วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [33]

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
  



[33]



เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่คยูมานอนฟุบหลับอยู่ข้างๆอีกแล้ว ส่วนฮยอกแจกับแทมินยังคงหลับอุตุอยู่เหมือนเดิม ผมค่อยถลกผ้าห่มขึ้น แล้วก็หย่อนปลายเท้าลงบนพื้น จากนั้นผมก็เดินไปล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อยถึงค่อยลงไปข้างล่าง
                “ทำใจซะเถอะวะซองจิน” ปลายเท้าของผมหยุดการเคลื่อนไหวลง เมื่อบทสนทนาของน้องชายและรุ่นพี่คนสนิทกำลังดังก้องในโสตประสาท ..
                “พูดน่ะมันง่าย แต่ให้ลงมือทำจริงๆมันยากนะเว้ยพี่ ..” ซองจินตอบพี่ฮีชอลด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แต่ก็ยังไม่วายทำท่ากวนประสาทใส่พี่เขาอีก ซองจินก็เลยโดนทำร้ายร่างกายแต่เช้า

                “ยากก็เรื่องของมึง .. กูอุตส่าห์ช่วยมอมโซจูไอ้คยูเพื่อให้มึงตาสว่าง จนเงินกูแทบจะบ๋อแบ๋ แล้วไอ้เวรนั่นก็นะดันคอแข็งดีชิบหาย .. เมื่อคืนมึงก็เห็น สองคนนั้นมันเป็นแฟนกันนะเว้ย ยังไงมันก็ต้องมีบ้างอ่ะเรื่องแบบนี้ มึงควรทำใจซะเถอะ .. ” ผมกำลังประมวลผลประโยคที่พี่ฮีชอลพูดกับซองจินอยู่พักใหญ่ จากนั้นผมก็ตกใจขึ้นมาทันที เมื่อสมองมันตีความหมายได้ว่า
                เมื่อคืน .. การกระทำของเราไม่ได้มีเพียงแค่เราสองคนที่รับรู้มัน
               
                “ถามจริง .. ถ้ามึงมีแฟน มึงไม่อยากกอด อยากจูบ อยากอะไรๆเลยเหรอวะ ..
               

                “ไอ้คยูมันก็คนนะเว้ย ไม่ใช่อิฐ ไม่ใช่ปูน .. อีกอย่าง .. ถ้าพี่มึงไม่เต็มใจ ไอ้คยูมันจะทำแบบนั้นได้เหรอวะ มึงคิดบ้าง .. ไปหาแฟนมาประดับความฉลาดของมึงซะบ้างไป .. อ้อ .. ไม่สิ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้มึงแอบกิ๊กกั๊กกับจงจินนี่หว่า เค้าลือกันทั้งบาง”
                “พี่มึงอย่าพูดเรื่องสยองแต่เช้าได้มั้ยวะ .. กูไม่อยากโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ”

                “เขินเหรอมึง ?” พี่ฮีชอลแกล้งแหย่ซองจินอย่างอารมณ์
                “เขินอะไรวะพี่มึงนี่ .. พอเลยๆ กูแมนทั้งแท่ง

                “อ้าวซองมินมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ..” ฮยอกแจตะโกนเรียกผมจากข้างบนจนผมถึงกับสะดุ้ง แถมเสียงของฮยอกแจยังส่งผลให้คนสองคนที่กำลังคุยกันอยู่หันมามองที่ผมเป็นตาเดียว
                “อีถึกเว้ยยยยยยยย .. ข้าวเสร็จยัง น้องตื่นมารอแดกแล้วโว้ยยยยย” พอแทมินกับฮยอกแจเดินลงมาสมทบ พี่ฮีชอลก็ตะโกนเรียกพี่อีทึกจนเสียงดังลั่นบ้าน

                “เดี๋ยวกูก็ปาด้วยตะหลิว .. เรียกกูแบบนี้อีกละ แม่ง!” พี่อีทึกที่ตอนนี้สวมผ้ากันเปื้อนอยู่ เดินออกมาพร้อมด้วยตะหลิวหนึ่งอันในมือ
                “ปล่อยมันไปเถอะน่า มึงก็รู้ว่าด่ามันไปก็ไม่เข้าสมอง ..” พี่แจจุงเดินเข้ามาดึงคอเสื้อพี่อีทึกให้เดินเข้าไปในครัวด้วย พร้อมกับบ่นกระทบพี่ฮีชอลไปด้วย แต่ดูเหมือนพี่ฮีชอลจะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไหร่
                “เสียงดังกันจริงโว้ยยยย ” มินโฮเดินลงมาจากข้างบนบ้านพร้อมกับพวกพี่ปีสองที่สภาพยังไม่ตื่นดีนัก คงเพราะเมื่อคืนดื่มกันหนักไปหน่อย
                ว่าแต่พวกพี่คยูหายไปไหนกันนะ หรือว่ายังไม่ตื่น ?

                “พี่มันมีเรียน กลับเย็น ..” ซองจินคงจะเห็นผมพยายามจะสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาพี่คยูล่ะมั้ง น้องถึงได้ตอบคำถามได้ตรงใจผมนัก
                “อื้อ”

                หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราทั้งหมดก็มาช่วยพวกพี่ปีสี่ทำโมเดลกันต่อ ของแบบนี้มันไม่เสร็จกันง่ายๆหรอก เพราะว่ามันต้องใส่ใจทุกรายละเอียด อีกทั้งยังต้องใช้ความประณีตอย่างมากซะด้วย
                ไม่น่าเชื่อว่าพี่ๆทุกคนจะสามารถใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านี้ได้นานๆเลยนะ ปกติพวกพี่เขาท่าทางดูทะโมนๆกันจะตาย ..

                พอออกแรงทำงานกันมากๆ ท้องก็ชักจะหิวอีกรอบ ผมกับฮยอกแจและแทมินก็เลยอาสาเดินไปซื้อขนมกับน้ำอัดลมมาทานระหว่างทำงาน
                “เมื่อคืนพวกเราเห็นนะ ..” จู่ๆฮยอกแจก็พูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
                “ใช่ๆ เล่นเอาเรานอนตัวแข็งเลย พี่คยูนี่เซ็กซี่ชะมัด” แถมแทมินก็ยังจะพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุนคำพูดของฮยอกแจอีก เท่านั้นไม่พอ แทมินยังออกปากชมพี่คยูปิดท้ายซะด้วย
            แล้วสถานการณ์แบบนี้ ผมควรจะรับมือกับมันอย่างไรดี ?

                “จูบแบบนั้น เรียกว่าดีฟคิสใช่หรือเปล่า? แล้วมันหายใจทันด้วยเหรอ?” ฮยอกแจหันมาถามผมด้วยดวงตาเป็นประกายของคนช่างล้อ
                “แหมมมมม .. ฮยอกแจนี่เล่นถามเอาไว้ประดับความรู้ เผื่อได้เอาไปใช้กับพี่ซีวอนว่างั้น?” แทมินลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนใส่ฮยอกแจ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับเถียงจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว
                อาการแบบนี้ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกันแน่

                พอยิ่งพูด เรื่องก็ยิ่งเข้าตัว ประเด็นนี้ฮยอกแจก็เลยตัดมันออกไป ผมก็เลยหายใจหายคอได้โล่งขึ้นมาหน่อย แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าทั้งสองคนก็รับรู้การกระทำของเราสองคนเมื่อคืนวานนี้ ผมก็ถึงกับหน้าร้อนฉ่าอย่างควบคุมไม่อยู่ ..
                ผมคิดวนเวียนไปมาอย่างกังวลใจ เพราะเมื่อคืนผมไม่รู้ว่าเราจูบกันดังแค่ไหน แล้วเราจูบกันลึกซึ้งเกินไปหรือเปล่า น่าอายจัง
                เย็นนี้ผมจะกล้ามองหน้าพี่คยูเขาหรือเนี่ย ..

                และแล้วคำตอบที่ผมก็ไม่ได้อยากจะรู้นัก ก็รีบเร่งเข้ามาให้ความกระจ่างกับผมในทันที ตลอดเวลาที่ผมนั่งร่วมวงช่วยงานพวกพี่ฮีชอล ผมจะก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใครทั้งสิ้น เพราะผมกลัวว่าสายตาของผมจะสบกับสายตาของพี่คยู อีกทั้งผมยังอับอายกับการกระทำของตัวเองที่มีพยานรู้เห็นเสียตั้งหลายคน ...
                วันนี้ทุกคนดูเป็นงานเป็นการกันมาก บรรยากาศภายในบ้านก็เลยมีแค่เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆดังอยู่ ผมนั่งตัดกระดาษได้สักพัก ผมก็เลยรับอาสานำเศษกระดาษที่มันวางระเกะระกะจนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้เศษกระดาษใหม่ๆมันแทรกแซงเข้ามาเลย..

                เศษกระดาษพวกนี้มันอยู่มาตั้งแต่วันแรกที่ผมมาช่วยงานพวกพี่เขา จนนี่ก็เกือบจะอาทิตย์นึงแล้ว มันไม่เยอะแยะก็แปลกล่ะ ซึ่งการปล่อยขยะทิ้งไว้เกลื่อนบ้านแบบนี้ ความจริงมันมีเหตุผลนะ พี่ฮีชอลบอกผมว่าเศษกระดาษแข็งบางส่วนมันก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกพวกพี่เขาก็เลยไม่ยอมเก็บทิ้ง อีกอย่างถ้าเก็บข้าวของให้สะอาด พวกพี่เขาบอกว่าจะหาของไม่เจอ
                แปลกดี .. ผมเคยเจอแต่บ้านรกจนหาของไม่เจอ
                แต่นี่พี่เขากลับบอกว่าถ้าบ้านไม่รก จะหาของไม่เจอ ..
               
                ผมเก็บแต่ชิ้นเล็กๆที่มันดูไม่มีประโยชน์อะไร พร้อมกับเกือบขยะที่เกิดจากการกินทิ้งกินขว้างมากองรวมกันไว้ จากนั้นผมก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อไปหยิบถุงดำมาใส่ขยะไร้ประโยชน์พวกนี้
                ซึ่งขยะส่วนใหญ่ที่ผมเก็บทิ้ง เห็นทีจะมีแต่ของกินซะมากกว่า เพราะไม่ว่าผมจะหยิบเศษกระดาษแข็งชิ้นไหนหย่อนใส่ในถุงดำ พวกพี่ฮีชอลก็จะกรีดร้องโวยวายจนผมตกใจ ผมก็เลยตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย รุ่นพี่ว่าไง รุ่นน้องก็ว่าอย่างนั้น

                ผมเอาถุงขยะเดินออกไปทิ้งตรงหน้าบ้าน เพื่อที่พรุ่งนี้รถขยะจะได้มาเก็บ เมื่อเสร็จภารกิจผมก็เดินแวะไปล้างมือตรงก๊อกน้ำข้างๆบ้าน
                “อ๊ะ” พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ผมก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อพี่คยูกำลังปรากฏอยู่ในม่านสายตาของผม

                “อะไรกัน ทำไมน้องแฟนเห็นพี่แล้วตกใจยังกับเห็นผีแบบนี้ล่ะ..” พี่เขากอดอกพลางยิ้มล้อผมอย่างอารมณ์ดี
                ” ผมเงียบไม่ยอมตอบสนองใดๆทั้งสิ้น กลับเอาแต่ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองอย่างเดียว

                “เป็นอะไร หืม ?” พี่เขาเชยปลายคางของผมขึ้น จึงทำให้ผมต้องสบตากับพี่เขาไปเต็มๆ
                “ป..เปล่า ..

                “เปล่า? จริงอ่ะ? แต่ทำไมพี่ถึงรู้สึกเหมือนน้องแฟนกำลังหลบหน้าพี่อยู่?” พี่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่มือของเขาก็ยังบังคับให้ใบหน้าของผมเชิดขึ้น
                “เมื่อคืนพี่ทำอะไรแปลกๆออกไปหรือเปล่า ?” พี่เขาถามเสียงแผ่ว หากแต่ผมไม่กล้าตอบกลับไปจริงๆ ว่าสิ่งที่พี่เขาทำมันไม่แปลก แต่มันน่าอายมากต่างหาก ..

                “ต้องใช่แน่ๆ ไม่งั้นน้องแฟนไม่หลบตาพี่หรอก” พี่เขาดึงผมเข้ามากอด พร้อมกับพูดสนับสนุนความคิดเห็นของตัวเอง
                “พ..พี่ ..จะ ..จูบ ..” ด้วยระยะห่างที่มันมีไม่มาก จึงทำให้ผมกล้าที่จะบอกความจริง เพราะผมกำลังถูกกอดเอาไว้ ผมก็เลยไม่ต้องอายเมื่อต้องบอกความจริง ..

                “ไม่เห็นจะจำได้เลย ..
                “ก..ก็ ..พี่ ....เมา”

                “เหรอ ? แล้วถ้าพี่จำไม่ได้ น้องแฟนช่วยจูบเตือนความจำให้หน่อยได้มั้ยล่ะ?” พี่เขาผลักตัวผมให้ออกห่างจากอ้อมกอดของเขา พลางพูดขอจูบกันง่ายๆแบบนั้นเลย ..
                คำพูดของพี่ มันคือข้ออ้างชัดๆ

                “นาทีนี้ ไม่ได้ก็ต้องได้นั่นแหละเนอะ” ดูพี่เขาสิ พูดเองเออเองชัดๆ ผมยังไม่ทันได้ตอบตกลงหรือขัดขืนอะไรเลย พี่เขาก็แนบริมฝีปากของเขาลงบนกลีบปากของผมแล้ว แถมสองฝ่ามือหนาก็ยังจะรั้งข้างเอวของผมให้เข้าหาตัวของพี่เขาอีก พี่เขาจูบซับกลีบปากของผมอย่างนุ่มนวล แตกต่างจากเมื่อค่ำคืนวานอย่างสิ้นเชิง
                ผมเขาแกล้งขบเม้มริมฝีปากล่างของผมจนได้ยินเสียงดังจ๊วบจ๊าบเบาๆ จากนั้นเขาก็เริ่มใช้ความสามารถพิเศษในการชักจูงให้ผมเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของเขา กลีบปากของพี่เขาเอาแต่และเล็มปลายลิ้นของผมอย่างหลงใหล ผมที่อยู่ในโหมดของคนกำลังเคลิบเคลิ้มก็ไล่ต้อนเข้าหาปลายลิ้นของพี่เขาอย่างคนหลงละเมอ ..

                จากนาทีแรกที่ผมเป็นฝ่ายไล่ต้อนพี่เขาอย่างเผลอไผล แต่พอนาทีนี้กลับเป็นพี่เขาเสียเองที่ไล่ต้อนเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นของผมอย่างแนบแน่น พี่เขาจูบเก่งมาก จนผมแทบจะเข่าอ่อนดีที่พี่เขายังประครองข้างเอวของผมอยู่ ไม่อย่างนั้นผมคงจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นแน่ๆ
                “อ..อื้อ ..” เมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจ ผมก็เริ่มร้องประท้วงให้พี่เขาปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระ ซึ่งพี่เขาก็ยินยอมแต่โดยดี เพราะริมฝีปากของเขาสามารถเคลื่อนย้ายไปเล่นซน ณ ตำแหน่งอื่นได้อีก

                “พี่ครับ ..” ผมดุเสียงเข้ม เมื่อพี่เขาชักจะก่อเรื่องให้มันเลยเถิด
                “ดุได้คล่องปากจริงๆแฮะ” เอาอีกแล้ว พี่เขาชอบประชดผมแบบนี้ทุกที

                “พรุ่งนี้น้องแฟนมีเรียนใช่หรือเปล่า ?” พี่เขาเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเขารู้ว่าที่ผมดุเมื่อกี้ผมเอาจริง
                “อื้อ”

                “ถ้างั้นพรุ่งนี้น้องแฟนก็พาเพื่อนมาแนะนำให้พี่รู้จักได้แล้วสิ” ผมส่ายหน้าตอบ
                “ทำไมล่ะ ?

                “หะ ..หา ....ไม่ ..ทัน” พอผมพูดออกมาอย่างนั้น พี่เขาก็หลุดหัวเราะออกมาทันที
                “ไอ้เราก็นึกว่ายังคิดมากอยู่ ..” พี่เขาโยกหัวของผมไปมา จากนั้นเขาก็ดึงผมเข้าไปกอด โดยที่ใบหูของผมมันแนบเข้ากับหน้าอกของพี่เขาในตำแหน่งหัวใจ

                ตึก ตึก ตึก ตึก ..

                “ให้กำลังใจอีกหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้จะได้ลุยให้เต็มที่” เสียงหัวใจของพี่เขายังคงเต้นแรงเหมือนเดิม ไม่ต่างจากเสียงหัวใจของผมสักเท่าไหร่ ..
                “อื้ม ..” ผมยิ้มพลางพยักหน้ากับแผ่นอกของพี่เขา

                “น้องแฟนตัวหอมจัง ..” พี่เขาโน้มใบหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ๆซอกคอของผม เมื่อผมผละตัวออกจากพี่เขาแล้ว จากนั้นพี่เขาก็ทำจมูกเสียงดังฟุตฟิตจนผมนึกอาย ก็เลยตีไล่พี่เขาไปหนึ่งที
                “พี่ไปอาบน้ำบ้างดีกว่าจะได้ตัวหอมๆแบบนี้บ้าง ..” ผมสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อพี่เขาจูบลงบนต้นคอของผม และผมก็คิดว่าผมคงจะทำตัวเป็นปกติได้ยาก ถ้าหากความอุ่นร้อนมันคงประทับอยู่ ณ ตำแหน่งที่ริมฝีปากของพี่เขาสัมผัสบนผิวเนื้อตรงลำคอ
                ให้ตายเถอะ .. พี่เขาเดินผิวปากเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
                แต่ผมกลับหน้าแดงจนร้อนฉ่า จนต้องหนีอายขึ้นไปบนห้อง โดยไม่กล้ามองหน้าใครสักคน

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>

หากำไรให้พี่โมเมอีกสักตอน ก่อนจะได้พัฒนาไปอีกขั้น
 

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [32]

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
   








[32]


                หลังจากที่ผมอุ่นใจจนถึงขั้นปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่เขานอนกอดอย่างแนบชิดจนถึงเช้า ก็ประจวบเหมาะกับเช้าวันนั้นเป็นวันที่ซองจินนึกอยากจะกลับบ้านของตัวเองขึ้นมาพอดี และด้วยความหิวจนไส้กิ่ว ซองจินก็เลยเดินเข้ามาปลุกเรียกผมถึงในห้องเหมือนปกติ เพราะส่วนมากเวลาอยู่บ้าน ผมจะไม่ค่อยล็อคห้องสักเท่าไหร่
                ซองจินก็เลยได้เห็นภาพที่น้องไม่ควรจะได้เห็นจนเต็มสองตา
                จากนั้นมา ซองจินก็กีดกันพี่คยูฮยอนไม่ให้เข้าใกล้ผมอีกเลย ..

                น้องเอาแต่บ่นที่ผมทำตัวใจง่าย ยอมปล่อยให้พี่เขาเข้ามานอนด้วยถึงในห้อง แถมยังยินยอมให้พี่เขาขึ้นมานอนบนเตียงอย่างเต็มใจอีกต่างหาก ซองจินร่ายยาวคำบ่นจนผมจำแทบไม่หมด น้องบอกว่าที่ยอมปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวไม่ใช่ว่าน้องเต็มใจ แต่ซองจินกำลังจำใจต่างหาก ..
                น้องบอกว่า อย่างน้อยผมกับพี่คยูก็คบกันแล้ว ตัวเขาเองก็ควรจะปล่อยให้เรื่องของผมกับพี่คยูเป็นเรื่องที่ตัวซองจินเองไม่ควรเข้ามายุ่ง น้องก็เลยเก็บข้าวของไปนอนค้างคืนกับเพื่อนสนิทเสียนมนาน
                ครั้นพอกลับมาเห็นว่าเราสองคนร่นระยะห่างระหว่างกันจนถึงจุดเสี่ยง
                อีซองจินก็เลยฟิวส์ขาด อาการหวงพี่ก็เลยกำเริบ ..

                “พี่มึงกูถามจริง .. นี่พี่มึงจะออกแบบตึกให้มันหรูหราไฮโซทำเพื่อวะ? ออกแบบแต่ละทีคิดถึงหลักความเป็นจริงบ้างดิเฮ้ย! ลำบากวิศวะกรมั้ยวะถามจริง ?” พี่คยูลงมือกรีดกระดาษแข็งไปตามรอยดินสอที่พวกพี่ปีสี่ต่างคณะเป็นคนร่างแบบเอาไว้ พลางบ่นไม่หยุด ตอนนี้กลุ่มคนอันคุ้นหน้าคุ้นตากำลังมานั่งรวมกลุ่มกันที่บ้านของพวกพี่ฮีชอล เนื่องจากพวกพี่เขามีงานเข้า น้องๆในสายก็เลยมีงานเข้าไปด้วย ..
                “ลำบากวิศวะกรก็ช่างหัวมันดิ กูไม่ได้เป็นคนคำนวณตัวเลขห่าเหวอะไรนั่นนี่หว่า ..” พี่ฮีชอลสวนขึ้นมาทันควัน

                “พูดงี้ก็สวยดิวะพี่ .. อยู่ในดงวิศวะกรยังจะกล้า ..” พี่ชางมินทำหน้าทำตาเอาเรื่อง พลางถกแขนเสื้อขึ้นอีกต่างหาก
                “กล้าไม่กล้ามึงก็น่าจะรู้นะไอ้น้องรัก ..” พี่ฮีชอลคว้าคอพี่ชางมินเข้ามาล็อคตรงช่วงรักแร้ ทำเอาอีกฝ่ายแกล้งเอามือมาปิดจมูกพลางดีดดิ้นไปมาอย่างน่าตลบขบขัน

                “กลิ่นเต่าไม่ใช่เรื่องตลก ..” พี่รยออุคเงยหน้าขึ้นมาพูดนิ่งๆ แต่เรียกเสียงหัวเราะอย่างสะใจได้จากทุกคนอย่างล้นหลาม ส่งผลให้พี่ฮีชอลที่โดนรุมอยู่คนเดียวถึงกับโมโหจนหน้าดำหน้าแดง จนถึงกับปาดินสอ ไม้บรรทัด ปากกาและอีกมากมายใส่คนที่เอาแต่หัวเราะไม่หยุด ผมที่นั่งอยู่ข้างๆซองจิน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพี่ฮีชอลนักก็เลยต้องนั่งหัวเราะคนเดียวเงียบๆในใจ ..

                 โป๊ก!
               
            “เจ็บเชี่ยๆ พี่มึงทำร้ายกู” มินโฮถึงกับลูบศีรษะของตัวเองป้อยๆ เมื่อปากกามันลอยตกลงตรงกลางศีรษะของเขาพอดิบพอดี ..
                “สมน้ำหน้าไอ้อ่อน” พี่ฮีชอลลอยหน้าลอยตา พลางนั่งลงกับพื้น พร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีขณะที่มือทั้งสองข้างก็หยิบจับกระดาษแข็งที่ถูกตัดจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาประกอบเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่จะต้องถูกส่งผ่านไปถึงอาจารย์อย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ในขณะที่คนอื่นๆนี่ก็เจ็บตัวไปตามๆกัน ..
               
                “นี่ไอ้ซีวอนกับฮยอกแจมันไปซื้อมื้อเย็นกันถึงชาติไหนวะ ป่านนี้ยังไม่มา โทรตามเพื่อนมึงดิ๊ซองจิน” เมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบ พี่อีทึกก็หันมาสั่งซองจินให้โทรหาฮยอกแจที่ป่านนี้ยังซื้อของไม่เสร็จ ..
                ซองจินก็เลยต้องลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่ตรงตู้วางโทรทัศน์ ครั้นพอน้องจะกลับมานั่งที่เดิมก็ไม่อาจทำได้ เมื่อพี่คยูเป็นฝ่ายเดินเนียนเข้ามานั่งแทนที่ซองจินไปเสียก่อน ..
                นี่ล่ะมั้งที่เขาบอกว่า ลุกแล้วเสียม้า

                “พวกมันอยู่ตรงปากซอยเข้าหมู่บ้านว่ะพี่ .. เห็นว่าของเยอะให้หาคนไปช่วยถือ” พอซองจินถามจนได้เรื่องได้ราวแล้ว น้องก็รีบบอกพวกพี่ปีสี่ทันที ส่วนสายตาดุๆของซองจินกำลังเพ่งมองมาที่พี่คยูที่ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ
                “มึงออกไปช่วยน้องมันถือดิ๊ไอ้คยู ..” พี่อีทึกคงจะมองสถานการณ์ในตอนนี้ออก ก็เลยสั่งให้พี่คยูเป็นคนเดินออกไปช่วยทั้งสองคนถือของ ..

                “พี่มึงก็ให้ปีสองมันไปช่วยสองคนนั้นดิวะ..” พี่คยูเถียง พลางก้มหน้าก้มตากรีดกระดาษของตัวเองต่อไป
                “อย่าลีลาดิวะพี่ .. ปู่เค้าอุตส่าห์ใช้งาน ..” มินโฮยื่นหน้าเข้ามากลางวงล้อม พลางล้อเลียนพี่อีทึกอย่างสนุกปาก อีกฝ่ายก็เลยโดนดีจาก คุณปู่ที่ว่าไปเต็มๆ

                “เออๆ ไปก็ได้วะ” พี่คยูวางอุปกรณ์ในมือของตัวเองลงบนพื้น พลางทำหน้าตาแบบรำคาญสุดๆ จากนั้นพี่เขาก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง และสุดท้ายพี่เขาก็ดึงข้อมือของผมให้เดินตามออกไปด้วยกัน
                ผมที่ยังคงมึนงงอยู่ก็เลยต้องเดินตามแรงดึงของพี่เขาไปตลอดทาง
                และก่อนจะเดินออกจากตัวบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงโวยวายจากซองจินตามหลังมาอีกด้วย ..

                “กว่าจะได้อยู่กับน้องแฟนตามลำพัง ก็เล่นเอาแย่เหมือนกัน .. น้องชายเรานี่ผีเข้าผีออกนะ” พี่เขากุมมือของผม พลางหันมาพูดกับผมอย่างไม่ได้ต้องการจะต่อว่าอะไรซองจินจริงจังนัก
                “ความจริงมันใช่ความผิดของพี่ซะที่ไหน .. ก็ในเมื่อน้องแฟนยอมให้พี่นอนกอดเอง .. นี่ถ้าซองจินรู้ว่าพี่เคยจูบน้องแฟนไปแล้ว พี่จะไม่โดนตีหัวแบะเลยหรือไง ?” พี่เขายังคงพูดต่อไม่หยุด ซึ่งแต่ละคำพูดของพี่เขามันก็เรียกอาการร้อนเห่อของใบหน้าได้อย่างล้นหลาม ..

                “พี่คยู!” ผมตะโกนเสียงดังใส่พี่เขาด้วยความอาย พลางใช้เล็บจิกฝ่ามือของพี่เขาด้วย เพื่อที่พี่เขาจะได้ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ แต่ไม่ว่าจะจิกจะเขย่าอย่างไร พี่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือผม
                “พอเขินแล้วพูดได้คล่องปากดีแฮะ .. ฮิ้วววว ..” พี่เขาเป่าปากแซวผม ขณะที่มือของพี่เขาที่ตอนนี้ปล่อยมือของผมจนเรียบร้อยแล้วได้หันมาทำหน้าที่จี๋เอวของผมใหญ่ ผมก็เลยไล่ตีมืออันซุกซนของพี่เขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ..

                “สู้คนซะด้วยวุ้ย ~” พี่เขาเอามือมาปัดป้องฝ่ามือของผมให้ออกห่างจากใบหน้าของตัวเองเป็นพัลวัน หากแต่ใบหน้าหล่อๆของพี่เขาก็ยังคงระรื่นดีอยู่ ..

                “นั่นซองมินหรือเปล่าวะ ?” ผมกับพี่คยูกำลังเดินผ่านคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงเสาไฟข้างๆทาง และเพราะระยะห่างระหว่างผมกับพี่คยูไม่ได้ห่างไกลกับพวกเขาสักเท่าไหร่ เราสองคนก็เลยได้ยินสิ่งที่สองคนนั้นกำลังพูดคุยกัน
                “เออว่ะ .. ดูไม่เห็นหยิ่งเลยวะ .. แต่ทำไมตอนอยู่ในห้องเรียนถึงหยิ่งดีชิบหาย ..” ผมกับพี่คยูหยุดเล่นกันแทบจะทันที

                “โทษทีนะน้อง .. ไม่รู้จักแฟนพี่แล้วกล้าดียังไงมานินทาว่าเขาหยิ่ง ?” พี่คยูเดินกลับไปหาผู้ชายสองคนนั้นที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับเราสักเท่าไหร่ จนผมต้องรีบดึงข้อมือของพี่เขาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะก่อเรื่อง
                “เอ่อ .. คือ ..” ผู้ชายตัวสูงประมาณผมกำลังอ้ำอึ้งๆ เมื่อเจอพี่คยูเดินเข้าไปหาเรื่องซะแบบนั้น ฝ่ายผู้ชายแก้มป่องก็เงยหน้ามองพี่คยูอย่างเอาเรื่องที่บังอาจมาทำท่าทางคุกคามเพื่อนของเขา
               
                ไปกันเถอะครับผมใช้ภาษามือบอกพี่คยูที่กำลังออกท่าทางเอาเรื่อง พร้อมกับพยายามลากแขนของคนตัวใหญ่ให้ยอมถอยห่างออกจากที่ตรงนั้น ..
                “ไว้รู้จักแฟนพี่ให้ดีกว่านี้ ค่อยมานินทาเขาจะดีกว่านะไอ้หนู ..” ขนาดผมลากพี่เขาออกมาจากที่ตรงนั้นแล้วนะ พี่เขาก็ยังจะตะโกนก้องเพื่อฝากข้อความไปบอกสองคนนั้นผ่านทางสายลมอีก ..
                จริงๆเลย พี่คยูนี่

                กว่าผมกับพี่คยูจะเดินไปถึงหน้าปากซอยหมู่บ้าน ฮยอกแจกับพี่ซีวอนก็ต้องยืนแก่วรออยู่ตรงนั้นตั้งนานสองนาน ตลอดทางที่ผมใช้เวลาเดิน ผมก็คิดหาคำขอโทษดีๆอยู่นานสองนาน แต่พอถึงที่หมายทุกอย่างดันกลับตาลปัตรไปหมด
                ก็พี่ซีวอนน่ะสิ ดันว่ากระทบพวกเราสองคนที่ใช้เวลาเดินมาหาพวกเขารวดเร็วเกินไป
                พี่คยูที่กำลังอารมณ์ไม่ดีก็เลยใช้พี่ซีวอนเป็นเครื่องระบายอารมณ์ซะเลย ..

                สุดท้ายผมกับฮยอกแจก็ต้องช่วยกันถือของจนเต็มสองไม้สองมือ กว่ารุ่นพี่ทั้งสองคนจะนึกขึ้นได้ว่าพวกเขากำลังทิ้งเราสองคนให้ตกระกำลำบาก เราก็เดินขาลากมาจนเกือบจะถึงบ้านของพวกพี่ฮีชอลเขาแล้ว
                พอมื้อเย็นในได้ทานในนอนค่ำเดินทางมาถึง พวกพี่ๆและเพื่อนๆคนอื่นที่กำลังนั่งก้มหน้าทำงานงกๆ ก็รีบกระโจนเข้าใส่พวกเราสี่คนในทันที
                และแล้ว .. วงเผางาน ก็ได้กลายร่างเป็นวงเหล้า

                อ่าไม่ใช่สิ .. ผมคงใช้คำผิดไป ความจริงมันต้องเป็นวงทานข้าว เพียงแต่มันดันมีโซจูวางตั้งอยู่มากเกินไป ผมก็เลยเบลอนิดหน่อย ..
                แล้วจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ตั้งวงไม่ยอมทำงานกันอีกเลย ..

                คืนนี้พวกเราทั้งหมดจะค้างคืนกันที่บ้านของพวกพี่ฮีชอล ผมกับฮยอกแจและแทมินที่ง่วงนอนก่อนใครเค้าเพื่อนก็เลยขอตัวขึ้นไปนอนบนห้องที่พวกพี่เขาจนเตรียมเอาไว้ให้
                เราสามคนก็เลยผลัดกันอาบน้ำอาบท่าจนเรียบร้อย จากนั้นก็ปิดไฟให้มืดสนิทพลางขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน และเพราะเตียงมันไม่ใหญ่มากนัก พวกเราก็เลยต้องนอนเบียดกัน ..
                “ตั้งแต่ซองมินมีแฟน พวกเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลยเนอะ ยิ่งซองจินเปิดทางให้ยิ่งแล้วใหญ่” ฮยอกแจที่นอนอยู่ตรงกลางพูดขึ้นท่ามกลางความมืด

                “นั่นสิ .. พี่คยูนี่เจ๋งแฮะ ทำให้ซองจินยอมปล่อยมือจากซองมินได้ด้วย” แทมินชะโงกหน้าข้ามตัวฮยอกแจมาพูดกับผม
                “ไม่ ..จะ ..จริง” ผมส่ายหน้าเถียง เพราะถึงยังไงซองจินก็ยังคงเป็นซองจินที่หวงผมอย่างกับอะไรดี

                “จะไม่จริงได้ไง ดูอย่างมินโฮสิ ซองจินมันปล่อยซะที่ไหน ถ้าไม่คลาดสายตาซองจินจริงๆ มินโฮไม่มีทางได้เข้าใกล้ซองมินแน่ ..” ฮยอกแจพูดเสริม แต่คราวนี้บรรยากาศดันเงียบๆและอึมครืมแปลกๆ
                “น่าอิจฉาซองมินเนอะ ..” หลังจากเงียบไปนาน แทมินก็เป็นคนทำลายความเงียบท่ามกลางความมืดลง

                “ท..ทำไม ?
                “ใครๆก็พากันชอบซองมินไง” แทมินตอบด้วยน้ำเสียงดีขึ้นอีกนิดหน่อย ..

                “ม..ไม่ ..จะ ..จริง ..หรอก ..” ผมส่ายหน้าพลางแก้ความเข้าใจให้แทมินซะใหม่
                “เราก็ขอเถียงว่าไม่จริงเหมือนกัน .. ซองมินออกจะนิสัยดี ไม่มีใครเกลียดซองมินลงหรอก” ฮยอกแจเถียงกลับ ผมก็เลยจนใจจะแก้ต่างให้ตัวเอง ..
                เพราะถ้ามันจริงอย่างที่ฮยอกแจพูด ผมก็คงไม่ต้องอยู่ในโลกสีเทามานานขนาดนี้ ..
               
                “นอนดีกว่า พรุ่งนี้ถึงจะไม่มีเรียนแต่ก็ต้องตื่นมาช่วยพวกพี่ฮีชอลทำงานอยู่ดี ..” ฮยอกแจเสนอความเห็นจากนั้นก็รั้งผ้าห่มจนขึ้นมาถึงคอพวกเราสามคนทีเดียว
                “อื้อ” ผมกับแทมินก็จัดแจงดึงผ้าห่มให้คลุมตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมกับส่งเสียงเห็นด้วยกับความคิดของ ฮยอกแจในลำคอ จากนั้นทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของเราสามคน ..

                ผมหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมกำลังถูกอะไรบางอย่างรบกวน บางอย่างที่ว่ามันกำลังวุ่นวายอยู่กับใบหน้าของผมจนน่ารำคาญ ผมก็เลยส่งเสียงร้องประท้วง พร้อมกับขยับหน้าหนี
                แต่ก็ไม่พ้น

                “พี่ ?” ผมสะดุ้งตื่นเมื่ออะไรบางอย่างมันไม่ได้แค่วุ่นวายตรงผิวหน้า แต่มันกลับดึงดูดกลีบปากของผมเสียอย่างนั้น ครั้นพอลืมตาขึ้น ผมก็เลยเห็นใบหน้าของพี่คยูท่ามกลางความมืด กลิ่นโซจูลอยตลบอบอวลจนฉุนจมูก
                “ม..เมา ..ระ ..เหรอ ?” ผมขยับใบหน้าออกห่างจากพี่เขา พลางยกสองมือขึ้นมาประกบสองข้างแก้มที่ตอนนี้มันร้อนระอุ

                “เปล่า ..” พี่เขาตอบปฏิเสธเสียงเบามาก และต่อให้แก้ตัวยังไงผมก็ไม่เชื่อหรอก ก็กลิ่นของมึนเมามันลอยคละคลุ้งซะขนาดนี้ ..
                 “มะ ..ไม่ .. ..จริง ..

                “จริง เป็นเด็กเป็นเล็ก ห้ามเถียง ..” พี่เขาสั่งเสียงดุ จากนั้นริมฝีปากของเขาก็กดทับริมฝีปากของผม พี่เขาดูดดึงริมฝีปากของผมอย่างเร่าร้อนจนผมหายใจหายคอแทบไม่ทัน อีกอย่างข้างๆตัวผมก็ยังมีฮยอกแจกับแทมินนอนอยู่ ผมจะปล่อยให้พี่เขาทำอะไรตามใจไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้ว่าพี่เขาจะเมา ผมก็ยอมปล่อยใจไปตามการชักนำของพี่เขาไม่ได้ ..
                “อ..อื้อ” ผมส่งเสียงทักท้วงในลำคอ พลางใช้สองมือดึงเสื้อของพี่เขาให้หยุดทำอะไรตามใจของตัวเองเสียที แต่ดูเหมือนพี่เขาจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าผมกำลังขัดขืนเขาอยู่ ..

                “พี่นอนด้วยนะ” พอผมสู้แรงของพี่เขาไม่ไหว ผมก็ปล่อยให้พี่เขาจูบให้พอ เมื่อเขาพอใจเขาก็หยุดและทิ้งตัวลงมาทับผมไปครึ่งตัว พลางพูดออดอ้อนจนผมใจสั่น ..
                “ตะ ..เตียง ..ละ ..เล็ก ..” ผมบอกให้พี่เขาเข้าใจ เพื่อที่พี่เขาจะได้กลับไปนอนในที่ที่พี่อีทึกจัดไว้ให้

                “นอนแบบนี้ก็ได้ ..” พี่เขานั่งลงพลางเอาปลายคางขึ้นมาวางบนเตียงใกล้ๆใบหน้าของผม
                “ดะ ..ดื้อ” ผมต่อว่าพี่เขา พลางพลิกตัวหันหน้าเข้าหาพี่เขา

                “พี่ดื้อซะที่ไหน น้องแฟนอย่ามาปรักปรำ ..” พี่เขาเอาปลายนิ้วมาตีปากผม แล้วก็เอาหน้าซุกกับที่นอนคล้ายกับพี่เขากำลังจะปิดการสนทนาให้มันจบลงเท่านี้ ..
                “มะ ..เมา ..” ผมยังคงติดใจเรื่องที่พี่เขาอยู่ๆก็ตรงเข้ามาจู่โจมผมแบบไม่กลัวใครจะตื่นมาเห็น

                “พี่แค่มึน .. ไม่ได้เมาเลยกล้ามากกว่าปกติ” ดูพี่เขาตอบผมสิ มันน่าโมโหจริงๆ
               

                “นอนได้แล้ว ไม่มีใครเห็นสักหน่อย น้องแฟนนี่จะอยู่ในโอวาทของซองจินมากไปละ ..” พี่เขาบ่นพลางลูบหัวของผม คงกะจะให้ผมหลับจะได้เลิกแผลงฤทธิ์สินะ แต่พี่เขาลืมไปหรือเปล่าว่าเนื้อตัวของพี่เขามันมีแต่กลิ่นโซจู แล้วแบบนี้ผมจะไปหลับลงได้ยังไง เหม็นจะตาย!
                “มะ..เหม็น” ผมแกล้งเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาบีบจมูก ..

                “เดี๋ยวก็หอมเองแหละน่า ..” พี่เขาเขยิบใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผม แต่เพราะพื้นที่บนเตียงมันน้อย ผมก็เลยไม่อาจขยับหนีไปไหนได้
                พี่เขาไม่เมื่อยบ้างหรือไง ที่ต้องมานั่งคุดคู้อยู่อย่างนี้น่ะ ทำไมพี่เขาไม่ไปหาที่ทางที่ตัวเขาจะได้นอนให้มันสบายๆกันนะ แล้วผมนี่ก็บ้าจริงๆ
                จมูกท่าทางจะเพี้ยน
                จากเหม็นกลายเป็นหอมได้ยังไง! บ้าไปแล้วอีซองมิน!



<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>

               
               
ความจริงแต่งไว้ตั้งแต่เช้าละ แต่ที่มันไม่เสร็จซะทีเพราะตามติ่งคอนเอสเจ -0- คยูมินจัดหนักอีกแล้ว ฮิ้ววว ตอนนี้พี่โมเมแอบหื่นเบาๆ กร๊ากกกก โดนกีดกันก็งี้ ใจมันร้อนรุ่ม กรั่กๆ