วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Fic KyuMin] Mistake 29

Mistake


Misatake 29

                “มึงจะจองที่พักทำไมหลายที่นักหนาวะ กูขี้เกียจเก็บกระเป๋า ..” ไอ้มิสเทคมันชักสีหน้า พลางขืนตัวไม่ยอมลุกออกจากที่นอนตามแรงดึงของผม คืออย่างนี้สามวันแรกผมกะจะพักที่โรงแรมที่ผมกับมันเคยมาร่วมงานประชุมประจำปีด้วยกัน ส่วนสามวันสุดท้ายผมกะว่าจะออกไปพักแถวๆหาดควันกัลลิเหมือนตอนที่มันหลอกให้ผมเอาเอกสารมาให้ถึงปูซาน ..
                “เออน่า .. มึงอย่าดื้อสิวะ ลงไปล็อบบี้เป็นเพื่อนกูหน่อย..” ผมยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะลากไอ้มิสเทคลงไปที่ล็อบบี้เพื่อใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงบริเวณนั้นด้วยกัน ..

                “มึงอยากจองนักก็จองในโทรศัพท์ไปดิ กูขี้เกียจลงไปข้างล่าง ..” ไอ้มิสเทคมันพลิกตัวหนีผม พลางเอาผ้าห่มคลุมโปงปิดกั้นการรับรู้จากผมในทันที
                “สัส .. กลับมาปูซานทั้งที กูก็อยากจะไปในที่ที่มีความทรงจำดีๆกับมึงบ้าง แม่งชอบทำตัวน่าหงุดหงิด ..” ผมสบถอย่างหงุดหงิดที่ไอ้มิสเทคแม่งไม่ให้ความร่วมมือกับกูเลย จากนั้นผมก็แยกตัวไปนั่งจองห้องพักแถวๆโต๊ะเขียนหนังสือด้วยโทรศัพท์เครื่องเก่งของตัวเอง

                “แล้วที่นี่มันมีความทรงจำที่ดีตรงไหน ?” ไอ้มิสเทคมันกวาดเมนูรูมเซอร์วิสที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆตัวผมไปกองกันไว้ตรงมุมในสุดของโต๊ะ จากนั้นมันก็ขยับขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอย่างถือวิสาสะ
                “ตรงที่มึงกับกูมีได้เสียกันมั้ง ” ผมแกล้งตอบมันด้วยสีหน้าและสายตาคุกคาม ไอ้มิสเทคมันเลยตบหน้ากูเข้าให้ ..

                “กูว่าก่อนมึงจะได้แดกลูกปืนของซองจิน มึงคงได้แดกตีนกูก่อน ..” ไอ้มิสเทคมันโวยวายหน้าแดง
                “มึงจะให้กูแดกส่วนไหนของมึงกูไม่เกี่ยงหรอก อร่อยทั้งนั้น” ผมจับข้อเท้าของมันมาวางบนตักของผม พลางลูบหลังเท้าของมันเบาๆ ขณะที่สายตาก็มองมันอย่างลองดี

                “ไอ้เหี้ย! ..” มิสเทคมันพยายามจะสะบัดข้อเท้าของตัวเองจากการจับกุมของผมเสียยกใหญ่ แต่เรื่องอะไรกูจะปล่อย แกล้งมันสนุกจะตาย
                “นี่ .. อย่างน้อยที่นี่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กูกับมึงเข้าใกล้กันมากกว่าทุกครั้งนะมิสเทค ..” ผมปล่อยข้อเท้าของมันให้เป็นอิสระ จากนั้นก็รีบคว้าข้อมือของมันเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะปลีกตัวหนี

                “ที่นี่ตอนนั้นกูอาจจะเล่นๆกับมึง .. แต่ที่นี่ตอนนี้กูจริงจังกับมึงนะมิสเทค ..” ผมคว้าช่วงเอวของมันเข้ามาใกล้ พลางซบใบหน้าลงบนหน้าท้องของมัน
               

                “ที่นี่ตอนนั้น มึงกับกู ต่างคนต่างก็ปิดกั้นตัวเองเป็นใครอีกคนก็ไม่รู้ .. แต่ที่นี่ตอนนี้มึงกับกูต่างก็เป็นตัวของตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอวะ ?” ผมเงยหน้ามองไอ้มิสเทค ที่มันกำลังก้มหน้ามองผมนิ่งๆ
               

                “ที่นี่ตอนนั้นมันมีแต่เกมที่เราต่างคนต่างก็สร้างขึ้น .. แต่ที่นี่ตอนนี้มันมีแต่ใจของเราที่ตรงกันไม่ใช่เหรอวะ ?
               

                “เห็นไหม มึงกับกูในตอนนั้นเป็นเชี่ยอะไรนักก็ไม่รู้ เล่นแง่กันอยู่ได้ ฉะนั้นตอนนี้เราก็มาสร้างความทรงจำที่ดีขึ้นใหม่ พร้อมๆกันไม่ดีกว่าเหรอมิสเทค .. อย่างน้อยมึงก็น่าจะมีความสุข ก่อนจะกลับไปฟังคำตอบจากท่านประธาน ..” ผมยังคงพูดไปเรื่อยเปื่อย ส่วนมือก็ยังคงกอดเอวของไอ้มิสเทคมันเอาไว้ ..
                “อืม ..” มิสเทคมันพยักหน้า แล้วมันก็ยืนดูผมที่กำลังนั่งงมจอโทรศัพท์เพื่อจองห้องพักที่เดิมที่เราเคยมาด้วยกันเงียบๆ แล้วสาเหตุที่ผมรบเร้าจะจองห้องผ่านทางอินเตอร์เน็ตเนี่ย ก็เพราะแม่งมีส่วนลด!
                เห็นกูพอมีกินมีใช้ แต่ของลดราคาแม่งก็มีอิทธิพลกับกูเหมือนกันนะเว้ย!

                มาปูซานครั้งนี้ ผมกับมันไม่ได้ไปตะลอนเที่ยวที่ไหนนัก ส่วนใหญ่เราจะออกไปเดินเล่นรับลมทะเลด้วยกันซะมากกว่า หรือไม่ก็พากันไปนั่งดื่มเบียร์ตรงริมระเบียงด้านนอกจนดึกดื่น แล้วก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องด้วยกันทุกวัน ทั้งๆที่กิจกรรมของเรามันก็แสนจะน่าเบื่อ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ไม่รู้สึกเบื่อเลย ..
                มิสเทคมันคอแข็งมาก ไม่เหมาะกับการมอมเป็นอย่างยิ่ง แต่เวลากรึ่มๆขึ้นมาเมื่อไหร่ ดวงตาของมันจะหวานเชื่อมทำให้เวลาที่มันมองมาที่ผมทีไร เล่นเอาผมใจสั่นไม่เป็นจังหวะแทบทุกที

                คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ผมกับมันจะพักอยู่ที่โรงแรมราคาเลิศหรูแห่งนี้ ผมกับมันเลยส่งท้ายด้วยการพากันไปนั่งดื่มที่เล้าจน์ของโรงแรม จากนั้นก็พากันนั่งมองผู้หญิงคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างเข้าขา คือเรื่องนี้ผมไม่ซีเรียสนะ เพราะผู้ชายยังไงก็ย่อมต้องอยากมองของสวยๆงามๆอยู่ดี แต่เราก็ทำแค่มองไง เพราะตอนนี้ผมกับมันต่างคนต่างก็เป็นคนสำคัญของกันและกันแล้ว จะให้เข้าไปจิ๊จ๊ะแบบเมื่อก่อน คงต้องขอบาย ..
                “ถามจริง ก่อนมึงจะมาเจอกูอีกครั้ง มึงเคยมีแฟนป่ะ ?” ผมถามพลางจิบเหล้านอกชั้นดีไปด้วย
                “ก็เคย ..

                “กี่คน ..” ผมยังคงถามต่อไป โดยที่ไม่ได้รู้สึกคันหัวใจนัก อาจเป็นเพราะเธอคนนั้นเป็นอดีตไปแล้วก็ได้มั้ง ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องเป็นบ้าเป็นหลังเพราะเรื่องนี้ ..
                “คนเดียว ..

                “มึงเคยมีอะไรกับเขาป่ะ ?” ผมถามออกไป เพราะผมอยากรู้ว่าผมเดาผิดไหม
                “เคย .. แต่ก็แค่ครั้งเดียว ..” นั่นไง! ผิดจากที่กูคิดซะที่ไหน ..

                “อืม ..แล้วทำไมถึงเลิกกัน ..” ผมเริ่มถามเจาะลึกด้วยความอยากรู้ ..
                “ซองจินไม่ให้ผ่าน ..” มิสเทคมันตอบนิ่งๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆนักที่ต้องเลิกรากับแฟนคนนั้นของมัน

                “แค่ซองจินไม่ให้ผ่านมึงก็ยอมเลิกเหรอวะ .. แล้วแบบนี้ถ้าเกิดกูไม่ผ่านด่านน้องมึงขึ้นมา มึงจะยอมเลิกกับกูไหม?” ผมถามอย่างกังวลใจ
                “ไม่ .. กูเลิกกับมึงไม่ได้ .. เพราะกูรักมึง..” มิสเทคมันตอบเสียงแผ่ว พลางกระดกเหล้าแก้วสุดท้าย แล้วรีบลุกจากเก้าอี้และเดินหนีผมไป คาดว่ามันคงจะรวนกับคำตอบของตัวเองไม่น้อย มันถึงได้หนีผมแบบนั้น ผมที่ไม่อยากคลาดสายตาจากมันนัก ก็เลยรีบบอกหมายเลขห้องให้เขาลงบัญชีเอาไว้แล้วรีบวิ่งตามไอ้มิสเทคมันไป ..

                คลิก ..

                ผมแทรกตัวเข้ามาในห้องน้ำใกล้ๆบริเวณเล้าจน์ ก่อนที่ไอ้มิสเทคมันจะปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นผมก็กดล็อคประตูห้ามไม่ให้ใครเข้ามาใช้บริการห้องน้ำได้ชั่วขณะ ..
                “ที่มึงพูดเมื่อกี้ หมายความว่าให้ตายยังไงมึงก็จะดันทุรังคบกับกูให้ได้ใช่ไหม ?” ผมเดินเข้าไปสวมกอดไอ้มิสเทคจากข้างหลัง พลางหอมหัว หอมแก้มของมันจนมั่วไปหมด เพราะผมกำลังดีใจจนเนื้อเต้น ..

                “อืม”
                “รักมึงว่ะ ..” ผมบอกรักมันชิดริมหู พลางหอมใบหูของมันเบาๆ

                “เรามากอดกันแบบคืนนั้นดีไหม ?” มิสเทคมันถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางหันหน้ามาคล้องรอบคอผม
                “ห๊ะ .. เอ่อ ..ไหนมึงบอกจะไม่ยอมให้กูกอดจนกว่ากูจะได้คะแนนเต็มร้อยไงวะ ..” ผมสตั้นไปชั่วขณะ เพราะผมไม่คิดว่าจะโดนมันทอดสะพานให้ซึ่งๆหน้าแบบนี้ ..

                “กูไม่ได้นับคะแนนมานานแล้ว ..
                “แล้วยังไงวะ ?.. หรือว่ามึงอยากขอบคุณที่กูอดตาหลับขับตานอนเขียนโปรแกรมให้มึงวะ มึงถึงได้ยอมให้กูกอดง่ายๆเนี่ย ..” ผมถามพลางเกลี่ยปอยผมของมันเล่น คือเอาจริงๆกูตอบตกลงกับข้อเสนอของมันไปนานละ แต่กูแค่ลองเชิงเพื่อดูเจตนาที่แท้จริงของมันก่อนว่าทำไมถึงยอม เพราะต่อให้มันไม่นับคะแนนแล้วจริงๆ มันก็ไม่น่าจะออกปากขอกันโต้งๆแบบนี้
                คือมันผิดวิสัยนะกูว่า .. ปกติไอ้นิสัยขี้เอา นั่นมันกูชัดๆเลย ..

“ถ้ามึงไม่อยากกอดก็ไม่เป็นไร ..” มิสเทคมันพูดพลางจะผละตัวหนีจากกูซะงั้น เดี๋ยวสิเฮ้ย!
“เมื่อกี้กูแค่เซอร์ไพร์สเว้ยมึง .. อย่าเพิ่งหนีดิ ...” ผมคว้าตัวมันไว้ พลางลากแขนมันเดินเข้ามาในห้องน้ำห้องสุดท้าย ก่อนจะลงกลอนอย่างแน่นหนา ..

“ขอบคุณที่ไว้ใจกูนะ” ผมกอดไอ้มิสเทคที่ถูกผมดันช่วงตัวให้ยืนชิดติดบานประตูห้องน้ำแน่นๆ ด้วยความดีใจที่มันไว้ใจผม จนถึงกับยอมให้ผมกอดง่ายๆ
บอกเลยว่าตอนนี้กูดีใจที่มันไว้ใจกู มากกว่าดีใจเพราะจะได้เอามันอีก!

“มึงห้ามรุนแรงกับกูนะ ..” มิสเทคมันลูบหัวผมที่แนบอยู่บนลาดไหล่ของมันเบาๆคล้ายกับมันกำลังเอ็นดูและออดอ้อนกูไปในตัว ..
“ครับ ..” ผมผละใบหน้าออกจากลาดไหล่ของมัน พลางประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากสีชมพูที่มันลอยเด่นอยู่ตรงหน้าเสียหนึ่งที
                จากนั้นเราสองคนก็เริ่มทำตัวเหมือนแม่เหล็กขั้วบวกและขั้วลบ ที่คอยแต่จะดึงดูดกันและกันอย่างแนบแน่น

                ผมยังคงมอบบทจูบอันอ่อนโยนให้มันอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผมก็ต้องควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอไผลทำในสิ่งที่มันไม่ชอบ ขณะที่สีหน้าเคลิ้มฝันของมันยามที่ผมปรอเปรอจูบและสัมผัสวาบหวามให้นั้น ทำเอาหัวใจของผมเต้นระรัว อีกทั้งเลือดลมยังสูบฉีดได้ดีนัก มันจึงเป็นเรื่องยากที่ผมจะควบคุมตัวเองได้เต็มร้อย ..
                “มึงอย่าหลับตาดิ ..” ผมผละริมฝีปากออกห่างจากริมฝีปากของมันเล็กน้อย แล้วก็ทาบฝ่ามือลงบนข้างแก้มของมันเบาๆ ขณะที่ช่วงล่างของผมกำลังบดเบียดแนบชิดกับต้นขาของมันไปด้วย อีกทั้งลำตัวของผมก็ยังคุกคามคนใต้ร่างเสียจนสายลมก็ยังไม่อาจแทรกกลางระหว่างเราได้ ..

                พอมิสเทคมันลืมตาขึ้นมองจ้องผมที่กำลังมองจ้องมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากของผมก็เริ่มเคลื่อนเข้าหา กลีบปากล่างของมันอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็เลื่อนไล้ไปสัมผัสกลีบปากบนของมันเพียงแผ่ว ขณะที่ฝ่ามือข้างหนึ่งของผมก็ประคองใบหน้าของมันให้ตอบรับสัมผัสจากผมได้ง่ายขึ้น ..
                จากนั้นปลายลิ้นของเราต่างก็หยอกล้อคลอเคลียกันอย่างอ่อนหวาน คล้ายกับห้วงแห่งความรักมันกำลังหล่อหลอมให้เราต่างก็แคร์ในความรู้สึกของกันและกัน
ดังนั้นบทจูบของเราจึงมีแต่ความสุขที่เต็มไปด้วยความรัก หาใช่ความสุขที่เต็มไปด้วยความใคร่ ..

                “หึ” ผมหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อผมเริ่มส่งปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสหยอกเย้ารัดรึงกับเรียวลิ้นเล็กเพียงครู่ จากนั้นผมก็ถอดถอนริมฝีปากออกห่างจากคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มิสเทคมันมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ ผมจึงเริ่มบรรเลงบทจูบที่มันหนักหน่วงขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ
                “อืม ..” เสียงจูบสัมผัสระหว่างเรายังคงดังเคล้าคลอกับเสียงแห่งความสุขอย่างต่อเนื่อง หากแต่เราสองคนกลับไม่สนใจว่าเสียงของเรานั้นจะมีใครบังเอิญผ่านมาได้ยินบ้างหรือไม่ เราจึงตั้งหน้าตั้งตาจูบกันอย่างโหยหา ขณะที่เนื้อกายของเราต่างก็บดเบียดแนบชิดกันมากขึ้น ..
แม้ว่าแต่เดิม มันก็แนบสนิทอยู่มากแล้วก็ตาม

                ผมผละฝ่ามือข้างที่กำลังประคองใบหน้าของมันอย่างเชื่องช้า พลางเลื่อนไล้ไกล่เกลี่ยผิวเนื้อที่มันถูกปกปิดด้วยเสื้อเชิ้ตตัวหนาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยุดลงที่กระดุมเม็ดสุดท้าย .. แล้วก็เริ่มปลดมันออกจากรังดุมทีละเม็ด จนกระทั่งเหลือเพียงแค่เม็ดบน ซึ่งผมก็ไม่รีรอที่จะจัดการมันให้เสร็จสิ้น ..
                ฝ่ามืออันร้อนผ่าวของผมค่อยๆแหวกสาบเสื้อให้ถอยห่างออกจากกัน ไม่นานนักผิวกายขาวผ่องของมันก็อวดโฉมให้ผมได้เชยชม ผมจึงถอดถอนริมฝีปากที่กำลังปรอเปรอบทจูบร้อนแรงให้มันอย่างเร่งร้อน จากนั้นผมเริ่มไล้ปลายจมูกของตัวเองตั้งแต่ต้นคอลงมาจนถึงลาดไหล่อันชื้นเหงื่อของมันอย่างไม่รีบร้อนนัก
               
                “กูทำรอยนะ ..” ผมกระซิบบอกมันเพียงบางเบา ขณะที่ริมฝีปากของผมก็ไม่รอช้าที่จะสร้างร่องรอยบนผิวเนื้อขาวราวกับน้ำนมของมันในจุดที่คนภายนอกไม่อาจมองเห็น ขณะที่ฝ่ามือของผมก็เริ่มดึงทึ้งเสื้อเชิ้ตตัวเก่งของมันให้ล่นลงมากองกันอยู่ตรงช่วงศอก ..
                “อื้อ ..” ริมฝีปากของผมยังคงแตะสัมผัสผิวเนื้อหอมละมุนของมันอย่างหลงใหล พร้อมกับสร้างร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของไว้บนผิวกายของมันเป็นระยะๆ จากนั้นผมก็ค่อยๆเลื่อนไล้ช่วงตัวลงต่ำตามตำแหน่งบนผิวกายของมันที่ผมหมายตา

“อ๊ะ” ทันทีที่ไอ้มิสเทคมันเริ่มครวญเสียงหลงกับสัมผัสที่ได้รับ ผมก็เริ่มลงลิ้นสัมผัสตรงช่วงหน้าท้องของมันอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้มิสเทคมันเกร็งตัวอย่างวาบหวาม ขณะที่ขนอ่อนของมันก็พากันลุกชันอย่างตื่นตัว เห็นอย่างนั้นผมก็ไม่ปล่อยให้อารมณ์ของมันที่กำลังถูกปลุกเร้าลดระดับลงได้ง่ายๆ
“อื้อ ..อ๊า ..อื้ม ” ผมจัดการปรนเปรอสัมผัสร้อนแรงตรงช่วงอกของมันทั้งมือและปากอย่างชำนาญ ส่งผลให้เสียงครางกระเส่าของมันค่อยๆดังก้องขึ้นเรื่อยๆอย่างห้ามไม่อยู่
และเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมก็ยิ่งเพิ่มสัมผัสให้มันมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งเนื้อตัวของมันอ่อนปลวกเปียกอยู่ภายใต้ร่างของผมอย่างหมดสภาพ ..

“อืม   ด้วยความสงสารที่มันต้องมารับศึกหนักกับผมที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ผมจึงเริ่มจูบซับกลีบปากของมันอย่างปลอบโยน หากแต่ช่วงขาของผมกลับซุกซนแทรกซอนเรียวขาของมันให้แยกห่างออกจากกัน ..
 สัมผัสปลุกเร้ายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขาดก็เพียงแต่เสียงครวญหวานที่ขณะนี้มันทำได้เพียงแค่เอื้อนเอ่ยอยู่ในลำคอ ..
เมื่อผมจัดการปิดปากของมันด้วยปากของผม ..

คลิก ..

“ใครมันอุตริมาล็อคประตูห้องน้ำกัน .. เด็กสมัยนี้ นี่มันจริงๆเลย ..” เสียงไขกุญแจพร้อมกับเสียงบ่นของหญิงวัยกลางคนดังเข้ามาในโสตประสาทของเราอย่างชัดแจ้ง ส่งผลให้สติของผมและมันหวนคืนกลับมาอีกครั้ง ..
                “เราจะออกไปข้างนอกยังไง ..” ผมจัดการลากมันให้เข้ามายืนชิดติดกำแพงด้านในอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงรองเท้าจากด้านนอกมันขยับเข้ามาใกล้กับห้องที่เรากำลังกอดจูบลูบคลำกันอยู่ แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อหญิงวัยกลางคนผู้นั้นล่าถอยออกไป ด้วยเพราะลูกค้าหลายต่อหลายท่านต่างก็ทยอยกันมาเข้าห้องน้ำอย่างต่อเนื่อง ..

                “มึงก็แค่ต้องทำใจกล้าหน้าด้านเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่นั้น ..” ผมตอบด้วยน้ำเสียงกระซิบ จากนั้นผมก็พับฝาชักโครกให้ปิดสนิท ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งพร้อมกับคว้าไอ้มิสเทคที่เสื้อผ้ายังคงหลุดลุ่ยให้ทิ้งตัวลงนั่งบนตักผมอีกที
               

                “แต่ดูจากสภาพของมึงแล้ว กูว่ายังไงเขาก็ต้องรู้ว่ามึงเข้ามาทำอะไรกับใครสักคนในห้องนี้ ..” ผมขยายความประโยคข้างต้น จนกลายเป็นประโยคอันสมบูรณ์ชิดริมหูของมันอย่างแผ่วเบา พลางจูบซับหลังหูของมันเล่น ..
               

                “ทำไมยังไงดีมิสเทค กูหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว ” ผมถามมันคล้ายกับต้องการคำตอบ หากแต่ริมฝีปากของผมกลับสาละวนอยู่ตรงช่วงใบหูของมันไม่หยุดหย่อน ขณะที่ฝ่ามือข้างหนึ่งของผมก็คอยโอบประคองร่างของมันให้เข้ามาอิงแอบแนบชิดกับตัวผม จากนั้นฝ่ามือข้างที่ว่างก็เริ่มลูบไล้ไต่ระดับช่วงปลายขาของมันผ่านทางเนื้อผ้า เรื่อยมาจนถึงหัวเข่าและต้นขา จนกระทั่งจบลงที่ผิวเนื้อนุ่มๆช่วงบน ..
                “อึก ..” มิสเทคมันพยายามข่มเสียงของตัวเองอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าผมจะคุกคามมันหนักหนาแค่ไหน จริงๆอารมณ์ของกูมันหมดไปตั้งแต่โดนขัดจังหวะแล้วนะ ถ้าตอนนี้ไอ้ห้องข้างๆแม่งไม่ทำตัวเลียนแบบกูเมื่อครู่ อารมณ์ของกูจะไม่ขึ้นเลย
                เหี้ยเหอะ .. จ้างให้กูก็ไม่ยอมนั่งฟังเสียงครางของคนอื่นอย่างเดียวแน่ ..
                คือกูก็มีคนของกูให้กอดเหมือนกันนะเว้ย แล้วกูจะทนนั่งฟังทำเพื่อ ?

            “มึงอย่าส่งเสียงดังดิ กูไม่อยากให้ไอ้ห้องข้างๆมันได้ยินเสียงมึง ..” ผมพูดแบบไม่มีเสียงชิดริมหูของมันด้วยความหวงแหน ขณะที่ฝ่ามือของผมกำลังลูบไล้ช่วงล่างของมันอย่างเบามือ สร้างความหวามไหวให้คนที่กำลังถูกปลุกปั่นอารมณ์ได้ดีนัก
                “บ..บน..อื้อ ..ห้อง ..” มิสเทคมันส่ายหน้าห้ามปรามให้ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงชั่วคราว พร้อมกับร้องห้ามเสียงกระเส่า หากแต่ใบหน้าของมันกลับแดงซ่าน อีกทั้งสายตาของมันก็ยังหวานเยิ้มเสียจนผมแทบสิ้นสติ ..

                “อืม .. ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยนะ ..” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงด้วยความใจเย็น แม้ว่าช่วงล่างมันเริ่มจะทักท้วงแล้วก็ตาม แต่ผมก็ต้องอดทนและลงมือติดกระดุมให้ไอ้มิสเทคเทคมันจนครบถ้วน ก่อนจะปลดกลอนประตูและลากข้อมือของมันให้เดินตามผมออกจากห้องน้ำสาธารณะ ที่ตอนนี้มันร้างไร้ผู้คนอย่างน่าแปลกใจ ..
                ท่าทางการฟัดกันอย่างออกรสออกชาติของไอ้ห้องข้างๆมันจะไล่แขกไม่ได้รับเชิญได้ดีนะนั่น ..
                กูคงต้องขอบคุณพวกมันสินะ ที่ทำให้เมียกูไม่ต้องอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านเขา ..

                ผมมองหน้าไอ้มิสเทคที่ยืนหลบมุมอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของตัวลิฟต์เป็นระยะ สลับกับการมองจ้องตัวเลขที่กำลังไต่ระดับขึ้นสูงอยู่อย่างนั้น แต่สุดท้ายสายตาของผมก็ไม่วายจะคุกคามช่วงล่างของมัน ที่ยังคงค้างคากับการถูกปลุกปั่นอารมณ์ให้เตลิดอยู่ดี ..
                “หึ” ผมหลุดขำออกมาอีกครั้ง เมื่อไอ้มิสเทคมันทำเป็นไม่รับรู้ว่าผมกำลังมองมันด้วยสายตาแบบไหน หากแต่ท่าทางเขินอายของมันและอาการหลบหนีช่วงล่างให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยของมันนั่นแหละที่เรียกเสียงหัวเราะแห่งความเอ็นดูจากผมได้เป็นอย่างดี ..

                “มึงออกจะขี้อายขนาดนี้ ทำไมตอนมึงรวน มึงถึงได้ใจกล้านักวะ ไม่น่ารักเลย .. ตอนนี้มึงน่ารักกว่าอีก ..” ยิ่งผมพูดชมมันออกมาโต้งๆ ก็ยิ่งทำให้มันไปไม่เป็นมากกว่าเดิม จนกระทั่งเสียงลิฟต์ดังช่วยชีวิตมันเอาไว้ มันถึงได้หลุดจากสถานการณ์อันน่าเขินอายที่ผมสร้างขึ้นได้ ..
                ….

                “แต่ก่อนกูนี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ”
                “เหี้ย .. ถ้ามึงยังพูดมากอยู่อีก มึงไม่ได้ไปต่อแน่ไอ้คยู ..” ไอ้มิสเทคที่กำลังเดินนำหน้าผมไปยังห้องพัก ถึงกับหันมาวีนใส่ผม เมื่อผมยังไม่หยุดชมเชยมันสักที ..

                “ก็ถ้ามึงไม่ทรมาน มึงลองไม่ให้กูไปต่อดูก็ได้ ..” ผมเดินเข้ามาโอบช่วงเอวของมันพลางลูบไล้เข้าไปภายใต้เนื้อผ้าอย่างแช่มช้า ขณะที่ช่วงตัวของผมก็คอยบดบังการกระทำของตัวเองไม่ให้เป็นที่สังเกตไปด้วย ส่วนไอ้มิสเทคมันก็ได้แต่เสียบคีย์การ์ดผิดๆถูกๆอยู่นั่น ..
                “ให้ไวเลยมิสเทค .. ก่อนที่กูจะจัดการมึงตรงนี้ ..” ทันทีที่ผมแกล้งกระซิบขู่มันอย่างหยอกเย้า มือของมันก็ยิ่งสั่นทำให้การเสียบคีย์การ์ดเข้าช่องเสียบเป็นไปได้ยากขึ้น แต่ผมก็ใจเย็นพอที่จะล้อเล่นกับมัน แม้ว่าช่วงล่างของผมจะยังประท้วงหนักอยู่ก็ตาม ..

                ตุบ!

                ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทลง ผมก็จัดการล็อคตัวไอ้มิสเทคที่กำลังเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดไฟภายในห้องให้สว่างขึ้น ส่งผลให้คีย์การ์ดแผ่นนั้นล่วงลงกับพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ขณะที่แสงไฟยังคงดับสนิททั่วทั้งห้อง ..
                จากนั้นบทจูบร้อนแรงก็เริ่มดำเนินต่อไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ..
               
            “กูต่อเลยนะ ..” ผมกระซิบบอกไอ้มิสเทคที่ทรุดกายลงนั่งกับพื้นให้ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับบทหนักอีกครั้ง จากนั้นผมก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อของมันทีละเม็ด แล้วก็โยนเสื้อเชิ้ตตัวเก่งของมันให้พ้นหูพ้นตา ..
               

                “หลังจากนี้ .. ถ้ามึงอยากร้องดังแค่ไหน กูจะไม่ห้ามมึงแล้ว ..” ผมจัดการปลดเข็มขัดของมันให้คลายตัวออก จากนั้นผมก็เริ่มดึงรั้งกางเกงตัวเก่งของมันให้ไปกองรวมกันกับเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อครู่ ..
                “มึงต้องการกูไหมมิสเทค ?” ผมดันช่วงขาของมันให้แยกห่างออกจากกัน พร้อมกับแทรกตัวเข้าไปแนบสนิทกับร่างข้างใต้อย่างรวดเร็ว

                “อ..อ๊ะ ..อืม ..” ขณะทวงถามผมก็ไล้เลียใบหูเล็กของมันอย่างปลุกเร้า ส่งผลให้มิสเทคมันหลุดครางหวานออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เราเปลี่ยนสถานที่เพื่อการแนบชิดที่เป็นส่วนตัวขึ้น ..
                “แต่มึงบอกให้กูอ่อนโยนกับมึงไม่ใช่เหรอ .. กูรีบร้อนตามใจมึงไม่ได้หรอก ..” ผมยังคงกระซิบยั่วอย่างกลั่นแกล้ง สลับกับการสร้างสัมผัสเสียวซ่านให้มันอย่างต่อเนื่อง

                “อ้า ..อื้อ ..” ผมประคองใบหน้าของมันไม่ให้หลีกหนีสัมผัสจากผม จนไอ้มิสเทคมันทำได้แค่บิดเร้ากายไปมาอย่างหวามไหว เนื่องจากช่วงตัวของมันกำลังถูกผมล็อคเอาไว้จนหมดสิ้น ..
                จึงทำให้ช่วงล่างของมันเสียดสีกับเนื้อตัวของผมมากขึ้นไปโดยปริยาย ..

                “อึก .. มึงกอดกูนะ ..นะ ..” มิสเทคมันร้องขอ พลางบังคับใบหน้าของผมให้หันมารับจูบออดอ้อนจากมัน เห็นอย่างนั้นผมก็ต้องใจอ่อนยอมทำตามที่มันร้องขออย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ใจยังอยากจะแกล้งมันต่ออีกนิด ..
                “ที่ตอนนั้นกูติดใจมึงก็เพราะแบบนี้นี่แหละมิสเทค ..ทำไมมึงอ้อนกูได้น่ารักแบบนี้ หืม ..” ผมจูบปากมันแรงๆอีกครั้ง พร้อมกับช้อนตัวมันขึ้นแนบอก ก่อนจะวางมันลงบนเตียงนอนนุ่มๆอย่างแผ่วเบา ..
                จากนั้นผมก็ล้มตัวลงนอนตะแคงเคียงข้างมัน พร้อมกับลากมันเข้ามาแนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ผมเริ่มไล้เล็มใบหูเล็กของมันเล่นอีกครั้ง ขณะที่ฝ่ามือของผมกำลังเกาะเกี่ยวช่วงขาของมันให้เกยอยู่บนหน้าขาของผม แล้วจึงลากเลื่อนฝ่ามือร้อนเข้าปรนเปรอส่วนอ่อนไหวของมันผ่านเนื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนเรือนกายอย่างเนิบนาบ ..

                “อะ ..อืม .. อื้อ ” ยิ่งมิสเทคมันครวญครางเสียงแผ่วหวานยามที่ฝ่ามือร้อนของผมกำลังปรนเปรอสัมผัสชวนฝันให้มันหลงเคลิบเคลิ้มมากเท่าไหร่ ผมจึงยิ่งบดเบียดช่วงล่างเข้าหามันมากขึ้นเท่านั้น ซ้ำยังเลียไล้ใบหูนุ่มของมันอย่างกระสันเสียว ..
                “อึก .. อืม .. อ๊า ..อื้ม ..” ไม่นานนักผมก็ผละความสนใจจากใบหูนิ่มมาครอบครองริมฝีปากอุ่นร้อนของมันอย่างแนบแน่น รสจูบที่ผมมอบให้เริ่มทวีคูณเทียบเท่ากับความต้องการที่มันสะสมมากขึ้นๆจนแทบจะระเบิดอยู่รอมร่อ จากนั้นผมก็ละความสนใจจากกลีบปากหวานของมัน ด้วยเพราะผมอยากได้ยินเสียงสั่นซ่านชวนหวิวไหว ผิวกายขาวราวน้ำนมของมันจึงถูกให้ความสนใจเป็นรายการต่อมา ..

                ผมบรรจงแต่งแต้มร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของไปพร้อมๆกับการปรนเปรอสัมผัสทุกสัดส่วนอันเป็นจุดอ่อนของไอ้มิสเทคผ่านริมฝีปากของผม ขณะที่ฝ่ามือร้อนอันซุกซนยังคงทำหน้าปลุกปั่นช่วงล่างของมันได้เป็นอย่างดี
                “อ๊า ..อื้อ ..” มิสเทคมันเริ่มเกร็งตัวอย่างเสียวซ่าน เมื่อผมลากไล้ริมฝีปากต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งความอ่อนไหวของมันกำลังถูกผมปลุกเร้าอย่างร้อนแรง ส่วนฝ่ามือของผมเองก็ไม่ปล่อยให้ว่างงาน เพราะตอนนี้มันกำลังเคล้าคลอช่วงอกอย่างหนักหน่วง..

                “อ่ะ ..อืม .. อื้อ ..” ผมจัดการปลดปราการชิ้นสุดท้ายออกจนหมดสิ้น จากนั้นผมก็เริ่มจูบซับตั้งแต่ปลายเท้าเรื่อยมาจนถึงต้นขา ก่อนจะพลิกช่วงขาของมันให้อ้าออกกว้างและพาดมันลงบนบ่า พร้อมด้วยริมฝีปากที่เพียรจูบซับต้นขาอ่อนด้านในของมันอย่างแผ่วเบา ..
                “อ๊า ..อื้อ ..อือ ..” มิสเทคมันร้องครางไม่ได้ศัพท์เมื่อผมเริ่มปรนเปรอส่วนต้องห้ามของมันอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งฝ่ามือของมันยังขยุ้มเส้นผมของผมอย่างหวามไหว ส่วนเรือนกายของมันก็บิดเร้าไปมาอย่างเสียวซ่าน เพิ่มความน่ามองมากขึ้นไปอีก ..

                “อึก .. อื้อ ..อ๊า ..” ทันทีที่ผมเพิ่มจังหวะหวามไหว มิสเทคมันก็ยิ่งส่งเสียงหวานหูจนดังก้องไปทั่วห้อง ส่วนเองก็เริ่มอาการแย่ จึงรีบผละตัวออกห่างจากมัน ..
                “กูไปเอาตัวช่วยก่อน มึงจะได้ไม่เจ็บมาก ..” ผมหอบหายใจถี่ พลางลูบหัวมันให้ใจเย็นๆ จากนั้นผมก็ใช้เวลาไม่นานนักของจำเป็นทั้งหลายก็ถูกวางกองลงบนที่นอน ..
               
                “ถามจริงมึงยอมให้กูกอดเพราะอะไร ?  ผมรั้งข้อเท้าของมันให้ถอยร่นตัวเข้ามาใกล้ผมที่นั่งอยู่ริมขอบเตียง จากนั้นผมก็จัดการยกสะโพกกลมกลึงของมันขึ้นมาเกยหน้าตัก และแยกเรียวขาทั้งสองข้างออกกว้างพลางแต้มเจลล่อลื่นลงบนจุดอ่อนไหวของมันอย่างแผ่วเบา ..
                “ก..กู ..อึก ..กู ” มิสเทคมันเริ่มพูดไม่เป็นศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผมส่งปลายนิ้วเข้าไปทักทายความอุ่นร้อนภายในร่างกายของมัน ริมฝีปากได้รูปห่อตัวอย่างเสียวซ่าน ขณะที่ใบหน้าของมันกำลังเคลิ้มฝันไปกับสัมผัสที่ผมกำลังปรนเปรอให้ ..

                “เพราะอะไรมิสเทค ..” ผมย้ำถามมันอีกครั้ง พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปกระซิบแนบชิดใบหูของมันอย่างแผ่วเบา พลางเป่าลมเข้าใส่เพียงนิดเสียงความเสียวกระสันได้เป็นอย่างดี
                “อ๊า ....กู ..ไม่ ..อยากคิดเรื่องงาน .. กูไม่อยากเป็นกังวลเพราะมัน .. อ๊ะ .. กูอยากมีความสุขแบบที่มึงว่า แต่กูทำไม่ได้ อื้อ ..อึก .. กูเลยอยากให้มึงทำให้ ..อ๊ะ .. กูลืมทุกอย่าง .. แล้วคิดแต่เรื่องของมึง .. อืม ..” ทันทีที่มิสเทคมันพูดจบ ผมก็บดเบียดริมฝีปากลงบนกลีบปากของมันอย่างรุนแรง ด้วยเพราะความหมั่นเขี้ยวในความคิดอันน่ารักของมันโดยเฉพาะ

                “มึงไม่มีทางผิดหวังแน่มิสเทค..” ผมหยัดกายขึ้นเหนือร่างของมันเล็กน้อย จากนั้นผมก็ถอดถอนปลายนิ้วออกห่างจากความอุ่นร้อนอันน่าหลงใหลเพื่อดำเนินขั้นตอนต่อไปอย่างรีบร้อน ..
                “กูรักมึงนะ ..” หลังจากใส่เครื่องป้องกันด้วยความเร็วสูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะคล่อมทับร่างขาวผ่องของมันอย่างรวดเร็ว พลางกระซิบคำรักอย่างจริงใจ

               
                “มึงเชื่อที่กูพูดไหม ?” ผมย้ำถามอย่างคนเคยมีคดีด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหวานหู ส่งผลให้ไอ้มิสเทคที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความเขินอายได้แต่นอนคว่ำหน้าหลบหนีสายตาของผมอยู่อย่างนั้น ขณะที่มันก็ตอบคำถามของผมงึมงำในลำคอเพียงแผ่ว ..

                “มิสเทคมึงรู้ตัวไหมว่ามึงทำให้กูโคตรมีความสุข และโคตรดีใจเลย .. เพราะอะไรรู้มั้ย .. ก็เพราะมึงไว้ใจกูแล้วไง..แม่ง เหมือนฝันชิบหาย เหี้ยเอ้ย กูไม่รู้จะบรรยายยังไง!” ผมกอดมันอย่างแรงด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นผมก็อาศัยจังหวะที่ไอ้มิสเทคมันกำลังผ่อนคลายเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ..
                “อ๊า ..” ความคับแน่นบริเวณช่วงล่างส่งผลให้ผมนิ่วหน้าด้วยความอึดอัดเล็กน้อย ผมจึงนิ่งค้างอยู่อย่างเมื่อมิสเทคมันเองก็เกร็งๆไม่ต่างกัน

                “จูบกันมึงจะได้ไม่เจ็บ ..” ผมรั้งใบหน้าของมันให้หันมาทางผม จากนั้นเราสองคนก็เริ่มต้นมอบสัมผัสเย้าหยอกต่อกัน ขณะที่ฝ่ามือของผมก็เริ่มลูบไล้สะโพกกลมกลึงของมันไปด้วย ไม่นานนักความผ่อนคลายก็เริ่มเข้ามาทักทาย ผมจึงเริ่มขยับช่วงล่างอย่างเชื่องช้า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงเมื่อห้วงแห่งอารมณ์มันพุ่งสูงจนถึงขีดสุด ..
                “อ๊ะ ..อ๊า ..อึก ..อื้อ ” เสียงครวญหวานอย่างเสียวกระสันของมันดังเคล้าคลอไปกับเสียงทุ้มต่ำของผมซ้ำแล้วซ้ำเหล่า ขณะที่เราสองคนต่างไหวเอนไปตามจังหวะรักอย่างพร้อมเพียง
               
                “อึก ..อืม ..มิสเทค ..” ความสุขที่ผมเคยได้รับในเวลาแบบนี้ มันเทียบไม่ได้เลยกับความสุขที่ผมกำลังเผชิญอยู่ ด้วยเพราะแท้ที่จริงแล้ว ผมไม่ได้ต้องการแค่เพียงคู่นอน
แต่ผมต้องการคู่ใจที่ทำให้ผมเป็นผมที่ใช้ชีวิตอย่างมีสติ

“กูอยากมองหน้ามึงในเวลาที่คนอื่นจะไม่มีทางได้เห็นนับจากนี้ไป ..” ผมหยุดจังหวะการรุกเร้าอย่างกะทันหัน พลางกระซิบบอกเหตุผลกับไอ้มิสเทค จากนั้นผมก็ปรับเปลี่ยนให้มันนอนราบอยู่ภายใต้ร่างของผม ไม่นานนักจังหวะรักของเราก็เริ่มดำเนินต่อไป
“อ๊า ..อ๊ะ ....คยู ..” มิสเทคมันกอดคอผมไว้ ขณะที่ผมกระแทกกระทั้นกายเข้าหามันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งเรียวขาของมันยกพาดลงบนลาดไหล่ของผม เราสองคนก็ยิ่งสัมผัสกันและกันได้มากขึ้น ..

“อึก..อื้อ..อ๊ะ ..อ๊า ..อ๊าาาาาาาาาาาา ” เป็นเวลาเนิ่นนานนัก กว่าผมกับมันจะเดินทางไปถึงฝั่งฝัน ณ ตอนนี้เราเลยต่างคนต่างหอบหายใจถี่ด้วยเพราะกิจกรรมรักที่เพิ่งจะจบไป
หากแต่ความอบอุ่นยังคงอยู่ ..

“มึงคิดแต่เรื่องของกูได้หรือยังมิสเทค ?” ผมถอดถอนกายออกห่างจากมัน พลางล้มตัวลงนอนตะแคงและมองจ้องใบหน้าชื้นเหงื่อของมันแน่นิ่ง และด้วยเพราะความคุ้นชินกับความมืด ผมจึงเกลี่ยปอยผมชื้นเหงื่อของมันให้เรียงตัวเป็นที่เป็นทางได้อย่างถนัดถนี่ ..
“อืม ..

” ผมยิ้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หากแต่หัวใจของผมกำลังโบยบินจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ด้วยเพราะความสุขมันคับแน่นจนแทบระเบิด
“กูคิดว่ากูคงเผื่อใจให้คนอย่างมึงไม่เป็นอีกต่อไปแล้ว ” มิสเทคมันยิ้มพลางลูบใบหน้าของผมที่กำลังมองจ้องมันไปพร้อมๆกับยิ้มที่ไม่สามารถหุบลงได้
ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยย!
ถ้าวันนี้กูตายเพราะความสุขมันจุกอก มึงจะรับผิดชอบชีวิตกูไหวไหมไอ้มิสเทค!

 <-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>  
 
ตอนนี้อาจจะเขียนได้ไม่โอเคนัก เพราะไม่ได้เขียนมานานมาก ถือว่าอ่านเพื่อรับรู้ความรักของคนสองคนก็แล้วกัน ต่อไปจะไม่เขียนตอนแบบนี้เป็นพาร์ทคนเพี้ยนแล้วยากกกกกกกกก T_T เห็นมีคนสงสัยเรื่องซองจินว่าทำไมถึงตาบอด เดี๋ยวจะมีเฉลยทีหลังนะ คึคึคึ คนเพี้ยนอบอุ่นเป็นนะรู้ยัง อิอิ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น