วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

[Fic KyuMin] Mistake 25

Mistake
 

Misatake 25

“มึง” ไอ้มิสเทคมันร้องเรียกผมที่เผลอหลับไป ระหว่างอยู่ในช่วงทำใจก่อนล้างแผล คือกูพยายามจะล้างแผลเองตามที่หมอบอกแล้วนะเว้ย แต่กูเสียวเพราะการล้างแผลในแต่ละครั้งที่กูไปโรงพยาบาลแม่งฝังใจกูมาก คือมันโคตรจะเจ็บยิ่งตอนเอาผ้าก็อตออกเพื่อใส่ยานะมึงเอ้ย ไอ้เหี้ย กูเจ็บจนร้องลั่นน้ำตาเล็ดอย่างไม่อายพยาบาลหน้าสวยสักนิด นาทีนั้นกูไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์เชี่ยอะไรแล้ว เพราะกูเจ็บเกินจะทน ฉะนั้นวันแรกของการล้างแผลเอง กูเลยนอนทำใจกะว่าอีกแป้บกูได้ล้างแผลแน่ๆ แต่ปรากฏว่า
กูหลับ และหลับเป็นตายเลยน่ะสิ!

“หือ ?” ผมผงกหัวขึ้นจากหมอน พลางปรือตามองไอ้มิสเทค นี่ก็ไม่รู้ว่ามันกี่โมงกี่ยามกันแล้วไอ้มิสเทคมันถึงได้ฤกษ์เข้ามาซุกหัวนอนได้ซะที คือช่วงนี้มันทำงานหามรุ่งหามค่ำมากกว่าเดิมอีก ท่าทางกำหนดการนำเสนองานของมันคงใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ..
“มึงล้างแผลหรือยัง ?” มิสเทคมันถามพลางมองจ้องผมอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ แม้มันจะรู้ดีอยู่แล้วว่ากูไม่ได้ล้างแผลแน่ๆ เพราะอุปกรณ์การล้างแผลยังสดใหม่อยู่ ..
แต่อย่างน้อยกูก็แกะพลาสสติกหุ้มขวดออกแล้วนะโว้ย ..

“เฮ้ย .. มึงจะทำอะไร ?” ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที เมื่อไอ้มิสเทคมันดึงผ้าห่มออกจากตัวผม จากนั้นมันก็นั่งลงบนที่นอนส่วนที่ว่างอยู่ แล้วก็จับปลายเท้าของผมไปวางเกยบนหน้าตักของมัน
“ล้างแผลไง มึงเอาอุปกรณ์ล้างแผลของมึงมาดิ ..” มิสเทคมันตอบ พลางก้มหน้าก้มตาแกะผ้าก็อตอุบาศๆบนนิ้วโป้งเท้าของผม

“มึงเบาๆนะเว้ย ..” ในเมื่อมันอาสาจะล้างแผลให้ กูก็สนองทันที เพราะกูไม่กล้าล้างเอง
“อืม ..” มิสเทคมันตอบรับเบาๆในลำคอ จากนั้นมันก็วางปลายเท้าของผมลงกับพื้นที่นอน ส่วนตัวมันก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงน้ำไหลจากด้านใน เดาว่ามันคงจะล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างมือ แล้วพอมันเดินกลับมาที่เตียง มันก็ใช้น้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดมือของมันอีกที ราวกับว่ามันใส่ใจในสุขภาพแผลของผมเป็นอย่างดี ..

“เบาๆนะเว้ย ..” ผมย้ำมันอีกรอบ เมื่อมันเริ่มลงมือล้างแผลให้ผม มิสเทคมันใจจดใจจ่ออยู่ที่ปลายเท้าของผม พลางเม้มปากแน่น คล้ายกับว่ามันเองก็กลัวว่ามันจะเผลอทำแผลให้ผมแรงจนเกินไป ส่วนผมก็มัวแต่มองหน้ามัน จนลืมความเสียวไปเลย ..
คือแม่ง กูโคตรโชคดีเลยที่ได้คบหากับมัน ..

“ช่วงนี้มึงยุ่งหรือเปล่า ?” มิสเทคมันถามผม ขณะที่สายตาของมันก็จดจ่ออยู่กับบาดแผลของผมไม่ห่าง
“ก็นิดหน่อย ยังพอรับงานได้อยู่ .. 

“คือกูอยากให้มึงช่วยกูคิดโปรแกรมสำหรับจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าที่เป็นเมมเบอร์ของทางบริษัทเราน่ะ เพราะตอนนี้ทางเราจัดเก็บเป็นเปเปอร์ไง แล้วอีกอย่างกูคิดแผนการตลาดเพิ่มขึ้นอีก แล้วระดับการ์ดเมมเบอร์ของบริษัทมันก็เพิ่มขึ้นมาอีกหลายระดับ กูเลยคิดว่ามันไม่โอเคถ้ายังจะใช้เปเปอร์อยู่ กูเลยอยากพัฒนาตรงส่วนนี้ไปพร้อมกับแผนการตลาดของปีหน้าด้วยเลย..” มิสเทคมันพูดเสียงเบาคล้ายกับเกรงใจผม เนื่องจากว่าการคิดโปรแกรมแต่ละโปรแกรมมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันก็เลยเกรงใจผม เพราะคำขอของมันก็คล้ายๆกับเรื่องส่วนตัวทำนองนั้น ..
“แล้วมึงจะพรีเซ็นต์เมื่อไหร่ ?

“ศุกร์นี้แหละ ..” มิสเทคมันตอบแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาทันทีที่มันทำแผลของผมเสร็จ
“สามวันเองนะมึง กูไม่มั่นใจเลยว่ะ” ผมขมวดคิ้วแน่นอย่างเป็นกังวล คือมันปุบปับเกินไป มิน่าล่ะไอ้มิสเทคมันถึงได้หัวหมุนและทำงานหนักกว่าปกติ อีกอย่างผมต้องคิดโปรแกรมให้ทางบัญชีด้วย เพราะเขาอยากได้ข้อมูลบางส่วนเพิ่ม ผมก็เลยต้องนั่งเขียนโค้ดน่าปวดหัวนั่นเกือบทั้งอาทิตย์ ..
ฉะนั้นเวลาที่ผมจะสามารถช่วยไอ้มิสเทคมันได้ก็คือเวลาพักนอกเหนือจากเวลางาน ..

“ไม่ทันก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ขอให้มีแบบร่างก็ยังดี ..” มิสเทคมันเดินไปล้างมือ แล้วก็ล้มตัวลงนั่งบนเตียง พร้อมกับยกยิ้มอย่างกังวลใจ
“มึงไม่ต้องกังวลหรอก กูจะพยายาม .. เพื่อมึง ..” ผมวางฝ่ามือลงบนศีรษะของมัน พลางโยกเบาๆ ก่อนจะรั้งมันให้ล้มตัวลงนอนพร้อมกัน เพื่อเตรียมตัวสู้กับเช้าวันใหม่ที่มันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ..

หลังจากทำมื้อเย็นวันนี้กินด้วยกันง่ายๆจนเรียบร้อยแล้ว ผมกับมันก็พากันมานั่งสุมหัวอยู่ตรงโต๊ะกระจกหน้าโซฟา มิสเทคมันก็เตรียมพรีเซ็นต์ของมัน ส่วนผมเองก็เขียนโปรแกรมของผมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการพรีเซ็นต์งานของมัน ..

“ถ้าเกิดกูตกงานขึ้นมา คงรู้สึกแย่นะว่ามั้ย?” มิสเทคมันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่สีหน้าของมันก็นิ่งสงบ
“มึงเก่งจะตายมิสเทค มึงคิดดูไม่มีพนักงานออฟฟิศคนไหนได้พนักงานดีเด่นสองเดือนซ้อนเลยสักคนนะเว้ย ..” ผมหยุดการจดจ้องหน้าจอโน้ตบุคของบริษัทที่ผมยืมมาทันที จากนั้นผมก็พูดให้กำลังใจมันนิดๆ อย่างน้อยก็เพื่อให้มันมองเห็นความสามารถของตัวเองสักหน่อย เผื่อมันจะมั่นใจขึ้น เพราะยิ่งใกล้วันมากเท่าไหร่ สีหน้าของมันก็ยิ่งกังวล..

“แต่พนักงานดีเด่นจะไปสู้อะไรกับคนของท่านประธานได้กันล่ะ ?” มิสเทคมันยกยิ้มคล้ายกับไม่ใส่ใจอะไรนัก หากแต่น้ำเสียงของมันกำลังคิดมากอยู่ชัดๆ
“ก็นะ ถ้าท่านประธานไม่โง่ ก็ไม่น่าจะเขี่ยมึงหลุดออกจากเก้าอี้ เพราะคนอย่างมึงไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็อยากจะรับกันทั้งนั้น .. อีกอย่างเขาก็เป็นคนดึงมึงมาจากบริษัทเก่าที่มึงทำอยู่ไม่ใช่เหรอ ?” เอาดิ งานนี้กูเข้าข้างไอ้มิสเทค สุดตัว ต่อให้คนของท่านประธานจะเก่งมาจากไหน แต่ในสายตากูคือมิสเทคมันเก่ง แถมแผนการตลาดที่ผ่านมาของมันก็ได้รับความสนใจมากมายเลยไม่ใช่เหรอ ?

“หึ .. ” มิสเทคมันยกยิ้มมุมปาก แล้วก็นั่งก้มหน้าก้มตาทำพรีเซ็นต์ของมันต่อไป ส่วนผมก็ได้แต่อมยิ้มนิดๆ เมื่อมิสเทคมันเริ่มจะโอเคขึ้นแล้ว ..
….

“แล้วมึงรู้ได้ไงเรื่องที่เขาดึงตัวกูมา ..” มิสเทคมันถาม
“ก็คนเขาพูดๆกันไงมึง ..” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไร้อาการส่อแววพิรุธแต่อย่างใด

ครืด ครืด

“โทรมาทำไม กำลังยุ่งอยู่ รู้บ้างดิ ..” ผมรีบรับสายพี่สาวของตัวเองทันที เมื่อหน้าจอโทรศัพท์มันปรากฏชื่อของเธอ
“กวนตีนละไอ้น้องเวร .. ถ้าแม่ไม่ให้เอากับข้าวมาให้นะ ฉันก็ไม่โทรมาหาแกให้เปลืองเงินหรอก ..” ผมเบ้ปากใส่คนปลายสาย แม้ว่าคนปลายสายจะมองไม่เห็นก็เถอะ

“อื้อหือ บุญคุณท่วมหัวไอ้คยูฮยอนจริงๆ .. ว่าแต่จะเอามาให้เมื่อไหร่ ?” ผมกวนตีนพี่สาวตัวเองกลับ พลางถามวันเวลาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่กูจะได้เคลื่อนย้ายไอ้มิสเทคได้ถูก คือตอนนี้กูยังไม่พร้อมจะให้โดนจับได้ เข้าใจป่ะ
เพราะคนนี้กูจริงจัง จะให้อยู่ๆพามาเปิดตัวกับครอบครัว มันก็ออกจะเขินๆนะเว้ย ..
ของแบบนั้นกูไม่เคยอ่ะ ต้องเข้าใจกูนะ กูต้องขอเวลาทำใจสักแป้บ..

“เนี่ย ฉันอยู่ล้อบบี้คอนโดแกแล้ว กำลังจะขึ้นไป ..
“ห๊ะ! เดี๋ยวผมลงไปเอาเอง หยุดอยู่ตรงนั้นเลย ห้ามขึ้นมาเด็ดขาด ..” ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน พลางร้องตะโกนแล้วรีบวิ่งตึงตังออกจากห้องเพื่อลงไปที่ล้อบบี้คอนโดอย่างรวดเร็ว ..

แฮ่กๆ

กูนี่มันโง่หรือมันเซ่อวะ ลิฟต์ก็มีมั้ย อยู่ๆก็เสือกตื่นเต้นวิ่งลงบันไดเฉยเลย แม่ง ชั้นที่กูอยู่ก็ใช่ว่าจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินนะเว้ย เหนื่อยเหี้ยๆ

“มีคนทำอาหารอยู่ในห้องหรือไง ถึงไม่อยากให้ขึ้นไป ?” ทันทีที่กูพร้อมจะพูดคุยกับพี่สาวตัวเอง คุณเธอก็รีบพูดในสิ่งที่คุณเธอสงสัยในทันที
“ก็เออดิ .. ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเปิดตัวมั้ย ขอเวลาทำใจบ้างดิ ผมก็อายและตื่นเต้นเป็นนะเว้ย ก็คนมันไม่เคยนี่หว่า..” ผมรับถุงกระดาษบรรจุอาหารที่คุณแม่ฝากมาให้ พร้อมกับยืดอกยอมรับออกมาเป็นครั้งแรกว่ากูมีคนที่จริงจังด้วยแล้วนะ แต่ตอนนี้กูยังไม่พร้อมจะเปิดตัวกับครอบครัว ..
ไว้ถ้ากูพร้อม กูพาไปแน่ๆ ไม่ต้องกลัวว่ากูจะเบี้ยว

“อ้อ แกยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร เพราะฉันวางแผนทำความรู้จักกับแฟนแกไว้แล้ว .. ส่วนแกควรอยู่เฉยๆ ห้ามขัดฉัน ห้ามโวยวาย เข้าใจไหมไอ้น้องชาย ..” พี่อารายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางโยกหัวผมไปมา แล้วจากนั้นก็หันหลังเดินกลับออกไปหน้าตาเฉย
คือแม่ง .. สิ่งที่กูเตือนๆไปมันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม ?

กูเริ่มไม่โอเคแล้วนะ เอาจริงๆ งานนี้ต้องมีสักวันที่กูโวยวายจนบริษัทแตกแน่ แล้วพอถึงวันนั้น กูคงไม่สนใจแล้วว่าใครต่อใครจะรู้กันบ้างว่ากูมีพี่สาวเป็นถึงประธานบริษัท กูโมโหว่ะ แต่กูยังทำอะไรตอนนี้ไม่ได้ อีกอย่างมิสเทคมันเองก็ทุ่มเทของมันมาก ..
แต่กูที่มารู้ว่าเรื่องทั้งหมดแม่งคือบททดสอบนี่จะโคตรเฟลเลยว่ะ ..

ครืด ครืด

ที่ฉันทำไปไม่ใช่แค่อยากจะทำความรู้จักกับแฟนแกอย่างเดียว อย่าเข้าใจผิด ฉันเองก็มีแผนงานของฉันในอนาคตที่ต้องการคนฝีมือดีเข้ามาช่วย .. ฉันถึงได้บอกให้แกอยู่เฉยๆและทำหน้าที่ของแกไป ..’ ข้อความที่พี่อาราส่งมาทำเอาอารมณ์ของผมดรอปลงได้ง่ายๆ เพราะมันฟังดูมีเหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นกูก็ยังเป็นห่วงไอ้มิสเทคมันอยู่ดี ยิ่งถ้ามีเรื่องงานเข้ามาเอี่ยวด้วยจริงๆ ต่อให้ไอ้มิสเทคมันมีความสำคัญต่อกูแค่ไหน แต่ถ้าฝีมือไม่ดีไปกว่าคนของพี่อาราจริงๆ มันก็ต้องยอมสละตำแหน่งแต่โดยดี ..
เรื่องธุรกิจมันก็แบบนี้ กูถึงได้ไม่อยากมีเอี่ยวกับส่วนงานบริหารอะไรพวกนี้เลยไง ..
บอกตรงๆกูมันใจอ่อนกับคนอื่นง่าย ไม่เด็ดขาดแบบพี่สาวกูหรอก ..

“พี่สาวกูเอากับข้าวที่แม่ทำมาให้น่ะ .. มึงไม่ได้กังวลอะไรใช่มั้ยที่กูดูเหมือนไม่อยากให้พี่สาวกูกับมึงเจอกัน ..” ผมเอากล่องทัพเพอร์แวร์ออกจากถุงกระดาษแล้วนำมันไปแช่ไว้ในตู้เย็น จากนั้นผมก็เดินกลับมานั่งตรงหน้าโน้ตบุคของตัวเอง พลางจ้องหน้าของไอ้มิสเทคที่ดูเหมือนกำลังตั้งใจทำงานอยู่ ..

“กูเขินว่ะมึง กูยังไม่พร้อมจะเปิดตัวกับครอบครัวกูตอนนี้ กูไม่รู้ว่ากูควรจะเริ่มมันยังไงดี .. ทุกอย่างมันใหม่สำหรับกูมาก กูเลยทำตัวไม่ถูก ..” ผมท้าวฝ่ามือทั้งสองข้างลงกับพื้นที่โต๊ะว่างๆ แล้วก็ยื่นหน้าและลำตัวเข้าไปใกล้ไอ้มิสเทคที่นั่งอยู่ทางฝั่งตรงกันข้าม ..

“แล้วมึงคิดจะเริ่มมันเมื่อไหร่ ?” มิสเทคมันถามหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน ขณะที่สายตาของมันก็จับจ้องเข้ามาในดวงตาของผม
“ก็คงหลังจากเรื่องวุ่นวายนี่จบ ..” ผมตอบออกไปแบบนั้นเพราะว่าหลังจากที่เรื่องวุ่นวายนี้ผ่านไป พี่อาราก็คงจะรู้จักไอ้มิสเทคมันมากขึ้นแล้ว ถ้าถึงเวลานั้น มันก็คงง่ายมั้งถ้าจะเกริ่นเรื่องแบบนี้กับพ่อแม่ตัวเอง ..

“มึงเองก็เตรียมตัวไว้นะ ..” ผมบอกมัน พลางจูบปากมันเบาๆ แล้วก็หดตัวกลับมานั่งทำงานของผมที่ไอ้มิสเทคมันไหว้วานต่อ ส่วนไอ้มิสเทคมันดูเหมือนจะนิ่งค้างไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจูบเบาๆเมื่อครู่ หรือว่าเป็นเพราะกูบอกให้มันเตรียมตัวไปเจอครอบครัวของกูในอนาคตก็ไม่รู้ ..
แต่จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ..
ขอแค่มันเข้าใจตรงกันกับกูในเรื่องนี้ก็พอแล้ว ..

<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>  


ปั่นเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ลงไม่ทัน คึคึคึ มาตอนนี้ก็ได้รู้จักเรื่องราวส่วนตัวของคยูอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับครอบครัวคยูเนอะ ไว้รอรู้จักครอบครัวของคยูไปพร้อมๆกับมิสเทคละกัน งานดราม่าเราไม่ถนัด บอกเลยว่าฟิคเรามันดราม่าเพื่อจุดเปลี่ยนแค่นั้นเอง 555

 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น