วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [33]

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
  



[33]



เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่คยูมานอนฟุบหลับอยู่ข้างๆอีกแล้ว ส่วนฮยอกแจกับแทมินยังคงหลับอุตุอยู่เหมือนเดิม ผมค่อยถลกผ้าห่มขึ้น แล้วก็หย่อนปลายเท้าลงบนพื้น จากนั้นผมก็เดินไปล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อยถึงค่อยลงไปข้างล่าง
                “ทำใจซะเถอะวะซองจิน” ปลายเท้าของผมหยุดการเคลื่อนไหวลง เมื่อบทสนทนาของน้องชายและรุ่นพี่คนสนิทกำลังดังก้องในโสตประสาท ..
                “พูดน่ะมันง่าย แต่ให้ลงมือทำจริงๆมันยากนะเว้ยพี่ ..” ซองจินตอบพี่ฮีชอลด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แต่ก็ยังไม่วายทำท่ากวนประสาทใส่พี่เขาอีก ซองจินก็เลยโดนทำร้ายร่างกายแต่เช้า

                “ยากก็เรื่องของมึง .. กูอุตส่าห์ช่วยมอมโซจูไอ้คยูเพื่อให้มึงตาสว่าง จนเงินกูแทบจะบ๋อแบ๋ แล้วไอ้เวรนั่นก็นะดันคอแข็งดีชิบหาย .. เมื่อคืนมึงก็เห็น สองคนนั้นมันเป็นแฟนกันนะเว้ย ยังไงมันก็ต้องมีบ้างอ่ะเรื่องแบบนี้ มึงควรทำใจซะเถอะ .. ” ผมกำลังประมวลผลประโยคที่พี่ฮีชอลพูดกับซองจินอยู่พักใหญ่ จากนั้นผมก็ตกใจขึ้นมาทันที เมื่อสมองมันตีความหมายได้ว่า
                เมื่อคืน .. การกระทำของเราไม่ได้มีเพียงแค่เราสองคนที่รับรู้มัน
               
                “ถามจริง .. ถ้ามึงมีแฟน มึงไม่อยากกอด อยากจูบ อยากอะไรๆเลยเหรอวะ ..
               

                “ไอ้คยูมันก็คนนะเว้ย ไม่ใช่อิฐ ไม่ใช่ปูน .. อีกอย่าง .. ถ้าพี่มึงไม่เต็มใจ ไอ้คยูมันจะทำแบบนั้นได้เหรอวะ มึงคิดบ้าง .. ไปหาแฟนมาประดับความฉลาดของมึงซะบ้างไป .. อ้อ .. ไม่สิ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้มึงแอบกิ๊กกั๊กกับจงจินนี่หว่า เค้าลือกันทั้งบาง”
                “พี่มึงอย่าพูดเรื่องสยองแต่เช้าได้มั้ยวะ .. กูไม่อยากโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ”

                “เขินเหรอมึง ?” พี่ฮีชอลแกล้งแหย่ซองจินอย่างอารมณ์
                “เขินอะไรวะพี่มึงนี่ .. พอเลยๆ กูแมนทั้งแท่ง

                “อ้าวซองมินมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ..” ฮยอกแจตะโกนเรียกผมจากข้างบนจนผมถึงกับสะดุ้ง แถมเสียงของฮยอกแจยังส่งผลให้คนสองคนที่กำลังคุยกันอยู่หันมามองที่ผมเป็นตาเดียว
                “อีถึกเว้ยยยยยยยย .. ข้าวเสร็จยัง น้องตื่นมารอแดกแล้วโว้ยยยยย” พอแทมินกับฮยอกแจเดินลงมาสมทบ พี่ฮีชอลก็ตะโกนเรียกพี่อีทึกจนเสียงดังลั่นบ้าน

                “เดี๋ยวกูก็ปาด้วยตะหลิว .. เรียกกูแบบนี้อีกละ แม่ง!” พี่อีทึกที่ตอนนี้สวมผ้ากันเปื้อนอยู่ เดินออกมาพร้อมด้วยตะหลิวหนึ่งอันในมือ
                “ปล่อยมันไปเถอะน่า มึงก็รู้ว่าด่ามันไปก็ไม่เข้าสมอง ..” พี่แจจุงเดินเข้ามาดึงคอเสื้อพี่อีทึกให้เดินเข้าไปในครัวด้วย พร้อมกับบ่นกระทบพี่ฮีชอลไปด้วย แต่ดูเหมือนพี่ฮีชอลจะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไหร่
                “เสียงดังกันจริงโว้ยยยย ” มินโฮเดินลงมาจากข้างบนบ้านพร้อมกับพวกพี่ปีสองที่สภาพยังไม่ตื่นดีนัก คงเพราะเมื่อคืนดื่มกันหนักไปหน่อย
                ว่าแต่พวกพี่คยูหายไปไหนกันนะ หรือว่ายังไม่ตื่น ?

                “พี่มันมีเรียน กลับเย็น ..” ซองจินคงจะเห็นผมพยายามจะสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาพี่คยูล่ะมั้ง น้องถึงได้ตอบคำถามได้ตรงใจผมนัก
                “อื้อ”

                หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราทั้งหมดก็มาช่วยพวกพี่ปีสี่ทำโมเดลกันต่อ ของแบบนี้มันไม่เสร็จกันง่ายๆหรอก เพราะว่ามันต้องใส่ใจทุกรายละเอียด อีกทั้งยังต้องใช้ความประณีตอย่างมากซะด้วย
                ไม่น่าเชื่อว่าพี่ๆทุกคนจะสามารถใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านี้ได้นานๆเลยนะ ปกติพวกพี่เขาท่าทางดูทะโมนๆกันจะตาย ..

                พอออกแรงทำงานกันมากๆ ท้องก็ชักจะหิวอีกรอบ ผมกับฮยอกแจและแทมินก็เลยอาสาเดินไปซื้อขนมกับน้ำอัดลมมาทานระหว่างทำงาน
                “เมื่อคืนพวกเราเห็นนะ ..” จู่ๆฮยอกแจก็พูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
                “ใช่ๆ เล่นเอาเรานอนตัวแข็งเลย พี่คยูนี่เซ็กซี่ชะมัด” แถมแทมินก็ยังจะพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุนคำพูดของฮยอกแจอีก เท่านั้นไม่พอ แทมินยังออกปากชมพี่คยูปิดท้ายซะด้วย
            แล้วสถานการณ์แบบนี้ ผมควรจะรับมือกับมันอย่างไรดี ?

                “จูบแบบนั้น เรียกว่าดีฟคิสใช่หรือเปล่า? แล้วมันหายใจทันด้วยเหรอ?” ฮยอกแจหันมาถามผมด้วยดวงตาเป็นประกายของคนช่างล้อ
                “แหมมมมม .. ฮยอกแจนี่เล่นถามเอาไว้ประดับความรู้ เผื่อได้เอาไปใช้กับพี่ซีวอนว่างั้น?” แทมินลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนใส่ฮยอกแจ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับเถียงจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว
                อาการแบบนี้ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกันแน่

                พอยิ่งพูด เรื่องก็ยิ่งเข้าตัว ประเด็นนี้ฮยอกแจก็เลยตัดมันออกไป ผมก็เลยหายใจหายคอได้โล่งขึ้นมาหน่อย แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าทั้งสองคนก็รับรู้การกระทำของเราสองคนเมื่อคืนวานนี้ ผมก็ถึงกับหน้าร้อนฉ่าอย่างควบคุมไม่อยู่ ..
                ผมคิดวนเวียนไปมาอย่างกังวลใจ เพราะเมื่อคืนผมไม่รู้ว่าเราจูบกันดังแค่ไหน แล้วเราจูบกันลึกซึ้งเกินไปหรือเปล่า น่าอายจัง
                เย็นนี้ผมจะกล้ามองหน้าพี่คยูเขาหรือเนี่ย ..

                และแล้วคำตอบที่ผมก็ไม่ได้อยากจะรู้นัก ก็รีบเร่งเข้ามาให้ความกระจ่างกับผมในทันที ตลอดเวลาที่ผมนั่งร่วมวงช่วยงานพวกพี่ฮีชอล ผมจะก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใครทั้งสิ้น เพราะผมกลัวว่าสายตาของผมจะสบกับสายตาของพี่คยู อีกทั้งผมยังอับอายกับการกระทำของตัวเองที่มีพยานรู้เห็นเสียตั้งหลายคน ...
                วันนี้ทุกคนดูเป็นงานเป็นการกันมาก บรรยากาศภายในบ้านก็เลยมีแค่เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆดังอยู่ ผมนั่งตัดกระดาษได้สักพัก ผมก็เลยรับอาสานำเศษกระดาษที่มันวางระเกะระกะจนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้เศษกระดาษใหม่ๆมันแทรกแซงเข้ามาเลย..

                เศษกระดาษพวกนี้มันอยู่มาตั้งแต่วันแรกที่ผมมาช่วยงานพวกพี่เขา จนนี่ก็เกือบจะอาทิตย์นึงแล้ว มันไม่เยอะแยะก็แปลกล่ะ ซึ่งการปล่อยขยะทิ้งไว้เกลื่อนบ้านแบบนี้ ความจริงมันมีเหตุผลนะ พี่ฮีชอลบอกผมว่าเศษกระดาษแข็งบางส่วนมันก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกพวกพี่เขาก็เลยไม่ยอมเก็บทิ้ง อีกอย่างถ้าเก็บข้าวของให้สะอาด พวกพี่เขาบอกว่าจะหาของไม่เจอ
                แปลกดี .. ผมเคยเจอแต่บ้านรกจนหาของไม่เจอ
                แต่นี่พี่เขากลับบอกว่าถ้าบ้านไม่รก จะหาของไม่เจอ ..
               
                ผมเก็บแต่ชิ้นเล็กๆที่มันดูไม่มีประโยชน์อะไร พร้อมกับเกือบขยะที่เกิดจากการกินทิ้งกินขว้างมากองรวมกันไว้ จากนั้นผมก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อไปหยิบถุงดำมาใส่ขยะไร้ประโยชน์พวกนี้
                ซึ่งขยะส่วนใหญ่ที่ผมเก็บทิ้ง เห็นทีจะมีแต่ของกินซะมากกว่า เพราะไม่ว่าผมจะหยิบเศษกระดาษแข็งชิ้นไหนหย่อนใส่ในถุงดำ พวกพี่ฮีชอลก็จะกรีดร้องโวยวายจนผมตกใจ ผมก็เลยตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย รุ่นพี่ว่าไง รุ่นน้องก็ว่าอย่างนั้น

                ผมเอาถุงขยะเดินออกไปทิ้งตรงหน้าบ้าน เพื่อที่พรุ่งนี้รถขยะจะได้มาเก็บ เมื่อเสร็จภารกิจผมก็เดินแวะไปล้างมือตรงก๊อกน้ำข้างๆบ้าน
                “อ๊ะ” พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ผมก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อพี่คยูกำลังปรากฏอยู่ในม่านสายตาของผม

                “อะไรกัน ทำไมน้องแฟนเห็นพี่แล้วตกใจยังกับเห็นผีแบบนี้ล่ะ..” พี่เขากอดอกพลางยิ้มล้อผมอย่างอารมณ์ดี
                ” ผมเงียบไม่ยอมตอบสนองใดๆทั้งสิ้น กลับเอาแต่ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองอย่างเดียว

                “เป็นอะไร หืม ?” พี่เขาเชยปลายคางของผมขึ้น จึงทำให้ผมต้องสบตากับพี่เขาไปเต็มๆ
                “ป..เปล่า ..

                “เปล่า? จริงอ่ะ? แต่ทำไมพี่ถึงรู้สึกเหมือนน้องแฟนกำลังหลบหน้าพี่อยู่?” พี่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่มือของเขาก็ยังบังคับให้ใบหน้าของผมเชิดขึ้น
                “เมื่อคืนพี่ทำอะไรแปลกๆออกไปหรือเปล่า ?” พี่เขาถามเสียงแผ่ว หากแต่ผมไม่กล้าตอบกลับไปจริงๆ ว่าสิ่งที่พี่เขาทำมันไม่แปลก แต่มันน่าอายมากต่างหาก ..

                “ต้องใช่แน่ๆ ไม่งั้นน้องแฟนไม่หลบตาพี่หรอก” พี่เขาดึงผมเข้ามากอด พร้อมกับพูดสนับสนุนความคิดเห็นของตัวเอง
                “พ..พี่ ..จะ ..จูบ ..” ด้วยระยะห่างที่มันมีไม่มาก จึงทำให้ผมกล้าที่จะบอกความจริง เพราะผมกำลังถูกกอดเอาไว้ ผมก็เลยไม่ต้องอายเมื่อต้องบอกความจริง ..

                “ไม่เห็นจะจำได้เลย ..
                “ก..ก็ ..พี่ ....เมา”

                “เหรอ ? แล้วถ้าพี่จำไม่ได้ น้องแฟนช่วยจูบเตือนความจำให้หน่อยได้มั้ยล่ะ?” พี่เขาผลักตัวผมให้ออกห่างจากอ้อมกอดของเขา พลางพูดขอจูบกันง่ายๆแบบนั้นเลย ..
                คำพูดของพี่ มันคือข้ออ้างชัดๆ

                “นาทีนี้ ไม่ได้ก็ต้องได้นั่นแหละเนอะ” ดูพี่เขาสิ พูดเองเออเองชัดๆ ผมยังไม่ทันได้ตอบตกลงหรือขัดขืนอะไรเลย พี่เขาก็แนบริมฝีปากของเขาลงบนกลีบปากของผมแล้ว แถมสองฝ่ามือหนาก็ยังจะรั้งข้างเอวของผมให้เข้าหาตัวของพี่เขาอีก พี่เขาจูบซับกลีบปากของผมอย่างนุ่มนวล แตกต่างจากเมื่อค่ำคืนวานอย่างสิ้นเชิง
                ผมเขาแกล้งขบเม้มริมฝีปากล่างของผมจนได้ยินเสียงดังจ๊วบจ๊าบเบาๆ จากนั้นเขาก็เริ่มใช้ความสามารถพิเศษในการชักจูงให้ผมเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของเขา กลีบปากของพี่เขาเอาแต่และเล็มปลายลิ้นของผมอย่างหลงใหล ผมที่อยู่ในโหมดของคนกำลังเคลิบเคลิ้มก็ไล่ต้อนเข้าหาปลายลิ้นของพี่เขาอย่างคนหลงละเมอ ..

                จากนาทีแรกที่ผมเป็นฝ่ายไล่ต้อนพี่เขาอย่างเผลอไผล แต่พอนาทีนี้กลับเป็นพี่เขาเสียเองที่ไล่ต้อนเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นของผมอย่างแนบแน่น พี่เขาจูบเก่งมาก จนผมแทบจะเข่าอ่อนดีที่พี่เขายังประครองข้างเอวของผมอยู่ ไม่อย่างนั้นผมคงจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นแน่ๆ
                “อ..อื้อ ..” เมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจ ผมก็เริ่มร้องประท้วงให้พี่เขาปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระ ซึ่งพี่เขาก็ยินยอมแต่โดยดี เพราะริมฝีปากของเขาสามารถเคลื่อนย้ายไปเล่นซน ณ ตำแหน่งอื่นได้อีก

                “พี่ครับ ..” ผมดุเสียงเข้ม เมื่อพี่เขาชักจะก่อเรื่องให้มันเลยเถิด
                “ดุได้คล่องปากจริงๆแฮะ” เอาอีกแล้ว พี่เขาชอบประชดผมแบบนี้ทุกที

                “พรุ่งนี้น้องแฟนมีเรียนใช่หรือเปล่า ?” พี่เขาเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเขารู้ว่าที่ผมดุเมื่อกี้ผมเอาจริง
                “อื้อ”

                “ถ้างั้นพรุ่งนี้น้องแฟนก็พาเพื่อนมาแนะนำให้พี่รู้จักได้แล้วสิ” ผมส่ายหน้าตอบ
                “ทำไมล่ะ ?

                “หะ ..หา ....ไม่ ..ทัน” พอผมพูดออกมาอย่างนั้น พี่เขาก็หลุดหัวเราะออกมาทันที
                “ไอ้เราก็นึกว่ายังคิดมากอยู่ ..” พี่เขาโยกหัวของผมไปมา จากนั้นเขาก็ดึงผมเข้าไปกอด โดยที่ใบหูของผมมันแนบเข้ากับหน้าอกของพี่เขาในตำแหน่งหัวใจ

                ตึก ตึก ตึก ตึก ..

                “ให้กำลังใจอีกหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้จะได้ลุยให้เต็มที่” เสียงหัวใจของพี่เขายังคงเต้นแรงเหมือนเดิม ไม่ต่างจากเสียงหัวใจของผมสักเท่าไหร่ ..
                “อื้ม ..” ผมยิ้มพลางพยักหน้ากับแผ่นอกของพี่เขา

                “น้องแฟนตัวหอมจัง ..” พี่เขาโน้มใบหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ๆซอกคอของผม เมื่อผมผละตัวออกจากพี่เขาแล้ว จากนั้นพี่เขาก็ทำจมูกเสียงดังฟุตฟิตจนผมนึกอาย ก็เลยตีไล่พี่เขาไปหนึ่งที
                “พี่ไปอาบน้ำบ้างดีกว่าจะได้ตัวหอมๆแบบนี้บ้าง ..” ผมสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อพี่เขาจูบลงบนต้นคอของผม และผมก็คิดว่าผมคงจะทำตัวเป็นปกติได้ยาก ถ้าหากความอุ่นร้อนมันคงประทับอยู่ ณ ตำแหน่งที่ริมฝีปากของพี่เขาสัมผัสบนผิวเนื้อตรงลำคอ
                ให้ตายเถอะ .. พี่เขาเดินผิวปากเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
                แต่ผมกลับหน้าแดงจนร้อนฉ่า จนต้องหนีอายขึ้นไปบนห้อง โดยไม่กล้ามองหน้าใครสักคน

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>

หากำไรให้พี่โมเมอีกสักตอน ก่อนจะได้พัฒนาไปอีกขั้น
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น