Mistake
Mistake: 2
“เป็นเชี่ยไรของมึงอีก ? ตั้งแต่มาประชุม มึงดูรวนๆนะ” ไอ้สัสชางมินที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ววิ่งเข้ามารั้งแขนผมไว้
พลางเลิกคิ้วมองหน้าอย่างอ้อนตีน
“กูเปล่ารวน ..” ผมตอบปฏิเสธเสียงห้วน เพราะอารมณ์ไม่ดีที่พวกแม่งชอบจับผิด
หาว่ากูอกหัก
สัสเอ้ย กูยังไม่ได้อกหักสักหน่อย แม่งพูดเป็นลาง!
“มีแต่คนปัญญาอ่อนอย่างมึงเท่านั้นที่มองไม่ออก .. มึงงุ่นง่านแบบนี้
แถวบ้านกูเค้าเรียกว่ารวน ..” ไอ้ซีวอน ไอ้คุณชายนอกคอก ขนาดมึงยืนห่างไกลจากกลุ่มเพื่อน
มึงยังจะกล้าสะเออะหน้ามาออกความคิดเห็นอีก
“มึงมีปัญหาอะไรวะ .. บอกพวกกูได้นะโว้ย ..” ไอ้จงฮยอนมันเอื้อมมือมาตบไหล่ดังแปะๆ แต่คำพูดของมึงนี่แม่งแลดูเป็นห่วงกูสัสๆ
ถุย! เป็นเพื่อนกันมานมนาน
มึงคิดว่ากูจะเชื่อคำพูดของมึงเหรอ ?
แค่มองน้ำหน้ากูก็เห็นถึงความขี้เสือกแล้ว
สัสเอ้ย!
“ไอ้คยูมึงแม่งทำตัวเรียกร้องความสนใจยังกับเด็กสามขวบเลยว่ะ
นี่มึงหย่านมหรือยังวะ ?” ผมสะบัดตัวออกจากวงล้อมของพวกขี้เสือก
ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนตีพุงในห้องระหว่างรอผลการตอบรับจากบางสิ่งบางอย่างอยู่ ..
“กูว่าแม่งติดเด็กมาเก็ตติ้งแน่ๆ แล้วเด็กแม่งคงไม่เล่นด้วยชัวร์ๆ
ไม่งั้นแม่งคงไม่ทำให้เค้ายุ่งกันทั้งแผนกอยู่แบบนี้” ไอ้เชี่ยมินโฮ
กูนึกอยากฝากรอยตีนเอาไว้บนหน้ามึง ตั้งแต่ที่มึงถามว่ากูหย่านมหรือยังแล้ว ..
ไอ้สัส นินทากูแบบนี้ ไม่ป่าวประกาศให้รู้กันทั้งบริษัทเลยวะ?
“เป็นอะไรของมึง อยู่ๆมายกเลิกแบบนี้
มึงคิดว่าแผนกกูจะเตรียมอะไรทันมั้ย ?” กูกำลังจะเสียบคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเองอยู่แล้ว
แต่ไอ้มิสเทคมันรีบพุ่งเข้ามาห้ามเสียก่อน
“พูดเป็นเล่นไป
บริษัทเรามีพนักงานตั้งกี่คน มึงจะหานายแบบมาแทนกูไม่ได้เลย ? .. หรือว่าที่จริงแล้วมึงอยากให้กูเป็นนายแบบให้กันแน่วะ
?” ผมยิ้มมุมปาก พลางหันหน้าเอาหลังพิงประตู แล้วกอดอกมองจ้องไอ้มิสเทคที่ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเหงื่อ
อีกทั้งลมหายใจของมันก็ยังหอบแฮ่กๆอีก ..
ดูท่าทางแล้ว จากคำปฏิเสธของกู
คงทำให้มันวิ่งวุ่นไม่น้อยทีเดียว ..
“มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่ากูต้องการให้มึงเป็นนายแบบ
เพราะไซส์เสื้อที่กูหอบมาจากโซลมันคือไซส์ของมึงโดยเฉพาะ .. กูถึงหาใครที่ใส่มันพอดีไม่ได้ .. ก่อนหน้านี้พวกกูก็ถามความเห็นของพวกมึงทุกคนแล้วนะว่ามีใครไม่สมัครใจหรือเปล่า
ซึ่งทุกคนก็โอเคดีไม่มีปัญหา รวมถึงมึงด้วย .. พอมาวันจริง
มึงจะมาทำกวนตีนกูแบบนี้เหรอวะ ? ”
มิสเทคมันตอบอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่มันก็ชักสีหน้าใส่ผมด้วย
“กูเปล่ากวน แต่กูแค่ไม่มีอารมณ์มาเป็นนายแบบให้มึงเฉยๆ”
พอผมพูดจบ ไอ้มิสเทคมันหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิมอีก แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบใจอยู่ลึกๆ
ท่าทางกูจะเป็นโรคจิตอ่อนๆหรือเปล่าวะ
?
“มึงกำลังกวนตีนกู
สีหน้าของมึงบอกกูแบบนั้น .. มึงต้องการอะไร ?”
“เบอร์โทรของมึง ..” กูแบมือออกมาตรงหน้ามัน
พลางขยับนิ้วขึ้นลงพร้อมกับยักคิ้วใส่มันที่กำลังยืนหน้านิ่ง
“เพื่อ ?” มิสเทคมันย้อนถาม ด้วยคำถามเดิมที่มันเคยถามอีกครั้ง
“ไม่รู้ดิ .. กูคงติดใจมึงมั้ง ...”
“มึงหมายถึงมึงชอบกูทำนองนั้นเหรอวะ
?”
ไอ้มิสเทคมันปัดมือของผมออกห่าง เพื่อปฏิเสธการร้องขอ
“เปล่า..กูไม่ได้หมายความแบบนั้น ..” ผมตอบออกมาตามความรู้สึกอันสัตย์จริง เพราะทุกอย่างที่ผมทำลงไป
มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความชอบหรือแม้แต่ความรักก็ไม่มี ..
เพราะ ณ ตอนนี้ผมแค่ถูกใจกับเซ็กส์ของมันเท่านั้น
..
“แล้วมึงมาขอเบอร์กูเพื่อ ?”
“มึงนี่เข้าใจยากว่ะมิสเทค
กูก็บอกอยู่หยกๆว่ากูติดใจมึง..” ผมเดาะลิ้นใส่มันอย่างอ่อนใจ แล้วก็พูดขยายความให้มันหายโง่สักนิดก็ยังดี
“แต่กูไม่ติดใจมึง ..” แม่ง! ไอ้มิสเทค
คำพูดของมึงทำกูหน้าชามากี่ครั้งแล้ววะสัสเอ้ย!
“คิดก่อนพูดหรือยัง สัส! ปากดี ..”
กูยกขาไปเตะหน้าแข้งของมันเบาๆอย่างหมั่นไส้
“ทำไมกูต้องคิดก่อนพูดด้วยวะ ผลมันก็รู้ๆกันอยู่?” แม่ง! ไอ้มิสเทคแม่งน่าหมั่นไส้ที่สุดในสามโลก
ทำมายิ้มมุมปากใส่กู มึงคิดว่าแน่นักเหรอ ?
ปัง!
“มึงบอกกูเองว่าเรื่องคืนนั้นมันคือมิสเทค
แล้วมึงจะเอามาตัดสินตัวกูได้ยังไง ในเมื่อของจริงมันยังไม่เริ่ม .. มึงกับกูดูท่าทางจะเหมือนกันนะ ... รักอิสระ .. ไม่ชอบผูกมัด .. ไม่ใช่เหรอวะ
ถ้างั้นมึงก็มากิ๊กกับกูสิ?” ผมคว้าข้อมือมันเข้ามาในห้อง
จากนั้นก็ขังมันไว้ในวงแขน พลางพูดหว่านล้อมให้มันเห็นด้วยกับคำเชื้อเชิญ ..
ส่วนเรื่องที่สาธยายว่ามันรักอิสระโน่นนั่นนี่
กูมั่วของกูล้วนๆ
เพราะกูอยากได้มันจนตัวสั่น ..
“กูไม่ชอบจูบตะกละตะกลาม..”
ไอ้มิสเทคมันพูดอยู่ข้างหูด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
แต่ถ้อยคำที่มันพ่นออกมานี่แม่งน่ากัดปากให้บวมชะมัด!
สัส! นี่มึงกำลังด่ากูเรื่องจูบเมื่อวานใช่มั้ย
?
“เออ .. กูจะจำไว้ .. ว่าแต่ผิวมึงทำไมไม่มีกลิ่นน้ำนมแล้ว ?”
ผมเงยหน้าขึ้นมาถามมันอย่างสงสัย หลังจากที่ได้แอบสำรวจซอกคอของมันอยู่พักใหญ่
“กูเบื่อเลยเปลี่ยนสบู่กลิ่นใหม่ ..ว่าแต่มึงจะยอมเดินแบบให้กูได้ยัง
?”
“มึงก็ตอบตกลงแล้วเอาเบอร์มาให้กูก่อนดิ
..”
ผมถอยห่างจากไอ้มิสเทค แล้วก็หยิบโทรศัพท์ยื่นให้มัน
“หึ มึงนี่มันอันตรายจริงๆ .. แค่สามวันมึงกับกูก็ถึงคราวต้องเปลี่ยนสถานะ
..” ไอ้มิสเทคมันยิ้มขำ
พลางรับโทรศัพท์ของผมไปกดเมมเบอร์อย่างไม่มีอิดออด ..
โดยที่มันก็ไม่ลืมจะเอาเบอร์ผมยิงเข้าเครื่องมันด้วย
..
“มึงเองก็ไม่เบาเลยมิสเทค
ไม่งั้นมึงคงไม่ยอมให้กูจูบแล้วตอบตกลงง่ายๆแบบนี้ ..”
“แล้วไม่ดีหรือไง ?”
“ก็ดี .. กูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเรียกร้องความสนใจ
และมึงเองก็ไม่ต้องเหนื่อยทำหน้านิ่งอ่อยกู .. โอ้ย!” ไอ้สัสมิสเทค มึงนะมึง! กล้าดียังไงมาตีเข่าใส่น้องชายของกูวะ!
“สม! เดี๋ยวกูจะไปเอาเสื้อมาให้มึงเปลี่ยนที่นี่ ..” ไอ้มิสเทค! เดี๋ยวก่อน
เดี๋ยวกูจะสั่งสอนมึงให้เข็ด แม่งแทนที่มันจะฉุดกูลุกขึ้นจากพื้น กลับมายืนหัวเราะใส่กู
แล้วก็เดินออกจากห้องไปเลย!
เชี่ย! ถ้ากูสูญพันธ์ไป
มึงอย่ามาเสียใจเอาภายหลังนะเว้ยเฮ้ย!
“แปลกดี .. มึงกับกูก็นั่งทำงานแถวๆเดียวกัน
แต่ไม่ยักจะแลกัน แต่พอได้กันเสือกติดใจ .. กูถามจริง กูจูบไม่ได้เรื่องจริงๆเหรอวะ
?” ผมยืนให้ไอ้มิสเทคมันแต่งตัวให้ตามประสานายแบบ
ซึ่งมันเองก็ไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่ แต่ขัดไม่ได้ไง
เพราะกูขู่ไว้ว่าถ้าไม่แต่งตัวให้ มันก็ต้องไปหานายแบบใหม่ ..
“….” ไอ้มิสเทคแม่งไม่ยอมตอบ
“เงียบของมึงนี่มันหมายถึง กูโอเคนะเว้ย
..”
“…”
“แต่ก็นะ .. ถ้ากูไม่โอเค
มึงคงไม่ตอบตกลงกิ๊กกับกูหรอก จริงป่ะวะ ?”
“ไม่จริง กูตอบตกลงเพราะงาน ..” ไอ้มิสเทค! มึงไม่อ้อนตีนกูสักประโยคนึงไม่ได้เลยใช่มั้ย ? แม่ง!
“เดี๋ยวก็รู้ว่าต่อไปมึงจะให้เหตุผลกับกูว่ายังไง
..”
“เพ้อเจ้อว่ะ .. ก่อนมึงจะคิดถึงอนาคต
เอาตอนนี้ให้รอดก่อนดีกว่าป๊ะ ?” หมั่นไส้แม่งว่ะ
กูเลยผลักหัวแม่งเลย แต่ไอ้มิสเทคมันก็ไม่ยอมให้กูทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว เพราะมันก็เตะหน้าแข้งกูกลับทันที
…
การประชุมประจำปีครั้งที่หนึ่งจะจบลงด้วยการนำเสนอแผนการตลาดของฝ่ายการตลาดให้กับเหล่าผู้จัดการร้านได้รับทราบ
และปิดท้ายด้วยการแสดงแฟชั่นโชว์จากพนักงานออฟฟิศที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดิบดีแล้ว
ซึ่งนายแบบก็ไม่พ้นผม ชางมิน ซีวอน มินโฮและไอ้จงฮยอน
ส่วนฝ่ายหญิงก็พวกตัวท็อปของบริษัทนั่นแหละ ..
อันที่จริงไอ้มิสเทคมันก็ไม่ได้เจาะจงเลือกผมหรอก
พวกลูกน้องของมันนั่นแหละที่จัดการเรื่องงานเดินแบบทั้งหมด อย่างที่บอกไอ้มิสเทคมันเก่ง
มันเลยเข้ามาเป็นพนักงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาด ส่วนกูน่ะเหรอ ?
ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการแผนกไอทีว่ะครับ
เทียบแม่งไม่ติดเลย …
ที่สำคัญกูแม่งเป็นลูกน้องไอ้ชางมินว่ะ
สัสหมา!
เสื้อผ้าที่ผมใส่จัดอยู่ในคอลเล็คชั่นสไตล์แฟชั่น
ไอ้มิสเทคมันเลือกเสื้อฮู๊ดแขนยาวสีดำตัดด้วยลวดลายตัวหนังสือบ่งบอกแบนด์เสื้อผ้าสีขาว
ขณะที่กางเกงก็เป็นแบบรัดรูปสีดำสนิท
ส่วนรองเท้าก็เป็นผ้าใบสีดำตัดด้วยลวดลายสีเทาอย่างลงตัว ..คือบริษัทที่ผมทำงานอยู่เนี่ย
มันเป็นบริษัทเสื้อผ้าที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
ซึ่งเสื้อผ้าของเราก็จะมีหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่สไตล์เพื่อการออกกำลังกาย หรือแบบไลฟ์สไตล์ที่เอาไว้ใส่ลำลอง
ส่วนสไตล์แฟชั่นจะเป็นสินค้าอีกเกรดนึงที่จะอัพระดับขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งราคาก็คงไม่ต้องสาธยายมาก
..
ก็เพราะสินค้าของบริษัทมันหลากหลายแบบนี้
ซ้ำสาขาก็ยังมีมากมาย ดังนั้นการจัดประชุมประจำปีจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการจัดประชุมมันจะทำให้สาขาและออฟฟิศทำงานได้สอดคล้องกัน
เมื่อวานผมก็ได้พูดอัพเดตระบบงานของผมให้พนักงานสาขาฟัง ส่วนวันนี้ก็ถึงตาไอ้มิสเทคมันสาธยายระบบงานของมันบ้าง
..
ผมชื่นชมมันนะ มันดูเป็นคนมั่นใจดีเวลาพูดถึงเรื่องงานของมัน
…
เสียอย่างเดียว
เวลาอยู่กับกูแม่งชอบพูดจาอ้อนตีน ..
“เดี๋ยว .. กูว่าใส่แว่นหน่อยดีกว่า ..” หลังจากมันพูดในส่วนของมันจบ ก็ถึงคราวต้องจัดแสดงแฟชั่นโชว์แล้ว
ผมก็เลยเกาะกลุ่มไปกับไอ้พวกเพื่อนปัญญาอ่อนเพื่อไปเตรียมสแตนบาย แต่ปรากฏว่าไอ้มิสเทคมันเรียกผมไว้
ผมเลยปล่อยให้ไอ้พวกเวรนั่นเดินนำไปก่อน โดยที่พวกแม่งก็ไม่ได้สนใจกูเลยแม้แต่นิด ..
“หัวมึงนี่ทำให้มันเป็นทรงหน่อยดิ”
มันส่งแว่นกันแดดสีดำสนิทให้ผมใส่ จากนั้นมันก็บอกให้ผมจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง
“จัดให้กูดิ .. โอ้ย!”
“สัส ได้ทีนี่เอาใหญ่นะมึง .. เอ้าๆ โอเคแล้ว มึงรีบเดินไปเลย
เดี๋ยวแถวขาดตอน ..” ไอ้มิสเทคแม่งดึงผมกูจนหัวแทบทิ่ม!
“ถ้ามึงจัดไม่ถึง คราวหลังบอกกูดีๆก็ได้
..”
ผมเดินตามแรงรุนหลัง พลางเหน็บมันไปเบาๆ
“….” ห่า .. นอกจากมึงจะไม่หือไม่อือกับกูแล้ว
มึงยังผลัก เอ้ย ไม่กูว่ามันไม่ใช่ผลัก แม่งต้องยันกูออกมาจากหลังเวทีแน่ๆ
เดี๋ยวก่อน .. เดี๋ยวกูจะสะสมความน่าหมั่นไส้ของมึงเอาไว้เยอะๆ
มีโอกาสเมื่อไหร่
กูเอามึงตายแน่ไอ้มิสเทค!
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มาต่อเรื่องนี้บ้าง
เดี๋ยวคนอ่านจะลืมมิสเทคไปซะก่อน 555 สรุปแล้วเรื่องนี้สองคนเค้าศีลเสมอกัน
ทีนี้ก็รอดูแค่ว่าใครจะหลงใครก่อน แต่ดูแล้วคำตอบคงมองไม่ยากมั้ง คึคึ
[Fic KyuMin] Mistake 2