Mistake
Misatake 28
เมื่อคืนหลังจากไอ้ทิสเทคมันสบายอกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ท้องไส้ของมันก็เริ่มร้องประท้วงอย่างหนัก
แล้วลองคิดดูว่าดึกดื่นขนาดนั้นร้านอาหารที่ไหนมันจะยังเปิดขายอยู่ล่ะวะ
ดีที่คอนโดกูมีบะหมี่ให้แดก ไม่งั้นนะมึงเอ้ย ได้มีคนหิวจนไส้ขาดแน่ …
“ถ้าเที่ยงแล้วกูยังไม่ลงมาคอยหน้าออฟฟิศ
มึงโทรตามกูเลยนะ..” ผมลงจากรถ แล้วก็เดินอ้อมไปหยุดยืนตรงหน้ากระจกด้านข้างคนขับ
พลางเคาะหลังมือลงบนกระจกเบาๆ ไม่นานนักไอ้มิสเทคมันก็ลดกระจกลง
ผมเลยยืนท้าวแขนกับขอบหน้าต่างคุยเพื่อกับมัน
“อืม”
“ขับรถดีๆนะมึง
อย่าลืมจัดกระเป๋าให้กูด้วย ..” ผมยืดตัวตรง พลางถอยออกห่างจากตัวรถเพียงเล็กน้อยเมื่อเริ่มกล่าวคำอำลา
เพื่อเตรียมตัวแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง คืออย่างนี้ระหว่างรอผล
ท่านประธานเขาให้สิทธิ์มันลาพักผ่อนได้หนึ่งอาทิตย์
ส่วนผมเมื่อคืนได้โทรไปขอลาหยุดกับท่านประธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่านก็อนุมัติแต่มีข้อแม้ว่าถ้ากลับมาทำงานต่อเมื่อไหร่
ผมจะต้องเคลียร์งานของตัวเองให้ทัน
บริษัทนี้เขาไม่ซีเรียสเรื่องวันลาวันหยุดนะ
คือคุณจะหยุดเป็นอาทิตย์ก็ได้ แต่ว่าคุณจะต้องกลับมาสะสางงานของคุณให้เสร็จสิ้นให้เร็วที่สุด
ซึ่งการทำงานกับบริษัทที่มีสาขามากมายทั่วประเทศแบบนี้ งานของคุณจะมีเข้ามาทุกวัน
เพราะการทำงานของสาขาไม่มีวันหยุด ..
ฉะนั้นมีปัญญาหยุดได้คุณหยุดไป แต่ถ้างานที่คุณรับผิดชอบเกิดทำไม่ทันขึ้นมาเมื่อไหร่
..
หัวหน้ามันเอามึงตายอย่างเขียดสถานเดียว
กูบอกเลย!
“ไงมึง ขี้แข็งแล้ว ?” ผมที่กำลังจะสแกนบัตรเพื่อตอกเวลาเข้าทำงาน
มีอันต้องหยุดชะงักกับคำถามเหี้ยๆของไอ้เพื่อนเหี้ยในทันที ..
“สัส .. มึงมีกายหยาบเท่านั้นไม่พอ
สันดานยังเสือกหยาบอีกด้วย ..” ผมสบถด่าไอ้มินโฮเน้นๆ
แล้วก็หันไปสแกนบัตรตรงเครื่องสแกน ก่อนจะเดินเลี้ยวขวาเข้ามาในห้องทำงาน …
“ด่ากูเน้นๆยังพอทน แต่น้ำลายกระเซ็นนี่มันยังไง ?”
ไอ้มินโฮมันโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานของผม พลางกอดอกมองหน้าหาเรื่องกูเต็มที่ ..
แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้เชี่ย กูไปด่ามึงน้ำลายกระเซ็นตอนไหน
แม่งปรักปรำกู ..
“มึงต้องแดกน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าเชื้อโรคมั้งไอ้สัส” เลว! ไอ้หัวหน้าส้นตีนแม่งแนะนำลูกน้องได้ดีมาก เหี้ยเหอะ
ด่ากูซะอ้อมโลกแบบนั้น กูว่ามึงด่ากูเป็นตัวเชื้อโรคซึ่งๆหน้าเลยดีกว่ามั้ย ?
“เงียบปากเลยไอ้พวกเชี่ย กูมีงานการต้องสะสาง ไม่ต้องเสือกมายุ่งกับกู …” ผมด่าพวกแม่งอย่างเหลืออด จากนั้นก็คว้าแก้วกาแฟเดินขึ้นไปบนห้องครัว
เพื่อชงกาแฟมาดื่มระหว่างทำงาน เห้อ แค่เช้าวันแรกของการทำงาน
กูก็เซ็งพวกแม่งจะแย่ เสือกกวนตีนกูได้ตลอด
“ชงให้กูแก้วดิ ..” ไอ้ซีวอน
ไอ้ห่าคุณชาย แม้แต่ชงกาแฟแดกเองยังชงไม่เป็น
“ใช่เรื่อง อยากแดกก็ชงเอง
งานกูมีเยอะแยะ ..” ผมส่ายหัว พลางมองนาฬิกาเพื่อดูเวลาว่านี่กูเสียเวลาไปกี่วินาทีแล้ว
ประเดี๋ยวตอนบ่ายไอ้มิสเทคมันมารับแล้วงานกูเคลียร์ไม่ทันจะแย่เอา
“คนอย่างมึงนี่แม่งไม่รู้จักคำว่าน้ำใจเลยไอ้สัส
.. ว่าแต่เมียมึงโอเคนะ ?” ไอ้ซีวอนแม่งถีบก้นกู ไอ้เหี้ย
รอยฝ่าตีนติดกางเกงกูเลอะเทอะไปหมด ..
เชี่ย! กูมีเพื่อนกี่คนแม่งก็เชี่ยกันทั้งนั้น!
“ก็น่าจะโอเคมั้ง .. มึงว่าท่านประธานจะเขี่ยมันทิ้งจริงๆเหรอวะ
?” ผมถามไอ้ซีวอนเมื่อสมองเริ่มเข้าสู่โหมดเคร่งเครียด
“ไม่รู้ดิ .. แต่แผนกการตลาดครอสมันเต็มแล้วนี่
ถ้าไม่เขี่ยทิ้งจะให้เก็บเอาไว้ตรงไหนวะ ?” เงียบแดกสิกู
เล่นอ้างถึงครอสกันโต้งๆแบบนี้ แต่ว่า .. มิสเทคมันเก่งนะเว้ย
แถมพี่กูยังซื้อตัวมาชนิดที่แบบว่าหว่านล้อมสุดๆเลยนะเว้ย
จะทิ้งง่ายๆไม่เสียดายเงินแบบนี้ สุรุ่ยสุร่ายไปหรือเปล่าวะ ?
“ไอ้เชี่ยยยยยย! อย่าทำกูไขว้เขว”
ผมด่าไอ้ซีวอนอย่างคนต้องการที่ระบายอารมณ์ จากนั้นผมก็ยีหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
ถึงค่อยคว้าแก้วกาแฟของตัวเองถือติดมือกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองด้วย ..
‘โจวอารา อยากให้ฉันบ้าตายนักใช่ไหมถึงเงียบหายไปแบบนี้ .. เลิกทดสอบได้แล้ว ห้ามๆเข้าใจมั้ย.. ’ ทันทีที่ก้นแตะลงบนเก้าอี้
ผมก็รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหาพี่สาวของตัวเองอย่างคนสติแตก …
เพราะไอ้ซีวอนแม่งคนเดียว จากที่ความเชื่อมั่นของกูมีเต็มร้อย …
ณ ตอนนี้มันหดเหลือแค่ศูนย์เองนะเว้ย!
“เมียทิ้งแล้วมั้ง
บ่ายโมงแล้วยังไม่มา …” กูเกลียดไอ้สี่ตัวนี่จริงๆ ได้เวลาทำงานแล้วมั้ย
ทำไมยังไม่เสือกไปทำงานกันอีก มานั่งเฝ้ากูรอมิสเทคมันเพื่ออะไรไอ้พวกห่านี่ …
“ไม่ใช่ว่าซองมินมันเครียดจัด เส้นเลือดแตกคาห้องไปแล้วเหรอวะ ?” ไอ้เชี่ยมินโฮ กูขอโบกหัวมึงเน้นๆ
ไม่พูดคงไม่มีเขาหาว่ามันเป็นใบ้หรอกมั้ง ..
“ไอ้พวกเหี้ย ขึ้นไปทำงานเดี๋ยวนี้ อย่าให้กูเล่นไม้แข็ง
เดี๋ยวพวกมึงจะหนาว ..” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา พลางกดเข้าไปในสมุดโทรศัพท์ที่ผมเมมเบอร์พี่อาราเอาไว้
จากนั้นก็โชว์ให้พวกมันดูว่าถ้าหากยังเสือกมากวนตีนกูอยู่อีก กูโทรฟ้องพี่กูแน่ว่าพวกมึงอู้งาน
รับรองพวกมึงโดนหักเงินเดือนชัวร์ป้าป ..
“อูยยย .. เล่นของสูง
พวกผมไปทำงานแล้วก็ได้ครับคุณคยูฮยอน ..” ไอ้ชางมิน
ไอ้หัวหน้าเวรตะไลมันทำตัวนอบน้อมใส่ผมอย่างกวนตีนสัสๆ
พอกูทำท่าว่าตีนจะกระตุกพวกแม่งทั้งหมดก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ..
“มึงอยู่ไหนแล้ว ?” บ่ายสองแล้ว
นี่มันเลยเวลานัดโคตรๆแล้วนะเว้ย กูเลยต้องโทรตามอย่างเร่งด่วน
ไม่ใช่อะไรกูเป็นห่วงมัน กลัวจะเกิดเรื่องไม่พึงประสงค์
“กำลังจะขับเข้ามาในบริษัทแล้ว
มึงออกมายืนรอเลย”
“กูมายืนรอมึงหน้าตึกนานแล้วเถอะ ..” ผมบ่นพลางกดวางสาย
เมื่อสายตามองเห็นรถคันคุ้นเคยขับเข้ามาจอดเทียบท่าตรงหน้าออฟฟิศ ..
“ทำอะไรอยู่วะ … ช้าว่ะ …” ผมเดินดุ่มๆไปเปิดประตูด้านข้างคนขับ
แล้วก็ต้องหยุดชะงักไปพักหนึ่ง เมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาคนหนึ่งกำลังนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของผมอยู่
...
คือไอ้เชี่ยนี่แม่งเป็นใครวะ ?
“ไม่ทราบว่ามึงเป็นใครถึงได้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของกูได้
?” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พลางกำคอเสื้อของไอ้เชี่ยนี่อย่างโมโห
ก็ดูแม่งดิ ทำเป็นลอยหน้าลอยตา แถมยังมองกูเหมือนอากาศธาตุอีก ไอ้สัส กวนส้นตีน!
“แล้วมึงล่ะเป็นใคร ?” โอยไอ้เหี้ย
กูปรี๊ดจนเกือบจะซัดหน้าไอ้ห่านี่เข้าให้แล้ว
ถ้าไอ้มิสเทคแม่งไม่รีบวิ่งลงจากรถตั้งแต่ตอนที่กูกำลังจะมีเรื่องแล้วเข้ามาชาร์ตตัวกูแบบนี้ล่ะก็นะ
กูรับรองเลยว่าไอ้หน้าจืดนี่ได้หน้าแหกคาหมัดกูแน่ ..
“ปล่อยกูไอ้มิสเทค กูจะต่อยมัน แม่งเสือกกวนตีนกู ..”
ผมดีดดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี จนในที่สุดกูก็เป็นอิสระ
“อย่าทำน้องกูไอ้คยู..”
มิสเทคมันรีบเข้ามาชาร์ตตัวผมอีกรอบ แต่คราวนี้กูหยุดบ้าคลั่งได้ด้วยตัวเอง
เพราะประโยคบอกเล่าของมันประโยคเดียว …
น้องชายที่ตาบอดน่ะเหรอ ?
“เมื่อกี้กูขอโทษมึงแล้วกัน ..” ผมเบลอไปชั่วขณะ
แล้วพอรู้ว่าตัวเองผิด ผมเลยขอโทษน้องชายของมันไป
“อืม .. พี่จะไปทำธุระต่อไม่ใช่เหรอ
? รีบไปส่งผมที่บ้านเถอะ ..”
น้องชายของไอ้มิสเทคหันหน้ามาทางผม และยกยิ้มบางๆ
แต่คือรอยยิ้มนั้นไม่ได้มีให้กูนะเว้ย ไอ้เด็กนั่นมันยิ้มให้พี่ชายของมันต่างหาก
แต่เพราะมันมองไม่เห็นก็เลยยิ้มมั่วซั่ว ..
“อ้อ อื้ม .. เดี๋ยวกูจะพาน้องไปส่งบ้าน
มึงไปนั่งข้างหลังก่อนแล้วกัน ..” มิสเทคมันกระตุกแขนผม
พร้อมกับเปิดประตูรถด้านหลังให้อย่างดิบดี เจออย่างงี้กูเลยยอมอย่างไม่มีข้อแม้ ..
“ไอ้คยู ..นี่อีซองจินน้องชายกูเอง ..” ระหว่างขับรถท่ามกลางความเงียบ
ไอ้มิสเทคมันก็เป็นหน่วยกล้าตายแนะนำน้องชายของมันให้ผมรู้จัก
“อืม” ผมพยักหน้ารับพลางส่งเสียงเป็นเชิงว่ารับรู้ในลำคอ
“ซองจินนั่นโจวคยูฮยอน .. เอ่อ .. เป็น …” มิสเทคมันอ้ำอึ้งอยู่นานสองนาน
จนกูลุ้นจนไส้กิ่ว คือแม่งอายจนหน้าแดงเลยมั้งนั่น ถึงได้พูดไม่เป็นคำซะแบบนั้น ..
“พูดให้ดีนะมึง ..” ผมโน้มตัวไปกระซิบขู่เบาๆตรงซอกเบาะทางฝั่งคนขับ
แล้วก็กลับมานั่งกอดอกตัวตรงเหมือนเดิม
“แฟน ?”
แต่จู่ๆอีซองจินมันก็เฉลยคำตอบที่กูอยากได้ยินจากไอ้มิสเทคขึ้นมาซะงั้น
คือน้องครับ
พี่อยากได้ยินแฟนพี่แนะนำตัวพี่เว้ย!
มึงจะรีบฉลาดทำไมนักหนา !!!!
“อืม ..”
ไอ้มิสเทคมันตอบน้องชายของมันงึมงำในลำคอ
“มีแฟนกับเขาสักทีนะ วันๆเห็นพี่ยุ่งแต่เรื่องของผมจนผมคิดว่าพี่จะขึ้นคานแล้ว
.. ” อีซองจินแปะป่ายมือลงบนใบหน้าของไอ้มิสเทค
แล้วจากนั้นก็ลูบหัวเบาๆราวกับเอ็นดู เห็นแล้วกูรู้สึกว่ามันสองคนกำลังสลับหน้าที่กันอยู่มั้ย
.. คือไหงน้องชายถึงได้ทำท่าทางราวกับเอ็นดูพี่ชายไปได้วะ..
“ไอ้บ้า .. ดูพูดเข้า
ไม่มีหวงกันเลย ..” มิสเทคมันยกยิ้ม
แล้วก็จับมือซนๆของน้องชายมันออกจากหัวของมัน
“ก็หวงนะ แต่เล่นขนเสื้อผ้าไปอยู่กับเขาแล้วจะให้ผมทำไง
.. พี่อย่าทำให้ซองมินเสียใจนะ ผมอยากให้ซองมินมีความสุขที่เป็นของตัวเองบ้าง
..” ผมงงไปพักใหญ่
เมื่ออยู่ๆไอ้ซองจินมันก็หันมาพูดจาฝากฝังซองมินกับผมเสียอย่างดิบดี
“อืม .. มึงไม่ต้องห่วง
กูจะดูแลพี่มึงอย่างดี ..”
“ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นนะเว้ยพี่ ..”
“เออ” ผมตอบรับไอ้ซองจินอย่างหนักแน่น
น่าแปลกที่มันกับผมดันเข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
จากทีแรกผมมองว่าไอ้ซองจินมันดูจะเข้ากับคนอื่นยาก แต่เปล่าเลย
มันกลับวางตัวสบายๆใส่ผมเสียอย่างนั้น
“ซองจินไม่โกรธพี่เหรอที่ช่วงนี้พี่ชอบทิ้งให้นายอยู่คนเดียวบ่อยๆ
..” มิสเทคมันถามพลางลูบหัวน้องชายของมันเบาๆระหว่างรถกำลังติดไฟแดง
“ผมอยู่คนเดียวซะที่ไหน
เซอึนก็อยู่ ..พี่เลิกคิดมากเถอะ ผมอยู่ในสภาพแบบนี้มาตั้งนาน ผมช่วยเหลือตัวเองได้น่า ..”
“..”
“จริงๆนะพี่ เชื่อผมเถอะ
ผมเก่งจะตายพี่ก็รู้ ..” อีซองจินยังคงพูดเจื้อยแจ้วกับพี่ชายของตัวเองไม่หยุด
เพราะเขากำลังกล่อมให้พี่ของเขาสบายใจและไม่เป็นห่วงเขามากนัก
“มากอดหน่อย ..”
พอขับรถมาถึงบ้านไอ้มิสเทคมันเรียบร้อยแล้ว
อีซองจินก็รีบเดินลงจากรถแล้วเปิดประตูรั้วบ้านอย่างคล่องแคล่ว ส่วนกูนี่ตกใจจนตาเหลือกเพราะกลัวว่าน้องมันจะเดินชนโน่นชนนี่เข้าให้
“ถอยไปห่างๆเลย ผมโตแล้ว ..”
อีซองจินแกว่งมือไปมาจนรอบทิศทางเพื่อไม่ให้ไอ้มิสเทคมันเข้าไปกอด
“ทุกทียังให้กอดเลย .. อายไอ้คยูมันเหรอ
โห อายเป็นด้วย ..” มิสเทคแม่งกวนตีนน้องตัวเองหรือเปล่าวะ
ยืนยิ้มร่าเลยเนี่ย
“จะไปไหนก็ไปเลยไป .. พี่เอาซองมินไปแล้วไม่ต้องเอามาคืนเลยนะ
กวนประสาทแบบนี้ไม่รับคืนแล้ว ..”
อีซองจินคลำทางมาหาอีซองมิน แล้วก็ออกแรงดันหลังไล่ให้ออกไปจากเขตรั้วบริเวณบ้าน
“ถ้ามึงไม่รับคืน
ก็อย่าโทรมาทวงแบบคืนนั้นนะเว้ย รู้มั้ยมันเดือดร้อนกู ..” ผมอมยิ้มพลางตบมุขกับน้องชายของมันอย่างเข้ากันได้ดี
“พี่.. ผมฝากด้วยนะ ..” พอถูกผลักจนออกมายืนข้างนอกบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีซองจินก็ย้ำกับผมอีกครั้งคล้ายกับกลัวว่าผมจะดูแลพี่ชายของมันไม่ดี
“เออน่า มึงสบายใจได้ ..”
ผมกำมือชนกำปั้นกับซองจินที่ยกกำปั้นไว้รอเพื่อแทนคำสัญญา
“ดูแลตัวเองด้วยนะซองจิน
ช่วงนี้ก็ช่วยๆกันประหยัดหน่อย เดี๋ยวจะไม่มีทุนไปผ่าตัดเข้าใจไหม ?”
มิสเทคมันเขย่งปลายเท้าไปขยี้ผมน้องชายของมันที่ตัวสูงกว่าอย่างเอ็นดู
“ครับ .. ผมรักพี่นะ ..
แล้วผมดีใจที่พี่เองก็มีคนมาคอยดูแลเหมือนกัน ..” อีซองจินยกยิ้มจนเต็มแก้ม พลางเป็นฝ่ายกอดพี่ชายของตัวเองอย่างไม่มีการอิดออด
“ผมยังไม่รู้จักพี่ดีนัก แต่ถ้าซองมินเลือกพี่แล้ว
ผมเชื่อว่าพี่คงมีดีพอตัว .. แต่อย่าทำให้ผมรู้สึกว่าที่ผมยอมปล่อยผ่านได้ง่ายๆ มันคือการตัดสินใจที่ผิด
.. ไม่อย่างนั้นผมเอาพี่ตายแน่โจวคยูฮยอน”
อีซองมินผละตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ชายตัวเอง แล้วก็หันมาพูดกับผมด้วยท่าทางเรียบๆ
หากแต่น้ำเสียงมันแฝงแววข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด
“…”
“ถึงตอนนี้ผมจะมองไม่เห็น
แต่ผมเคยเป็นนักกีฬาแม่นปืนนะพี่ .. แค่อยากบอกให้รู้”
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
เปิดตัวน้องชายของซองมินอย่างเป็นทางการ 5555
เรื่องนี้ซองจินอาจไม่เด็ด แต่ก็เอาเรื่องอยู่นะ มีขู่คนเพี้ยนด้วย
ตอนหน้าไปเที่ยวกันค่ะ
[Fic KyuMin] Mistake 28