Beautiful Rich
แฟนผมสวยและรวยมาก
[30]
ตั้งแต่เปิดเรียนมา
พี่เขาก็ยังไม่เคยถามไถ่กับผมถึงเรื่องที่เขาเคยบอกให้ผมทำใจกล้า
เพื่อหาเพื่อนสนิทสักคนที่จะเข้ามาเป็นโลกอีกใบของผม ทั้งที่พี่เขาไม่เคยถาม
แต่ผมกลับกังวลอยู่ตลอดเวลา
นั่นเป็นเพราะว่าผมยังทำใจกล้าทำตามคำชี้แนะของพี่เขาไม่ได้ ...
ผมกลัวการผิดหวัง
ผมกลัวการคาดหวัง เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มคิดจะทำแบบนั้น
นั่นก็หมายความว่าผมได้เริ่มคาดหวังในผลลัพธ์ของมันแล้ว
ผมไม่อยากเห็นใครยืนหันหลังให้ผมอีก หากพวกเขารู้ว่าผมไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ..
ชีวิตผมในตอนนี้
มีแค่กลุ่มของพี่คยู ซองจิน และสายรหัสของทั้งสองคนก็พอแล้ว ...
ปรื้น~ ปรื้น~
เสียงแตร์รถดังขึ้นเบาๆตรงข้างตัวผม
ทีแรกผมก็กะจะเดินให้ชิดด้านในอีกสักหน่อย แต่บังเอิญว่าผมเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนฟุตบาท
จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องหลีกทางให้กับรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน จากนั้นผมก็เริ่มก้าวเดินต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกเลย
...
ปรื้น~ ปรื้น~
เสียงแตร์รถดังขึ้นอีกครั้ง
และครั้งนี้ก็ทำให้ผมหยุดการก้าวเดินลง พลางหันหน้าไปมองยังท้องถนน
เลยทันได้เห็นรถคันคุ้นตาโลดแล่นเข้ามาจอดขนาบข้าง
ผมจึงเดินขยับเข้าไปใกล้กับรถคันนั้น ส่งผลให้คนในรถเลื่อนกระจกทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับลง
...
“เมื่อเช้าพี่ส่งข้อความไปบอกน้องแฟนว่าไงครับ
?” พี่เขาแกล้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
จากนั้นก็ส่งเสียงเข้มถามผมที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างๆตัวรถ
“….” แต่ผมยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ
เพราะความจริงแล้ว ผมก็ผิดคำพูดกับพี่เขาจริงๆน่ะแหละ
“ถึงพี่จะไม่มีเรียนแต่พี่ก็ออกมารับมาส่งน้องแฟนได้
ไม่ใช่หรือไง ?
แล้วทำไมน้องแฟนยังจะคิดเดินกลับบ้านเองอีก ?” พี่เขาเลิกคิ้วถาม
ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
ตั้งแต่ซองจินไปขลุกตัวอยู่กับเพื่อนๆของตัวเอง
ผมก็ต้องติดรถพี่คยูมาเรียนทุกเช้า และก็ต้องรอกลับพร้อมกันทุกเย็น
ซึ่งช่วงอาทิตย์แรกที่ผมยอมไปไหนมาไหนด้วย นั่นก็เพราะผมเข้าใจว่าพี่เขามีเรียนและก็เลิกเรียนพร้อมกับผมทุกวัน
กว่าจะมารู้ความจริงอีกที ก็ปาเข้าไปสองสามอาทิตย์ของการเปิดภาคเรียนแล้ว ..
ดังนั้นวันไหนที่เป็นวันหยุดของพี่เขา ผมก็จะตัดสินใจมาเรียนเองและกลับเอง
เพื่อที่พี่เขาจะได้มีเวลาพักผ่อนนานๆ...
‘จะขึ้นมาดีๆ หรือจะให้พี่ลงไปอุ้ม
..’ พอพี่เขาเห็นผมยังทำตัวไร้ปฏิกิริยาตอบรับอยู่อย่างนั้น
พี่เขาก็ใช้ภาษามือข่มขู่ผมอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่น
ครั้นพอสมองของผมมันแปลความหมายที่พี่เขาต้องการสื่อออกมาได้
ผมก็รีบเปิดประตูและทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะนั่งข้างคนขับทันที …
ซึ่งใบหน้าของผม มันยังไม่หายร้อนฉ่าดีด้วยซ้ำ …
พอผมขึ้นมานั่งบนรถจนเรียบร้อย
พี่เขาก็รีบออกรถพุ่งทยานไปข้างหน้าในทันที
แถมยังอารมณ์ดีที่ได้แกล้งผมอย่างออกนอกหน้าอีกต่างหาก …
พี่เขาเปิดเพลงคลอเบาๆ พลางผิวปากไปตามทำนองเพลงที่เล่นอยู่
อีกทั้งสองฝ่ามือของพี่เขาก็ยังเคาะพวงมาลัยรถเป็นจังหวะจะโคน …
ท่าทางของพี่เขานี่มันน่าโมโหจริงๆ
“เมื่อเช้าใครที่ไหนก็ไม่รู้
แอบมาทำอ้วกหมาไว้ให้พี่กิน ส่วนตัวเองก็ออกไปเรียน ..”
“ม..ไม่ ..
ช ..ใช่ ..อะ ..อ้วก ..หะ ..ห ..มะ ..หมา” ผมรีบขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินพี่เขาพูดถึงเมนูโปรดของผม
ฮึ่ย!
ทำไมพี่เขาชอบเรียกของโปรดผมแบบนี้!
เล่นเอาหมดราคาไปเลย!
“มะ ..ไม่ใช่ ..อ้วก ..
หะ ..หมา ..”
พี่เขาทำเสียงล้อเลียนผม พลางหัวเราะเสียงระรื่น ผมจึงได้แต่ทำแก้มอูม
จากนั้นก็ลงไม้ลงมือฟาดไหล่พี่เขาไปเต็มๆ
“ตีพี่เหรอ
? ระวังคืนนี้พี่จะเอาคืนไม่รู้ด้วย
.. ยิ่งได้เลื่อนขั้นมานอนบนเตียงแบบนี้ … ยิ่ง …”
ผมไม่รู้จะทำยังไงถึงจะหยุดคำพูดน่าอายพวกนี้ของพี่เขาได้
จึงตัดสินใจเอื้อมมือไปเพิ่มเสียงเพลงให้มันดังขึ้น จนกลบเสียงพูดของพี่เขาไปเลย
แต่เห็นทีหูผมต้องอื้อแน่ๆ
เพราะผมเผลอไปหมุนโวลลุ่มจนสุดเลยน่ะสิ!
“ตายๆ หูพี่จะหนวกซะแล้วมั้ง ..”
พอมาถึงที่หมายและลงจากรถเรียบร้อย พี่เขาก็สะบัดหัวของตัวเองไปมา
พลางยกมือขึ้นตบข้างหูของตัวเองเบาๆ
“ฮื่อออ”
ผมส่งเสียงประท้วง
ขณะที่เท้าก็ก้าวเดินตามพี่เขาเข้าไปด้านในของร้านหนังสือที่ผมกับพี่เขาชอบมาหาซื้อหนังสือสำหรับฝึกอ่านด้วยกัน
..
ร้านหนังสือร้านนี้ เป็นร้านที่เราพบเจอโดยบังเอิญ
เนื่องจากว่าร้านนี้มันอยู่ห่างไกลจากมหาลัยของเราพอสมควร แต่เนื่องด้วยเวลาว่างในช่วงก่อนเปิดเทอมภาคเรียนใหม่มันมีอยู่มาก
พี่เขาก็เลยพาผมมาหัดขับรถ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะผมสั่นหัวไม่เอาท่าเดียว …
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการมาหาซื้อหนังสือ เพื่อใช้ในการฝึกอ่านออกเสียงแทน ..
บรรยากาศของร้านนี้จะเงียบสงบ
และโอบล้อมไปด้วยกลิ่นไอของหนังสือและธรรมชาติ ภายในตัวบ้านสีขาวหลังไม่เล็กไม่ใหญ่จะเป็นสวรรค์ชั้นเลิศของหนอนหนังสือทุกราย
และร้านหนังสือแห่งนี้ยังอนุญาตให้หนอนหนังสือทุกคนหยิบจับหนังสือที่ตนเองพึงพอใจออกมานั่งอ่านตรงเก้าอี้ในสวน
หรือไม่ก็นั่งอ่านอยู่ในบ้าน โดยไม่เสียเงินซื้อก็ได้ …
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ต่อให้ร้านนี้อยู่ห่างไกลจากสังคมเมืองมากแค่ไหน
ก็ยังมีคนดั้นด้นหาพิกัดร้านจนเจอ ..
เมื่อเข้ามาในร้าน
ผมกับพี่คยูก็แยกย้ายกันไปคนละทางเพื่อเลือกหนังสือที่ตัวเองต้องการ
วันนี้ผมเลือกเดินไปยังหมวดหมู่ของวรรณกรรม เนื่องจากว่าหลายวันมานี้ผมอ่านแต่หนังสือที่มันอ่านได้ในระยะสั้นก็หมดเล่มแล้ว
ผมจึงเลือกที่จะอ่านวรรณกรรมเป็นลำดับต่อไป …
ผมเลือกอ่านวรรณกรรมแปลชุด ‘Little House in the Big Woods’ ของ ‘Laura Ingalls Wilder’ เนื้อเรื่องจะเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเล็กๆในกระท่อมไม้ซุง
ในป่าใหญ่ทางทิศตะวันตกของรัฐวิสคอนซิน
เมื่อปลายศตวรรษที่ 19 เหตุผลที่ผมเลือกอ่านหนังสือชุดนี้เพราะมันเป็นหนังสือวรรณกรรมสำหรับเยาวชนที่ได้รับรางวัลมากมาย
บวกกับการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ จึงทำให้ผมเลือกที่จะหยิบมันขึ้นมาอ่านแม้ว่าจะต้องอ่านจนตาแฉะก็ตาม
..
ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่มุมประจำของเรา
จากนั้นไม่นานพี่คยูก็เดินเข้ามาสมทบในภายหลัง
แต่พี่เขาไม่ได้มาพร้อมกับหนังสือแค่อย่างเดียว
เพราะพี่เขากลับมาพร้อมกับขนมหวานซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากทางร้านหนังสือที่จัดบริการเพิ่มเติมให้กับหนอนหนังสือที่รักการอ่านและการกินไปพร้อมๆกัน
..
ซึ่งของหวานของที่นี่ ก็เป็นอีกหัวใจหลักของร้านนี้เลยนะ ที่ทำให้ผู้คนพากันติดใจ
..
แถมราคาก็ไม่แพงด้วย
…
หลังจากที่ผมขนมหวานที่พี่คยูซื้อมาให้ลองชิมจนหมด
ผมก็หันมาสนใจหนังสือที่ผมเลือกหยิบมาอ่านเหมือนเดิม
ขณะที่พี่เขาก็อ่านหนังสือที่เขาไปเลือกหยิบมาเช่นเดียวกัน ..
และแล้วความเงียบก็คลืบคลานเข้ามาหาเราสองคนทีละนิด ..
ผมนั่งอ่านหนังสือเป็นเวลานาน
จนเริ่มปวดตาก็เลยเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศรอบตัวเพื่อให้ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
แต่แล้วผมก็เห็นพี่เขากำลังตั้งใจทำไม้ทำมือ ตามข้อความในหนังสืออย่างตั้งใจ พี่เขาเอากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถวางทับหน้าหนังสือเอาไว้
เพื่อไม่ให้ลมมันพัดปลิวไปหน้าอื่น …
อาจารย์คนเก่งกำลังตั้งใจกับบทเรียนใหม่ที่จะต้องนำไปสอนทุกคนในกลุ่ม
จนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังตกเป็นเป้าสายตาของผมอยู่
รูปหน้าของพี่เขาดูดีมากยามที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง
หว่างคิ้วของพี่เขาจะขมวดกันเป็นปม
ขณะที่ความสนใจของพี่เขาก็จะพุ่งเป้าไปในสิ่งที่เขากำลังสนใจเป็นพิเศษ …
ริมฝีปากของพี่เขาจะชอบเม้มแน่น
ยามที่เขากำลังใช้ความคิดในการตีความตัวหนังสือให้เป็นภาษามือด้วยท่าทาง …
อ่า … ใจของผมมันเต้นแรงจัง …
ผมต้องทำยังไง มันถึงจะเต้นเบาลงนะ ?
“ย๊า!~~ จำยากชะมัด”
อยู่ๆพี่เขาก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่เขาอ่าน พลางยืดแขนขึ้นกลางอากาศจนสุด
พร้อมกับร้องตะโกนออกมาเบาๆ ซึ่งการกระทำของพี่เขา
มันทำให้ผมทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที ..
“น้องแฟนไม่สบายเหรอ หน้าแดงเชียว …”
พอพี่เขายืดเส้นยืดสายจนเรียบร้อย
เขาก็หันมาสนใจผมที่ตอนนี้กำลังพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
แต่เพราะคำพูดของพี่เขานั่นแหละที่ทำให้ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอเสียอึกใหญ่ ก็พี่เขาเล่นถามผมเหมือนกับเขาคิดว่าผมไม่สบายจริงๆ
ทั้งๆที่น้ำเสียงและสีหน้าของพี่เขามันกำลังฟ้องว่าพี่เขารู้ความจริงทั้งหมดแล้วว่าผมกำลังเขินเขาอยู่
…
บ้าจริง
… ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ
…
“ม..มอง …อะ ..อะไร” ผมเม้มปาก พลางถามพี่เขากลับไป เมื่อผมแอบเหลือบมองพี่เขา
แล้วยังเห็นว่าพี่เขายังนั่งมองผมอยู่
“มองน้องแฟนไง
จะได้หายกัน ..” ไม่จริงน่า!
ที่พี่เขาตอบมาแบบนี้
ไม่ได้หมายความว่าพี่เขารู้เห็นการกระทำของผมตั้งแต่ต้นหรอกใช่มั้ย ?
ฮือออออ ผมควรจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี ?
ในเมื่อผมไม่อาจหาทางออกให้ตัวเองได้ ผมจึงถอยเก้าอี้ไปด้านหลัง
แล้วก็รีบลุกออกจากโต๊ะและเดินเข้าไปด้านในของร้านหนังสือทันที
ผมเดินดุ่มๆเข้าไปในร้าน แล้วก็หยุดยืนอยู่ตรงมุมในสุดของร้าน
พลางยกมือขึ้นตีหน้าอกตรงตำแหน่งของหัวใจอยู่หลายที
เพราะตอนนี้มันชักจะเต้นแรงมากเกินไปแล้ว
“การเดินหนีไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
…”
ผมสะดุ้งขึ้นมาอีกหน เมื่อฝ่ามือใหญ่วางลงบนศีรษะของผม
พร้อมกับเสียงอันคุ้นเคยจากคนที่ผมเพิ่งจะเดินหนีเขามาเมื่อครู่ …
“เพราะยังไงน้องแฟนก็ยังเขินพี่อยู่ดี ..”
พี่เขาเอามือออกจากหัวของผมแล้ว เมื่อตัวเขากำลังหันหลังพิงกำแพง
พลางกอดอกและมองตรงไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นเบื้องหลังที่ผมไม่อาจมองเห็น ..
“ในนี้มันดีใจนะเวลาที่น้องแฟนออกอาการเขิน ..”
พี่เขาเอื้อมมือมาฉวยฝ่ามือของผมไปวางแปะอยู่บนหน้าอกของเขา
ให้รับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่มันก็รุนแรงไม่แพ้อัตราการเต้นของหัวใจผมนัก ..
ผมเหมือนคนใกล้ตาย รู้สึกเหมือนจะหมดหายใจไปดื้อๆ
ผมก็เลยพยายามจะยื้อยุดฉุดข้อมือของตัวเองให้รอดพ้นจากฝ่ามือของพี่เขา
แต่ยิ่งผมพยายามจะชักมือกลับ ฝ่ามือของพี่เขาก็ยิ่งออกแรงกำให้มันแน่นขึ้น
จนสุดท้ายฝ่ามือของผมก็ต้องจำใจวางแปะลงบนหน้าอกข้างซ้ายเพื่อรับรู้อัตราความชอบของพี่เขาจากจังหวะการเต้นของหัวใจ
“เขินแฮะ
.. พวกนักแสดงนี่เวลาถ่ายหนังแล้วต้องพูดอะไรทำนองนี้ไม่เลี่ยนกันบ้างหรือไง
..” พี่เขาปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ
จากนั้นเขาก็หันไปหยิบหนังสือจากมุมด้านขวามือมาเปิดอ่าน ..
นี่พี่เขาไปดูหนังเรื่องไหนมากันนะ ถึงได้เอามาเลียนแบบกับผมได้ …
อย่าให้รู้นะ
ผมจะหักแผ่นทิ้งให้หมดเลย!
“ไทม์แมชชีน ?” พี่เขาก้มหน้าอ่านหนังสือสักพัก
เขาก็อุทานออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็เก็บหนังสือเล่มนั้นเข้าชั้นวางหนังสือเหมือนเดิม
จากนั้นเขาก็รีบคว้าข้อมือของผมให้เดินตามกันไป
“อ..อะไรครับ ..” ผมถามอย่างสงสัยปนตกใจกับท่าทางหุนหันพลันแล่นของพี่เขา
“ไทม์แมชชีน .. แคปซูลไทม์แมชชีน”
“ครับ ?”
“เรามาลองฝังแคปซูลไทม์แมชชีนแบบในหนังสือเล่มนั้นดูบ้างดีมั้ย? อีกสักห้าปี .. ไม่สิสิบปีดีกว่า เราถึงค่อยมาเปิดดูด้วยกัน ..”
พี่เขาจูงมือผมมานั่งบนโต๊ะตัวเดิมของเรา
จากนั้นพี่เขาก็เดินไปนั่งที่ของตัวเองเมื่อเขากดไหล่ให้ผมนั่งตรงที่ของผมจนเรียบร้อยแล้ว
สีหน้าของพี่เขาดูตื่นเต้นราวกับเด็กเมื่อเขากำลังคิดอยากจะทำอะไรสักอย่างขึ้นมา
“ส..สิบ ..ปะ ..ปี” ผมส่งเสียงพูดคล้ายกับอุทานออกมาเบาๆเพียงคนเดียว
แต่มันคงดังจนพี่เขาได้ยิน เขาก็เลยพยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้ผม
สิบปี .. มันไม่นานไปเหรอ ?
นานขนาดนั้น
ผมจะมีโอกาสได้มาเปิดแคปซูลไทม์แมชชีนอ่านพร้อมกับพี่เขาหรือเปล่า ?
“ทะ ..ทำ ..อะ ..ไรครับ ?” ผมกระเด้งลุกขึ้นยืนทันที
เมื่อพี่เขาปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้
เพื่อแอบขโมยขวดแก้วที่ทางร้านแขวนห้อยเอาไว้กับกิ่งไม้ใหญ่เพื่อเอาไว้ใส่ดอกไม้สดประดับตกแต่งร้านให้ดูละมุนละไมขึ้น
..
“แอบขโมย .. น้องแฟนอย่าเสียงดังสิ
เจ้าของร้านเพิ่งจะเดินเข้าร้านไปเองนะ ..”
ผมหันรีหันขวางอย่างตื่นตระหนก
เพราะผมกำลังกลัวว่าเจ้าของร้านเขาจะเดินออกมาเห็นการกระทำของพี่คยูเข้า ..
“น้องแฟนฉีกกระดาษมา
เรามีเวลาไม่มากนะ รีบเขียนเลย ..” พี่เขาแอบเอาขวดแก้วที่เพิ่งขโมยมันมาได้วางไว้กับพื้นตรงขาเก้าอี้
เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของใครต่อใครที่เดินเข้าออกอยู่ตรงปากประตูร้านหนังสือ
‘แล้วพี่จะให้ผมเขียนอะไรล่ะครับ
?’ ผมเขียนข้อความลงในสมุดปกแข็งเล่มเล็ก
พลางยื่นให้พี่เขาอ่าน
‘น้องแฟนก็เขียนถึงพี่..ส่วนพี่ก็เขียนถึงน้องแฟนไง ..’ พี่เขาเขียนข้อความใส่ในกระดาษ
พลางเลื่อนมาตรงหน้าผมเพื่อที่ผมจะได้อ่าน จากนั้นพี่เขาก็ยึดสมุดของผมไปฉีกกระดาษเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการเขียนข้อความถึงกันและกัน
..
หากผมเขียนข้อความลงในกระดาษแผ่นนี้ที่พี่เขาฉีกมาให้
นั่นก็เท่ากับผมกำลังคาดหวัง … ผมควรจะเขียนดีไหม ? หากวันข้างหน้าผมต้องผิดหวังล่ะ
?
มันจะเจ็บเพราะการกระทำในวันนี้หรือเปล่า
?
“อนาคตถึงจะไม่แน่นอน .. แต่เราก็สามารถทำให้มันแน่นอนได้นะ
..”
พี่เขาพูดขณะที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาเขียนข้อความโดยที่ผมมองไม่เห็นว่าพี่เขากำลังเขียนถึงผมว่ายังไง
…
ผมกำลังหันรีหันขวางอีกครั้ง
เมื่อเราสองคนเขียนข้อความใส่ในกระดาษและพับมันเป็นม้วนกลมๆยัดใส่ลงไปในขวดแก้วจนเรียบร้อยแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้มันถึงเวลาที่เราจะต้องนำมันมาแอบฝังลงดิน
ซึ่งขั้นตอนนั้นพี่เขาอาสาว่าเขาจะทำเอง ส่วนผมมีหน้าที่แค่ไปดูต้นทางเท่านั้น ..
พื้นที่ที่พี่เขาต้องการจะนำขวดแก้วมาไปฝังลงดิน
มันอยู่ตรงด้านข้างของร้านหนังสือนี่เอง
และเพราะมันมีทางเดินเชื่อมมายังพื้นที่ตรงนี้ พี่เขาก็เลยให้ผมมายืนเฝ้าตรงปากทาง
เพื่อที่คนอื่นจะได้จับไม่ได้ไล่ไม่ทันว่าพวกเราสองคนกำลังรวมหัวกันเล่นพิเรนท์ในบ้านของคนอื่นเขาอยู่
..
“รีบกลับกันเถอะ เผื่อคนมาเห็น ..” พี่เขาแกล้งทำหน้าตาตื่น
เลยพลอยทำให้ผมตื่นตัวไปด้วย
ก็เลยทั้งวิ่งทั้งหัวเราะไปพร้อมกันกับพี่เขาที่วิ่งจูงมือผมออกมาจากร้านหนังสือเพื่อขึ้นรถกลับบ้านด้วยกัน
..
อ่า .. วันนี้สนุกจริงๆนะ …
อย่ายิ้มเยอะนักสิอีซองมิน .. เดี๋ยวพี่เขาก็จับได้ว่าเรากำลังมีความสุขมากๆหรอก
..
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
‘Little House
in the Big Woods’ หรือหนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ ใครไม่เคยอ่านลองไปหาอ่านดูนะคะ
เป็นหนังสือที่ดีมากเลย
วันนี้มาลงเร็วหน่อย แถมยังมาแบบหวานๆด้วย หวังว่าจะถูกใจนะคะ เรื่องนี้จะไม่มีอะไรหวือหวา มันจะเรื่อยๆเปื่อยๆแบบนี้แหละ คึคึคึ ลงเร็วถือว่าฉลองซองมินมาดูฝ่าบาทไปในตัวเลยแล้วกันเนอะ คึคึคึ
แจ้งอีกเรื่อง พี่เราบอกว่า Cute Rival ตอนพิเศษยังมีเหลืออยู่อีก 1 เล่ม ใครสนใจเมลมาสั่งจองได้ตามรายละเอียดในหน้าฟิคน้องเบฟนะคะ
[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [30]