ยิ่งใครบอกอะไรกูยิ่งไม่ฟัง สุดท้ายมันก็เลยสะสมจนระเบิดออกมาแบบนี้ ..”
“…”
“ถ้าตอนนั้นกูรักมึง มันก็คงจะดี
เพราะมึงคือคนเดียวที่ทำให้กูอยู่ในกรอบได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ..
ถ้ากูคิดได้เร็วกว่านี้ พ่อกับแม่ก็คงไม่เสียใจและผิดหวังเพราะกู
แล้วมึงก็คงไม่ถูกมองไม่ดีแบบนี้ ..” ผมพูดวกวนซ้ำไปซ้ำมา เอาเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวโยงกันมาพูดจนมั่วไปหมด
เพราะตอนนี้ในหัวของผมมันตื้อไปหมด
ผมทั้งเสียใจ
ทั้งเกลียดตัวเอง จนแทบแยกไม่ออกแล้วว่าความรู้สึกแบบไหนที่มันมีมากกว่ากัน ..
“แค่ได้แอบมองมึง มันก็ทำให้กูตกหลุมรักมึงแล้ว
.. มึงไม่เหมือนคนอื่น มึงไม่ควรถูกมองแบบนั้น .. กูเสียใจ
.. เพราะกูมันก็ดีแต่ทำให้มึงและคนรอบข้างรู้สึกแย่ ..” ผมยังคงพร่ำบ่นอย่างคนคิดมากต่อไป
“มึงเป็นคนอบอุ่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
หืม ?” มิสเทคมันหันหน้าเข้ามากอดผมไว้ โดยเอาหน้าซุกกับแผ่นอกเปลือยเปล่าของผม
เนื่องจากผมไม่ได้แต่งตัวให้มันมิดชิดอะไรนัก
“ตั้งแต่เจอมึงมั้ง ..”
“คงงั้น .. มึงเลิกคิดมากได้แล้ว
แบบนี้ไม่สมกับเป็นมึงเลย ..”
มิสเทคมันประคองสองข้างแก้มของผม จากนั้นก็ดึงเนื้อตรงข้างแก้มของผมและส่ายไปส่ายมาจนหน้าผมงับยู่ยี่ไปหมด
“สัส กูเจ็บนะโว้ย!” ผมโวยวาย
พลางถอยห่างจากไอ้มิสเทคแทบจะทันที
“ช่างมึงสิ มาอาบน้ำเร็วๆจะได้เข้านอน
..” มิสเทคมันหัวเราะ แล้วก็สั่งผมเสียงเข้ม แหม่ .. พอมั่นใจว่ากูทำอะไรมึงตรงนี้ไม่ได้
มึงถึงกับกล้าชวนกูอาบน้ำเลยนะ ..
“ไม่เอา .. กูยังอยากกอดมึงอยู่ ..” ผมถอดเสื้อคลุมออกแล้วก็รีบเดินเข้าไปสวมกอดมันที่กำลังหันหลังเอาหน้ารองรับน้ำจากฝักบัวทันที
“มึงไม่กลัวพ่อกับแม่มึงด่าอีกหรือไง
?” มิสเทคมันตีหัวผม แถมยังถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบอีกต่างหาก
“กูหมายถึงกอดเฉยๆ ไอ้สัส
เจอแบบนั้นอารมณ์กูกระเจิดกระเจิงหมดแล้ว แค่กอดกันแบบนี้ยังเสี่ยงเลย .. แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ขอกูเติมกำลังใจหน่อยเถอะ เมื่อกี้กูขวัญหนีดีฝ่อหมดแล้ว ..”
“อืม .. มึงอย่าคิดมากนะ
อย่างที่พี่มึงบอกว่าเราต้องให้เวลาพวกท่าน ถ้าพ่อกับแม่มึงอารมณ์เย็นลงแล้ว
ไม่นานพวกท่านก็น่าจะมองเห็นได้เองว่าจริงๆแล้วมึงเลิกทำตัวแบบนั้นมานานแล้ว ..
เรื่องแนะนำกูกับที่บ้านของมึง ถ้าจะช้าไปอีกหน่อย ก็ไม่เป็นไรหรอก ..” ผมพลิกตัวพิงแผ่นหลังกับกำแพงหินอ่อน
พร้อมกับกอดมิสเทคที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเปลือยเปล่าเอาไว้ให้แน่นที่สุด พร้อมกับหอมข้างแก้มของมันไปเรื่อย
เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้บ้าง..
“ซองมิน .. กูรักมึงนะ ..
มึงได้ยินเสียงหัวใจกูไหม มันรู้สึกเหมือนที่ปากกูพูดเลยนะเว้ย ..” ผมปิดน้ำจากฝักบัว เพื่อให้มันฟังเสียงหัวใจของผมเอง เพราะลึกๆแล้วผมกำลังกลัวว่ามันจะไม่เชื่อคำพูดของผม
“อืม .. กูได้ยิน ..
และกูเองก็รักมึง เหมือนกับที่ไอ้ชินดงมันสักให้กูเหมือนกัน ..มึงรู้ไหม ตั้งแต่กูยอมเสี่ยงกับมึง กูก็ไม่เคยเสียใจเพราะมึงเลย ..
ทุกอย่างมันเกินจากที่กูคาดเดาไปหมด ..” มิสเทคมันพูดพลางหันหน้ามาหาผมและยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างของมันให้ผมดูอีกครั้ง
ทั้งๆที่ปกติมันจะหวงนักหวงหนา
“อย่าไปลบมันออกนะมิสเทค .. แล้วก็ไม่ต้องไปสักเพิ่มด้วย
กูไม่ชอบ .. กูยอมให้มึงได้แค่สองลายนี้ ..” ผมคว้าข้อมือของมันไว้ พลางจูบลงบนปลายนิ้วของมันทั้งสองข้าง
มิสเทคมันก็เลยออกอาการขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด
“อ..อืม ..ป..ปล่อย กูจะใส่เสื้อคลุม ..”
มิสเทคมันสะบัดมือออกจากการจับกุมของผมราวกับโดนของร้อน
พลางพูดเสียงสั่นๆอย่างคนวางตัวไม่ถูก
“มิสเทค .. ที่ตอนนี้กูยังยิ้มได้อยู่
จริงๆมันเป็นเพราะมึงนะ..”
ผมกอดอกยกยิ้มพลางมองมันที่กำลังสู้สายตาของผมไม่ไหวด้วยแววตาที่ อืม .. จะว่ายังไงดี .. เอ็นดูมันล่ะมั้ง
“รีบๆแต่งตัวเลยไอ้สัส ..”
มิสเทคมันหายตัวไปยืนแอบอยู่ตรงหน้าทางเข้าห้องอาบน้ำริมสระ
พลางส่งเสียงด่าให้ได้คลายเครียดเล่น
“ครับๆ กูจะรีบแต่งตัวแล้วพามึงไปกินนมนอนเดี๋ยวนี้เลย
.. โอ๊ย! ไอ้เชี่ยนี่ มึงโยนซากเทียนหอมใส่กูทำไม สัส
กูเจ็บ ..” ผมบ่นพลางด่ามันไปด้วยอย่างเหลืออด
“เรื่องของมึง เร็วๆ .. กูง่วง ..” พอแต่งตัวจนเรียบร้อยด้วยความเร็วสูง ผมก็รีบจูบปิดปากมันทันที
เพราะเสียงของมันน่ะดังรบกวนคนกำลังจะหลับจะนอน ..
ช่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจเลยนะมึงเนี่ย …
“กลับบ้านมึงกันดีไหม ? กูกลัวกูร้องไห้ว่ะ
ถ้าเกิดว่าพรุ่งนี้พ่อกับแม่โกรธจนไม่คุยกับกูขึ้นมาจริงๆ .. กูคงทำใจไม่ได้ ..”
หลังจากที่ผมถอนริมฝีปากออกมาจากกลีบปากของมันแล้ว ผมก็ถามความเห็นของมัน
พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมัน และมันคงจะเห็นแววตาที่แสดงถึงความกังวลจากนัยน์ตาของผม
มิสเทคมันถึงได้ลูบหัวผมแล้วก็พยักหน้าเบาๆ
เราสองคนก็เลยช่วยกันเก็บเศษซากแห่งความหฤหรรษ์นั่นให้เรียบร้อย..
โดยที่มิสเทคมันเองก็ไม่ลืมที่จะเก็บพวงกุญแจทรายเรืองแสงของมันที่วางทิ้งเอาไว้ริมสระ
ใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาวของมันด้วย แล้วจากนั้นผมกับมันก็รีบเดินขึ้นห้องไปช่วยกันจัดเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย
และแยกเสื้อเปียกๆของเราสองคนที่ไปสอยขึ้นมาจากสระใส่ลงในถุงพลาสสติกหนึ่งใบ ..
แล้วผมกับมันถึงค่อยสลับกันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำส่วนตัวของผม..
และก่อนจะออกไปจากที่นี่
ผมก็ไม่ลืมจะทิ้งโน้ตเอาไว้ว่าผมเสียใจและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้ และผมก็ไม่ลืมจะบอกรักทุกคนในครอบครัวของผมด้วย
ซึ่งการบอกรักผ่านกระดาษโน้ตในครั้งนี้ ถือเป็นการบอกความรู้สึกของผมให้คนในครอบครัวรับรู้เป็นครั้งแรก
แม้ว่ามันจะดูน่าขัดเขินไปสักหน่อย
แต่ก็ยังดีกว่าผมไม่เคยพูดมันออกไปล่ะนะ ..
และสิ่งสุดท้ายที่ผมจะลืมไม่ได้เลยก็คือ
ของขวัญที่ผมกับไอ้มิสเทคตั้งใจไปเลือกซื้อมาให้ทุกคน ผมอยากให้ทุกคนรับมันไว้
จะใช้หรือไม่ใช้ผมไม่ว่า ส่วนของแม่ที่มันตกแตกไปแล้ว ผมจะไปหาซื้อมาให้ใหม่ เมื่อถึงตอนนั้น
ผมก็คงจะเลิกรู้สึกผิดกับตัวเองแล้ว และมันคงไม่ยากที่ผมจะพามิสเทคมันมามอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับแม่พร้อมกับแนะนำมันว่าคนคนนี้คือคนรักของผมด้วยตัวเองอีกครั้ง
..
สุดท้าย..ต่อให้ผมยิ้มได้เพราะมัน
..
แต่ลึกๆแล้วผมก็ยังคิดกังวลและนึกโทษตัวเองอยู่ดีที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจแบบนี้
..
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
เพี้ยนอ่วมเลยจ่ะ อาการหนักกว่าตอนที่เสียใจเพราะทำร้ายมิสเทคเยอะอยู่ ดราม่าฟิคเราไม่เคยมีอยู่จริง กรั่กๆ แต่อย่าลืมว่ายังมีมนุษย์เซอึนอยู่ นางไปทำงานของนางนานแล้ว ควรกลับมาได้หรือยัง 5555
เพี้ยนเอ้ยยยยย งานเข้าเลยไง ทำอะไรประเจิดประเจ้้อ ถ้าไม่ใช่ตรงนี้ก็ไม่มีเรื่องแล้วมะ ? เพี้ยนอดฟินเลยไง 5555
ตอบลบพี่อารานางมีแผนดีๆแต่นางไม่บอกนี่เอง ปล่อยน้องเครียดจนลาออก เฮ้ออ โล่งอกไป :)
Yuii
เซอึนเหรอ อย่ามาเลยยยยย แค่นี้ก็สางสารมิสเทคจะแย่แล้ว
ตอบลบ