Mistake
Mistake 35
เรื่องมันมีอยู่ว่า กูบังเอิญได้ยินไอ้ซองจินมันบ่นลูกศิษย์ของมันสักคนว่าสอนยากสอนเย็นชิบหายวายวอดเหมือนกับไอ้มิสเทค
กูซึ่งเป็นบุคคลผู้มีความสามารถหาใครจะเทียบได้
เลยออกปากขอให้ไอ้ซองจินมันสอนยิงปืนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อที่กูจะเอาไว้ท้าประลองกับไอ้มิสเทค
ที่มันยังคงไม่รู้ตัวว่ากำลังจะตกเป็นเหยื่อของกู หึหึ …
ในเมื่อกูกับมันต่างคนต่างก็ยึดติดในกันและกัน แล้วมันเรื่องอะไรที่กูจะต้องไปบังคับใจมันแล้วก็ใจกูด้วยวะ
สู้กูมานั่งกล่อมให้ไอ้มิสเทคมันยื่นเรื่องลาออกจากที่นี่แล้วไปหางานใหม่ทำไม่ดีกว่าเหรอ
?
งานนี้กูยอมโดนพี่อาราตราหน้าว่าเป็นไอ้น้องทรยศเลยนะโว้ย
…
“แข่งกันป่ะ ?”
ผมเดินเข้ามาเตะขาไอ้มิสเทคที่กำลังนั่งกอดอกใส่หูฟังเข้าโหมดส่วนตัวให้หันมาสนใจผม
พอมันถอดหูฟังออกแล้ว ผมถึงเข้าเรื่องเชิญชวนหลอกล่อมันให้ตกหลุมพราง
“หึ .. ขี้เกียจ”
ไอ้มิสเทคมันส่ายหัว
“อ่อนว่ะ .. มึงกลัวแพ้กูล่ะสิ ..”
“มึงอ่านปากกูดีๆ กูบอกว่ากูขี้เกียจ
.. กูไม่ได้บอกว่ากูกลัวจะแพ้มึง .. หูมึงมีปัญหาเหรอ ?” ไอ้มิสเทคมันชี้ที่ปากตัวเอง พร้อมกับออกเสียงช้าๆชัดๆ
ท่ามกลางเสียงปืนที่มันดังโป้งป้างไม่ขาดสาย
“พนันกัน .. เร็วๆ กูอยากแข่ง
เครื่องกำลังร้อน ..” ผมยังไม่ยอมแพ้ที่จะเอาไอ้มิสเทคมาเป็นคู่แข่งของตัวเอง
“มึงก็ไปแข่งกับซองจินดิ” ไอ้มิสเทค
ไอ้ห่า มึงนี่แม่ง! ใช้อะไรคิดวะถึงจะให้กูไปแข่งกับน้องมึงเนี่ย ..
“กูไม่โง่พอจะแข่งกับครูตัวเองป่ะวะ ? อีกอย่างแข่งกับไอ้ซองจินกูแม่งรู้ผลตั้งแต่ยังไม่ได้แข่งแล้วป่ะ
? มึงนั่นแหละ มาแข่งกับกูเลย
ได้ข่าวว่าไอ้ซองจินมันเคยสอนมึงยิงปืนไม่ใช่หรือไง ? อย่ามาอิดออด
ไอ้สัส .. เร็วๆ” ผมลากแขนไอ้มิสเทคให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
แล้วก็พามันไปเช่าปืนกับลูกกระสุน โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมด กูรับผิดชอบเอง …
“ถ้ากูชนะ แล้วได้อะไร ?” มิสเทคมันถาม
ขณะที่มันกำลังสวมใส่อุปกรณ์จำเป็นสำหรับการยิงปืน
“ถ้ามึงชนะ กูจะตามใจมึง .. แต่ถ้ากูชนะ มึงต้องตามใจกู
..” ผมตอบโดยที่ผมยังไม่ยอมเผยไต๋ใดๆออกไป
เพราะเดี๋ยวไอ้มิสเทคมันจะไหวตัวทัน
“หึ .. ก็ได้ …” ไอ้มิสเทคมันแสยะยิ้มรับคำท้าจากผมด้วยท่าทางมั่นใจซะเหลือเกิน
ซึ่งกูเองก็มั่นใจในฝีมือของกูเหมือนกันวะ
ผมกับไอ้มิสเทคตกลงจะแข่งกันหนึ่งยก
ซึ่งโดยปกติแล้วการแข่งขันยิงปืนจะแบ่งเป็น 3 ท่ายิง ก็คือ การนอน การนั่ง การยืน
สำหรับผมกับมันเราจะแข่งกันแค่ท่ายืน และยิงกันคนละ 6 นัด
ระยะ 15 เมตร
ส่วนไอ้ซองจินมันเป็นกรรมการ คอยนับคะแนน ..
ผมเริ่มตั้งสมาธิ ไม่คิดวอกแวกไปไหน
จิตใจจดจ่ออยู่แต่กับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ จากนั้นผมก็จัดการท่าทางการยืนของตัวเองให้ตรงตามหลักการยิงปืน
โดยขยับปลายเท้าให้แยกห่างออกจากกันเท่าๆกับความกว้างของหัวไหล่
พร้อมกับปล่อยให้น้ำหนักปืนและน้ำหนักตัวตกลงที่ขาทั้งสองข้าง ขณะที่แขนที่จะใช้ยิงเหยียดออกตรงจนเต็มที่
พร้อมทั้งมือและข้อศอกที่ผมจะต้องพยายามบังคับให้มันนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมเงยหัวขึ้นเล็กน้อยและมองจ้องไปที่เป้าหมายตรงหน้า
จากนั้นผมก็ทำการยิงแห้งเพื่อเตรียมตัวฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ซึ่งการยิงแห้งมันคือการเหนี่ยวไกออกไปโดยที่ไม่ได้บรรจุลูกกระสุน
และจากนั้นไม่นาน
สัญญาณของการแข่งขันก็เริ่มขึ้น …
เสียงปืนของผมกับมันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานนักการแข่งขันระหว่างเราก็จบลง
เหลือเพียงแค่รอผลว่าใครจะเป็นผู้ชนะและใครจะเป็นผู้แพ้ ..
ผมยืนดูไอ้ซองจินมันพลิกเป้าที่ผมยิงได้เพื่อนับจำนวนรูว่ามีครบ 6 นัดหรือไม่ จากนั้นมันก็เริ่มนับคะแนน ผลปรากฏว่าผมได้ 55 คะแนน เพราะผมยิงเข้ากระสุนวง 8 สองอัน 9 หนึ่งอัน และ 10 สามอัน ส่วนไอ้มิสเทค มันยิงเข้ากระสุนวง
9 สองอัน และวง 10 สี่อัน เท่ากับว่าไอ้มิสเทคมันได้คะแนนทั้งหมด
58 คะแนน
คือไอ้สัส! คะแนนแม่งเฉียดกูไปนิดเดียวเอง
เชี่ยยยยยยยยยยยยย!
“หึหึ” กวนตีน ไอ้มิสเทคแม่งกวนตีน ชนะแล้วมาหัวเราะทับถมกู ไอ้สัส
ไอ้เมียนิสัยไม่ดี
“กลับก่อนนะซองจิน ขับรถดีๆล่ะ ..” ไอ้มิสเทคมันโบกมือลาน้องมัน
แล้วก็ลากข้อมือกูตัวปลิว แต่คือมึงครับ กูยังไม่ได้ถอดอุปกรณ์ยิงปืนคืนเขาป่ะวะ
เดี๋ยวกูก็โดนยิงไส้ไหลกันพอดี …
“ให้กูคืนของเขาก่อนดิ มึงนี่วะ จะอารมณ์ดีเชี่ยไรนักหนา ..” ผมทำหน้าบึ้ง เพราะรู้สึกเสียหน้าและเสียฟอร์มอยู่ไม่น้อย
“อย่าลืมสัญญา ..”
ผมแอบเบะปากใส่มันด้วยความหมั่นไส้ แต่สุดท้ายผมก็ต้องหลุดยิ้มออกมา เพราะรอยยิ้มของมันที่ยิ้มอย่างสดใสจนผมต้องเผลอยิ้มตามไปด้วย
..
ผมพามิสเทคมันมานั่งที่เล่นสนามเด็กเล่นที่ประจำของผม
เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุด จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบกลับบ้านเข้านอน
และอีกอย่างผมตั้งใจจะหาที่สงบๆเพื่อคุยต่อรองกับมันด้วย ..
“กูแพ้ เพราะฉะนั้นกูต้องตามใจมึงใช่ป่ะ ?”
ผมถามขณะที่ผมกำลังยืนเอาหลังพิงต้นไม้ใหญ่
ส่วนไอ้มิสเทคมันกำลังนั่งไกวชิงช้าเล่น ..
“อืม .. แต่ตอนนี้กูยังคิดไม่ออก เอาไว้ก่อนแล้วกัน ..” มิสเทคมันตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่กูใส่ใจไง
ไม่งั้นกูจะแข่งกับมันทำเพื่อวะ
“กูไม่ได้จะให้มึงคิด .. เพราะมึงมีสิทธิ์เลือกแค่ว่าจะทำตามข้อไหนที่กูเสนอเท่านั้น
..”
ผมตอบพลางดึงชิงช้าของมันอยู่นิ่งๆกับที่เพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมกำลังจะพูด
“ขี้โกง! .. มึงแม่ง นิสัยว่ะ
..” ไอ้มิสเทคมันลุกขึ้นยืน พลางชกลงมาเบาๆที่อก
ผมก็เลยจับมือของมันไว้
“จริงๆมึงได้รับโอกาสที่ดีจากท่านประธานใช่ไหมมิสเทค
?” พอผมถามออกไป ไอ้มิสเทคมันก็นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ
“มึงไม่ตอบรับความใจดีนั่น
เพราะไม่อยากห่างจากกูใช่ไหม ?” ผมยังคงซัดคำถามใส่มันไม่ยั้ง
“…” ส่วนมันก็เอาแต่นิ่งเงียบ ..
“กูให้มึงเลือกว่ามึงจะไปบอกพี่กูวันพรุ่งนี้ว่ามึงจะยอมรับโอกาสนั้น ..
หรือว่ามึงจะยื่นใบลาออกเพื่อหางานใหม่ที่มันก้าวหน้ากว่าตอนนี้ ..” ผมถามพลางมองจ้องไอ้มิสเทคอย่างคาดคั้น จนมันเริ่มหันหลบสายตาผม ..
“…”
“ถ้ากูชนะ กูกะว่ากูจะให้มึงไปลาออก
แล้วหางานทำใหม่เพราะกูเองก็ไม่อยากจะห่างจากมึง แต่นี่มึงชนะ
มึงจะตัดสินใจยังไงมิสเทค กูไม่ยอมให้มึงลดตำแหน่งตัวเองลงเพราะกูหรอกนะ ...” ผมบังคับให้มันเงยหน้าขึ้นมองผม
โดยที่ดวงตาของผมก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมัน
“….”
“กูไม่เลือกได้ไหม ?” มิสเทคมันถาม
ขณะที่ผมเปลี่ยนจากบังคับช่วงหน้าของมันให้มองสบผมมาโอบช่วงเอวของมันเอาไว้
“ไม่ได้” ผมยืนยันหนักแน่น
“…”
“กูไม่อยากเป็นตัวถ่วงของมึง .. มิสเทคมึงชนะแล้ว
มึงมีโอกาสเลือก มึงก็เลือกเถอะ ..”
ผมบอกเหตุผลที่ผมต้องบังคับมันให้เลือกด้วยสีหน้าจริงจัง ..
“ถ้ากูยอมรับข้อเสนอของท่านประธาน กูจะต้องย้ายที่ทำงานไปเรื่อย เพราะกูต้องคอยตรวจสาขา
คอยอบรมให้กับพนักงานในโซนต่างจังหวัด แล้วก็อาจจะคัดเลือกพนักงานด้วยตัวเองบ้าง เรียกง่ายๆว่ากูต้องดูแลควบคุมการทำงานของสาขาเองทั้งหมด
ถึงอนาคตท่านประธานมีแพลนจะรับสมัคร CRM เพิ่ม
แต่กูก็ไม่อยากทำ .. กูไม่มั่นใจว่ากูจะทำมันได้ แล้วกูก็เป็นห่วงซองจินกับ
…” มิสเทคมันเงียบไป เหมือนกับมันไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
ว่าอีกคนที่มันเป็นห่วงคือใคร แต่ด้วยเพราะสีหน้าแดงๆของมันสามารถบ่งบอกได้ว่าอีกคนที่ว่านั่น
คือผมเอง ..
“มึงเก่งจะตายมิสเทค อะไรที่มึงตั้งใจไม่เคยที่มันจะทำไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ
?” ผมลูบข้างแก้มของมันเบาๆอย่างปลอบใจคนขี้กลัว
“มึงคงลืมไปแล้วว่ามีอย่างนึงที่กูตั้งใจแล้วทำไม่ได้
กูถึงต้องเลือกที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ ..” มิสเทคมันบอกเสียงเรียบ
แต่ดวงตาของมันกลับสั่นไหว บ่งบอกได้ดีว่ามันเองก็เสียใจกับผลลัพธ์ที่ได้
เพียงแต่ไม่ยอมแสดงออกมาให้ใครเห็นเท่านั้น ..
“ตกลงมึงเลือกจะลาออกใช่ไหม ?” พอมันอ้างอย่างนั้น
ผมก็ย้ำถามมันอย่างลุ้นระทึก
เพราะผมอยากให้มันลาออกมากว่าจะให้มันต้องเดินทางไปโน่นมานี่
เพราะมันก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันนะถ้าต้องเทียวไปเทียวมาแบบนั้น
“ถ้ากูลาออก
แล้วกูจะเอาเงินที่ใช้ กูมีภาระต้องรับผิดชอบนะมึง ..” มิสเทคมันแย้ง
“กูไง กูรับภาระแทนมึงได้ ..” ผมตอบคำถามที่ผมเตรียมเอาไว้แล้ว
เพราะผมรู้ว่ามิสเทคมันจะต้องเถียงผมมาแบบนี้ ..
“กูไม่อยากรบกวนมึง .. เพราะภาระของกูมันมากเกินไป ..”
“กูถามหน่อย
มึงกับกูเป็นคนอื่นเหรอวะ ? ทีเซอึนมึงยังให้เธอช่วยมึงรับภาระได้เลย ..”
พอผมเถียงขึ้นมาบ้าง ไอ้มิสเทคมันก็เงียบสนิท ..
“กูจ่ายส่วนของเซอึนก็ได้ .. กูรู้ว่ามึงคงไม่คิดจะให้เธอจ่ายแล้ว
..”
“แล้วค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าของใช้ ..”
มิสเทคมันยังคงหาข้ออ้าง ..
“ก็ไอ้ซองจินไง ให้มันออก ส่วนค่าบ้านในส่วนของมันเราก็มาหารกันไงมิสเทค ..”
“แล้วคอนโดมึงล่ะ ?” มิสเทคมันเริ่มลากภาระของกูเข้ามาเกี่ยวแล้วเว้ย
“กูยกเลิกเช่าไอ้ซีวอนไปก่อนก็ได้
.. คนอย่างมึงคงตกงานไม่เกินสามเดือนหรอกมั้งมิสเทค อย่าคิดมากดิ .. นะ .. ถ้ามึงยังทำงานตำแหน่ง Asst. อยู่ กูคงไม่มีวันสบายใจเพราะยังไงกูก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้มึงคิดที่จะไม่ไป
.. เอาไง กูตามใจมึงนะ .. กูยอมรับได้ถ้ามึงเลือกจะรับโอกาสของพี่กู
หรือถ้ามึงเลือกจะลาออก กูก็จะช่วยมึงหางาน
แล้วก็ช่วยมึงรับภาระที่มึงจะจ่ายมันไม่ไหวในช่วงนี้ไปก่อน ..” ผมถาม พลางลูบข้างแก้มของมันไปด้วย ..
“แต่กูไม่อยากลาออก .. บริษัทนี้ให้อะไรกับกูเยอะ ..
กูลำบากใจ ..” แม่ง! ดันเสือกจงรักภักดีกับบริษัทพี่กูอีก
เออ กูไม่แปลกใจเลยที่มึงยอมลดตำแหน่งตัวเองลง
เพราะเหตุผลของมึงแม่งเพิ่มความภักดีในบริษัทเข้าไปด้วย ..
“งั้นมึงก็เลือกรับโอกาสพี่กูสิ .. มิสเทคมึงอย่าทำตัวเป็นเด็กดิวะ
อนาคตมึง .. ความก้าวหน้าของมึง .. มึงควรจะคิดให้มันเยอะๆดิวะ”
“….”
“มึงหลับตาแล้วบอกกูมา
ว่ามึงเป็นห่วงกูมากแค่ไหนถ้ามึงต้องไป ..” ผมปิดตามัน
เพื่อบังคับให้มันหลับตา
“…”
“ว่าไง ?”
“ก็มาก ..”
มิสเทคมันจับมือของผมที่ปิดตาของมันทั้งสองข้างอีกที พลางตอบคำถามเสียงแผ่ว
“แล้วมึงห่วงซองจินมากแค่ไหน ?”
“พอๆกับมึง ..”
ผมอมยิ้มกับคำตอบของมันเล็กน้อย
“ถ้ามึงต้องไปทำงานที่นั่น มึงคิดว่ามึงจะมีความสุขไหม ?”
“ไม่รู้ …”
“ถ้างั้นคำตอบที่มึงเลือกคือการลาออก
เพื่อไปสมัครบริษัทใหม่ที่ได้เงินเดือนดีกว่าเดิม และทำในตำแหน่งเดิมที่มึงถนัดและมีความมั่นใจ
ถูกต้องไหม ?” ผมเปิดตาของมัน แล้วก็ส่งยิ้มให้มันพร้อมๆกับถามคำถาม
“อื้อ .. มึง .. อย่าทิ้งกูนะ ..”
“กูไม่ทิ้งมึงให้ลำบากหรอก มึงเชื่อที่กูพูดไหม
?” ผมถามพลางคลอเคลียริมฝีปากตรงข้างแก้มของมันอย่างเพลิดเพลิน
“อืม .. กูเชื่อมึง ..” มิสเทคมันตอบคำถามของผม
พลางหยุดท่าทางซุกซนของผมไว้ด้วยริมฝีปากของมันที่ประกบกับริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา
…
เพียงแค่นั้น ผมก็รู้สึกเหมือนตัวผมกับมัน กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศไปซะแล้ว
..
“ถ้าหากเป็นไปได้ มึงช่วยยืนยันคำตอบว่ามึงเชื่อกูแค่ไหน .. ที่ห้องและบนเตียงของกูจะได้ไหมมิสเทค?”
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
เพี้ยนคนจริงกลับมาแล้ว มาพร้อมโหมดจริงจังแบบที่นานๆทีจะมีให้เห็น คึคึคึ
มิสเทคขี้กลัวเนอะ แต่เหตุผลหนักๆเลยคือเป็นห่วง อิ_อิ แล้วที่ยอมตกอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้ก็เพราะ
ภักดีในบริษัท คึคึคึ รอดูกันต่อไปว่าถ้ามิสเทคไปลาออกแล้วจะเป็นยังไง
คนอย่างมิสเทคคิดว่าท่านประธานจะปล่อยไปได้ง่ายๆเหรอ ? มันหายากนะ คึคึคึ
ปล. นอกจากเพี้ยนจะเป็นคนจริงแล้ว ยังเป็นคนหื่นอีกด้วย แค่เขาจูบก็เครื่องเดินแล้ว อะไรกันเนี่ย
[Fic KyuMin] Mistake 35