วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
            







[Special] Report – Sungmin Part

                เมื่อเริ่มเข้าสู่เทศกาลแห่งการสอบปลายภาค ผมก็มักจะง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือเป็นประจำ และช่วงเวลาในการอ่านหนังสือที่ดีที่สุดสำหรับผมก็เห็นจะเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ห้าทุ่มขึ้นไป ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่พี่เขาวีดิโอคอลมาหาผมพอดี ดังนั้นการพูดคุยของเราจึงใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น  ..
                ซึ่งมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันก็ทำให้เราหายคิดถึงกันอยู่บ้าง ..

                หลังจากที่พี่เขาย้ายไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสได้ไม่นาน ผมก็ย้ายโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเองมาวางตั้งอยู่ตรงข้างหน้าต่าง เพื่อเวลาที่ผมก้มหน้าอ่านหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้น สายตาของผมจะได้มองเห็นบานหน้าต่างที่มันกำลังปิดสนิทอยู่ของบ้านตรงข้าม ..
                ช่วงแรกมันอาจจะดูน่าใจหาย แต่พอผมปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ โดยการมองทุกอย่างให้เป็นความสุข ภาพมโนซ้อนทับเมื่อครั้งที่เราสองคนใช้เวลาร่วมกัน มันจึงทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาทั้งๆที่หัวใจของผมมันกำลังหว้าเหว่อยู่ลึกๆ
                ความสุขในอดีตและปัจจุบันกำลังโอบล้อมให้ผมก้าวเดินต่อไปให้ได้ ..

                แกร๊ก ..

                “อุ่นน้ำเต้าหู้ให้หน่อย ..” ความคิดของผมเป็นอันต้องหยุดนิ่งลง เมื่อซองจินเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามาทำลายความเป็นส่วนตัวของผม เพียงเพื่อเรียกร้องให้ผมไปอุ่นอะไรให้ดื่มระหว่างอ่านหนังสือ จากนั้นก็ปิดประตูห้องนอนของผมไปเมื่อสั่งความเสร็จ ..
                ผมส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจเล็กๆของซองจิน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวไปอุ่นน้ำเต้าหู้ตามที่น้องต้องการ ….

                “ไฮ~ น้องแฟน ..” ผมตกใจมากเมื่อมองลงมาตรงบันไดขั้นสุดท้าย แล้วพบกับ พี่คยูอ่าไม่สิ มันก็แค่ หน้ากากของพี่คยูที่ใครสักคนสวมใส่มันเอาไว้
                ” ผมนิ่งเงียบเพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะตอบรับหรือว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไรดี

                “อุ่นเผื่อพวกพี่ด้วยนะ ..” พอบุคคลผู้ซึ่งสวมหน้ากากของพี่เขารีเควชในสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อย เขาก็หมุนตัวกลับไปนั่งบนโต๊ะตรงหน้าโทรทัศน์ที่มีพี่จงฮยอนและซองจินกำลังนั่งอยู่
                “พี่มึงกูขอเถอะ ช่วยถอดไอ้หน้ากากปัญญาอ่อนนี่ออกไปซะทีเถอะว่ะ รำคาญลูกตาชิบหาย” ผมคิดว่าคนที่สวมหน้ากากของพี่เขาอยู่ในตอนนี้คือพี่ชางมินนะ อีกทั้งซองจินยังเรียกร้องอย่างสนิทสนมอีกด้วย

                “ห่า .. เพื่อนกูออกจะหน้าตาดี มึงดันเสือกว่ามันปัญญาอ่อน .. ไอ้หลานรหัสเวร .. มึงพูดถูกใจกูมากๆ” พี่ชางมินถอดหน้ากากของพี่เขาออกราวกับโมโหโทโสในคำพูดของซองจิน แต่จากนั้นไม่นานพี่ชางมินก็ลงไปนอนกอดคอกับซองจิน อย่างถูกอกถูกใจในคำพูดของน้องชายผมเสียเหลือเกิน ..
                “ถอยไปเลย พี่มึงนี่โคตรน่ารำคาญ ตกลงจะมาช่วยกูติวหรือว่าพวกพี่มึงจะมานั่งเล่นโน้ตบุคกันแน่วะ ?” ซองจินสะบัดตัวออกห่างจากสายรหัสของตัวเอง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาผม ..

                “ไม่สบายหรือไง ?” ซองจินยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากของผม แล้วก็เอามาวัดกับหน้าผากของตัวเองราวกับจะวัดไข้ จึงทำให้ผมรู้ตัวว่าผมมาหยุดยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานเกินไปแล้ว ..
                “ป..เปล่า ..” ผมปัดมือของซองจินออก พลางเดินลงบันไดและเลี่ยงเข้าไปในครัว แต่ก่อนที่ผมจะเดินหายลับเข้าไปในนั้น หูของผมก็แว่วเสียงของพี่ชางมินลอยเข้ามา ..
               
            “สงสัยพี่มึงจะหวั่นไหวกับไอ้หน้ากากปัญญาอ่อนนี่มั้งไอ้ซองจิน!
                “พี่มึงอย่ามาบ้าไป .. เมามากนักก็กลับไปนอนเถอะ .. แล้วก็เอาไอ้หน้ากากโหลยโท่ยนี่กลับไปด้วย ..

                เสียงพูดคุยต่อล้อต่อเถียงของสายรหัสต่างสายชั้น แว่วผ่านเข้ามาในโสตประสาทของผมทุกประโยค เพราะผมเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงปากประตูไม่ไปไหน ..
                ผมไม่อยากจะยอมรับเลยว่า
                วินาทีแรกที่ผมเห็นหน้ากากปัญญาอ่อนของซองจิน หัวใจของผมมันเต้นแรงมากแค่ไหน

                ผมนี่ก็ท่าทางจะบ้า รู้ทั้งรู้ว่าพี่เขาอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของโลกก็ยังจะคิดอะไรไม่เข้าท่า แถมหน้ากากอันนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น หัวใจไม่รักดีก็ยังจะมีปฏิกิริยากับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพี่เขา
                ณ ตอนนี้ ไม่ว่าพี่เขาจะอยู่ที่ไหน โลกทั้งใบของผมก็ยังคงมีตัวแทนของพี่เขามาคอยป้วนเปี้ยนไม่ห่าง ..

                ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง แล้วก็เดินไปหยิบถุงน้ำเต้าหู้ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารมาเทใส่หม้อเพื่อเตรียมอุ่นให้มันร้อนตามที่ซองจินต้องการ พอตั้งเตาอุ่นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ ผมก็เริ่มเข้าสู่วังวนอีกครั้ง ..
                จากนั้นไม่นานผมก็หน้าร้อนเห่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อผมเผลอนึกไปถึงท่าทางการดื่มน้ำของพี่เขาในคืนวันนั้นที่ผมกำลังจะตกเป็นของพี่เขาก่อนที่เราจะต้องจากกัน

                เสียงเดือดปุดๆของเครื่องดื่มสีขาวบริสุทธิ์ดังอยู่นานสองนาน จนผมเริ่มรู้สึกตัวจึงปิดเตาแก๊สและเทใส่ลงในแก้วสำหรับใส่กาแฟทั้งหมดสามแก้ว จากนั้นผมก็เดินไปหยิบถาดมาใส่แก้วทั้งสามเพื่อเตรียมยกไปเสิร์ฟให้กับคนสามคนที่กำลังนั่งกองรวมกันอยู่ข้างนอก
                แต่เมื่อผมเดินออกมา ก็ไม่พบใครเลยสักคน ผมจึงวางถาดใส่น้ำเต้าหู้ลงบนโต๊ะ พลางร้องเรียกทุกคนให้มาดื่มก่อนที่มันจะหายร้อน แล้วมาเดือดร้อนถึงผมที่จะต้องนำมันไปอุ่นใหม่อีกรอบ

                ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เมื่อร้องเรียกตั้งนาน แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากใครสักคน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้าจอโน้ตบุคของพี่จงฮยอนที่กำลังเปิดหน้าต่างเฟรสบุคซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ ..
                ภายในหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดผืนผ้า ปรากฏรูปฐานของหอไอเฟลซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของประเทศฝรั่งเศสอยู่เบื้องหน้าของสองหนุ่มสาวชาวต่างชาติที่กำลังนั่งจิบเบียร์เคล้าแสงไฟสีเหลืองนวล อีกทั้งบรรยากาศในรูปก็ดูจะเงียบสงบมากทีเดียว ..
            แดกเหล้าอย่างเหงาๆ .. คิดถึงทุกคนที่บ้านเกิด ..’ นั่นคือคำบรรยายใต้ภาพ ..

                สายตาของผมจึงเลื่อนมาอ่านที่คอมเม้นท์ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีเช่นเดียวกันกับคำบรรยายใต้ภาพ แล้วก็เริ่มขมวดคิ้วเมื่อคนแรกที่เข้ามาคอมเม้นท์ชื่อเสียงเรียงนามดูคุ้นหูคุ้นตาดีเหลือเกิน ..

                ทุกคนในที่นี้ ไม่ทราบว่ามึงหมายถึงเมียหรือเปล่าครับ ..’ ประโยคนี้เป็นของพี่ชางมิน ไม่ผิดแน่ ถึงแม้ว่าพี่เขาจะใช้ชื่อว่าปริ้นส์ชิมก็ตามที
                ไม่ใช่ครับ..ทุกคนในที่นี้ของกระผมหมายถึงพวกมึงกับไอ้พี่ขยันใช้ที่หน้าตาบ้านๆพวกนั้นครับ .. ส่วนเมียกูงดแดกเหล้าตลอดชีวิต .. เพราะฉะนั้นเวลาอยากเหล้า กูไม่คิดถึงเมียครับ ..’ ประโยคนี้เป็นของเกียมคยู ซึ่งผมมั่นใจว่าต้องเป็นพี่เขาไม่ผิดแน่

                แต่เวลาอยากหื่น .. มึงถึงค่อยคิดถึงเมียใช่ไหมครับ ?’ ประโยคนี้เป็นของพี่จงฮยอนไม่ผิดแน่ เพราะมาทั้งชื่อนามสกุลจนเต็มยศแถมยังใช้รูปดิสเพลย์เป็นหน้าของตัวเองอีก ..
                ไม่ใช่ครับ .. สำหรับเมีย กระผมคิดถึงทุกลมหายใจ ยกเว้นตอนอยากเหล้าครับสันขวาน ..’ ผมกำลังจะอ่านข้อความต่อมาอีกนิด แต่ปรากฏว่าหน้าจอของพี่จงฮยอนได้เข้าสู่ระบบของการพักหน้าจอไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไม่กล้าขยับอะไรใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าผมจะยังอยากอ่านต่อ ..

                “ฝุ่นเยอะชิบหาย นี่ไอ้พี่คยูมันเลี้ยงฝุ่นไว้แดกแทนข้าวใช่มั้ย ?” เสียงของซองจินดังเข้ามาใกล้ตรงหน้าประตูบ้าน ผมจึงลุกเดินออกไปดู จึงได้พบกับสามหนุ่มที่กำลังขนกองชีทมากันคนละปึก ..
                “มึงนี่ไม่ได้สำนึกในความดีของเพื่อนกูเลย .. มันอุตส่าห์ยกทั้งหมดนี่ให้มึงเลยนะโว้ย” พี่ชางมินบ่นซองจินพลางใช้ขายาวๆยื่นออกมาเพื่อจะถีบรุ่นน้องสุดกวนของตัวเอง

                “ก็แน่ล่ะ ในเมื่อพี่มึงเรียนไปแดกหน้ากระดาษไปแบบนี้ จะหาจากที่ไหนมาให้กู ..
                “ช ..ช่วย ..ถือ ..ไหม ?” ผมเดินออกไป พลางแบมือตรงหน้าของผู้ชายสามคน จากนั้นไม่นานผมก็ได้ถือจนสมใจอยากเพราะพี่ชางมินกับพี่จงฮยอนเล่นวางชีทในมือของตัวเองลงในอ้อมแขนของผมทันควัน ส่งผลให้เศษฝุ่นมันปลิวฟุ้งไปทั่ว

                “แค่กๆ” ผมไอค่อกแค่กออกมาเมื่อฝุ่นมันปลิวเข้าจมูก
                “ไอ้พี่เวร ฝุ่นมันฟุ้งมั้ยวะ แม่ง!” ซองจินตะโกนด่ารุ่นพี่คนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็ยกเข่าขึ้นมากลางอากาศเสียหนึ่งข้าง จากนั้นก็วางกองชีทลงแหมะกับหน้าขา และยกมือขึ้นมาปัดเศษฝุ่นบนหัวให้ผม

                “พ..พี่ ..ขึ้น ..ไป ..อ่าน ..หนัง ..สือ ..นะ” พอยกชีทมาวางรวมกันบนพื้นในบ้านเป็นที่เรียบร้อย ผมก็บอกกับซองจินและพวกพี่ๆเขา ก่อนจะเดินขึ้นห้องมานั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือของตนเอง
                ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอดู ก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสาย ผมจึงนั่งจ้องมันอยู่อย่างนั้นด้วยความหวังว่าพี่เขาจะโทรกลับมาหาผมอีกรอบ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อรอแล้วรอเล่าหน้าจอโทรศัพท์ของผมก็ยังคงเงียบสนิทอยู่เหมือนเดิม ..
                คาดว่าพี่เขาคงคิดว่าผมนอนไปแล้วแน่ๆ ถึงไม่ยอมโทรกลับมาอีก ..
                บางทีระยะเวลาที่แตกต่างกัน มันก็ทำให้อะไรๆไม่เป็นไปตามที่เราต้องการเอาเสียเลย ..

            ผมลงทุนโหลดแอพพลิเคชั่นของเฟรสบุคเพื่อที่จะเข้ามาดูข้อมูลของพี่เขา โดยที่ผมจะต้องเริ่มสมัครสมาชิกก่อนเป็นอย่างแรก และมันก็โชคดีตรงที่พี่เขาไม่ได้ตั้งไพรเวทเอาไว้
                พี่เขาเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์หมาดๆเมื่อวานนี้ตามเวลาฝรั่งเศส ..  

            ผมเลื่อนหน้าจอลงมาจนสุดก็พบว่าชางมินได้ลงรูปแคปชั่นของพี่เขาที่กำลังมองจ้องมายังหน้าจอโทรศัพท์ในท่าทางหลบๆซ่อนๆ พร้อมกับเขียนคำบรรยายเอาไว้ว่า ..
 สันขวาน .. นี่มึงตั้งใจดูเมียมากกว่าฟังอาจารย์สอนอีกนะเว้ย

แล้วไงครับ ? เรื่องของกู ..’ พี่เขาตอบกลับพี่ชางมินเอาไว้
ทำไมมึงเรียนเช้านักวะ ? กูก็นึกว่ามึงกำลังนอนอยู่ เลยคอลปลุกพี่จงฮยอนเริ่มถามเป็นการเป็นงานขึ้นมาบ้าง

กูลองขออาจารย์เข้าไปเรียนดูเฉยๆ กูจะได้รู้ว่าตัวเองโง่ขั้นไหน .. สรุปว่ากูโง่ขั้นมาก แปลเชี่ยไรไม่ออกเลยเว้ย
กูขอชาบูวให้กับความโง่ของมึงสามที …’ พี่ชางมินเป็นคนตอบ

ไอ้สัส อย่างน้อยกูก็ฟังที่พี่เขยกูพูดออกบ้างแหละวะ .. แหม่! กูก็ไม่ได้โง่ซะทีเดียวหรอก .. แต่ถ้าเจ้าของภาษาจะรัวปานปืนกลแบบนั้น ต่อให้กูเทพกูก็มีสิทธิ์โง่ครับ ..’ พอได้อ่านข้อความที่พวกพี่เขาคุยกัน ผมก็พอจะทราบแล้วว่าพี่เขากำลังวุ่นวายแค่ไหน ..
คลิปที่มึงขอ ..’ พี่จงฮยอนแชร์ลิงค์สำหรับดูวีดิโอออนไลน์มาขั้นการพูดคุยกันของสองเพื่อนซี้ จากนั้นคำด่าจากพี่เขาก็มาซะยาวเป็นหาง

สันขวาน มึงจะอัพลงทำเชี่ยอะไรครับ กูขอเก็บไว้ดูเป็นการส่วนตัวครับ .. ลบเลยไอ้เชี่ย ..’ พี่เขาโวยวายเอาไว้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ถูกลบ เพราะมันยังอยู่รอให้ผมเปิดดูว่ามันคือคลิปวีดิโออะไร
พอผมกดลิงค์เข้าไปดู ก็พบว่ามันคือวีดิโอบันทึกภาพการแสดงของผมที่พี่จงฮยอนส่งไปให้พี่เขาได้ดูอีกหนึ่งรอบ และมันก็คงจะถูกเปิดดูซ้ำไปซ้ำมาจากใครสักคนในกลุ่ม เพราะวีดิโอนี้ถูกตั้งไว้ให้ดูได้เฉพาะคนที่มีลิงค์นี้เท่านั้น ..

ข้อความในข้อมูลส่วนตัวของพี่เขามีแค่สองอันนี้เท่านั้น และทุกเรื่องที่พวกพี่เขาคุยกันก็มักจะมีผมเข้าไปเกี่ยวข้อง มันเหมือนกับว่าถึงตัวเราจะอยู่ไกลกัน แต่โลกของเราสองคนก็จะยังมีใครอีกคนเข้ามาเวียนวนอยู่ใกล้ๆเสมอ
“อ๊ะ” ผมอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อปลายนิ้วของผมเผลอกดไปโดนปุ่มถูกใจอย่างไม่ได้ตั้งใจ พอตั้งสติได้ ผมก็รีบทำลายหลักฐานทันที

ครืด ครืด

สายเรียกเข้าที่มันดังครืดคราดในทันที ทำให้ผมเผลอปล่อยโทรศัพท์ในมือของตัวเองลงกับหนังสือเรียน จากนั้นดวงตาของผมก็มองจ้องชื่อบุคคลที่โทรเข้ามาด้วยหัวใจเต้นระส่ำ ..
“จะตีหนึ่งแล้ว ยังไม่นอนอีก มาทำตัวเป็นสโตรกเกอร์อยู่ได้ .. ” ทันทีที่ผมเลือกที่จะรับสายแบบไม่เห็นหน้า พี่เขาก็พ่นคำหยอกล้อใส่ผมทันที และผมก็ทราบดีว่าตัวเองมันพลาดพลั้งแค่ไหนที่ทำการสมัครสมาชิกด้วยชื่อจริงของตัวเอง
” ผมเงียบด้วยไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี

“พี่ ..ไม่ ..มี ..เรียน ..เหรอ ..ครับ ..” หลังจากที่ผมเงียบ พี่เขาก็เงียบด้วยเหมือนกัน ผลสุดท้ายผมก็ต้องกลั้นใจถามเรื่องราวที่มันไกลตัวเองออกไป
“วันนี้ไม่มี .. ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย .. ว่าไงครับ มาทำตัวเป็นสโตรกเกอร์ตามแผนของพี่แล้วเหรอ ?” พี่เขาถามย้ำ พร้อมกับเฉลยแผนการที่พี่เขาวางเอาไว้จนผมต้องขมวดคิ้วมุ่นเพื่อประมวลผลให้แน่ใจ

“แผน ?
“ใช่ .. ถึงเราจะไม่ค่อยได้คุยกัน ..แต่น้องแฟนก็สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของพี่ได้จากที่นี่แหละ .. พี่จำเป็นต้องสมัครน่ะ เพราะอาจารย์ชอบนัดเรียน งดเรียนผ่านทางนี้ .. ก็เลยถือโอกาสลงเรื่องของตัวเองให้ใครบางคนอ่านไปด้วย” ผมอมยิ้มให้กับความเอาใจใส่แบบแปลกๆของพี่เขา ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ พี่เขาวีดิโอคอลมาบอกผมตามตรงก็ได้ ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย

“พี่ .. เรียน..หนัก ..หรือ ..เปล่า ..ครับ” ผมถามออกไปอย่างกังวล
“ตอนนี้ก็ยังหรอก .. พี่ลงเรียนแค่ภาษาเอง แต่ลงแบบหลักสูตรเร่งรัดนะ รู้แค่งูๆปลาๆก็งี้ ไม่งั้นสบายไปแล้ว”

“พี่ .. เหงา ..ไหม ?” ผมถามพี่เขาเบาๆ
“เวลามีอะไรทำมันก็ไม่เหงาหรอก แต่เวลาไม่มีนี่สิ..

“เราไม่ต้องห่วงหรอก ส่วนใหญ่พี่จะเข้าห้องสมุดไปหาหนังสือมาฝึกอ่านแบบที่พี่เคยสอนเราไง รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดพอดี พอถึงหอก็เข้านอน หลับเป็นตาย ..

….
“เปิดกล้องหน่อยสิ อยากเห็นหน้า ..” พี่เขาร้องขอผมหลังจากที่ผมเงียบไปนาน  ผมจึงเปลี่ยนมาใช้โหมดที่คุยกันแล้วเห็นภาพด้วย ซึ่งทันทีที่เราเห็นหน้ากัน มันก็ออกอาการขัดเขินแปลกๆ

“อ่านหนังสืออยู่เหรอ ?
“ครับ”

“เตรียมสอบ ?
“อื้อ”

“ไม่จริงมั้ง เมื่อกี้ใครบางคนยังทำตัวเป็นสโตรกเกอร์อยู่เลย ..” พี่เขายักคิ้วให้ผม พร้อมกับยิ้มล้อเลียนมาให้
” ผมจึงได้แต่เงียบ และเบียดสายตาหนีจากหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง

“จะตีสองแล้วน้องแฟน ไปนอนเถอะ หนังสือน่ะก็เลิกอ่านไปเลย ..” พี่เขาสลับเป็นโหมดสำหรับพูดคุยอย่างเดียว ทำให้ผมรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ได้มองหน้าพี่เขาเพียงแค่ไม่กี่นาที ..
” ผมเงียบไม่ตอบ เพราะผมกำลังดื้อแพ่งกับพี่เขาอยู่

“ดื้อนะเรา ..” พอพี่เขาเปลี่ยนโหมดที่ทำให้ผมสามารถมองเห็นใบหน้าของพี่เขาได้ พี่เขาก็บ่นผมพร้อมกับเอื้อมมือมาราวกับจะดีดหน้าผากผมผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์
เบื้องหลังของพี่เขาตอนนี้คือฐานของหอไอเฟลเหมือนในภาพที่ผมเห็นในเฟรสบุคของพี่เขา ต่างจากตอนแรกที่ดูเหมือนพี่เขาจะนั่งหันหลังให้มันอยู่ ..

“ดื้อเงียบ ..” พี่เขายังไม่หยุดดุผมเลย
“ผม .. คิด ..ถึง ..พี่ ..” ผมพูดขัดคำต่อว่าของพี่เขาเพื่อบอกเหตุผลที่ทำให้ผมดื้อ

“เบ .. ไปนอนนะครับ .. นะ ..” พี่เขาเริ่มอ้อน และก็เริ่มมีสรรพนามแปลกๆเรียกผมขึ้นมาอีก
“เบ ?

” พี่เขาไม่ตอบแต่กลับอมยิ้ม
“ฝันดีนะน้องแฟน .. ” พี่เขาอาศัยจังหวะทีเผลอรีบกดวางสายของคนดื้อดึงอย่างผมทันที

ครืด ครืด

บัญชีเฟรสบุคของน้องแฟนน่ะลบทิ้งไปเถอะ แล้วมาใช้อันเดียวกับพี่ดีกว่า..’ พี่เขาส่งข้อความมาพร้อมกับอีเมลและพาสเวิร์ดสำหรับล็อครหัสของพี่เขา
ขณะที่ผมได้แต่อ่านข้อความนั้นด้วยหัวใจที่มันพองโตแปลกๆ แม้ว่าการกระทำเหล่านั้น มันจะดูเหมือนว่าเรากำลังดีใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ตาม
ใครไม่เป็นผมไม่มีทางรู้หรอกว่า
เรื่องธรรมดาของพี่เขา มันสามารถกลายเป็นเรื่องสุดวิเศษณ์สำหรับผมได้


<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
  

มึนกับ GMT เล็กน้อย เราเลยไปดิทแก้ตอนเก่าด้วย ถ้าคิดผิดอีกก็ต้องขออภัย ตอนนี้ไม่มีอะไรมากมาย นอกจากตีแผ่ชีวิตบางส่วนของพี่โมเมในช่วงที่ไปเรียนภาษา แถมยังแอบมีสรรพนามใหม่มาเรียกน้องแฟนด้วย

คึคึคึ ดูมีลับลมคมนัยมาก แถมไม่ยอมเฉลยคำแปลอีกต่างหาก คิคิ 

ลองมาเดาไปพร้อมกับน้องแฟนนะคะ ว่ามันแปลว่าอะไร ตอบถูกยืดตอนออกไปอีก (หือ?)
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น