วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [30]

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
 





[30]

ตั้งแต่เปิดเรียนมา พี่เขาก็ยังไม่เคยถามไถ่กับผมถึงเรื่องที่เขาเคยบอกให้ผมทำใจกล้า เพื่อหาเพื่อนสนิทสักคนที่จะเข้ามาเป็นโลกอีกใบของผม ทั้งที่พี่เขาไม่เคยถาม แต่ผมกลับกังวลอยู่ตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะว่าผมยังทำใจกล้าทำตามคำชี้แนะของพี่เขาไม่ได้ ...
                ผมกลัวการผิดหวัง ผมกลัวการคาดหวัง เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มคิดจะทำแบบนั้น นั่นก็หมายความว่าผมได้เริ่มคาดหวังในผลลัพธ์ของมันแล้ว ผมไม่อยากเห็นใครยืนหันหลังให้ผมอีก หากพวกเขารู้ว่าผมไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ..
                ชีวิตผมในตอนนี้ มีแค่กลุ่มของพี่คยู ซองจิน และสายรหัสของทั้งสองคนก็พอแล้ว ...

                ปรื้น~ ปรื้น~

                เสียงแตร์รถดังขึ้นเบาๆตรงข้างตัวผม ทีแรกผมก็กะจะเดินให้ชิดด้านในอีกสักหน่อย แต่บังเอิญว่าผมเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนฟุตบาท จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องหลีกทางให้กับรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน จากนั้นผมก็เริ่มก้าวเดินต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกเลย ...

                ปรื้น~ ปรื้น~

                เสียงแตร์รถดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ทำให้ผมหยุดการก้าวเดินลง พลางหันหน้าไปมองยังท้องถนน เลยทันได้เห็นรถคันคุ้นตาโลดแล่นเข้ามาจอดขนาบข้าง ผมจึงเดินขยับเข้าไปใกล้กับรถคันนั้น ส่งผลให้คนในรถเลื่อนกระจกทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับลง ...
                “เมื่อเช้าพี่ส่งข้อความไปบอกน้องแฟนว่าไงครับ ?” พี่เขาแกล้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จากนั้นก็ส่งเสียงเข้มถามผมที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างๆตัวรถ

                ….” แต่ผมยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ เพราะความจริงแล้ว ผมก็ผิดคำพูดกับพี่เขาจริงๆน่ะแหละ
                “ถึงพี่จะไม่มีเรียนแต่พี่ก็ออกมารับมาส่งน้องแฟนได้ ไม่ใช่หรือไง ? แล้วทำไมน้องแฟนยังจะคิดเดินกลับบ้านเองอีก ?” พี่เขาเลิกคิ้วถาม ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

                ตั้งแต่ซองจินไปขลุกตัวอยู่กับเพื่อนๆของตัวเอง ผมก็ต้องติดรถพี่คยูมาเรียนทุกเช้า และก็ต้องรอกลับพร้อมกันทุกเย็น ซึ่งช่วงอาทิตย์แรกที่ผมยอมไปไหนมาไหนด้วย นั่นก็เพราะผมเข้าใจว่าพี่เขามีเรียนและก็เลิกเรียนพร้อมกับผมทุกวัน กว่าจะมารู้ความจริงอีกที ก็ปาเข้าไปสองสามอาทิตย์ของการเปิดภาคเรียนแล้ว ..
                ดังนั้นวันไหนที่เป็นวันหยุดของพี่เขา ผมก็จะตัดสินใจมาเรียนเองและกลับเอง เพื่อที่พี่เขาจะได้มีเวลาพักผ่อนนานๆ...
               
                จะขึ้นมาดีๆ หรือจะให้พี่ลงไปอุ้ม ..’ พอพี่เขาเห็นผมยังทำตัวไร้ปฏิกิริยาตอบรับอยู่อย่างนั้น พี่เขาก็ใช้ภาษามือข่มขู่ผมอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่น ครั้นพอสมองของผมมันแปลความหมายที่พี่เขาต้องการสื่อออกมาได้ ผมก็รีบเปิดประตูและทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะนั่งข้างคนขับทันที
                ซึ่งใบหน้าของผม มันยังไม่หายร้อนฉ่าดีด้วยซ้ำ

                พอผมขึ้นมานั่งบนรถจนเรียบร้อย พี่เขาก็รีบออกรถพุ่งทยานไปข้างหน้าในทันที แถมยังอารมณ์ดีที่ได้แกล้งผมอย่างออกนอกหน้าอีกต่างหาก
                พี่เขาเปิดเพลงคลอเบาๆ พลางผิวปากไปตามทำนองเพลงที่เล่นอยู่ อีกทั้งสองฝ่ามือของพี่เขาก็ยังเคาะพวงมาลัยรถเป็นจังหวะจะโคน
                ท่าทางของพี่เขานี่มันน่าโมโหจริงๆ

                “เมื่อเช้าใครที่ไหนก็ไม่รู้ แอบมาทำอ้วกหมาไว้ให้พี่กิน ส่วนตัวเองก็ออกไปเรียน ..
                 “ม..ไม่ .. ..ใช่ ..อะ ..อ้วก ..หะ ....มะ ..หมา” ผมรีบขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินพี่เขาพูดถึงเมนูโปรดของผม
                ฮึ่ย! ทำไมพี่เขาชอบเรียกของโปรดผมแบบนี้!
                เล่นเอาหมดราคาไปเลย!

                “มะ ..ไม่ใช่ ..อ้วก .. หะ ..หมา ..” พี่เขาทำเสียงล้อเลียนผม พลางหัวเราะเสียงระรื่น ผมจึงได้แต่ทำแก้มอูม จากนั้นก็ลงไม้ลงมือฟาดไหล่พี่เขาไปเต็มๆ
                “ตีพี่เหรอ ? ระวังคืนนี้พี่จะเอาคืนไม่รู้ด้วย .. ยิ่งได้เลื่อนขั้นมานอนบนเตียงแบบนี้ ยิ่ง ” ผมไม่รู้จะทำยังไงถึงจะหยุดคำพูดน่าอายพวกนี้ของพี่เขาได้ จึงตัดสินใจเอื้อมมือไปเพิ่มเสียงเพลงให้มันดังขึ้น จนกลบเสียงพูดของพี่เขาไปเลย
                แต่เห็นทีหูผมต้องอื้อแน่ๆ
เพราะผมเผลอไปหมุนโวลลุ่มจนสุดเลยน่ะสิ!
                “ตายๆ หูพี่จะหนวกซะแล้วมั้ง ..” พอมาถึงที่หมายและลงจากรถเรียบร้อย พี่เขาก็สะบัดหัวของตัวเองไปมา พลางยกมือขึ้นตบข้างหูของตัวเองเบาๆ
                “ฮื่อออ” ผมส่งเสียงประท้วง ขณะที่เท้าก็ก้าวเดินตามพี่เขาเข้าไปด้านในของร้านหนังสือที่ผมกับพี่เขาชอบมาหาซื้อหนังสือสำหรับฝึกอ่านด้วยกัน ..

                ร้านหนังสือร้านนี้ เป็นร้านที่เราพบเจอโดยบังเอิญ เนื่องจากว่าร้านนี้มันอยู่ห่างไกลจากมหาลัยของเราพอสมควร แต่เนื่องด้วยเวลาว่างในช่วงก่อนเปิดเทอมภาคเรียนใหม่มันมีอยู่มาก พี่เขาก็เลยพาผมมาหัดขับรถ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะผมสั่นหัวไม่เอาท่าเดียว
                สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการมาหาซื้อหนังสือ เพื่อใช้ในการฝึกอ่านออกเสียงแทน ..

                บรรยากาศของร้านนี้จะเงียบสงบ และโอบล้อมไปด้วยกลิ่นไอของหนังสือและธรรมชาติ ภายในตัวบ้านสีขาวหลังไม่เล็กไม่ใหญ่จะเป็นสวรรค์ชั้นเลิศของหนอนหนังสือทุกราย และร้านหนังสือแห่งนี้ยังอนุญาตให้หนอนหนังสือทุกคนหยิบจับหนังสือที่ตนเองพึงพอใจออกมานั่งอ่านตรงเก้าอี้ในสวน หรือไม่ก็นั่งอ่านอยู่ในบ้าน โดยไม่เสียเงินซื้อก็ได้
                นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ต่อให้ร้านนี้อยู่ห่างไกลจากสังคมเมืองมากแค่ไหน ก็ยังมีคนดั้นด้นหาพิกัดร้านจนเจอ ..

                เมื่อเข้ามาในร้าน ผมกับพี่คยูก็แยกย้ายกันไปคนละทางเพื่อเลือกหนังสือที่ตัวเองต้องการ วันนี้ผมเลือกเดินไปยังหมวดหมู่ของวรรณกรรม เนื่องจากว่าหลายวันมานี้ผมอ่านแต่หนังสือที่มันอ่านได้ในระยะสั้นก็หมดเล่มแล้ว ผมจึงเลือกที่จะอ่านวรรณกรรมเป็นลำดับต่อไป
                ผมเลือกอ่านวรรณกรรมแปลชุด ‘Little House in the Big Woods’ ของ ‘Laura Ingalls Wilder’ เนื้อเรื่องจะเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเล็กๆในกระท่อมไม้ซุง ในป่าใหญ่ทางทิศตะวันตกของรัฐวิสคอนซิน เมื่อปลายศตวรรษที่ 19 เหตุผลที่ผมเลือกอ่านหนังสือชุดนี้เพราะมันเป็นหนังสือวรรณกรรมสำหรับเยาวชนที่ได้รับรางวัลมากมาย บวกกับการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ จึงทำให้ผมเลือกที่จะหยิบมันขึ้นมาอ่านแม้ว่าจะต้องอ่านจนตาแฉะก็ตาม ..
               
                ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่มุมประจำของเรา จากนั้นไม่นานพี่คยูก็เดินเข้ามาสมทบในภายหลัง แต่พี่เขาไม่ได้มาพร้อมกับหนังสือแค่อย่างเดียว เพราะพี่เขากลับมาพร้อมกับขนมหวานซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากทางร้านหนังสือที่จัดบริการเพิ่มเติมให้กับหนอนหนังสือที่รักการอ่านและการกินไปพร้อมๆกัน ..
                ซึ่งของหวานของที่นี่ ก็เป็นอีกหัวใจหลักของร้านนี้เลยนะ ที่ทำให้ผู้คนพากันติดใจ ..
            แถมราคาก็ไม่แพงด้วย

                หลังจากที่ผมขนมหวานที่พี่คยูซื้อมาให้ลองชิมจนหมด ผมก็หันมาสนใจหนังสือที่ผมเลือกหยิบมาอ่านเหมือนเดิม ขณะที่พี่เขาก็อ่านหนังสือที่เขาไปเลือกหยิบมาเช่นเดียวกัน ..
                และแล้วความเงียบก็คลืบคลานเข้ามาหาเราสองคนทีละนิด ..

                ผมนั่งอ่านหนังสือเป็นเวลานาน จนเริ่มปวดตาก็เลยเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศรอบตัวเพื่อให้ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่แล้วผมก็เห็นพี่เขากำลังตั้งใจทำไม้ทำมือ ตามข้อความในหนังสืออย่างตั้งใจ พี่เขาเอากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถวางทับหน้าหนังสือเอาไว้ เพื่อไม่ให้ลมมันพัดปลิวไปหน้าอื่น
                อาจารย์คนเก่งกำลังตั้งใจกับบทเรียนใหม่ที่จะต้องนำไปสอนทุกคนในกลุ่ม จนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังตกเป็นเป้าสายตาของผมอยู่ รูปหน้าของพี่เขาดูดีมากยามที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง หว่างคิ้วของพี่เขาจะขมวดกันเป็นปม ขณะที่ความสนใจของพี่เขาก็จะพุ่งเป้าไปในสิ่งที่เขากำลังสนใจเป็นพิเศษ
                ริมฝีปากของพี่เขาจะชอบเม้มแน่น ยามที่เขากำลังใช้ความคิดในการตีความตัวหนังสือให้เป็นภาษามือด้วยท่าทาง
                อ่า ใจของผมมันเต้นแรงจัง
                ผมต้องทำยังไง มันถึงจะเต้นเบาลงนะ ?

            “ย๊า!~~ จำยากชะมัด” อยู่ๆพี่เขาก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่เขาอ่าน พลางยืดแขนขึ้นกลางอากาศจนสุด พร้อมกับร้องตะโกนออกมาเบาๆ ซึ่งการกระทำของพี่เขา มันทำให้ผมทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที ..
                “น้องแฟนไม่สบายเหรอ หน้าแดงเชียว ” พอพี่เขายืดเส้นยืดสายจนเรียบร้อย เขาก็หันมาสนใจผมที่ตอนนี้กำลังพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่เพราะคำพูดของพี่เขานั่นแหละที่ทำให้ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอเสียอึกใหญ่ ก็พี่เขาเล่นถามผมเหมือนกับเขาคิดว่าผมไม่สบายจริงๆ ทั้งๆที่น้ำเสียงและสีหน้าของพี่เขามันกำลังฟ้องว่าพี่เขารู้ความจริงทั้งหมดแล้วว่าผมกำลังเขินเขาอยู่
                บ้าจริง ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ

                “ม..มอง อะ ..อะไร” ผมเม้มปาก พลางถามพี่เขากลับไป เมื่อผมแอบเหลือบมองพี่เขา แล้วยังเห็นว่าพี่เขายังนั่งมองผมอยู่
                “มองน้องแฟนไง จะได้หายกัน ..” ไม่จริงน่า! ที่พี่เขาตอบมาแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าพี่เขารู้เห็นการกระทำของผมตั้งแต่ต้นหรอกใช่มั้ย ?
                ฮือออออ ผมควรจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี ?

                ในเมื่อผมไม่อาจหาทางออกให้ตัวเองได้ ผมจึงถอยเก้าอี้ไปด้านหลัง แล้วก็รีบลุกออกจากโต๊ะและเดินเข้าไปด้านในของร้านหนังสือทันที ผมเดินดุ่มๆเข้าไปในร้าน แล้วก็หยุดยืนอยู่ตรงมุมในสุดของร้าน พลางยกมือขึ้นตีหน้าอกตรงตำแหน่งของหัวใจอยู่หลายที เพราะตอนนี้มันชักจะเต้นแรงมากเกินไปแล้ว
                “การเดินหนีไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ” ผมสะดุ้งขึ้นมาอีกหน เมื่อฝ่ามือใหญ่วางลงบนศีรษะของผม พร้อมกับเสียงอันคุ้นเคยจากคนที่ผมเพิ่งจะเดินหนีเขามาเมื่อครู่

                “เพราะยังไงน้องแฟนก็ยังเขินพี่อยู่ดี ..” พี่เขาเอามือออกจากหัวของผมแล้ว เมื่อตัวเขากำลังหันหลังพิงกำแพง พลางกอดอกและมองตรงไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นเบื้องหลังที่ผมไม่อาจมองเห็น ..
                “ในนี้มันดีใจนะเวลาที่น้องแฟนออกอาการเขิน ..” พี่เขาเอื้อมมือมาฉวยฝ่ามือของผมไปวางแปะอยู่บนหน้าอกของเขา ให้รับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่มันก็รุนแรงไม่แพ้อัตราการเต้นของหัวใจผมนัก ..

                ผมเหมือนคนใกล้ตาย รู้สึกเหมือนจะหมดหายใจไปดื้อๆ ผมก็เลยพยายามจะยื้อยุดฉุดข้อมือของตัวเองให้รอดพ้นจากฝ่ามือของพี่เขา แต่ยิ่งผมพยายามจะชักมือกลับ ฝ่ามือของพี่เขาก็ยิ่งออกแรงกำให้มันแน่นขึ้น จนสุดท้ายฝ่ามือของผมก็ต้องจำใจวางแปะลงบนหน้าอกข้างซ้ายเพื่อรับรู้อัตราความชอบของพี่เขาจากจังหวะการเต้นของหัวใจ
                “เขินแฮะ .. พวกนักแสดงนี่เวลาถ่ายหนังแล้วต้องพูดอะไรทำนองนี้ไม่เลี่ยนกันบ้างหรือไง ..” พี่เขาปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ จากนั้นเขาก็หันไปหยิบหนังสือจากมุมด้านขวามือมาเปิดอ่าน ..
                นี่พี่เขาไปดูหนังเรื่องไหนมากันนะ ถึงได้เอามาเลียนแบบกับผมได้
อย่าให้รู้นะ ผมจะหักแผ่นทิ้งให้หมดเลย!

“ไทม์แมชชีน ?” พี่เขาก้มหน้าอ่านหนังสือสักพัก เขาก็อุทานออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็เก็บหนังสือเล่มนั้นเข้าชั้นวางหนังสือเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็รีบคว้าข้อมือของผมให้เดินตามกันไป
“อ..อะไรครับ ..” ผมถามอย่างสงสัยปนตกใจกับท่าทางหุนหันพลันแล่นของพี่เขา

“ไทม์แมชชีน .. แคปซูลไทม์แมชชีน”
“ครับ ?

“เรามาลองฝังแคปซูลไทม์แมชชีนแบบในหนังสือเล่มนั้นดูบ้างดีมั้ย? อีกสักห้าปี .. ไม่สิสิบปีดีกว่า เราถึงค่อยมาเปิดดูด้วยกัน ..” พี่เขาจูงมือผมมานั่งบนโต๊ะตัวเดิมของเรา จากนั้นพี่เขาก็เดินไปนั่งที่ของตัวเองเมื่อเขากดไหล่ให้ผมนั่งตรงที่ของผมจนเรียบร้อยแล้ว สีหน้าของพี่เขาดูตื่นเต้นราวกับเด็กเมื่อเขากำลังคิดอยากจะทำอะไรสักอย่างขึ้นมา
“ส..สิบ ..ปะ ..ปี” ผมส่งเสียงพูดคล้ายกับอุทานออกมาเบาๆเพียงคนเดียว แต่มันคงดังจนพี่เขาได้ยิน เขาก็เลยพยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้ผม
สิบปี .. มันไม่นานไปเหรอ ?
นานขนาดนั้น ผมจะมีโอกาสได้มาเปิดแคปซูลไทม์แมชชีนอ่านพร้อมกับพี่เขาหรือเปล่า ?

“ทะ ..ทำ ..อะ ..ไรครับ ?” ผมกระเด้งลุกขึ้นยืนทันที เมื่อพี่เขาปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ เพื่อแอบขโมยขวดแก้วที่ทางร้านแขวนห้อยเอาไว้กับกิ่งไม้ใหญ่เพื่อเอาไว้ใส่ดอกไม้สดประดับตกแต่งร้านให้ดูละมุนละไมขึ้น ..
“แอบขโมย .. น้องแฟนอย่าเสียงดังสิ เจ้าของร้านเพิ่งจะเดินเข้าร้านไปเองนะ ..” ผมหันรีหันขวางอย่างตื่นตระหนก เพราะผมกำลังกลัวว่าเจ้าของร้านเขาจะเดินออกมาเห็นการกระทำของพี่คยูเข้า ..

“น้องแฟนฉีกกระดาษมา เรามีเวลาไม่มากนะ รีบเขียนเลย ..” พี่เขาแอบเอาขวดแก้วที่เพิ่งขโมยมันมาได้วางไว้กับพื้นตรงขาเก้าอี้ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของใครต่อใครที่เดินเข้าออกอยู่ตรงปากประตูร้านหนังสือ
แล้วพี่จะให้ผมเขียนอะไรล่ะครับ ?’ ผมเขียนข้อความลงในสมุดปกแข็งเล่มเล็ก พลางยื่นให้พี่เขาอ่าน

น้องแฟนก็เขียนถึงพี่..ส่วนพี่ก็เขียนถึงน้องแฟนไง ..’ พี่เขาเขียนข้อความใส่ในกระดาษ พลางเลื่อนมาตรงหน้าผมเพื่อที่ผมจะได้อ่าน จากนั้นพี่เขาก็ยึดสมุดของผมไปฉีกกระดาษเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการเขียนข้อความถึงกันและกัน ..
หากผมเขียนข้อความลงในกระดาษแผ่นนี้ที่พี่เขาฉีกมาให้ นั่นก็เท่ากับผมกำลังคาดหวัง ผมควรจะเขียนดีไหม ? หากวันข้างหน้าผมต้องผิดหวังล่ะ ?
มันจะเจ็บเพราะการกระทำในวันนี้หรือเปล่า ?

“อนาคตถึงจะไม่แน่นอน .. แต่เราก็สามารถทำให้มันแน่นอนได้นะ ..” พี่เขาพูดขณะที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาเขียนข้อความโดยที่ผมมองไม่เห็นว่าพี่เขากำลังเขียนถึงผมว่ายังไง

ผมกำลังหันรีหันขวางอีกครั้ง เมื่อเราสองคนเขียนข้อความใส่ในกระดาษและพับมันเป็นม้วนกลมๆยัดใส่ลงไปในขวดแก้วจนเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งตอนนี้มันถึงเวลาที่เราจะต้องนำมันมาแอบฝังลงดิน ซึ่งขั้นตอนนั้นพี่เขาอาสาว่าเขาจะทำเอง ส่วนผมมีหน้าที่แค่ไปดูต้นทางเท่านั้น ..
พื้นที่ที่พี่เขาต้องการจะนำขวดแก้วมาไปฝังลงดิน มันอยู่ตรงด้านข้างของร้านหนังสือนี่เอง และเพราะมันมีทางเดินเชื่อมมายังพื้นที่ตรงนี้ พี่เขาก็เลยให้ผมมายืนเฝ้าตรงปากทาง เพื่อที่คนอื่นจะได้จับไม่ได้ไล่ไม่ทันว่าพวกเราสองคนกำลังรวมหัวกันเล่นพิเรนท์ในบ้านของคนอื่นเขาอยู่ ..

“รีบกลับกันเถอะ เผื่อคนมาเห็น ..” พี่เขาแกล้งทำหน้าตาตื่น เลยพลอยทำให้ผมตื่นตัวไปด้วย ก็เลยทั้งวิ่งทั้งหัวเราะไปพร้อมกันกับพี่เขาที่วิ่งจูงมือผมออกมาจากร้านหนังสือเพื่อขึ้นรถกลับบ้านด้วยกัน ..
อ่า .. วันนี้สนุกจริงๆนะ
อย่ายิ้มเยอะนักสิอีซองมิน .. เดี๋ยวพี่เขาก็จับได้ว่าเรากำลังมีความสุขมากๆหรอก ..

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>


‘Little House in the Big Woods’ หรือหนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ ใครไม่เคยอ่านลองไปหาอ่านดูนะคะ เป็นหนังสือที่ดีมากเลย


            วันนี้มาลงเร็วหน่อย แถมยังมาแบบหวานๆด้วย หวังว่าจะถูกใจนะคะ เรื่องนี้จะไม่มีอะไรหวือหวา มันจะเรื่อยๆเปื่อยๆแบบนี้แหละ คึคึคึ ลงเร็วถือว่าฉลองซองมินมาดูฝ่าบาทไปในตัวเลยแล้วกันเนอะ คึคึคึ
                แจ้งอีกเรื่อง พี่เราบอกว่า Cute Rival ตอนพิเศษยังมีเหลืออยู่อีก 1 เล่ม ใครสนใจเมลมาสั่งจองได้ตามรายละเอียดในหน้าฟิคน้องเบฟนะคะ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น