วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
 



[Special] Time Capsule (2) – Sungmin Part



                “มองเผินๆดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนนะ .. แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็น .. เหงามากเลยใช่มั้ย ?” พี่เขาเดินตามผมขึ้นมาบนห้องเงียบๆ จากนั้นพี่เขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆห้องของผมช้าๆ
                “พอพี่ไปเรียนต่อผมยังแค่เหงา .. แต่พอทุกคนที่เคยอยู่รอบๆตัวผมพากันเรียนจบไปหมด มันก็รู้สึกใจหายเพิ่มขึ้นด้วย ” ผมมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ที่จะมองเห็นหน้าต่างอีกบานที่กำลังปิดตายอยู่ เนื่องจากรุ่นน้องข้างบ้านไม่ค่อยชอบเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติเหมือนกับที่พี่เขาชอบสักเท่าไหร่ ..

                “อยู่ที่นี่พอมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องของเรา .. เบเลยยิ่งเหงา ยิ่งใจหายล่ะสิ ..” พี่เขาเดินเข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง พลางวางปลายคางลงกับลาดไหล่ของผม ..
                “พี่กลับมาก่อนจะปิดเทอมใหญ่แบบนี้ .. พี่จะกลับมาช่วงนั้นอีกหรือเปล่า .. แล้วนี่พี่ขาดเรียนมาหรือเปล่าครับ ?” ผมรัวคำถามใส่พี่เขาไม่หยุดด้วยความสงสัย

                “กลับสิ ปารีสไม่ใช่บ้านพี่สักหน่อย .. ส่วนรอบนี้คงจะอยู่สักอาทิตย์กว่าๆ น่ะ มันเป็นช่วงวันหยุดออลเซนท์ของที่นั่นพอดี แล้วมันก็ตรงกับวันที่เราสอบพอดีด้วย ..” ที่ฝรั่งเศสจะเปิดปิดเทอมแตกต่างจากเกาหลีเล่นเอาผมงงไปเลย เพราะบางช่วง เดือนที่แล้วก็เพิ่งจะหยุด พอเดือนต่อไปก็หยุดอีก คล้ายกับว่าเรียนเดือนเว้นเดือนเลยทีเดียว แล้วแต่ละโซนก็จะหยุดไม่เหมือนกันด้วย เพราะการจราจรจะได้ไม่กระจุกตัวอยู่ในช่วงเดียวกัน ก็เลยทำให้พี่เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสจะกลับมาเกาหลีสักเท่าไหร่ เพราะวันหยุดแต่ละทีก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
                “วันนี้ผมทำได้ดีหรือเปล่าครับ ?” ผมเอียงคอไปด้านข้างเพื่อถามพี่เขา

                “อืม .. ถ้าถามว่าเบเล่นดีมั้ยพี่ว่าดีมากนะ ไม่เหมือนช่วงแรกที่เล่นต่อหน้าคนอื่น เราจะดูตื่นๆ แต่เดี๋ยวนี้สงบนิ่งกว่าแต่ก่อนเยอะ แต่ถ้าถามถึงภาพรวม พี่ว่าคอนเสิร์ตมันต้องมีอะไรมากกว่านี้ ..” พี่เขาปล่อยผมให้เป็นอิสระ จากนั้นพี่เขาก็เดินวนไปวนมา พลางยกมือที่กำกันไว้หลวมๆ แตะตรงปลายจมูกอย่างใช้ความคิด ..
                “พี่พูดเหมือนที่อาจารย์คอมเม้นท์เป๊ะเลย ..” ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่สอดอยู่ใต้โต๊ะเขียนหนังสือ

                “อ้าว .. แล้วคะแนนโอเคมั้ย ?” พี่เขาทำหน้าเหวอ พลางเดินมานั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือของผม พร้อมกับหยิบโทรศัพท์แก้วกระดาษขึ้นมาเล่น
                “ก็ผ่านเกณฑ์นั่นแหละครับ ..” ผมนั่งท้าวคางพลางตอบพี่เขาด้วยรอยยิ้ม เพราะคอมเม้นท์ที่ได้ก็ไม่ถึงกับแย่นัก

                “ดีแล้ว เพราะเราก็ซ้อมหนักพอสมควรเลยนี่ ..” พี่เขาลูบหัวผม
                “เห้อ .. แต่ผมก็เกือบจะทำพลาดอยู่แล้ว .. ถ้าเกิดวันนี้ไม่มีพวกพี่ชางมิน ไม่มีหน้ากากของพี่ ผมคงกลายเป็นตัวถ่วงของกลุ่มแน่ๆ ..” ผมแนบหน้าลงกับโต๊ะ พลางนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ผมเป็นกังวลจนไม่มีสมาธิ

                “เพราะพี่ใช่ไหม ?” พี่เขาเอื้อมมือมาจับฝ่ามือของผม พลางถามเสียงแผ่ว
                ….” ส่วนผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นั่นก็ยืนยันคำตอบได้ดีว่ามันเป็นเพราะใคร

                “ผมกลัว .. เพราะคืนนั้นก่อนที่พี่จะสอบ พี่ก็เป็นแบบนี้ อยู่ๆผมก็ติดต่อพี่ไม่ได้ จะโทรถามใครก็ไม่ได้ เพราะผมไม่มีเบอร์โทรของใครเลย .. ถ้าเกิดพี่อาราไม่โทรมาบอก ผมก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ .. มันเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ .. แถมพอรู้ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ คล้ายกับคนไม่มีแขนมีขาที่กำลังจะจมน้ำลงไปเรื่อยๆ มันทั้งอึดอัด ทรมาน เพราะได้แต่คอยว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาช่วยเรา ..” ยิ่งคิดไปถึงวันนั้นผมก็ยิ่งกลัว ถ้าหากวันนี้ผมยังติดต่อพี่เขาไม่ได้ ผมคงต้องระเบิดออกมาแน่ๆ
                “ทำไมไม่ลองโทรเข้าเบอร์เก่าของพี่ หรือว่าโทรหาพี่อาราดูล่ะ ?” พี่เขาย้ายตัวเองมานั่งคุกเข่าตรงข้างโต๊ะ เพื่อให้ใบหน้าของผมอยู่ในระดับเดียวกันกับพี่เขา จากนั้นฝ่ามืออุ่นๆคู่นั้นก็ยื่นมาที่ใบหน้าของผม จึงทำให้ผมรู้ว่าตัวเองเผลอร้องไห้ออกมาด้วยไม่รู้ตัว ..

                “ผม .. ไม่กล้ารบกวน ..แล้วผมก็ไม่คิดว่าพี่จะอยู่ที่นี่ ..” ผมตอบเสียงเบา เพราะถ้าหากมันไม่ถึงที่สุดจริงๆ ผมก็จะไม่โทรไปหาพี่อาราหรอก ยิ่งเบอร์ที่ผมได้มามันไม่ใช่ได้มาเพราะเจ้าตัวเขาตั้งใจจะให้ด้วย ผมก็เลยยิ่งไม่กล้ารบกวนไปใหญ่..
                “ขอโทษนะเบ ..” พี่เขาเอาแต่ขอโทษผมซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้น จนกระทั่งผมต้องบอกให้พี่เขาเลิกพูดคำนั้นสักที พี่เขาถึงจะยอมหยุด ..

                “ดูสิคุยกันจนเสียงดังขึ้นมาข้างบนเลย .. เราไปล้างหน้า แล้วลงไปสนุกกับพวกนั้นกันดีมั้ย ?” พี่เขาลุกขึ้นยืน พลางฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น แล้วก็ดุนดันแผ่นหลังของผมให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ..

                “ฝากพี่ถือหน่อยครับ ..” ผมถอดเสื้อสูทกับโบว์หูกระต่ายออกจากคอ แล้วก็แกะกระดุมออกสองเม็ดเพื่อให้มันสบายตัวสักหน่อย จากนั้นผมก็ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วถึงค่อยเปิดก๊อกน้ำ พลางใช้มือทั้งสองข้างรองน้ำเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าเข้าไปใกล้กับสองมือของตัวเองเพื่อที่น้ำที่รองเอาไว้จะได้ไม่หกเลอะเทอะลงกับพื้น ..
                ขณะที่ล้างหน้าผมก็ใช้ความคิดไปด้วย เพราะหลังจากที่พี่เขาพูดชักชวนให้ผมลงไปข้างล่างแบบนั้นแล้ว อีกใจหนึ่งของผมกลับไม่อยากลงไป แม้ว่าบรรยากาศมันจะน่าสนุกดีก็เถอะ ..
               
                “หือ ?” พี่เขาเลิกคิ้วใส่ผม เมื่อผมล้างหน้าเสร็จแล้วก็เอาแต่ยืนมองพี่เขาอยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่คิดจะเช็ดหน้าให้แห้งเลยแม้แต่น้อย ..
               
                ก๊อกๆ

                “เดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูก่อน ..” พี่เขาชี้ไปทางด้านหลัง จากนั้นก็เดินเอาสูทและโบว์หูกระต่ายของผมไปวางบนที่นอน
                “มึงเอาเชี่ยอะไรมาให้กูอีก ไอ้สัส คราวที่แล้วกูก็ด่ามึงไปรอบยังไม่เข็ด ..” เสียงโวยวายของพี่เขา ทำให้ผมเดินออกจากห้องน้ำ จึงทันได้เห็นว่าพี่ชางมินพยายามจะยัดเยียดแก้วโซจูเล็กๆสองใบมาให้พี่เขาอยู่ ..

                “ก็เหมือนครั้งก่อนแหละ ไม่แดกก็เรื่องของมึง ถ้าแดกก็ …. ” พี่ชางมินกระซิบกระซาบกับพี่เขาแล้วก็ปิดประตูสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับเราสองคนด้วยการล็อคห้องให้อีกด้วย ..
                “ไอ้พวกบ้า ..” พี่เขาส่ายหน้า แล้วก็ถือถาดที่พี่ชางมินเอามาให้วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ จากนั้นพี่เขาก็ทำท่าจะเทมันลงข้างหน้าต่าง ..

                “อะไรเหรอครับ ?” ผมเดินเข้าไปถาม
                “โซจูผสมยาแบบวันนั้นน่ะแหละ .. ไอ้พวกเวรนี่มันจริงๆเลย ..” หลังจากที่พี่เขาเทโซจูที่ว่าทิ้งไปจนหมด พี่เขาก็หันมายิ้มให้ผม แต่สิ่งที่พี่เขาเพิ่งจะเทมันลงตรงข้างหน้าต่างก็ทำให้ผมหน้าแดงขึ้นมา

                “เบ ..” พี่เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วก็เอื้อมมือมาจับปลายนิ้วของผมให้ขยับตัวเข้ามาใกล้กับพี่เขา
                “ครับ ?” ผมยกยิ้มในเชิงสงสัยต่อการกระทำของพี่เขา ..

                “เรื่องของเรา มันเริ่มจากลานเกียร์ใช่ไหม ?
                “อื้อ” ผมพยักหน้าตอบ

                “แต่พี่ว่าถ้าคิดดูดีๆแล้ว พี่ได้รู้จักกับน้องแฟนจริงๆก็ตรงข้างหน้าต่างบานนั้น ..” พี่เขาดึงผมเข้าไปแนบชิด เพื่อที่ผมจะได้มองเห็นหน้าต่างทางฝั่งตรงข้าม ..
                “แล้วน้ำเต้าหู้ก็ทำให้ผมรู้จักพี่มากขึ้น ..” ผมถูกกอดแทบทั้งตัว จึงทำให้ผมไม่จำเป็นต้องพูดเสียงดังนัก ..

                “เบ ..” พี่เขาหยิบโทรศัพท์แก้วกระดาษมายื่นให้ผม จากนั้นพี่เขาก็ยกมันขึ้นจรดกับริมฝีปากของตัวเอง
                “ครับ ?” ผมจึงทำตามพี่เขาบ้าง ..

                “เราพูดกับพี่ครั้งแรกด้วยไอ้นี่จำได้มั้ย ?” พี่เขายกโทรศัพท์กระดาษขึ้นมา
                “อ๊า ..” ผมตอบพี่เขา โดยที่เรียนเสียงการตอบรับแบบเมื่อตอนนั้น

                “คุณย่าฝากมาให้ ..” พี่เขาวางโทรศัพท์แก้วกระดาษลง จากนั้นพี่เขาก็ขยับตัว เพื่อหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง ..
                ” ผมมองแหวนในมือของพี่เขาที่มันกำลังเลื่อนมาตามข้อนิ้วนางข้างซ้ายของผมแน่นิ่ง ..

                “พอดีเลยแฮะ .. เก็บไว้ดีๆนะ .. ถ้าพี่ทำวิทยานิพนธ์เสร็จ พี่จะพาน้องแฟนไปบ้านพี่ .. ถ้าแหวนหาย คุณย่าคงดุเราแน่ ..” พี่เขามองแหวนเงินอันเกลี้ยงเกลาของคุณย่าบนข้อนิ้วของผม พลางใช้ปลายนิ้วโป้งลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา
                “ครับ ..” ผมรับปากพร้อมกับจ้องมองมันอย่างตื่นเต้น เพราะนี่ถือเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมได้มาจากครอบครัวของพี่เขา ..

                “จูบนะ ..” พี่เขาประครองใบหน้าของผมให้เข้ามาใกล้กันกับพี่เขา หลังจากนั้นพี่เขาก็ประกบริมฝีปากอุ่นๆของพี่เขาลงบนกลีบปากของผม สัมผัสแผ่วเบานุ่มนวลราวกับปุยนุ่นกำลังทำให้ผมหลงเคลิบเคลิ้มเหมือนทุกครั้ง พี่เขาลิ้มชิมกลีบปากล่างของผมราวกับของหวานรสชาติถูกปาก ขณะเดียวกันผมเองก็เริ่มตอบรับรสสัมผัสจากพี่เขาอย่างคุ้นชิน
                พี่เขาผละริมฝีปากออกห่างจากผมเพียงครู่ เพื่อส่งสัญญาณให้ผมแลบลิ้นออกมา จากนั้นปลายลิ้นของพี่เขาก็เข้ามาคลอเคลียกับปลายลิ้นของผมอย่างเพลิดเพลิน สัมผัสหยอกเหย้าเคล้าคลึงกันอย่างอ่อนหวานชักพาให้ผมโน้มตัวเข้ามาสนิทแนบกับพี่เขายิ่งขึ้น เพื่อที่ผมจะได้สัมผัสกับความหอมหวานที่มันชักจะห่างไกลออกไปทุกที ทุกที ..
                เมื่อพี่เขากำลังกลั่นแกล้งให้ผมต้องไล่ต้อนพี่เขากลับ ..

                ฝ่ามือทั้งสองข้างของผมมันเลื่อนเข้ามาจับยึดกับต้นแขนของพี่เขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ รู้เพียงแต่ว่ายามที่ผมไล่ต้อนแล้วถูกพี่เขาตลบหลังด้วยการเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นของเราเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่นและรุนแรง มันทำให้ผมเผลอจิกปลายเล็บเข้าที่ต้นแขนของพี่เขาอย่างลืมตัว เมื่อรสสัมผัสมันทำให้ผมเริ่มสะท้านไปทั้งร่าง ..
                ความอ่อนหวานปนหวามไหวที่พี่เขาประโคมให้ มันทำเอาผมหายใจหายคอไม่ทัน และก็เหมือนว่าพี่เขาจะรู้ปลายลิ้นร้อนที่กำลังเกี่ยวกระหวัดเป็นเนื้อเดียวกันถึงได้คลายตัวออก จากนั้นปลายลิ้นของพี่เขาก็เปลี่ยนมาควานหาความหอมหวานในทุกสัดส่วนของโพรงปากผม ราวกับพี่เขากลัวว่าตนเองจะขาดทุน หากไม่รีบตักตวงให้มากเข้าไว้ ..

                “อื้อ ” ผมครางงึมงำในลำคอ เมื่อปลายลิ้นของพี่เขาลากไล้จากกระพุ้งแก้มมาจนถึงไรฟันและปิดท้ายด้วยเพดานปากที่มันสร้างความหวามไหวให้กับผมใจแทบขาด ..
                ยิ่งเรากอดกันบ่อยเท่าไหร่ พี่เขาก็ยิ่งค้นหาจุดอ่อนของผมได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนผมคิดว่าตัวผมยังไม่รู้จักตนเองได้มากเท่าที่พี่เขารู้จักตัวตนของผมเลย ..

                “เบ ” เสียงแหบพร่า บ่งบอกอารมณ์ที่กำลังแตกตื่นของพี่เขาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสายตาของพี่เขาที่มองมายังผม มันก็ทำให้ผมทราบแล้วว่า ….
                แค่จูบคงไม่พอ
               
                “มันเตลิดแล้วเบ ..” พี่เขากระซิบข้างๆใบหูของผมพร้อมกับคลอเคลียออดอ้อนชวนให้เคลิ้มฝัน
                “อ๊ะ ..” แต่ไม่นานสติของผมก็กลับคืนมาเมื่อพี่เขาปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเราเสียใหม่ โดยที่ผมเป็นฝ่ายนั่งอยู่บนโต๊ะ ส่วนพี่เขาเป็นฝ่ายเข้ามายืนแนบชิดกับผมเสียเอง ..

                “อื้อออ” เราสองคนมองจ้องตากันอยู่นาน แล้วจากนั้นอยู่ๆพี่เขาก็บดจูบลงมาบนกลีบปากของผมทั้งบนและล่างอย่างรุนแรง ขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของพี่เขาก็ลูบไล้ต้นขาของผมไปด้วย แล้วไม่นานปลายลิ้นหนาก็เข้ามาทักทายกับปลายลิ้นของผมอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ไม่มีการหยอกล้อใดๆทั้งสิ้น มีแต่สัมผัสหนักหน่วงและร้อนแรงจนทำให้ผมใจเต้นจนน่ารำคาญ ..
                ผมพยายามจะจูบตอบพี่เขาอยู่หลายครั้ง แต่สัมผัสของพี่เขากลับทำให้ผมตอบรับไม่ทันอยู่หลายหน อีกทั้งลำตัวของพี่เขาก็ยังเข้ามาแทรกกลางหว่างขาของผม เพื่อที่เราจะได้แนบสนิทกันให้มากกว่าเดิม ..

                เคร้ง

                ด้วยเพราะพี่เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ผมจึงต้องใช้ฝ่ามือรองรับน้ำหนักทั้งของตัวเองและพี่เขาไปด้วย แต่มือของผมดันไปปัดป่ายเข้ากับแก้วกระเบื้องที่พี่เขาวางเอาไว้บนโต๊ะที่อยู่ไม่ห่างจากด้านหลังของผมสักเท่าไหร่ จึงทำให้เกิดเสียงดังไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่อาจทำให้พี่เขารับรู้อะไรได้นอกจากรสสัมผัสจากกลีบปากของผมเพียงเท่านั้น ..
                “แฮ่กๆ .. อืม ” ในตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าเสียงหอบหายใจของใครมันดังกว่ากัน เพราะความสนใจทั้งหมดของผมกำลังเป็นของพี่เขาคนเดียวเท่านั้น ยิ่งสัมผัสอุ่นร้อนแตะแต้มไปตามลำคอของผม มันก็ยิ่งทำให้ผมต้องสูดอากาศหายใจมากยิ่งขึ้น

                “เบ .. หอมจัง ..” พี่เขาไล้ริมฝีปากกดเม้มลงบนผิวเนื้อตั้งแต่ลำคอด้านหลัง มาจนถึงลำคอต้นหน้า จากนั้นฝ่ามือของพี่เขาที่กำลังลูบไล้หน้าขาของผม ก็ลากไล้ขึ้นมายังกระดุมเม็ดที่สาม และเริ่มปลดเปลื้องมันออกด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างของพี่เขาก็กำลังลูบไล้ผิวเนื้อช่วงเนินไหล่ของผมอย่างแผ่วเบา ขณะที่ปลายจมูกของพี่เขากำลังเกี่ยวรั้งให้ตัวเสื้อหลุดรั้งออกจากลาดไหล่ของผม จากนั้นกลีบปากหนาก็ประทับรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้ตรงแนวไหปลาร้าของผมลากเลื่อนมาจนถึงแผงอกที่ขยับขึ้นลงอย่างแรงเมื่อความต้องการมันเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ..
                ริมฝีปากร้อนค่อยๆละความสนใจจากผิวเนื้อของผม พลางเฝ้าคลอเคลียกับยอดอกด้านขวาอย่างอ้อยอิ่ง ขณะที่ฝ่ามือหนาอีกข้างก็ลากเลื่อนลงมายังหน้าท้องของผมเพียงแผ่ว จนผมอดจะเกร็งหน้าท้องเอาไว้ไม่ได้ ..

                “อ๊ะ ..” ปลายลิ้นหนาเริ่มแตะสัมผัสราวกับยอดอกของผมเป็นสิ่งแปลกใหม่ ส่งผลให้ผมสะท้านไหวมากขึ้นไปอีก เมื่อสุดท้ายแล้วริมฝีปากหนาก็ครอบครองส่วนไวสัมผัสช่วงบนของผมเหมือนทุกครั้ง ..
                ความอุ่นชื้นผสมกับสัมผัสหวามไหวตรงหน้าท้องทำให้ผมต้องเม้มปากอย่างอดกลั้น พร้อมกับบิดเร้าตัวไปมา เมื่อสัมผัสอันอ้อยอิ่งมันกำลังทำให้ผมทรมานอย่างช้าๆ

                “อื้อ ..” พี่เขาบดเบียดกายเข้ามาใกล้ผมยิ่งขึ้น เมื่อริมฝีปากของพี่เขายังคงครอบครองจุดอ่อนของผมอยู่ ขณะที่ฝ่ามือข้างซ้ายของพี่เขาในตอนนี้ กำลังปรนเปรอความวาบหวามบนยอดอกข้างซ้ายให้ผมไม่ขาด อีกทั้งส่วนอ่อนไหวด้านล่างของผมก็ยังถูกหน้าขาของพี่เขาเคล้าคลึงไปมาจนมันเริ่มจะตื่นตัว ..
                “เบ ..” ผมก้มหน้าลงมองพี่เขาที่ตอนนี้กำลังมองหน้าของผมอยู่ ขณะที่ฝ่ามือข้างซ้ายของพี่เขาก็ลากรั้งฝ่ามือข้างซ้ายของผมให้มาวางลงตรงขอบโต๊ะ จากนั้นฝ่ามือหนาก็วางทับลงบนหลังมือของผมอีกที ..

                “จุ๊บ!” พี่เขายกยิ้ม พร้อมกับยืดตัวขึ้นมาจูบปากของผมเบาๆ แล้วก็จูบซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นราวกับจะหยอกล้อให้ผมเคลิ้มฝันแล้วแกล้งตลบหลังผมเหมือนอย่างเคย
                “อื้อออออออ” แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อพี่เขาเปลี่ยนมากดจูบลึกซึ้งแทรกซอนปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับเรียวลิ้นของผมจนมันแทบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ขณะที่ฝ่ามือของพี่เขาก็ยกเรียวขาทั้งสองข้างของผมให้เกี่ยวเข้ากับรอบเอวของพี่เขาไว้

                “อึก ..อืม ..” ผมยกมือขึ้นกอดรอบลำคอของพี่เขาอย่างเผลอไผล พลางเอียงคอปรับเปลี่ยนองศาเพื่อให้การจูบของเรามันลึกซึ้งมากเท่าที่จะมากได้ ..
                “อืม .. เบ .. ” ฝ่ามือร้อนของพี่เขาลากไล้เข้ามาภายใต้เสื้อเชิ้ต ที่บัดนี้มันถูกปลดเปลื้องจนแทบจะหลุดรั้งออกจากกายของผมอยู่รอมร่อ ดีที่ช่วงแขนของผมมันยังประคับประครองไม่ให้เสื้อตัวเก่งถูกสลัดทิ้งไปต่อหน้าต่อตา มันจึงทำได้แค่ล่วงมากองกันตรงข้อพับแขน และด้วยกระดุมที่มันถูกปลดออกจนหมด จึงทำให้ฝ่ามือของพี่เขาสามารถบีบเคล้นไปทั่วผิวกายของผมได้อย่างง่ายดาย ..
                แต่ดูเหมือนฝ่ามืออันซุกซนของพี่เขาจะโปรดปรานตรงช่วงเอวของผมที่สุด ..
           
                “อึก ..อ๊า ..อื้อ ..” ผมพยายามขยับตัวหนีไปชิดกับขอบหน้าต่างเมื่อพี่เขาเริ่มลงน้ำหนักมือเข้าที่ช่วงเอวของผมจนสะท้านไหว ส่วนริมฝีปากของพี่เขาก็กำลังครอบครองลงบนยอดอกของผมอีกครั้ง  หากแต่คราวนี้สัมผัสที่ผมได้รับมันกลับชักพาให้ผมไม่สามารถควบคุมสุ้มเสียงของตัวเองได้อีกแล้ว เมื่อพี่เขาลงลิ้นสัมผัสอย่างรวดเร็วและร้อนแรงอย่างที่ผมไม่อาจหลีกหนี เมื่อผมถูกพี่เขาตรึงร่างเอาไว้ทุกสัดส่วน ..
                “อื้ออ ..” ผมพยายามจะผลักพี่เขาให้ออกห่างจากตัว เมื่อสัมผัสที่ผมได้รับมันชักจะเกินต้านไหว แต่พี่เขากลับดึงดันจะมอบความสุขให้ผมเช่นเดิม จนเนื้อตัวของผมอ่อนปวกเปียกเลยต้องพิงขอบหน้าต่างเอาไว้ ส่วนสองขาของผมที่กำลังจะอ่อนแรงลง ก็ไม่สามารถคล้องเกี่ยวกับช่วงเอวของพี่เขาได้อีกแล้ว อีกทั้งมือข้างซ้ายของผมก็ได้แต่จับข้อมือข้างซ้ายของพี่เขาที่กำลังบดคลึงช่วงล่างของผมด้วยสัมผัสอันแผ่วเบาผสมปนเปไปกับสัมผัสอันหนักหน่วงอย่างเหนื่อยอ่อน ..

                “ทำให้พี่บ้างสิเบ ..” พี่เขาคว้าข้อมือข้างขวาของผมเข้ามาแปะลงตรงกลางอกของพี่เขา ขณะที่ฝ่ามือข้างซ้ายของพี่เขาก็ยังคงปรนเปรอให้ผมไม่ขาดมือ จนความคับแน่นเริ่มเข้ามาทักทายจนผมรู้สึกอึดอัด
                “อื้อ” ผมตอบรับในลำคออย่างเลี่ยงไม่ได้ มือพี่เขาจูบเข้าที่หลังใบหูของผมอย่างออดอ้อน ผมจึงเลื่อนฝ่ามืออันสั่นเทาของตัวเองไปที่สาบเสื้อของพี่เขา ก่อนจะปลดกระดุมออกจากรังดุมทีละเม็ด ตั้งแต่เม็ดแรกจนถึงเม็ดสุดท้าย ซึ่งกว่าผมจะทำได้สำเร็จ ฝ่ามือของผมก็สั่นแล้วสั่นอีก เมื่อพี่เขายังคงบีบคลึงช่วงล่างของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ฝ่ามือคู่นั้นมันเข้ามาสัมผัสทักทายกับตัวตนของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ

                ความอุ่นร้อนของฝ่ามือหนากำลังจะทำให้ผมหลอมละลายลงตรงนี้ และถึงแม้ว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ช่วงล่างของผมจะยังอยู่ครบ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ผมปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้พี่เขาก็ได้สัมผัสกับตัวตนของผมไปมากแล้ว..
                “ใจเย็นๆเบ .. อย่าตื่นเต้น .. มันก็เหมือนกับที่พี่เคยสอนไง ..” ผมอยากจะเถียงพี่เขาเหลือเกินว่าผมไม่ได้ตื่นเต้น แต่ผมกำลังจะบ้า เมื่อพี่เขาปรนเปรอจนผมแทบจะล่วงหน้าไปก่อนพี่เขาอยู่แล้ว
                และที่มือของผมสั่นมันก็เป็นเพราะผมควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วต่างหาก..
               
                “พี่ .. อื้อ” ผมคว้ากางเกงของตัวเองอย่างรวดเร็วเมื่อพี่เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันกำลังเกะกะอย่างมากในเวลานี้  ซึ่งพี่เขาก็มีวิธีหลอกล่อผมด้วยการปรนเปรอจูบอันนุ่มนวลให้ผมเคลิบเคลิ้ม แล้วจากนั้นพี่เขาต้องการจะทำอะไรกับร่างกายของผม มันก็ง่ายดายนัก ..
                “อึก ..อืม ..” พี่เขาลากเลื่อนฝ่ามือทั้งสองข้างของผมให้มาวางแปะลงบนหน้าอกของพี่เขา ขณะที่ริมฝีปากของเรายังคงเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นเมื่อพี่เขาชักจูงผมได้สำเร็จ ฝ่ามือของผมก็เริ่มลูบไล้เรือนร่างของพี่เขาอย่างเคลิ้มฝัน ขณะที่ฝ่ามือของพี่เขาข้างหนึ่งกำลังหยิบยกปลายขาของผมให้ตั้งชันกับขอบโต๊ะ เพื่อที่พี่เขาจะได้ปรนเปรอช่วงล่างให้ผมได้ง่ายขึ้น ..

                “อ๊า ..อึก .. อืออ ..” ผมครวญครางไม่เป็นภาษาเมื่อพี่เขากำลังจะชักพาให้ผมไปถึงฝั่งฝันด้วยจังหวะอันรวดเร็วเสียจนร่างกายมันรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด
                “ทำให้พี่บ้างสิเบ .. ไม่งั้นพี่จะทำให้เธอคลั่งยิ่งกว่านี้ ..” พี่เขากระซิบชิดริมหูของผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่าราวกับคำขู่ แต่แท้ที่จริงมันไม่ใช่แค่คำขู่ เพราะพี่เขากำลังจะทำอย่างนั้นจริงๆ เมื่อสัมผัสอันเสียวซ่านห่างหายไปพร้อมกับความอบอุ่นของฝ่ามือ ส่งผลให้ช่วงล่างของผมจวนเจียนจะคลั่งดังคำขู่ของพี่เขาอยู่แล้ว

                “อืม ..” ผมวางฝ่ามือข้างซ้ายของตัวเองไว้บนช่วงอกของพี่เขา จากนั้นริมฝีปากและลำตัวของผมจึงค่อยๆโน้มเข้าหาพี่เขาอย่างช้าๆ ผมแตะกลีบปากของตัวเองลงบนผิวเนื้อของพี่เขาอย่างกล้าๆกลัวๆ ด้วยเพราะนี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราไม่ได้พบเจอกันมานาน จึงทำให้อะไรๆมันก็ดูขัดเขินไปหมด ..
                ตอนอยู่ปารีสพี่เขาสอนให้ผมปรนเปรอพี่เขาด้วยปาก ลิ้น และฝ่ามือ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอายมาก เมื่อผมต้องเป็นฝ่ายทำให้พี่เขา ในขณะที่พี่เขาเป็นฝ่ายใช้สายตามองทุกการกระทำของผม
                ด้วยเพราะตอนนั้นพี่เขาเป็นอาจารย์ ส่วนผมเป็นนักเรียนนั่นแหละ ผมถึงหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนั้นไม่ได้ ..
               
                “อ่าห์ .. ” พี่เขาครางเครือออกมาเมื่อผมลากปลายลิ้นไล้เลียไปทั่วแผงอกของพี่เขา พร้อมกับฝากร่องรอยเอาไว้อย่างที่พี่เขาเคยสอน สารภาพตามตรง แรกๆผมก็ทำรอยไม่เป็นหรอก ไม่ว่าจะพยายามจูบเม้มแค่ไหนมันก็เป็นเพียงแค่รอยแดงเหมือนโดนมดกัด เดี๋ยวเดียวก็จางหาย ..
                สุดท้ายพี่เขาเลยเปิดครอสสอนผมเข้าให้ซะเลย ..
                ซึ่งผมก็ไม่มีทางเลี่ยงซะด้วย ..

                “อ่ะ ..อื้อ ..” ผมเริ่มจะไปต่อไม่เป็น เมื่อฝ่ามือทั้งสองข้างของพี่เขากำลังลูบไล้ต้นขาด้านในของผมอยู่ พี่เขาหอบหายใจแรงจนผมรู้สึกได้เลยทีเดียว เมื่อตอนนี้ผมกำลังแนบใบหน้าลงกับแผ่นอกของพี่เขาอย่างอ่อนระทวย อีกทั้งเสียงหัวใจของพี่เขาก็ดังกระหึ่มราวกับพี่เขากำลังตื่นเต้นกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ ..
               
                หวืด ….

                พี่เขาลากผ้าม่านให้ปิดกั้นกับบานกระจก เพื่อไม่ให้คนข้างนอกมองเข้ามาข้างในได้ จากนั้นฝ่ามือข้างขวาของพี่เขาก็วางแปะลงบนต้นขาของผม แล้วก็ลูบไล้มันเบาๆ จนผมรู้สึกหวิวไหวเมื่อสัมผัสนั้นของพี่เขามันแผ่วหวิวจนเกินไป ส่วนฝ่ามือข้างซ้ายของพี่เขาก็เอาแต่ลูบต้นขาในส่วนที่มันใกล้ชิดสนิทแนบกับความอ่อนไหวของมันที่ตอนนี้มันกำลังถูกคำขู่ของพี่เขาเล่นงานอย่างหนัก..
                “อ๊ะ” ผมสะดุ้งตัวอย่างแรงเมื่อปลายนิ้วของพี่เขาปัดป่ายมาโดนช่องทางด้านหลังของผม อีกทั้งฝ่ามือข้างซ้ายของพี่เขาก็กำลังรุกรานส่วนอ่อนไหวของผมอยู่ ผมจึงบิดตัวเพื่อใช้ต้นขาบดบังส่วนนั้นไว้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าผมกำลังเปิดทางให้พี่เขารุกรานมากขึ้นกว่าเดิม ..

                “อืม ..อ่าห์ ..” พี่เขาคว้าข้อมือซ้ายของผมวางแปะลงบนช่วงอกของพี่เขา จากนั้นมือหนาก็เริ่มชักจูงให้ฝ่ามือของผมลูบไล้ไปตามเรือนร่างของพี่เขา แล้วพี่เขาก็ส่งเสียงครวญครางในลำคอข้างๆหูของผม ราวกับต้องการจะกลั่นแกล้งให้ผมอาย ..
                “อึก ..อื้อ ..” ผมพยายามหยุดยั้งฝ่ามืออันซุกซนของพี่เขาที่กำลังลากไล้วนเวียนรอบๆช่องทางด้านหลังของผม แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ถนัดนัก เมื่อฝ่ามืออีกข้างของผมกำลังถูกพี่เขาชักจูงให้ปรนเปรอสัมผัสวาบหวามให้พี่เขาบ้าง

                “พ..พี่ ..อ๊า ..” ผมโผเข้ากอดรอบคอของพี่เขาไว้ พร้อมกับพิงกายกับร่างสูงของพี่เขาอย่างหมดแรง เมื่อปลายนิ้วของพี่เขาเข้ามาสัมผัสกับความอุ่นร้อนภายในกายของผมแล้ว
                “เบ ..” พี่เขาเฝ้าคลอเคลียร้องเรียกผมด้วยชื่อที่พี่เขาตั้งให้ข้างๆใบหู ขณะที่ฝ่ามือข้างที่ว่างของพี่เขาก็ดอดเข้ามารุกรานกับส่วนไวสัมผัสของผมอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ผมไม่อาจห้ามปรามได้ เมื่อฝ่ามือและปลายนิ้วของพี่เขามันทำงานได้สัมพันธ์กันดีเกินไป

                “อื้อ ..อ๊ะ ..อ๊า ..” ผมร้องไม่เป็นภาษาเมื่อสัมผัสของพี่เขามันเริ่มฉุดรั้งให้ผมตื่นตัวอย่างไร้ขีดจำกัด จนผมขาพับขาอ่อน ส่งผลให้พี่เขาไม่อาจรุกรานช่องทางด้านหลังของผมได้อีกต่อไป พี่เขาจึงต้องยอมล่าถอย ..
                “ฮึก ..อ้า ..อื้อ ..” ปลายทางฝันของผมเริ่มอยู่ไม่ไกลเมื่อพี่เขาเอาแต่ชักนำจนผมไม่มีสติสตังค์จะบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้มันดังจนเกินไป
               
                “อื้อ .. อ๊าาาาาาาาาาาาา” ผลสุดท้ายผมก็ต้องปลดปล่อยออกมา หลังจากที่ถูกแกล้งจนแทบคลั่ง เรี่ยวแรงของผมมันชักจะหดหายดีที่ได้ร่างกายสูงใหญ่ของพี่เขาค้ำยันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องหน้าคะมำไปกับพื้นแน่ๆ
                “แฮ่กๆ” ผมหอบหายใจถี่ขณะซบใบหน้าลงกับลาดไหล่ของพี่เขาเพื่อปรับการหายใจให้เป็นปกติ ส่วนพี่เขาก็ยืนลูบหัวของผมคล้ายกับปลอบประโลมเบาๆ
                แต่การกระทำนั้นมันต่างอะไรกับการตบหัวแล้วลูบหลังกันล่ะ ..

                “พ..พี่ครับ ..เอ่อ .. ..มัน ..คือ .. ผมขอโทษ ผม ..” เมื่อผละใบหน้าของตัวเองออกห่าง จึงส่งผลให้พี่เขาเป็นอิสระ และนั่นก็ทำให้ผมมองเห็นผลงานของตัวเองได้อย่างชัดเจน เมื่อความสุขสมมันเปรอะเปื้อนไปที่กางเกงยีนส์สีดำของพี่เขาจนหมด จนผมถึงกับลืมไปว่าตัวผมสามารถพูดได้เป็นประโยคมานานแล้ว ..
                แถมเบื้องล่างของพี่เขาเองก็ชักจะอาการหนักซะแล้วด้วย ..

                “ถ้ามันเลอะ ก็ถอดให้พี่สิเบ ..” พี่เขาคว้าข้อมือทั้งสองของผมวางแปะลงบนขอบกางเกงของตัวเอง เพื่อชี้แนะว่าผมควรจะรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองอย่างไร ..
                ” ผมชักจะทำตัวไม่ถูกเข้าให้แล้ว ครั้นจะมองหน้าของพี่เขาผมก็ไม่กล้า ครั้นจะก้มลงมองพื้นก็เดี๋ยวจะเห็นผลงานของตัวเอง

                “น่ารักจริงๆเลยน้า เบ ..” พี่เขาส่ายหัวแล้วก็ช้อนตัวผมขึ้นอุ้ม จากนั้นก็วางลงบนเตียงนอนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะเขียนหนังสือสักเท่าไหร่ แล้วสุดท้ายพี่เขาก็เป็นฝ่ายขจัดภาพน่าอายสำหรับผมไปเสียเอง ..
                ยิ่งท่าทางของพี่เขาตอนที่กำลังจะถอดกางเกงยีนส์ที่มันเปรอะเปื้อนอยู่ในสายตาของผม ร่างกายมันก็ชักจะรู้สึกร้อนวูบวาบตามไปด้วย อีกทั้งช่วงขาแกร่งของพี่เขาก็ยังคอยแต่จะเรียกสายตาของผมให้จ้องมองมันอยู่ได้ ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้อยากจะมองเลย ..

                ” ผมเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกพี่เขาเอาคืนเข้าให้แล้ว ที่เมื่อครู่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามข้อเสนอของพี่เขาทั้งๆที่ผมเองเป็นฝ่ายทำให้พี่เขาเลอะเทอะแท้ๆ แต่จะโทษผมคนเดียวก็ไม่ถูก เพราะพี่เขาก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน แถมยังมีส่วนมากๆซะด้วยล่ะ ..
                ทันทีที่พี่เขาปิดไฟให้ทั้งห้องมืดสนิทลง ผมก็มองเห็นเงาร่างของพี่เขาเดินวนไปวนมาในห้อง แล้วจากนั้นพี่เขาก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆตัวผมในตำแหน่งที่ใกล้กับโต๊ะตรงหัวเตียง

                “น้องแฟน..ทิ้ง ..เอ่อ .. ของจำเป็นพวกนั้นไปแล้วเหรอ ?” พี่เขาหันมาถามผม
                “มันหมดอายุแล้ว ..” ผมตอบเสียงเบา ขณะที่หัวใจของผมกำลังเต้นระรัว เมื่อหัวข้อสนทนาของเรามันเกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างว่า ..

                “อ้อ ..” พี่เขาพยักหน้า แล้วก็มองมาที่ผม จากนั้นใบหน้าของพี่เขาก็เลื่อนเข้ามาใกล้กันกับใบหน้าของผม จนทำให้โฟกัสทางสายตาเริ่มลางเลือน เมื่อในที่สุดริมฝีปากของเราก็แตะสัมผัสกันอีกครั้ง พี่เขาส่งปลายลิ้นเข้ามาไล่ต้อนปลายลิ้นของผม จากนั้นก็เกียวพันรัดรึงกันเอาไว้อย่างอ้อยอิ่ง ขณะที่ฝ่ามือของพี่เขาก็เริ่มปลุกเร้าอารมณ์ของผมให้ตื่นตัวอีกครั้ง ส่งผลให้ผมเริ่มเคลิ้มไหว พาลพาให้ความกล้าอยู่เหนือความเขินอาย ..
                ฝ่ามือของผมลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของพี่เขาตั้งแต่แผงอกจวบจนกระทั่งแผ่นหลัง ลากเลื่อยมายังช่วงเอวและปิดท้ายด้วยท้องน้อย ผิวเนื้อนุ่มลื่นของพี่เขาเริ่มทำให้สติของผมเตลิด ช่วงล่างของผมเริ่มตื่นตัวมากยิ่งขึ้นเมื่อการสัมผัสมันส่งผลให้ความต้องการถูกปลุกระดมขึ้นมาอีกครั้ง ..

                “อื้อ ..” ผมครางครวญเสียงหวาน เมื่อริมฝีปากของพี่เขาละออกจากกลีบปากของผม และเปลี่ยนมาเฝ้าคลอเคลียตรงข้างหูของผมแทน สัมผัสเปียกชื้นส่งผลให้ขนแขนลุกกราว จนผมต้องเอียงใบหน้าหลบหลีกจากสัมผัสชวนไหวสะท้านนั่น แต่ดูเหมือนจะทำได้ยาก เมื่อพี่เขาล็อคฝ่ามือของผมไว้ พร้อมกับใช้ริมฝีปากไล่ต้อนให้ผมจำต้องน้อมรับสัมผัสนั้นด้วยลมหายใจอันรวยริน ..
                “วันนี้เราต้องช่วยกันนะ ..” พี่เขากระซิบเสียงแหบพร่า จากนั้นพี่เขาก็พลิกกายลงมานอนบนเตียง ส่วนผมกลับเป็นฝ่ายนอนทับอยู่เหนือร่างของพี่เขาแทน แต่เหตุการณ์น่าตกใจมันยังไม่จบลงแค่นั้น เมื่อพี่เขาดันตัวผมให้คล่อมทับร่างของพี่เขาไว้ด้วยท่าทางที่น่าอาย ซ้ำร้ายความเป็นพี่เขาก็ยังจดจ่ออยู่ตรงหน้าของผมอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันจะยังมีปราการชิ้นสุดท้ายปกปิดอยู่ก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ผมไม่กล้าที่จะมอง ..

                “ม..ไม่ ..เอา” ผมเริ่มพูดตะกุกตะกักอีกครั้งด้วยเพราะความเขินอายและตื่นเต้นผสมปนเปกันจนแทบแยกไม่ออก จากนั้นผมก็พยายามจะพลิกตัวลงจากช่วงอกของพี่เขา พร้อมกับปัดป่ายฝ่ามือของพี่เขาที่จับยึดช่วงขาของผม ด้วยเพราะผมไม่อยากจะคิดเลยว่า มุมมองที่พี่เขาเห็นนั้น ภาพมันจะออกมาเป็นอย่างไร ..
                ถึงภายในห้องนี้จะมืด แต่เพราะความชินตา ภาพต่างๆมันก็น่าจะชัดเจนไม่ใช่เหรอ ?

                “จำที่พี่เคยสอนได้ไหมเบ ?” พี่เขาถามผมคล้ายกับอยากจะได้คำตอบ หากแต่การกระทำของพี่เขากลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อฝ่ามือของพี่เขาเคลื่อนเข้ามาแตะสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวของผม เพื่อทบทวนความจำของผมด้วยการกระทำของพี่เขาเอง ..

                “เบต้องลูบมันเบาๆด้วยความเอ็นดู ..” พี่เขาเริ่มใช้เสียงทุ้มแหบพร่าชักจูงให้ผมทำตามอย่างว่าง่าย และจากนั้นไม่ว่าพี่เขาจะสอนสั่งอะไร ผมก็ทำตามพี่เขาอย่างไร้สติ จนหลงลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่ตนเองกำลังอายมากแค่ไหน
                “อืม .อ่าห์ ” เสียงครวญครางของพี่เขาดังสลับกับเสียงร้องของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราต่างก็ปรนเปรอให้กันเหมือนครั้งแรกที่พี่เขาเริ่มสอนให้ผมเป็นงานอย่างแท้จริง ความเปียกชื้นที่ฝ่ามือของผมกำลังสัมผัสอยู่ มันบ่งบอกได้ดีว่าอารมณ์ที่พี่เขาอดกลั้นเอาไว้ มันค่อยๆก่อร่างสร้างตัวเพื่อรอเวลาในการปลดปล่อยมากขึ้นทุกที ทุกที ..

                “อ๊ะ ..พี่ ..ไม่ ..” ผมร้องห้ามพลางส่ายหน้ารัว ซ้ำร้ายแข้งขาของผมมันก็เริ่มจะอ่อนแรงลงเมื่อพี่เขาใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสส่วนอ่อนไหวของผมเพื่อชักจูงให้ผมทำอย่างนั้นให้พี่เขาบ้าง ซึ่งครั้งแรกผมก็ทำได้ดีจนได้รับคำชมจากพี่เขา เพียงแต่ครั้งนี้ถ้าหากว่าพี่เขาจะสอนผมไปด้วย โดยที่ผมก็ต้องทำตามไปด้วย ผมต้องแย่แน่ๆ
                “จูบมันเบาๆแบบนี้เบ ..” พี่เขาตรึงเรียวขาของผมให้ผมสามารถทรงตัวในท่าทางที่น่าอายนั่นได้มั่นคงขึ้น จากนั้นพี่เขาก็เริ่มพรมจูบตรงส่วนนั้น สัมผัสแผ่วหวิวมันทำให้ผมขาสั่น อีกทั้งการปลุกเร้าของพี่เขามันก็ทำให้ผมไม่สติ ผมจึงได้แต่ร้องห้ามและส่ายหน้าพลางทรุดตัวลงซบกับหน้าขาของพี่เขาอย่างหวามไหว ..

                “อื้อ ..อ้า ..อึก ..อ๊า ..” ผมขยำหน้าขาของพี่เขาด้วยความไหวสะท้าน เมื่อปลายลิ้นของพี่เขากำลังโลมเลียช่องทางด้านหลังของผมอย่างเร่าร้อน ด้วยเพราะเราไม่มีอุปกรณ์ช่วยอันใดเลย พี่เขาจึงเลือกที่จะทำเช่นนั้น ทั้งๆที่พี่เขาก็รู้ว่าผมไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่
                ก็ทำแบบนั้นมันน่าอายกว่าทุกท่าทางนี่นา ..
               

                “อึก ..อื้อ” ปลายนิ้วชี้ของพี่เขาเริ่มเข้ามาทักทายกับส่วนต้องห้ามของผมอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้พี่เขากลับปรนเปรอให้ผมจนสะท้านไหวยิ่งกว่าคราแรกที่พี่เขาเล่นงานผมเสียอีก อีกทั้งฝ่ามือข้างที่ว่างของพี่เขาก็ยังจะลูบไล้แถวแนวสะโพกจวบจนกระทั่งผิวเนื้อนิ่มตรงแก้มก้นอย่างนุ่มนวล
                “อ๊า ..” ผมสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อปลายนิ้วของพี่เขาควานลึกเข้ามาในตัวผม จนความเสียวซ่านแล่นปราดไปทั่วร่าง

                “อื้อ ..อ๊ะ ..อ้า ..” เนื้อตัวของผมโยกไหวไปตามจังหวะซึมลึกของปลายนิ้วเรียวยาวที่กำลังเข้ามาสำรวจภายในร่างกายของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เท่านั้นไม่พอ พี่เขายังจะลิดรอนเรี่ยวแรงของผมจนหมด ด้วยการยกปลายเท้าของผมขึ้นจรดกับริมฝีปากของพี่เขา จากนั้นริมฝีปากหนาก็พรมจูบปลายเท้าของผมจนช่วงล่างมันคับแน่นเสียจนผมอยากจะเดินทางไปถึงฝั่งฝันซะให้ได้อยู่แล้ว ..
                “พ..พี่ ..อึก .. แฮ่กๆ” ผมหอบหายใจอย่างแรง พร้อมกับเอื้อมมือไปกุมฝ่ามือของพี่เขาไว้ จากนั้นไม่นานผมก็สามารถพลิกตัวออกห่างจากพี่เขาได้ ..

                “ผะ ..ผมต้องการพี่ ..
                “โลชั่นเบหมด .. ถ้างั้นก็ .. ห้องน้ำนะ ..” พี่เขาจูบปากผม พร้อมกับหยิบโลชั่นมาบีบให้ผมดูเพื่อบอกเหตุผลของการกระทำเมื่อครู่กลายๆ จากนั้นพี่เขาก็โยนมันทิ้งไปเมื่อมันหมดประโยชน์ แล้วก็ลุกขึ้นยืนพลางโน้มตัวมาอุ้มผมจากบนเตียงให้เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน ..
                จากสายตาผมมองเห็นสภาพชุดสูท ที่ก่อนหน้านี้พี่เขาวางพาดเอาไว้ตรงข้างเตียงได้ล่วงลงไปกองกับพื้นจนยับยู่ยี่เสียทรงไปหมดแล้ว แถมขวดโลชั่นอันหมดประโยชน์นั่นยังกองแหมะทับถมซ้ำเติมอีกว่าทุกสิ่ทุกอย่างที่อยู่รอบกายของเราในเวลานี้ มันไม่ได้อยู่ในความสนใจของเราเลย หากว่าความต้องการมันอยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง

                “วันนี้พี่ร้อนแรงมากเลยใช่มั้ย ?” พี่เขาแถมแกมหยอก ขณะที่ผมก็ต้องซุกซบใบหน้าลงกับลาดไหล่ของพี่เขาพลางโอบกอดพี่เขาให้แน่นขึ้น เมื่อพี่เขากำลังปลดเปลื้องปราการชิ้นสุดท้ายที่มันฉ่ำความต้องการจนเต็มที่แล้วออกไป ..
                ….

                “แล้วพี่ก็เอาแต่ใจด้วยใช่มั้ย ?” พี่เขาถามขึ้นมาอีก แต่คราวนี้มันเป็นคำถามที่ผมกล้าตอบ ..
                “มากกกกกก” ผมย่นจมูก พลางลากเสียงยาวใส่พี่เขาให้รู้กันไปเลยว่าวันนี้ อ่าไม่ใช่สิ ทุกครั้งที่พี่เขากอดผม พี่เขามักจะเอาแต่ใจกับผมทุกที ..

                “เรื่องอื่นพี่จะตามใจน้องแฟนทุกอย่าง แต่เรื่องนี้พี่ขอให้เราตามใจพี่นะ ..” พี่เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดสบู่ใกล้มือยื่นส่งให้ผม จึงทำให้ผมต้องกอดคอและใช้ขาเกี่ยวช่วงเอวของพี่เขาให้แน่นขึ้น เมื่อตอนนี้พี่เขาใช้มือเดียวในการประครองตัวของผมอยู่ ..
                “ครับ ?” ผมรับสบู่ขวดนั้น พลางชูใส่พี่เขาในเชิงถาม ..

                “ใช้แทนเจลหมดอายุนั่นไงเบ ..” พี่เขาก้มลงมากระซิบแผ่วข้างๆหูผม พร้อมกับกระชับอุ้มตัวผมในท่าทางที่ถนัดขึ้น ส่วนผมที่ได้ยินคำตอบของพี่เขาก็ถึงกับอึ้งไป เมื่อมองสถานการณ์ดูแล้ว พี่เขาคงจะให้ผมเป็นคนทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
                มิน่าพี่เขาถึงพูดดักคอให้ผมยอมตามใจพี่เขาแบบนั้น ..

                “ถ้าไม่ใช้มันจะเจ็บนะเบ ..” พี่เขาพูดเตือน จนผมต้องเปิดฝาขวดสบู่ในมือออก
                “เปลี่ยนกลิ่นใหม่เหรอ ?” พี่เขาพลิกขวดสบู่ในมือผมดูให้แน่ใจอีกครั้ง

                “อื้อ .. ผมอยากได้กลิ่นแบบที่พี่ใช้ที่ปารีส แต่มันไม่มี ..” ผมเทสบู่เหลวใส่มือของตัวเอง จากนั้นก็เอื้อมมือไปวางขวดสบู่ลงที่เดิม ..
                “กลับมาคราวหน้าพี่จะซื้อมาให้ ..” พี่เขาจูบลาดไหล่ของผม พร้อมกับสัญญาว่าจะซื้อมาให้ ..

                “อ่ะ ..อืม ..” พี่เขาครางเสียงแผ่วขณะที่ก้มหน้าลงพรมจูบไปทั่วลาดไหล่ของผม เมื่อฝ่ามือเปื้อนสบู่ของผมมันเผลอไปโดนส่วนอ่อนไหวของพี่เขาแทนที่จะเป็นช่องทางคับแน่นของผม ..
                “ใช้เถอะเบ .. ที่พี่ช่วยมันอาจจะไม่พอ ..” พี่เขาพูดพลางจูบขมับของผมเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผมมีความกล้าพอที่จะช่วยเหลือตัวเองในเรื่องอย่างว่า ..

                “อ่ะ ..” ฝ่ามือของผมสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผมแตะสัมผัสลงบนช่องทางคับแน่นนั่น ด้วยเพราะหลังมือของผมมันเลี่ยงที่จะไม่โดนตัวตนของพี่เขาไม่ได้ ..
                “อื้อ ..อ่า ..” ผมส่งเสียงครวญครางใส่พี่เขาอย่างเต็มที่ เมื่อปลายนิ้วของผมเริ่มเข้าไปทักทายกับตัวเองจากเพียงแค่หนึ่ง เปลี่ยนเป็นสอง สามและสี่ ตามการแนะนำของพี่เขา ด้วยเพราะอารมณ์ถูกปลุกปั่นมาตั้งแต่บนโต๊ะเขียนหนังสือ จวบจนกระทั่งบนเตียงนอน และมาจบลงที่ห้องน้ำ มันก็ทำให้ทุกส่วนในร่างกายพร้อมจะตอบรับความสั่นสะท้านโดยที่ไม่ต้องปลุกเร้าใดๆอีก

                “อ้า ..พี่ ..อื้อ ..อ๊ะ ..อ้า ..” ผมลืมตามองพี่เขาอย่างตกใจ เมื่อพี่เขาเป็นฝ่ายชักนำให้ผมปลุกเร้าตัวเองในจังหวะที่มันเร่าร้อนยิ่งขึ้น ซึ่งมันก็เท่ากับพี่เขากำลังปลุกปั่นตัวเองด้วยเช่นกัน
                “พี่ไม่ไหวแล้วเบ” สิ้นคำพูดของพี่เขา ตัวตนของพี่เขาก็สอดแทรกเข้ามาแทนที่ปลายนิ้วของผมในทันที โชคยังดีที่พี่เขาไม่เตลิดจนขาดสติ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องร้าวระบมแน่ๆ ..

                “อืม ..” ผมกดจูบลงบนริมฝีปากของพี่เขา เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงน่าอายของตัวเองและพี่เขามันหลุดรอดออกมา เมื่อพี่เขากระแทกกระทั้นกายเข้ามาในตัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนภายในช่องท้องของผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด

                ซ่า …..

                ขณะที่เราสองคนกำลังหลงใหลมัวเมาในรสรัก ฝ่ามือของผมก็ปัดป่ายหาที่ระบายอารมณ์ไปถ้วนทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำของพี่เขาที่ผมดึงทึ้งจนมันมากองลงตรงข้อแขนแกร่ง อีกทั้งตามเนื้อตัวของพี่เขาก็มีรอยเล็บที่ผมเป็นคนฝากฝังเอาไว้เพื่อคลายความเสียวกระสัน ..
                แต่ฝ่ามืออันซุกซนของผมก็ยังต้องการจะหาที่ระบายต่อไป จนมันเผลอไปเปิดฝักบัวเข้าให้ ส่งผลให้สายน้ำไหลรินรดร่างกายของเราทั้งสองคนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

                “อื้อ ..อ๊ะ ..อะ อ้า ..” พี่เขาวางปลายเท้าของผมลงกับพื้นทั้งสองข้าง พร้อมกับพลิกตัวผมให้หันไปมองยังผนังห้องน้ำฝั่งตรงข้ามทั้งๆที่เราก็หลวมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ จากนั้นพี่เขาก็ปรนเปรอจังหวะรักจนผมหัวสั่นหัวคลอน และไม่อาจจะเก็บกักเสียงของตัวเองได้อีกต่อไป ..
                “อืม .. เบ ..เบครับ ..” พี่เขาร้องเรียกผมเสียงกระเส่า เคียงข้างใบหูของผม เมื่อจังหวะร้อนรักของเรามันเริ่มดำเนินต่อไปจนน้ำเย็นๆก็ไม่อาจดับกระไอร้อนจากเราสองคนได้
               
                “พี่ ..อ๊ะ ..ผม ..” ผมส่ายหน้า พร้อมกับพูดไม่เป็นคำ เมื่อเรี่ยวแรงของผมเริ่มจะไม่มีเมื่อต้องยืนหยัดด้วยสองขาของตัวเอง ขณะที่พี่เขายังคงส่งต่อความเสียวกระสันมาให้ผมไม่ขาดมือ
                “อื้อ ..อ่า ..” ผมครางครวญสะท้อนก้องห้องน้ำอีกครั้ง เมื่อพี่เขาลามไล้ใบหูของผมอย่างนุ่มนวล จนทำให้สติของผมหลุดลอยออกไปไกลลิบ ..

                “อื้อ ..อ๊ะ .. อ๊าาาาาาาาาา” ไม่นานจากนั้น แข้งขาของผมก็หมดเรี่ยวแรงจนทรุดตัวลงกับพื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว แต่ยังดีที่พี่เขาไหวตัวทัน จึงทำให้ผมล้มลงบนตักของพี่เขาแทน ซึ่งมันก็ทำให้เราสองคนเสร็จสมในทันทีเมื่อความเป็นพี่เขาเข้ามาในตัวผมจนเสียวกระสันไปถึงขั้วหัวใจ ..
                “เบ .. ..เจ็บมั้ย ?” พี่เขาถามอย่างห่วงใย พลางเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของผมเบาๆ จากนั้นพี่เขาก็เอื้อมมือไปปิดฝักบัวตรงด้านหลัง

                ….” ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่เขา นอกจากหอบหายใจและอิงซบกับร่างกายแข็งแรงของพี่เขาเท่านั้น
                “พรุ่งนี้ไปเปิดแคปซูลแมชชีนอ่านกันนะ ..” ผมเขาลากไล้ริมฝีปากมาพรมจูบลาดไหล่ของผมอย่างออดอ้อน

                “อื้อ .. อาบน้ำกันเถอะครับ” หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวให้ผมและตัวเองจนเสร็จ พี่เขาก็อุ้มผมมานอนบนเตียงเป็นลำดับต่อไป ซึ่งพี่เขาก็ยังดูแลผมดีเสมอ จนผมรู้สึกใจเต้นกับการกระทำของคนคนนี้ทุกครั้ง
                “พี่ซักผ้าก่อนนะ ..” พี่เขาจุมพิตลงบนหน้าผากของผม จากนั้นก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าที่มันกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้องนอนและพื้นห้องน้ำอย่างคล่องแคล่ว

                “อยู่บนชั้นวางเครื่องอาบน้ำครับ ..” ผมนอนตะแคงมองพี่เขาเดินไปหยิบกะละมังใบเล็กใต้อ่างล้างหน้า แล้วก็เดินวนหาผงซักฟอกอยู่พักใหญ่เห็นอย่างนั้น ผมจึงพูดเสียงดังพลางชี้บอกให้พี่เขามองไปยังทิศทางของชั้นวางเครื่องอาบน้ำด้านบนสุด พอพี่เขาหันไปเห็น พี่เขาก็เอื้อมมือไปหยิบแล้วก็หันมาทำมือ โอเคส่งให้ผม ..
                ผมนอนมองพี่เขานั่งหันหลังซักเสื้อผ้าทั้งหมดของเราเงียบๆ แผ่นหลังกว้างของพี่เขาที่ผมเห็นในเวลานี้ก็ยังคงแข็งแรงและกว้างใหญ่พอที่จะเป็นที่พักพิงให้ผมได้ ..

                “ไม่นอน ?” พี่เขาเดินออกมาหยิบไม้แขวนเสื้อ แล้วก็หันมาเห็นผมกำลังนอนมองพี่เขาตาแป๋วก็เลยถาม
                ” ผมไม่ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มให้พี่เขาเท่านั้น

                “นอนได้แล้ว เดี๋ยวตากผ้าเสร็จพี่จะมานอนเป็นเพื่อน อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เราต้องรีบออกก่อนที่ไอ้พวกนั้นมันจะตื่น” พี่เขาเอาไม้แขวนเสื้อชี้มาที่ผมเพื่อออกคำสั่งให้ผมยอมหลับตาเข้านอน พร้อมกับเตือนว่าพรุ่งนี้เราจะต้องตื่นกันแต่เช้า ..
                “พรุ่งนี้เช้าค่อยเอาลงไปตากข้างล่างแล้วกัน ..” พี่เขาว่าอย่างนั้น แล้วก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม โดยที่เราก็อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ..

                “พี่กลับมาตั้งแต่วันไหนครับ ?” ผมถามพี่เขาที่กำลังนอนตะแคงข้างหันหน้ามาทางผม
                “ก็ตั้งแต่ที่เราติดต่อพี่ไม่ได้น่ะ .. พี่กลับมาอยู่กับที่บ้านได้เกือบอาทิตย์แล้ว ..” พี่เขาลูบปรอยผมของผมพลางสารภาพความจริงออกมา

                “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ใกล้จะกลับแล้วใช่หรือเปล่าครับ ?” พี่เขาเอื้อมมือมาจับฝ่ามือของผมมาพรมจูบอย่างแผ่วเบา
                “อื้อ .. มะรืนนี้พี่ก็กลับแล้ว .. เบโกรธหรือเปล่า ?” พี่เขาถามพลางมองจ้องตาของผมราวกับกลัวว่าผมจะไม่พอใจ

                “ผมจะโกรธก็เพราะพี่แกล้งทำเป็นติดต่อไม่ได้มากกว่า ..
                “พี่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว สัญญาเลย ..” พี่เขาชูสามนิ้วขึ้นมา พลางทำสีหน้าแข็งขัน

                “ผมเชื่อพี่
                “ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะเบ ..” พี่เขาขยับเข้ามากอดผมให้แน่นขึ้น จากนั้นก็หลับตาลงเตรียมตัวจะเข้านอน เมื่อผมเข้าใจว่าพี่เขาเองก็อยากจะใช้เวลากับครอบครัวของเขาด้วย เพราะพี่เขาไม่ค่อยมีโอกาสได้กลับมาที่เกาหลีบ่อยๆ ส่วนผมถ้าหากปิดเทอม ผมก็เป็นฝ่ายขึ้นไปหาพี่เขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้ผมไม่เอามาคิดน้อยใจหรอก ..
                แค่พี่เขามาหา ผมก็ดีใจแล้ว

                ตื่นเช้ามาผมรู้สึกเมื่อยขบไปหมด แถมอะไรๆก็ยังผิดแผน ด้วยเพราะความเหนื่อยอ่อนจึงทำให้เราพากันตื่นสายทั้งคู่ แต่ยังดีที่ทุกคนยังคงนอนเกลื่อนกลาดกันเต็มชั้นล่างจนแทบไม่มีที่จะเดิน ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องรู้แน่ๆว่าเมื่อคืนเรารำลึกเรื่องใดไปบ้าง ..
                ก็ผมเล่นเดินแปลกๆซะแบบนี้น่ะ ..

                “เบไปรอที่รถก่อนไป พี่จะเอาเสื้อไปตาก” พี่เขากดรีโมตเปิดล็อครถให้ผมเข้าไปนั่งรอก่อน เพราะพี่เขาจะเอาผ้าไปตากข้างหลังบ้านก่อนที่เราจะออกไปข้างนอกกัน ..
                ผมนั่งหลับตาเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อสูดอากาศจากภายนอก แต่แล้วบรรยากาศสบายๆของผมก็หมดลง

                “ไอ้สัส มีเอาผ้ามาตากด้วยเว้ย ..” พี่ชางมินปรบมือฉาดใหญ่ เมื่อพี่เขาเดินกลับออกมาจากการตากผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
                “ไงวะโซจูสูตรพิเศษของพวกกูสุดยอดไปเลยใช่มั้ย ?” พี่ฮีชอลกอดอกพิงกำแพงบ้านถามพี่เขาจนเสียงดังลั่น

                “ขอโทษทีนะพี่มึง บังเอิญว่ากูไม่ได้แดก .. อะไรๆที่เกิดขึ้นมันคือความสามารถของกูเต็มๆเว้ย ..” พี่เขาตอบอย่างโอ้อวด แต่มันกลับทำให้ผมอายจนต้องแง้มประตูรถให้มันบดบังเสียงพูดคุยนั่นบ้าง
                “หน้าไม่อายชิบหาย ..” พี่จงฮยอนตะโกนด่าพี่เขา แต่กลับแปะมือกันเสียอย่างนั้น

                “เออแม่ง .. นั่นพี่กูนะเว้ยพี่มึงนี่ ..พูดเชี่ยอะไรวะ ..
                “งั้นพวกคุณมึงทั้งหลายก็หลบไป กูจะไปทำธุระ ..” พี่เขาเดินฝ่ากำแพงมนุษย์หลายชีวิตเพื่อเดินมาที่รถคันสีดำที่จอดอยู่ระหว่างบ้านของผมกับบ้านของรุ่นน้องข้างบ้านที่เคยเป็นบ้านของพี่เขามาก่อน ..

                “สันขวาน ไปทำธุระหรือไปเปลี่ยนสถานที่วะ ฮิ้วววววว” พอพี่ชางมินตะโกนออกมาแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นพี่จงฮยอน พี่อีทึก พี่แจจุง พี่ฮีชอล หรือแม้กระทั่งมินโฮที่ตอนนี้ก็น่าจะเข้าหน้าคนอื่นติดแล้ว ก็โห่ร้องออกมาพร้อมกัน
                “พวกเชี่ย!” พี่เขาหันไปด่าพร้อมกับชูนิ้วกลางใส่ทุกคนที่เอาแต่ล้อพี่เขาไม่เลิก

                “โว้วๆ หน้าด้านแบบนี้ก็เขินเป็นด้วยเว้ย” พี่ฮีชอลปรบมืออย่างสนุกสนานที่ได้เห็นรุ่นน้องของตัวเองออกอาการเขินจนหน้าดำหน้าแดง
                “พี่มึงไม่รู้อะไร ขยับมานี่ เดี๋ยวกูจะเล่าให้ฟัง แม่งไม่ได้เป็นแบบนี้ครั้งแรกนะเว้ยพี่มึง กูจะบอก ..” พี่ชางมินลากพี่ฮีชอลกับทุกๆคนเข้ามารวมกลุ่มกัน แล้วก็ทำราวกับกระซิบกระซาบกันไม่ให้ใครรู้ แต่กลับตะโกนซะเสียงดังจนผมก็ยังได้ยินเลย ..

                “สันขวาน ..แดกตีนกูมั้ย ?” พี่เขาถอดรองเท้าแล้วก็ปาเข้าไปกลางวง ทำเอาคนกลุ่มใหญ่แตกฮือกันเป็นวงกว้าง จากนั้นพี่เขาก็รีบขึ้นมาบนรถ และขับออกไป ซึ่งดูท่าทางแล้วพี่เขาคงจะอายจริงๆ เพราะใบหน้าของพี่เขาแดงก่ำ อีกทั้งใบหูและลำคอก็แดงแปร๊ดเลยทีเดียว ..
                “ร้านหนังสือมันปิดไปหรือยังน้องแฟน ?” พี่เขาหันมาถามผมเพื่อความแน่ใจว่าอะไรๆในอดีตจะยังเหมือนเดิม

                “เปลี่ยนเป็นบ้านคนแล้วมั้งครับ .. ร้านมันดูเงียบๆผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” ผมช่วยพี่เขาดูทาง พลางบอกพี่เขาบ้างเพราะพี่เขาก็ไปอยู่ปารีสซะนานเหมือนกัน ถนนหนทางก็เลยเริ่มจะไม่คุ้นเคยซะแล้ว ..
                 “ขอให้แอบเข้าไปได้ด้วยเถอะ ..” พี่เขาเคาะพวงมาลัยรถเบาๆ ด้วยความกังวล ดูท่าทางแล้วพี่เขาคงอยากจะรู้มากๆว่าผมเขียนอะไรถึงพี่เขากันแน่ ..

                ไม่นานเราก็มาถึงร้านหนังสือที่พี่เขาเคยพาผมมาเลือกซื้อหนังสือเพื่อหัดอ่านให้คล่อง และเราสองคนก็ได้แอบฝังแคปซูลเวลาเอาไว้ที่นี่ ทีแรกผมตั้งใจจะเปิดมันตอนที่ผ่านมาแล้วสิบห้าปี แต่ก็เปลี่ยนใจมาเป็นสิบปี แล้วก็ถูกพี่เขาลดทอนลงเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ถูกเปิดอ่านในปีที่สี่ ..
                “เป็นบ้านคนแล้วจริงๆด้วย ..” พี่เขาจอดรถห่างจากตัวบ้านที่เคยเป็นร้านหนังสือพอสมควร จากนั้นพี่เขาก็เดินไปหยิบรองเท้าอีกคู่มาเปลี่ยนแทนที่รองเท้าที่ใช้ปาใส่พวกพี่ๆตรงหน้าบ้าน แล้วเราสองคนก็มายืนด้อมๆมองๆที่รั้วบ้านของคนอื่น ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่วมเงาเย็นสบาย ที่ครั้งหนึ่งเราเคยนั่งอ่านหนังสือด้วยกันตรงใต้ต้นไม้ต้นนี้ แล้วเราก็เคยขโมยโหลแก้วที่ทางเจ้าของร้านเขาทำเป็นแจกันใส่ดอกไม้มาเป็นภาชนะบรรจุข้อความกระดาษของเราสองคน ..

                “พี่ครับ กลับเถอะ ..” ทันทีที่พี่เขากระโดดเข้าไปในรั้วบ้านของใครก็ไม่รู้ ผมก็รีบร้องห้ามพี่เขาเสียงแผ่ว แต่พี่เขากลับส่งสัญญาณให้ผมกระโดดตามพี่เขาเข้าไปในเขตรั้วบริเวณของบ้านหลังนั้น ..
                “พี่ลืมไปว่าเบเจ็บ ..” พี่เขากระโดดกลับออกมาข้างนอก จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งให้ผมเหยียบหลังของพี่เขาข้ามประตูรั้วเล็กๆไป ..
                แต่ไม่ว่าจะยังไงแล้ว ผมก็ยังเจ็บอยู่ดี ..

                ผมกลั้นใจกระโดดตุ้บลงกับพื้น แล้วก็พบว่ามันสะท้านไปทั้งร่างเลยจริงๆ แต่ผมก็มีเวลามาสนใจกับความเจ็บปวดของตัวเองได้ไม่นานนัก เมื่อพี่เขาฉุดแขนผมให้เดินไปตรงข้างบ้าน เพื่อหาพุ่มไม้ที่เราฝากแคปซูลเวลาเอาไว้ ซึ่งก็โชคดีที่เจ้าของบ้านคนใหม่ไม่ได้ถอดถอนพันธุ์ไม้ใดๆออกไป
                “จำได้ว่ามันอยู่แถวๆนี้นะ” พี่เขาใช้ฝ่ามือคุ้ยหาแคปซูลเวลา พลางหันมาพูดกับผมที่พี่เขาออกคำสั่งให้นั่งมองเฉยๆ
                “เราฝังมันลึกอยู่นะครับ ..” ผมบอกพลางชะเง้อคอมองดินร่วนซุยที่พี่เขาขุดอย่างใจจดใจจ่อ ..

                “นี่ไงเจอแล้ว ..” พี่เขาพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งท่าทางอย่างนั้นมันเหมือนกับเด็กที่กำลังดีใจที่หาของเล่นของตัวเองเจอเลยล่ะ ..
                “โฮ่งๆๆ” ผมหันไปมองเจ้าลูกหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ด้วยอาการตื่นตระหนก เมื่อมันเอาแต่เห่าใส่เราสองคนจนเสียงดังลั่น

                “เฮ้ยๆ เงียบๆดิ ชู่วววว ..” พี่เขาหันมาทำเสียงดุให้เจ้าหมาน้อยตัวนั้นเงียบ แต่มันกลับไม่ฟัง ซ้ำยังเห่าเสียงดังกว่าเดิมอีก เมื่อมันค้นพบผู้บุกรุกบ้านของมัน
                “เกรป ? มาแอบขุดดินอีกแล้วใช่มั้ย ?” เสียงกุกกักจากในตัวบ้าน ทำให้พี่เขารีบหยิบแคปซูลเวลาติดมือมาด้วย ก่อนจะลากผมมาหลบตรงข้างกำแพงบ้านใกล้ๆกับบานหน้าต่าง

                ซ่า ….

                เจ้าของบ้านสาดน้ำออกมาทางหน้าต่าง ทำเอาเจ้าเกรปหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ถึงกับวิ่งอ้าวในทันใด และก็ถือว่าโชคดีมากที่เจ้าของบ้านไม่ชะโงกหน้าออกมามองข้างๆหน้าต่าง ไม่อย่างนั้นเราอาจจะกลายเป็นหัวขโมยไปเลยก็ได้ .
                “เกือบไปแล้วกู แถมยังซวยโดนกล่าวหาว่าเป็นหมาอีก ..” พี่เขาส่ายหน้า พลางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้า พร้อมกับฉุดข้อมือผมให้นั่งตามลงไปด้วย ..

                “อันนี้เบเขียน .. งั้นพี่ก็ต้องอ่าน .. ส่วนนี่ของพี่ ..เบเอาไปอ่าน ..” พี่เขาส่งกระดาษเหลืองกรอบแถมยังมีเศษดินซุกซ่อนอยู่ข้างในอีกต่างหาก ดีที่ไม่มีมดหรือตัวอะไรสักอย่างมุดเข้าไปทำรังซะล่ะ ..
                ผมคลี่กระดาษออกช้าๆ พลางอ่านมันทีละตัวไปจนครบประโยค จากนั้นผมก็หันไปมองหน้าพี่เขาอย่างซาบซึ้งใจในข้อความที่พี่เขาเขียน
                พี่เขาบอกว่า
                พี่จะทำให้น้องแฟนกลับมาพูดให้ได้ .. ไม่ต้องกลัวนะ .. ถ้าไม่มีใครอยากฟัง .. พี่จะฟังที่น้องแฟนพูดเอง ..’

            “พี่ครับ ..” ผมขยับตัวไปซุกกอดพี่เขาไว้ แล้วก็เผลอร้องไห้ออกมา เมื่อคิดย้อนไปถึงเรื่องราวทุกอย่างและทุกการกระทำของพี่เขา มันบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่พี่เขาเขียนมันคือสิ่งที่พี่เขาตั้งใจจะทำเพื่อผมจริงๆ และในตอนนี้ผมก็สามารถพูดได้อย่างที่พี่เขาหวังแล้ว ..
                ผมพูดได้แล้ว ..

                “พี่เขียนให้เบตั้งยาว ..แต่ดูเบสิกลับมาเขียนบอกรักพี่ซะงั้น .. ” พี่เขาไม่ได้กอดผมตอบเพราะมือของพี่เขามันเลอะ แต่พี่เขากลับใช้วิธีสะบัดกระดาษแผ่นเล็กเรียกร้องให้ผมหันไปมองกระดาษแผ่นนั้น ..
                “ก็ผมไม่รู้จะเขียนอะไรนี่ ..” ผมย่นจมูก แล้วก็ปาดน้ำตาของตัวเองป้อยๆ

                “รู้อะไรมั้ย .. คำๆนี้ให้พี่ฟังสักล้านรอบ ยังไงก็ไม่มีทางเบื่อ ...” พี่เขาพูดกับผมแบบนั้น แล้วก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผม จากนั้นโฟกัสทางสายตาของผมก็เริ่มจะลางเลือน เมื่อริมฝีปากของเราแตะสัมผัสกัน ..
                “ข้อความของน้องแฟนมันวิเศษกว่าข้อความที่พี่เขียนอีก” หลังจากที่พี่เขาพูดจบ ริมฝีปากของเราก็ประกบกันอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าวินาทีแรก..

                รสจูบของเรานั้นมันเกิดขึ้นท่ามกลางสายลมโชยแผ่วของฤดูใบไม้ร่วง ประกอบกับแสงแดดอ่อนๆรอบกายของเรา มันเลยพาลพาให้รสสัมผัสนั้นแผ่วละมุนเหมือนดั่งแสงแดดยามเช้า
                ใบไม้สีแดงบ้าง เหลืองบ้างที่กำลังไหวเอนไปตามแรงลม มันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับดวงตาคู่นั้นของพี่เขาที่มองจ้องมายังดวงตาของผม อีกทั้งจูบของเราในครั้งนี้ มันกำลังบ่งบอกถึงความรักโดยที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ..
                นอกจากหัวใจของเรา ที่มีกันและกันเหมือนอย่างนี้
                ตลอดไป
               




Real End





ในที่สุดฟิคไร้ดราม่าหนักๆเรื่องที่สามของเราก็จบลงแล้ว ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามมาจนถึงวันนี้ด้วยค่ะ สำหรับคนที่ขอให้เพิ่มตอนอีก เราคงต้องบอกว่า ขออภัยค่ะ คุณไม่ได้ไปต่อ 5555555 แถมเยอะแล้วววว จนมันจะกลายเป็นภาคใหม่แล้วเนี่ย กร๊ากกกก สำหรับตอนที่ตัดออก สามารถหาอ่านได้ในบล็อกค่ะ หรือถ้าใครหาไม่เจอหาจากกูเกิ้ลก็น่าจะมีนะ หรือจะเข้าไปดูในหน้าทวิตก็ได้เราจะปักหมุดไว้ สุดท้ายนี้อยากบอกฉากที่แถมไป ถ้ามันแปล่งๆก็ขอโทษด้วย เราไม่ค่อยถนัด พยายามคิดคำสวยหรูแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะทำให้งงหรือเปล่า -0-
                ส่วนเรื่องรวมเล่ม เรารวมค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ด้วยเพราะเราขี้เกียจและยังมีเรื่องส่วนตัวให้ต้องจัดการอยู่ค่ะ เลยยังไม่อยากรวม ถ้าเราจะรวมเราจะให้เวลาเปิดจองแป้บเดียว เพื่อป้องกันการโดนบ่นว่าทำไมช้า เพราะที่ผ่านมาเราเปิดจองสามเดือน เผื่อเวลาเก็บเงินของทุกคนด้วย เอาเป็นว่าเรื่องนี้เราจะรอให้เราพร้อมทุกอย่างถึงจะเปิดค่ะ ถามว่าถ้ารวมเล่มมีสเปมั้ย ก็มีค่ะ แต่อาจจะไม่เยอะแบบเบฟแล้ว น่าจะประมาณสองตอนได้มั้ง เราจะพยามยามบีบหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็กลัวจะเป็นมหากาพย์เหลือเกิน ราคาน่าจะพอๆกับเบฟ เพราะเราไม่มีรถในการขนส่ง คาดเดาว่าสามเล่มอ่ะ อยากได้สองเล่มละเกิน T^T