วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

[Fic KyuMin] Mistake 43

Mistake






Mistake 43

                วันนี้วันหยุดผมกะจะไปหาไอ้มิสเทคช่วงสายๆหน่อย แต่ปรากฏว่าไอ้ซองจินมันโทรมาบอกผมว่าพี่มันโดนรถเฉี่ยวตรงหน้าปากซอยตอนนี้กำลังทำแผลอยู่ ผมก็เลยรีบออกจากบ้านเพื่อไปดูอาการของมันว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งไอ้ซองจิน มันบอกให้ผมรอที่บ้านมัน เพราะอีกไม่นานก็จะทำแผลเสร็จแล้ว ..
                ผมนั่งกระวนกระวายอยู่บนโซฟารับแขก เดี๋ยวก็ลุกเดี๋ยวก็นั่ง เดี๋ยวก็เดินไปยืนเกาะขอบประตูดูว่ามีใครกลับมาถึงบ้านแล้วหรือยัง จนกระทั่งเสียงรถยนต์ขับเข้ามาจอดเทียบท่าตรงหน้าบ้าน ผมก็เลยรีบลุกขึ้นยืนและเดินออกไปข้างนอก พอเห็นทั้งแขนและขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ผมก็รีบตาลีตาเหลือกเข้าไปช่วยประคองตัวมันไว้ แล้วก็ค่อยๆพาเดินเข้าบ้านทีละก้าวอย่างไม่รีบร้อน

                “มึงไปทำอีท่าไหนเข้าวะ ถึงได้โดนเขาเฉี่ยวมาได้ ?” ผมถามพลางมองแผลของมันอย่างเป็นห่วง
                “กูกำลังจะเดินไปตลาดหามื้อเช้ามาทำให้กินกันนี่แหละ แต่อยู่ๆรถจากในหมู่บ้านแม่งก็ขับเร็วชิบหาย แถมยังพุ่งมาทางกูอีก ดีนะที่กูหลบทัน ..อ๊ะ ..” มิสเทคมันบอกพลางสำรวจบาดแผลที่ติดผ้าก๊อชและทำความสะอาดป้องกันเชื้อโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมที่นั่งฟังคำบอกเล่าจากปากมันถึงกับไม่อยากจะฟังและไม่อยากจะคิดอะไรต่อไปเลยว่า ถ้าหากมิสเทคมันหลบทัน ผลจะเป็นยังไง ผมก็เลยดึงมันเข้ามากอดไว้ โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ..

                “กูไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ได้แค่แผลถลอกเฉยๆ..” มิสเทคมันตอบ และก็ยอมนั่งนิ่งๆให้ผมกอดจนพอใจ
                “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กูใจไม่ดีเลย ..” ผมตอบ พลางพลิกข้างแขนของมันเพื่อสำรวจร่องรอยบาดเจ็บอื่นๆ

                “กินโจ๊กก่อนเถอะพี่จะได้กินยาแก้อักเสบ ..” ไอ้ซองจินมันยกถ้วยโจ๊กร้อนๆมาวางตรงหน้าของไอ้มิสเทค ผมก็เลยขยับมานั่งให้ดีๆ เพื่อที่มิสเทคมันจะได้กินโจ๊กได้ถนัด ซึ่งขณะที่ผมนั่งมองมันทานมื้อเช้าอยู่นั้น เซอึนก็มองมาที่เราสองคนตาเขม็ง แต่พอซองจินเรียกให้ไปตักมื้อเช้ามาทานบ้าง เธอก็ปลีกตัวเดินออกไปราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิดกับการที่ผมสองคนอยู่ด้วยกัน ..
                “มึงรู้หรือเปล่าใครมาขับชน ?” ผมถามพลางหยิบยามาดูว่ามันต้องกินยาอะไรบ้าง

                “ไม่ .. แต่เขาจ่ายค่าเสียหายให้กูแล้ว คงจะเมาน่ะ กูได้กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ..” เออเว้ย ยังดีที่เมาแล้วมีสติ เกิดไอ้มิสเทคมันเจ็บฟรี กูไม่ยอมหรอกนะ กูไปเอาเรื่องถึงบ้านมันแน่
                “อืม .. กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย คำพูดที่มึงบอกว่าดีนะที่มึงหลบทัน มันทำเอากูใจกระตุกเลยว่ะ ..” ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมัน พลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                “กูไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ..” มิสเทคมันยกยิ้มบางๆ แล้วมันก็วางฝ่ามือทาบทับลงบนฝ่ามือของผม ราวกับต้องการจะบอกให้ผมอุ่นใจว่ามันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ
                “อืม ..” ผมตอบรับมันแค่นั้น แล้วผมก็นั่งมองมันจนกระทั่งมันกินโจ๊กในชามจนหมด จากนั้นก็เริ่มทานยาตามที่หมอสั่ง
                ผมเฝ้ามันอยู่แบบนั้น จนกระทั่งตกเย็น ผมถึงได้ฤกษ์กลับบ้าน ..
               
                สำหรับวันแรกของการทำงานในรอบสัปดาห์ พี่อาราอนุมัติให้มิสเทคมันหยุดพักผ่อนได้จนกว่าร่างกายจะสมบูรณ์พร้อมที่จะทำงานแล้ว ส่วนผมก็ต้องทำงานของผมต่อไป แม้ว่าใจของผมจะไม่อยากทำก็ตาม ผมเลยทำได้แค่เพียงการโทรไปกำชับมันทุกเช้าและกลางวัน ไม่ให้มันลืมกินข้าวและทานยา ส่วนตอนเย็นหลังเลิกงานผมจะแวะไปหามันและกลับเข้าบ้านตอนกลางดึกแทบทุกวัน ซึ่งที่บ้านผมก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะเดี๋ยวนี้เวลาผมจะไปไหนมาไหนผมจะบอกพ่อกับแม่ให้รับทราบตลอด ท่านจะได้ไม่ต้องคอยห่วงผมเหมือนแต่ก่อน ..
                “พรุ่งนี้กูก็ไปทำงานได้แล้ว แผลถลอกแค่นิดหน่อยเอง ที่จริงมึงไม่น่าลางานให้กูเลย ..” มิสเทคมันบ่นทุกครั้งที่เจอหน้าผม และดูเหมือนว่าพรุ่งนี้ไม่ว่ายังไงมันก็จะไปทำงานให้ได้ มันถึงได้เอาแต่พูดกรอกหูผมว่าแค่แผลถลอกไม่จำเป็นต้องหยุดถึงสองวันเลย แต่ที่ผมให้มันหยุดเพราะผมอยากให้มันพักผ่อน และมันก็มีใบรับรองแพทย์ถ้าจะหยุดบริษัทก็ไม่ได้หักเงินมันอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ใช้มันให้คุ้มล่ะ ?
                 
                “เออ .. ตามใจมึงเถอะ ..” ผมพยักหน้าอย่างจำยอม เพราะผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมัน
                “กูขออาบน้ำนะ กว่าจะกลับถึงบ้านคงดึก พอถึงเวลานั้นกูคงขี้เกียจอาบ ..” ผมขออนุญาตมันลอยๆ แล้วจากนั้นผมก็เดินกลับไปที่รถเพื่อไปหยิบเสื้อนอนมาเตรียมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ

                มิสเทคมันกลับมาใช้สบู่กลิ่นนมสดอีกแล้ว พอได้ใช้สบู่ขวดนี้ มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องราวระหว่างผมกับมันที่ดูเหมือนจะเป็นความผิดพลาด แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เพราะไอ้มิสเทคมันยอมโอนอ่อนไปกับผม และผมในตอนนั้นก็ทำทุกอย่างไปตามความรู้สึกที่ต้องการ ..
                ดังนั้นเรื่องของเราเลยไม่ใช่แค่ความผิดพลาด ..

                ความรักระหว่างผมกับมันดำเนินมาได้ไกลขนาดนี้ จนผมแทบไม่อยากจะเชื่อ เพราะในช่วงแรกผมแทบไม่มีหวัง ท่าทีของไอ้มิสเทคเองก็ไม่ได้มีใจให้ผมด้วย ตอนนั้นมันดูเหมือนทอดสะพานให้แต่ไม่ยอมให้ข้ามมาจนสุดทาง ..
                แต่ก็นะ ใครจะคิดวะว่าการเล่นแง่ในตอนนั้นจะเป็นแค่บททดสอบที่กูแทบไม่ได้ลงทุนอะไรเลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กูแสดงออกและรู้สึกมันเกิดจากข้างในหัวใจของกูล้วนๆ
                เห้อ .. กว่าจะรู้ตัว กูก็ทั้งรักทั้งหลงมันจนเข้าขั้นอาการหนัก ..

                ผมเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดนอนจนเรียบร้อย พร้อมกับเดินเช็ดผมมาทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียง จากนั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดมันให้แห้งเพื่อที่ผมจะได้ออกไปหาไอ้มิสเทคมันข้างนอก ..
                เนื่องจากวันนี้ ตอนนี้ มีเพียงแค่มิสเทคกับเซอึนอยู่ด้วยกันที่บ้านแค่สองคน ส่วนไอ้ซองจินมันยังไม่กลับมาจากสนามยิงปืน ซึ่งมันเป็นเหตุผลให้กูต้องกลับบ้านดึกในช่วงนี้ เพราะกูจะรอจนกว่าไอ้ซองจินมันจะกลับมา กูถึงจะยอมจากไป ..

                ผมบอกไม่ถูก และไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงนี้ไอ้ซองจินมันถึงต้องพยายามกลับบ้านให้ดึกกว่าทุกวัน จะว่ามันยังทำใจกับเรื่องความรักของมันไม่ได้ นั่นก็อาจจะใช่ แต่ไม่รู้ทำไมกูถึงรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝงที่มากกว่านั้น ..
                กูยอมรับว่ากูกำลังไม่ไว้กับการกระทำของมันที่ไม่มีใครทันได้สังเกต ..
                ซึ่งการเสียสละโง่ๆแบบนี้ กูล่ะอยากจะรู้นักว่าเอาส่วนไหนในสมองคิดกัน ?

            ผมแขวนผ้าเช็ดตัวเอาไว้ที่ราวตากผ้าตรงหน้าห้องน้ำอย่างรู้งาน จากนั้นผมก็เดินออกมานอกห้อง ก็พบว่าในบ้านมันเงียบสงบเกินกว่าที่จะมีมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกันถึงสามคน ..
                แต่เพราะแอร์มันถูกเปิดเอาไว้ ผมถึงรับรู้ได้ไม่ยากว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีแค่ผมเพียงคนเดียว แต่ไม่รู้ว่าบุคคลที่เหลือมันหายหัวไปไหน และไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมก็ก้าวท้าวเดินไปตามทิศทางที่ผมต้องการจะไป แต่ไม่ว่าที่ไหนก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า ผมจึงเดินออกมาข้างนอกตัวบ้าน และก็ไม่ผิดนัก เพราะผมได้ยินเสียงคนสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ทางด้านข้างของตัวเอง ..

                ภาพที่เห็นเป็นภาพของเซอึนที่กำลังทุบตีไอ้มิสเทคด้วยความเสียใจ ส่วนไอ้มิสเทคมันก็ยืนนิ่งยอมให้เขาทุบตีอยู่อย่างนั้น ซึ่งสีหน้าของมิสเทคมันเองก็ราบเรียบมาก ไม่มีวี่แววของความเจ็บปวดเลยสักนิด ..
                “ทำไมล่ะ .. ทำไมถึงไม่ใช่เรา .. ทำไม ..” เซอึนสะอึกสะอื้น พลางถามคำถามนั้นซ้ำไปซ้ำมา ..
                “ขอโทษจริงๆเซอึน ..” มิสเทคมันลูบหัวปลอบโยนเธออย่างอ่อนโยนไม่ต่างกับผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถดูแลผู้หญิงสักคนได้อย่างดีเยี่ยม ..

                “ที่ผ่านมาระหว่างเรา ..
                “ระหว่างเรามันมีอะไรให้ต้องคิดเป็นอื่นอีกเหรอ ? ในเมื่อมันก็เริ่มต้นมาจากการเป็นเพื่อนและก็จบลงด้วยการเป็นเพื่อน ..” มิสเทคมันพูดย้ำสถานะด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

                “ถ้าเธอคิดกับเราแค่เพื่อนจริงๆ ทำไมถึงยอมให้เราเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงยอมให้เราเข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอทุกเรื่อง ? ทำไมล่ะ ?” เซอึนสะบัดตัวออกห่างจากไอ้มิสเทค พลางตะโกนถามเสียงสั่น
                “เธอลืมไปหรือเปล่าเซอึน จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเหมือนจะเป็นครอบครัวเดียวกันคือซองจิน เราเข้าใจอย่างนั้น และเธอก็ไม่ปฏิเสธ แต่ในเมื่อตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาเราเข้าใจผิดไปเอง มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่เราจะขอยกเลิกการผ่อนจ่ายบ้านในส่วนของเธอ..เราไม่อยากรบกวนเธอมากไป เพราะที่ผ่านมาเราก็รบกวนเธอมาตลอด ...

               
                “ขอโทษจริงๆที่เราตอบรับความรู้สึกของเธอไม่ได้ ..” มิสเทคมันบอกและเตรียมจะเดินออกมาจากมุมนั้น ..

                “เขาดีนักเหรอคนที่ซองมินรักน่ะ ? เขาเคยทำร้ายฉัน เคยทิ้งฉันจนชีวิตฉันพังยับเยิน .. เธอจะเชื่อใจได้แค่ไหนว่าเขารักเธอจริงๆ นิสัยของเขาเธอก็น่าจะรู้ดี ทำไมถึงยังรักเขาล่ะ .. ทำไมเธอถึงให้โอกาสมันแทนที่จะเป็นฉัน .. ทำไมจะต้องเป็นคนที่แย่งทุกอย่างไปจากฉันด้วยซองมิน .. มันแย่งตั้งแต่ความสุขของฉัน จนกระทั่งคนรักที่ฉันคิดว่าฉันรักเขาด้วยใจจริง มันก็ยังจะมาแย่งฉันไป .. ฮึก .. โจวคยูฮยอนคนนั้น ฉันเกลียดมันได้ยินไหม ยิ่งฉันเห็นหน้าฉันก็ยิ่งเกลียดมัน .. ยิ่งเห็นมันยิ้มฉันก็ยิ่งเกลียดเพราะขณะที่มันยิ้ม ฉันกำลังร้องไห้และมีเธอคอยอยู่ข้างๆฉัน แต่มาวันนี้เธอกับมันกลับยิ้มให้กัน .. ฮึก .. แต่ฉันไม่เหลือใครเลย ..” เซอึนร้องไห้พลางพูดระบายอารมณ์อย่างเจ็บปวด ส่วนผมที่ได้ยินได้ฟังความรู้สึกของเธอ ผมเองก็รู้สึกผิดที่ผมทำให้เธอต้องเจ็บปวดกับช่วงเวลาที่ผมสลัดเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี จนกระทั่งเธอสามารถกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้อีกครั้ง ผมกลับเป็นคนเดิมที่เข้ามาทำลายมาลงซ้ำๆ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไง เพราะผมเองก็ถอยไม่ได้เพราะผมก็รักมัน ..
                “เธอยังมีซองจินและยังมีฉันอยู่นะเซอึน ..” มิสเทคมันบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและพยายามจะปลอบผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังร้องไห้อย่างหนักหน่วงด้วยความใจเย็น

                “สำหรับเธอฉันเป็นได้แค่สถานะไหนล่ะ สถานะที่ฉันไม่ต้องการใช่ไหม ?” เซอึนปัดมือของไอ้มิสเทคออกห่างจากตัว แล้วก็ตั้งท่าเดินมาทางผม และเมื่อเธอสบตากับผมดวงตาของเธอก็แสดงออกถึงความเจ็บปวดและโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด ..
                “ทำไมนายต้องกลับมาทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า .. ฉันเกลียดนาย ฉันอิจฉานายทุกครั้งที่ซองมินยิ้มให้นาย ฉันเจ็บได้ยินไหม ฉันเจ็บที่พวกนายกอดจูบกัน ฉันเจ็บที่พวกนายเป็นห่วงเป็นใยกัน .. ฮึก .. ทำไมไม่เป็นคนอื่นล่ะคยูฮยอน นายเลือกคนอื่นได้ไหม คนนี้ฉันขอเถอะนะ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขาจริงๆ ..” เซอึนทุบตีอกผมอยู่หลายครั้ง แม้ว่าจะเจ็บแต่ผมก็ไม่คิดสู้ แต่แล้วแรงทุบตีก็เริ่มลดลงเมื่อเธอเริ่มร้องไห้จนตัวโยน ทุกความรู้สึกของเธอในตอนนี้มันระเบิดออกมาจนหมด คล้ายกับว่าเธอเก็บสะสมมันมานานแล้ว ..

                “ขอโทษนะ .. ผมคงยกเขาให้ใครไม่ได้ .. เพราะซองมินมันไม่ใช้สิ่งของแต่มันคือคนที่ผมรัก ฉะนั้นมันจะไปจากผมหรือไม่ไปคือสิทธิ์ของมัน ..” ผมตอบเซอึนพลางผลักตัวเธอออกห่างจากผม ขณะที่ใจของผมแม้ว่าจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ผมก็กลัวเหลือเกินว่ามิสเทคมันจะสงสารเพื่อนจนทำอะไรบ้าๆที่ไม่อาจคาดเดาขึ้นมา ..
                จะผิดไหมที่ผมกลัวว่ามันจะเลือกเพื่อน และไม่เลือกผม ..

                “ฉันเกลียดแก ออกไป อย่ามาแย่งซองมินไปจากฉันนะ .. อย่า .. ฮึก ..” ตอนนี้เหมือนเซอึนเธอสติแตกไปแล้ว เธอคว้าตัวผมไว้ พลางทุบตีสารพัดเพื่อไม่ให้ผมเข้าใกล้คนรักของเธอ ขณะที่มิสเทคมันก็ต้องรีบเข้ามาห้ามปราม แต่กลับกลายเป็นว่าการกระทำนั้นยิ่งเติมเชื้อไฟให้มันทวีความรุนแรงขึ้น
                “หยุด! พอสักที! ที่ชีวิตของเธอมันพังเป็นเพราะเธอเองไม่ใช่มัน จำได้ไหมตอนนั้นเธอเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างหมดหวัง ไม่เอาการเอางานอะไรสักอย่าง! แล้วผลลัพธ์ที่ได้เธอจะมาโทษมันที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างได้ยังไง ถ้ามันผิดก็ผิดที่มันทิ้งเธอ แต่ก็แค่ผู้ชายคนเดียวทำไมถึงต้องทำตัวเสียสติแบบนั้น .. และสำหรับฉัน มันก็เป็นแค่ผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอ ทำไมเธอถึงยังตัดใจไม่ได้เซอึน ..มีสติหน่อยได้ไหม .. ขอร้องล่ะตัดใจจากเราเถอะ .. อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ..” มิสเทคมันค่อยๆลดโทนเสียงให้เบาลง เมื่อเซอึนเริ่มสงบลงและเอาแต่ร้องไห้เพียงอย่างเดียว ..

                “ใจร้ายที่สุด ..” เซอึนมองหน้าไอ้มิสเทคด้วยสายตาเจ็บปวดขณะที่น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เพราะความรักที่ไม่สมหวัง จากนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านและปิดประตูจนเสียงดังลั่น และเมื่อทุกอย่างสงบลง ไอ้มิสเทคมันก็น้ำตาไหลออกมา ..
                “กูทำถูกแล้วใช่ไหม มันชัดเจนพอแล้วสินะ ..” มิสเทคมันถาม พลางซบใบหน้าลงกับอกของผม

                “อืม .. ถ้ามึงปล่อยไว้นานกว่านี้ เธอก็จะยิ่งเจ็บ และมันก็เท่ากับว่ามึงยิ่งทำร้ายเธอมากขึ้น..” ผมโอบกอดมันเอาไว้ พลางจุมพิตบนเรือนผมของมันอย่างแผ่วเบา เพื่อปลอบโยนไม่ให้มันรู้สึกแย่กับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ..
                “คืนนี้มึงอยู่กับกูนะ ..” มิสเทคมันถามเสียงสั่น เพราะมันกำลังร้องไห้ให้กับมิตรภาพของมันที่เพิ่งจะพังลงไป

                “อืม .. กูจะอยู่กับมึง ไม่เป็นไรนะ .. มึงอย่าคิดมาก” ผมกระซิบปลอบมันเพียงเบาๆ
                “ขอบคุณ ..” มิสเทคมันตอบเพียงแค่นั้น พลางซบหน้าลงบนอกผมให้แนบแน่นขึ้นและกอดผมให้แน่นขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าเมื่อผ่านพ้นจากคืนนี้ไป มิสเทคมันคงจะเลิกรู้สึกผิดกับการกระทำของมันได้เสียที และผมก็หวังว่าความเป็นเพื่อนระหว่างมันสองคนจะยังคงอยู่ และผมก็หวังว่าไอ้ซองจินผู้เสียสละโง่ๆ มันจะรีบกลับมาดูใจคนรักของมันสักที ไม่แน่ว่ามันอาจจะทำให้เธอรักมันได้ในสักวัน หรือถ้าไม่ .. บาดแผลของมันก็คงจะเหวอะหวะน่าดู..
               
                “ฮึก ฮึก ..” มิสเทคมันเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นกับเรื่องนั้นไม่ยอมหยุด ผมก็ได้แต่ลูบหัวปลอบมันแม้ว่าหน้าอกเสื้อของผมจะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของมันจนชื้นแชะ ..
                “ร้องมากๆ เดี๋ยวน้องมึงกลับมาเจอ แม่งได้มียิงกูไส้แตกกันพอดี .. มึงอยากให้น้องมึงยิงกูไส้แตกใช่ป่ะ หยุดร้องได้แล้ว ..” ผมผลักมันออกจากอก พลางลูบหน้าลูบตาของมันให้ปราศจากน้ำตาจนหมดเกลี้ยง

                “ซองจินไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ..” แม่งมีเถียงแทนน้องชายซะด้วย โถ ไอ้สัส หมั่นไส้ ..
                “เออ .. แต่ก่อนแม่งจะมีเหตุผล พอเห็นน้ำตาของมึงกูว่าแม่งต้องคิดว่ากูทำมึงร้องไห้แน่ แล้วจากนั้นมันก็จะยิงกูไส้ขาด คนอย่างมึงไม่ได้ร้องไห้ง่ายๆนะเว้ยอย่าลืมว่าถ้าไม่กดดันมากๆน้ำตามึงจะไม่ออกมาเลย .. แม่งยังไม่รู้ตัวอีกว่ามึงกดดันเรื่องเพื่อนมึงที่วิ่งหนีขึ้นห้องไปแค่ไหน มึงถึงร้องไห้ออกมาเนี่ย ..
                 
                “กูเจ็บ กูไม่รู้ว่าเขาจะเจ็บมากขนาดนี้ .. กูมันโง่ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทำร้ายเขามาตั้งเท่าไหร่ ..
                “มึงไม่ได้ทำร้ายเขา มึงแค่ทำในสถานะเพื่อน แต่อาจเป็นเพราะว่ามึงไม่ได้ขีดเส้นขั้นให้ชัดเจน มันก็เลยเป็นแบบนี้ แต่จะโทษมึงคนเดียวก็ไม่ถูก เพราะซองจินมันก็มีส่วนทำให้เรื่องมันยุ่งยาก .. แต่มาถึงตอนนี้กูว่ามันไม่จำเป็นต้องโทษใครหรอกว่ะ .. เพราะยังไงก็หลีกเลี่ยงความจริงไม่พ้น ในเมื่อความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ ก็คงต้องใช้เวลารักษาแบบที่มึงใช้กับกูไง ..” ผมลูบข้างแก้มของมัน และพูดให้มันได้คิด และเมื่อมันคิดขึ้นมาได้ว่าเวลาก็เคยช่วยรักษาแผลใจให้มันเหมือนกัน มิสเทคมันก็เริ่มยิ้มออกมาได้บ้าง ..
เมื่อมันมองเห็นหนทางที่เพื่อนของมันจะรักษาแผลใจของตัวเองได้ ..
            เห้อ .. แม่งมีที่ไหนวะ มาหักอกเขาแล้วก็มองหาทางหนีทีไล่ให้เขารักษาแผลใจของตัวเองเนี่ย!

 
  <-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸> 

มาต่อแล้วจ้า ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะ ตอนที่ทุกคนรอคอยในที่สุดก็มาแล้ว ต้องเข้าใจมิสเทคกับเซอึนนะว่ากว่ามิสเทคจะมาเจอกับเพี้ยนก็ต้องผ่านอะไรมาด้วยกัน เพื่อนทั้งคนเกือบเสียสูญก็ฉุดขึ้นมาได้ จนมาวันนี้เพื่อนใกล้จะเป็นแบบนั้นอีกครั้ง มิสเทคก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น