วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Fic KyuMin] Mistake 30

Mistake
 

Mistake 30

                ไอ้มิสเทค ไอ้เมียเหี้ย กูนี่แม่งโคตรอยากจะกระโดดถีบมันสักทีสองที สัสเอ้ย เมื่อวานใครกันวะที่มันยั่วกู ใครกันวะที่มันร้องขอให้กูกอด
ก็มึงทั้งนั้นไม่ใช่เหรอวะ ?
               
                สัส เสือกมีหน้ามาด่ากูเป็นไอ้ขี้มโนอีก .. กูมโนเชี่ยไรล่ะ แม่งเห็นกูมีความสามารถล้ำลึกขนาดมโนว่ากำลังเอากันอย่างเมามันเลยเหรอวะ
เหี้ยเหอะ ตอนนี้กูก็ไม่ได้ขี้เอาขนาดนั้นมั้ย ?

กูล่ะหมั่นไส้แม่งชิบหาย ทีเมื่อคืนล่ะร้องได้ร้องดี พอมาวันนี้เสือกมาหาว่ากูเพ้อเจ้อ พอกูจะจับแม่งแก้ผ้ายืนยันความบริสุทธิ์ของกู ไอ้ห่ามิสเทคแม่งก็เสือกด่ากูชิบหายวายวอด
ขอโทษเถอะ ที่ด่ากูนี่กลัวกูหารอยดูดมายืนยันความจริงได้น่ะสิ!
คราวหน้านะ กูจะดูดแม่งให้เห็นจะๆกันไปเลย แม่งจะได้เลิกโมเม ชวนให้กู อยากจะมอบฝ่าตีนใส่เน้นๆ

“กูอยากไปนั่งรถเล่น ” หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ผมกับมันก็เดินขึ้นมาบนห้องพัก แล้วก็จัดเก็บข้าวของให้เข้าที่ จากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะกูกับมันกำลังเคืองกันเว้ย!
” ผมเงียบทำเป็นไม่สนใจแม่ง
แต่จริงๆกูแอบยิ้มในใจไปละ

“มึง ” มิสเทคมันร้องเรียกผมอีก แต่ผมก็ยังไม่หัน
….” คือนานๆทีกูจะอยู่เหนือมึงบ้าง ขอเวลากูฟินแป้บ
ฉะนั้นมึงก็ง้อกูต่อไปนะ กูเอาใจช่วย

“สัส .. มึงไม่รู้หรือไงว่ากูอยากไปนั่งรถเล่นกับมึงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่กูไม่กล้าพูด พอกูกล้าพูด แม่งก็เสือกกวนส้นตีนกูอีก ..” เฮ้ยเดี๋ยว! นี่กูฝันหรือกูกำลังเพ้อเจ้อกันวะเนี่ย ?
                ไอ้สัสมิสเทค มึงรอกูด้วย กูไม่เล่นตัวแล้วก็ได้ …..

                “เดี๋ยวดิ .. มึงจะไปไหน แล้วเมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร ?” ผมรีบหยิบคีย์การ์ดกับกุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ติดมือมาอย่างรีบร้อน คือเอาง่ายๆกูรีบมาก รีบจนเกือบลืมล็อคประตูห้องเลย ดีนะไอ้มิสเทคมันยังหนีกูไปไม่ไกล ..
                “เปล่า!” ไอ้มิสเทคมันสะบัดแขนของตัวเองอย่างแรงทันทีที่ผมไล่จับมันได้ทัน แถมแม่งยังชักสีหน้าหงุดหงิดใส่กูอีก
                แต่สีหน้าแดงๆของแม่งก็หนีสายตาดีๆของกูไม่พ้นหรอก ..
               
                “อะไรวะ มึงกวนตีนใส่กูก่อนนะ ..” ผมจับแขนของมันให้แน่นขึ้น พลางรื้อคดีความขึ้นมาถกเถียงใหม่
                ….

                “กูดีใจแทบตายที่มึงไว้ใจกู .. แถมกูยังดีใจเหี้ยๆที่มึงบอกว่ามึงเผื่อใจให้กูไม่เป็นแล้ว .. คือมึงสิ่งที่มึงบอกกับกูเมื่อคืน ไม่ว่าจะทางคำพูดหรือการกระทำ กูนี่มีความสุขกับมันเหี้ยๆ แล้วเช้ามามึงเสือกบอกว่ากูมโนไปเอง ไอ้สัส มึงรู้มั้ยว่าที่กูรวนอยู่ทั้งวันเนี่ย มันเพราะมึงพูดจาดับความสุขกูเว้ย ไม่ใช่ว่ากูกำลังกวนตีน ..แต่เรื่องงอนนี่กูแกล้งมึงเองแหละ .. หมั่นไส้!” ผมยกเท้าไปเขี่ยปลายเท้าของมันเบาๆ พลางแก้ตัวเสียงอ่อนในท้ายประโยค เพราะไอ้มิสเทคแม่งทำตาขวางใส่กูเฉย
               

                “อยากไปนั่งรถเล่นกับกูไม่ใช่เหรอ อุตส่าห์คิดโปรแกรมข้ามเดือนขนาดนี้ ถ้ามึงมัวแต่ยืนรวนอยู่ตรงนี้ ชาติหน้ามึงก็ไม่ได้นั่งรถเล่นกับกูหรอก .. ไปๆตามกูมาเร็วๆ อย่าคิดนาน ..” ผมคว้าคอไอ้มิสเทคเข้ามาแนบลำตัว แล้วก็เดินลากมันกลับไปที่รถอย่างเบิกบานใจ ..
                อารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้าแบบว่าหายเป็นปลิดทิ้ง ..

                “เหี้ย!” ไอ้มิสเทคมันหยิกเอวผม พลางด่าใส่เต็มๆหน้า ดีนะไม่ถมน้ำลายใส่กูด้วย
                “แค่นี้ต้องด่า กูก็แค่อยากรู้ว่าตกลงกูมโนจริงเปล่า ..” ผมยักคิ้วใส่ไอ้มิสเทค แล้วก็รีบปิดประตูทันที แต่สุดท้ายกูรอดเงื้อมมือมันอยู่ดี เพราะทันทีที่ผมทิ้งตัวนั่งรถบนที่นั่งของคนขับ ไอ้มิสเทคแม่งก็กระชากหัวกูอย่างแรง!

                “เฮ้ยๆๆ ปล่อยดิ กูเจ็บ ..” ผมพยายามแกะปลายนิ้วของมันออกจากผมของผมมากถึงมากที่สุด แต่แม่งก็แรงเยอะเลยเกิน ผมกูจะหลุดติดมือแม่งอยู่แล้ว!
                ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนา เมื่อกี้กูก็แค่แอบแหวกคอเสื้อให้มันดูรอยดูดฝีมือกูบนตัวมันแค่นั้นเอง ทำไมต้องใช้ความรุนแรงกันด้วย

                “มึงหยุดเลยไอ้สัส กูห้ามมึงพูดถึงเรื่องนั้น .. กูห้ามไม่ให้มึงมายุ่งย่ามกับตัวกูเด็ดขาด ไอ้เหี้ย!” มิสเทคแม่งด่ากูชิบหาย อาการรวนขั้นสุดของแม่งออกมาแล้ว
                เออ .. กูหยุดก็ได้
                กูระบมไปหมดแล้วเนี่ย แรงเยอะชิบหาย นี่ขนาดเมื่อคืนกูจัดหนักไปนะนั่น ..

                “กูหยุดก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่ามึงห้ามบังคับให้กูคิดว่าตัวกูมโนไปเอง และมึงก็ห้ามคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น .. ถ้ามึงทำได้ กูจะเลิกกวนตีนมึงเลย ..” ผมยักคิ้วใส่มัน พลางหันหลังไปมองด้านหลังเพื่อถอยรถออกจากที่จอดรถ
                “แค่มึงไม่ปากมาก กูก็ไม่มีปัญหา ..” ไอ้สัสมิสเทคนี่แม่ง!

                “มึงนี่ชอบลองดีเนอะ .. กูหิวแล้วว่ะ เราไปหาอะไรกินก่อนค่อยไปขับรถเล่นแล้วกัน ..” ผมออกความคิดเห็น และมันเองก็เห็นชอบด้วย เราสองคนก็เลยแวะทานอาหารทะเลกันก่อน ซึ่งก็ใช้เวลากินกันอยู่นานพอสมควร ทำให้ท้องฟ้าจากที่เคยสว่างสดใสก็เริ่มจะมืดครื้มลงทุกทีๆ
                ส่วนเราสองคนเองก็ดื่มจนติดลมบนด้วยเหมือนกัน ระหว่างทางเราก็เลยแวะซื้อเบียร์คนละขวดเพื่อเอาไว้จิบเล่นระหว่างกำลังนั่งรถชิวๆ

                “เป็นอะไร มึงจะถอนหายใจทิ้งเรี่ยราดเพื่อ ? กูพามาผ่อนคลายนะเว้ย ไม่ได้พามานั่งเครียด ..แล้วโทรศัพท์มึงจะกดทำเชี่ยอะไรนัก อยู่กับกูควรจะสนใจกูมั้ย ?” ผมออกอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที ยิ่งตอนนี้ความสัมพันธ์มันเริ่มชัดเจน ความหึงหวงของกูก็เลยชัดเจนขึ้นด้วย ..
                “กูติดต่อซองจินไม่ได้ .. เซอึนก็ด้วย .. ไม่มีใครติดต่อซองจินได้สักคน” มิสเทคมันทำหน้าเครียดกว่าเดิม จากที่ก็เครียดอยู่แล้ว กูนี่แทบอยากเอื้อมมือไปนวดหว่างคิ้วของแม่งให้ขยายตัวออกจากกันเลย ..

                “คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง แบตหมดหรือเปล่า ?
                “ไม่ใช่แน่ๆ เพราะซองจินเพิ่งจะทะเลาะกับเซอึนเมื่อกี้ ที่ติดต่อไม่ได้ก็คงกำลังคิดมากอยู่แน่ๆ เรากลับโซลกันดีไหมมึง ?” อ้าว ไอ้เหี้ย! ทะเลาะกันทำไมวะ หนักถึงขั้นจะเลิกกันมั้ย ? กูอุตส่าห์เบาใจไปได้ครึ่งทางแล้วนะเว้ย

                “มึงลองโทรหาเพื่อนหรือใครสักคนที่น้องมึงสนิทด้วยกูดิ กูว่าเขาน่าจะมีคำตอบให้มึงนะเว้ย .. ว่าแต่ทะเลาะกันทำไมวะ” ผมก็แนะนำดูเป็นการเป็นงานไปงั้น แต่จริงๆแล้วสิ่งที่กูสนใจคือประโยคหลังเว้ย!
                “ก็เรื่องที่จริงๆแล้วซองจินไม่ได้ตาบอดนี่แหละ ..
แม่ง กูว่าแล้ว!
            เพราะกูตะหงิดๆมาตั้งแต่แม่งกวนส้นตีนใส่กูละ ..

                “อยู่ที่นั่นเหรอ .. อืม .. พี่ฝากซองจินด้วยนะจงจิน ..” มิสเทคมันกำลังคุยกับใครสักคน พลางถอดหายใจอย่างโล่งอกที่ค้นหาพิกัดของน้องชายมันเจอ
                “เห้อ .. ถ้าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว บอกให้เขาโทรกลับหาพี่ด้วยนะ .. ถ้าเขาไม่ยอมโทรกลับ บอกไปเลยว่าพี่จะโกรธอีกคนแล้ว ทำไมถึงเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น ..” มิสเทคมันพูดเสียงแข็ง บ่งบอกเลยว่ามันก็เคืองไม่น้อย แต่เพราะว่าคนๆนั้นคือน้องชายของแม่งไง แม่งเลยใจเย็น ..
                ลองเป็นกูดิ เชื่อเลยว่ากูโดนกระทืบตายคาตีนแน่

                “เซอึน .. เราติดต่อซองจินได้แล้ว อยู่ที่สนามยิงปืนกับจงจินน่ะ เราว่าไปคุยกันเถอะ อย่าใช้อารมณ์เลย ..” กูพยายามเงี่ยหูฟังแบบสุดๆ แต่กูไม่ได้เสียงของเซอึนเลย แม่งกูอยากรู้และอยากเสือกมากๆ สงเคราะห์กูเถอะ
                “ใครว่าเราไม่โกรธ เราสิโคตรจะโกรธ เพราะที่ผ่านมาเราทำงานอดหลับอดนอนเพื่อหาเงินมารักษาเขานะ .. เราคิดมากเรื่องซองจินจะตายเธอก็น่าจะรู้ ..

                “ก็รู้แหละว่ามันน่าโมโห .. แต่ถ้ายังรักกันก็น่าจะกลับไปคุยกัน ..
                 ” เออ .. รีบกลับไปคุยกับไอ้ซองจินแล้วก็รีบวางสายจากเมียกูสักที คือกูไม่เข้าใจ จะทะเลาะกันนี่ต้องโทรมารายงานมิสเทคมันด้วยเหรอวะ กูว่าเอาเวลาไปเคลียร์กันยังดูมีประโยชน์กว่า ..
               
                “เอ่อ แค่นี้ก่อนนะ เราง่วงแล้ว ไว้ซองจินติดต่อกลับมาเราจะโทรบอกอีกทีแล้วกัน ..
                ” มิสเทคมันรีบพูดรัวเร็ว แล้วก็กดวางสายใส่ทันที กูนี่แม่งโคตรจะสะใจเลย!

                “เป็นอะไร ?” ผมถามด้วยความสงสัย เพราะไอ้มิสเทคมันเอาแต่นั่งจิบเบียร์หันหน้าไปรับลมด้านนอกหน้าต่าง พลางดูวิวทิวทัศน์ข้างทางของสะพานควางอันอย่างสงบนิ่ง ..
                “หือ ?” ผมต้องย้ำถามมันอีกครั้ง มันถึงจะรู้ตัวว่าผมกำลังพูดกับมันอยู่

                “เป็นอะไรของมึง เงียบทำไม ?
                “กูแค่อึ้งว่ะ .. คือมึงกูเข้าใจมาตลอดเลยว่าซองจินกับเซอึนคบกัน แต่มันไม่ใช่ไง ..
               
                ” ใจกูเต้นตุ้บๆอย่างหนักอกทันทีที่ไอ้มิสเทคมันพูดจบ เพราะกูเดาผลลัพธ์ได้เลยว่าสิ่งที่กูคาดเดาเอาไว้ แม่งไม่ผิดแน่ ..
                “สองคนนั้นไม่เคยคบกัน ซองจินคิดไปเองคนเดียว .. เพราะคนที่เซอึนชอบคือ กู ” มิสเทคมันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ออกแนวอึ้งๆกับความจริงที่รับรู้

               
                “เซอึนอำกูหรือเปล่าวะ .. เอาจริงๆถ้าเซอึนไม่ได้คบกับซองจิน ให้ตายคนที่เธอชอบก็ไม่ใช่กู แต่น่าจะเป็นมึงมากกว่า ..

                “กูเหี้ยไรล่ะ .. เจอกันแทบนับครั้งได้ .. แถมเวลาคุยกันก็ธรรมดาสุดๆ แค่ทักกันตามประสาคนเคยรู้จักเฉยๆ .. มึงน่ะสิอยู่บ้านเดียวกัน เป็นเพื่อนสนิทกัน เวลาเจออะไรแย่ๆ พวกมึงก็เผชิญมาพร้อมกัน .. แล้วงี้คนที่เธอชอบจะเป็นกูได้ไงวะ ..

                “เห้อออออออออ มีแต่เรื่องน่าปวดหัว ” มิสเทคมันถอนหายใจยาวออกมา พลางยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก
                “อย่างน้อยก็มีเรื่องกูเรื่องนึงแหละที่ไม่ทำให้มึงปวดหัว ..” ผมขยี้หัวมัน แล้วก็คว้าเบียร์ตรงที่ใส่แก้วใกล้ๆมือมาดื่ม

                “เหรอออออ ?” มิสเทคแม่งทำหน้าตาทะเล้นใส่กู ไอ้เหี้ยยยย น่ารัก!
                “เออออออออ!” ผมเลยลากเสียงตอบมันกลับไปบ้าง จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นรอบตัวเราสองคนอีกครั้ง ..

                “กูรู้อึดอัดแปลกๆว่ะ .. เห้อ ..” ผมกับไอ้มิสเทคกำลังยืนชมวิวทะเลยามค่ำคืนบนสะพานควางอัน แล้วอยู่ๆไอ้มิสเทคมันก็บ่นขึ้นมาเบาๆ
                “อึดอัดอะไร ?” ผมถามพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม บอกเลยขวดนี้เป็นขวดแรกที่กูแดกได้นานขนาดนี้ ปกติแม่งหมดขวดไปนานละ แต่เพราะกูมัวแต่เสือกอยู่ไง งานแดกเลยไม่คืบหน้า ..

                “ก็เรื่องเซอึนแหละ ..
                ...” กูพูดไม่ออก เพราะกูเองก็หนักใจไม่น้อย รู้สึกโชคดีมากที่กูลากไอ้มิสเทคมันออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อน ไม่งั้นนะ มีแววว่ากูอาจจะเสียของรัก เพราะยังไงเซอึนก็มีภาษีดีกว่ากูเยอะ ..
กูนี่แม่งเกิดมากับความโชคดีจริงๆที่การตัดสินใจแกมบังคับในครั้งนั้น มันทำให้ระหว่างเราไม่ใช่แค่รักแบบแฟน แต่มันยังมีรักแบบเพื่อนเข้ามาเกี่ยวด้วย ทุกอย่างมันก็เลยโอเค ..
                กูคิดว่างั้นนะ เหอๆ

               
                “เออ .. ถ้ามึงอึดอัด วันหลังมึงก็บอกเพื่อนมึงไปดิว่ามีแฟนแล้ว .. แค่นี้ก็จบ
               
 <-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>  

ช่วงนี้จะอัพช้าหน่อย กำลังอยู่ในช่วงจัดทำรวมเล่มตามที่ขอมาค่ะ 
เราจะรวมเรื่อง Grey & White Diary ก่อนน้องแฟนนะ เพราะเนื้อหามันน้อยหน่อย ของน้องแฟนก็ทำๆหยุดๆ
ตามแต่เวลาจะเอื้อ 5555 แต่ส่วนใหญ่ก็แอบขี้เกียจอยู่มาก 
ไว้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีแล้วจะมาแจ้งเรื่องรวมเล่มอีกทีแล้วกันเนอะ ราคาคงไม่แพงมากเพราะเป็นขนาด A6 มีสองเล่มตามที่เขียนไว้ในเรื่อง เล่มละประมาณ 100 หน้า ถ้าขายก็ขายเป็นชุด ตั้งไว้น่าจะไม่เกิน 200 หรืออาจจะ 137 บาท ถ้าหากเราไม่ปั่นสเปของ White Diary เกินที่กำหนดอ่านะ
คาดว่าน่าจะเปิดจองเดือนหน้า ส่วนมิสเทคตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่มีอะไรให้มันยุ่งเหยิงขึ้น 55555

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น