Beautiful Rich
แฟนผมสวยและรวยมาก
[Special] Report – Sungmin Part
เมื่อเริ่มเข้าสู่เทศกาลแห่งการสอบปลายภาค ผมก็มักจะง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือเป็นประจำ
และช่วงเวลาในการอ่านหนังสือที่ดีที่สุดสำหรับผมก็เห็นจะเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ห้าทุ่มขึ้นไป
ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่พี่เขาวีดิโอคอลมาหาผมพอดี
ดังนั้นการพูดคุยของเราจึงใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ..
ซึ่งมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันก็ทำให้เราหายคิดถึงกันอยู่บ้าง ..
หลังจากที่พี่เขาย้ายไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสได้ไม่นาน
ผมก็ย้ายโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเองมาวางตั้งอยู่ตรงข้างหน้าต่าง
เพื่อเวลาที่ผมก้มหน้าอ่านหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้น
สายตาของผมจะได้มองเห็นบานหน้าต่างที่มันกำลังปิดสนิทอยู่ของบ้านตรงข้าม ..
ช่วงแรกมันอาจจะดูน่าใจหาย
แต่พอผมปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ โดยการมองทุกอย่างให้เป็นความสุข
ภาพมโนซ้อนทับเมื่อครั้งที่เราสองคนใช้เวลาร่วมกัน
มันจึงทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาทั้งๆที่หัวใจของผมมันกำลังหว้าเหว่อยู่ลึกๆ
ความสุขในอดีตและปัจจุบันกำลังโอบล้อมให้ผมก้าวเดินต่อไปให้ได้ ..
แกร๊ก ..
“อุ่นน้ำเต้าหู้ให้หน่อย
..” ความคิดของผมเป็นอันต้องหยุดนิ่งลง
เมื่อซองจินเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามาทำลายความเป็นส่วนตัวของผม
เพียงเพื่อเรียกร้องให้ผมไปอุ่นอะไรให้ดื่มระหว่างอ่านหนังสือ
จากนั้นก็ปิดประตูห้องนอนของผมไปเมื่อสั่งความเสร็จ ..
ผมส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจเล็กๆของซองจิน
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวไปอุ่นน้ำเต้าหู้ตามที่น้องต้องการ ….
“ไฮ~ น้องแฟน ..”
ผมตกใจมากเมื่อมองลงมาตรงบันไดขั้นสุดท้าย แล้วพบกับ ‘พี่คยู’
อ่าไม่สิ มันก็แค่ ‘หน้ากากของพี่คยู’ ที่ใครสักคนสวมใส่มันเอาไว้
“…” ผมนิ่งเงียบเพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะตอบรับหรือว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไรดี
“อุ่นเผื่อพวกพี่ด้วยนะ
..” พอบุคคลผู้ซึ่งสวมหน้ากากของพี่เขารีเควชในสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อย
เขาก็หมุนตัวกลับไปนั่งบนโต๊ะตรงหน้าโทรทัศน์ที่มีพี่จงฮยอนและซองจินกำลังนั่งอยู่
“พี่มึงกูขอเถอะ
ช่วยถอดไอ้หน้ากากปัญญาอ่อนนี่ออกไปซะทีเถอะว่ะ รำคาญลูกตาชิบหาย”
ผมคิดว่าคนที่สวมหน้ากากของพี่เขาอยู่ในตอนนี้คือพี่ชางมินนะ
อีกทั้งซองจินยังเรียกร้องอย่างสนิทสนมอีกด้วย
“ห่า
.. เพื่อนกูออกจะหน้าตาดี
มึงดันเสือกว่ามันปัญญาอ่อน .. ไอ้หลานรหัสเวร .. มึงพูดถูกใจกูมากๆ”
พี่ชางมินถอดหน้ากากของพี่เขาออกราวกับโมโหโทโสในคำพูดของซองจิน แต่จากนั้นไม่นานพี่ชางมินก็ลงไปนอนกอดคอกับซองจิน
อย่างถูกอกถูกใจในคำพูดของน้องชายผมเสียเหลือเกิน ..
“ถอยไปเลย พี่มึงนี่โคตรน่ารำคาญ ตกลงจะมาช่วยกูติวหรือว่าพวกพี่มึงจะมานั่งเล่นโน้ตบุคกันแน่วะ
?” ซองจินสะบัดตัวออกห่างจากสายรหัสของตัวเอง
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาผม ..
“ไม่สบายหรือไง
?”
ซองจินยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากของผม แล้วก็เอามาวัดกับหน้าผากของตัวเองราวกับจะวัดไข้
จึงทำให้ผมรู้ตัวว่าผมมาหยุดยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานเกินไปแล้ว ..
“ป..เปล่า ..”
ผมปัดมือของซองจินออก พลางเดินลงบันไดและเลี่ยงเข้าไปในครัว แต่ก่อนที่ผมจะเดินหายลับเข้าไปในนั้น
หูของผมก็แว่วเสียงของพี่ชางมินลอยเข้ามา ..
“สงสัยพี่มึงจะหวั่นไหวกับไอ้หน้ากากปัญญาอ่อนนี่มั้งไอ้ซองจิน!”
“พี่มึงอย่ามาบ้าไป
.. เมามากนักก็กลับไปนอนเถอะ
.. แล้วก็เอาไอ้หน้ากากโหลยโท่ยนี่กลับไปด้วย ..”
เสียงพูดคุยต่อล้อต่อเถียงของสายรหัสต่างสายชั้น แว่วผ่านเข้ามาในโสตประสาทของผมทุกประโยค
เพราะผมเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงปากประตูไม่ไปไหน ..
ผมไม่อยากจะยอมรับเลยว่า …
วินาทีแรกที่ผมเห็นหน้ากากปัญญาอ่อนของซองจิน หัวใจของผมมันเต้นแรงมากแค่ไหน…
ผมนี่ก็ท่าทางจะบ้า
รู้ทั้งรู้ว่าพี่เขาอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของโลกก็ยังจะคิดอะไรไม่เข้าท่า แถมหน้ากากอันนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น
หัวใจไม่รักดีก็ยังจะมีปฏิกิริยากับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพี่เขา …
ณ ตอนนี้ ไม่ว่าพี่เขาจะอยู่ที่ไหน โลกทั้งใบของผมก็ยังคงมีตัวแทนของพี่เขามาคอยป้วนเปี้ยนไม่ห่าง
..
ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง แล้วก็เดินไปหยิบถุงน้ำเต้าหู้ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารมาเทใส่หม้อเพื่อเตรียมอุ่นให้มันร้อนตามที่ซองจินต้องการ
พอตั้งเตาอุ่นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ ผมก็เริ่มเข้าสู่วังวนอีกครั้ง ..
จากนั้นไม่นานผมก็หน้าร้อนเห่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เมื่อผมเผลอนึกไปถึงท่าทางการดื่มน้ำของพี่เขาในคืนวันนั้นที่ผมกำลังจะตกเป็นของพี่เขาก่อนที่เราจะต้องจากกัน
…
เสียงเดือดปุดๆของเครื่องดื่มสีขาวบริสุทธิ์ดังอยู่นานสองนาน
จนผมเริ่มรู้สึกตัวจึงปิดเตาแก๊สและเทใส่ลงในแก้วสำหรับใส่กาแฟทั้งหมดสามแก้ว จากนั้นผมก็เดินไปหยิบถาดมาใส่แก้วทั้งสามเพื่อเตรียมยกไปเสิร์ฟให้กับคนสามคนที่กำลังนั่งกองรวมกันอยู่ข้างนอก
แต่เมื่อผมเดินออกมา
ก็ไม่พบใครเลยสักคน ผมจึงวางถาดใส่น้ำเต้าหู้ลงบนโต๊ะ
พลางร้องเรียกทุกคนให้มาดื่มก่อนที่มันจะหายร้อน แล้วมาเดือดร้อนถึงผมที่จะต้องนำมันไปอุ่นใหม่อีกรอบ
…
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เมื่อร้องเรียกตั้งนาน แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากใครสักคน
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้าจอโน้ตบุคของพี่จงฮยอนที่กำลังเปิดหน้าต่างเฟรสบุคซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้
..
ภายในหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดผืนผ้า ปรากฏรูปฐานของหอไอเฟลซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของประเทศฝรั่งเศสอยู่เบื้องหน้าของสองหนุ่มสาวชาวต่างชาติที่กำลังนั่งจิบเบียร์เคล้าแสงไฟสีเหลืองนวล
อีกทั้งบรรยากาศในรูปก็ดูจะเงียบสงบมากทีเดียว ..
‘แดกเหล้าอย่างเหงาๆ .. คิดถึงทุกคนที่บ้านเกิด ..’
นั่นคือคำบรรยายใต้ภาพ ..
สายตาของผมจึงเลื่อนมาอ่านที่คอมเม้นท์ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีเช่นเดียวกันกับคำบรรยายใต้ภาพ
แล้วก็เริ่มขมวดคิ้วเมื่อคนแรกที่เข้ามาคอมเม้นท์ชื่อเสียงเรียงนามดูคุ้นหูคุ้นตาดีเหลือเกิน
..
‘ทุกคนในที่นี้ ไม่ทราบว่ามึงหมายถึงเมียหรือเปล่าครับ ..’ ประโยคนี้เป็นของพี่ชางมิน ไม่ผิดแน่
ถึงแม้ว่าพี่เขาจะใช้ชื่อว่าปริ้นส์ชิมก็ตามที
‘ไม่ใช่ครับ..ทุกคนในที่นี้ของกระผมหมายถึงพวกมึงกับไอ้พี่ขยันใช้ที่หน้าตาบ้านๆพวกนั้นครับ
.. ส่วนเมียกูงดแดกเหล้าตลอดชีวิต .. เพราะฉะนั้นเวลาอยากเหล้า
กูไม่คิดถึงเมียครับ ..’ ประโยคนี้เป็นของเกียมคยู
ซึ่งผมมั่นใจว่าต้องเป็นพี่เขาไม่ผิดแน่
‘แต่เวลาอยากหื่น .. มึงถึงค่อยคิดถึงเมียใช่ไหมครับ ?’ ประโยคนี้เป็นของพี่จงฮยอนไม่ผิดแน่
เพราะมาทั้งชื่อนามสกุลจนเต็มยศแถมยังใช้รูปดิสเพลย์เป็นหน้าของตัวเองอีก ..
‘ไม่ใช่ครับ .. สำหรับเมีย กระผมคิดถึงทุกลมหายใจ
ยกเว้นตอนอยากเหล้าครับสันขวาน ..’ ผมกำลังจะอ่านข้อความต่อมาอีกนิด
แต่ปรากฏว่าหน้าจอของพี่จงฮยอนได้เข้าสู่ระบบของการพักหน้าจอไปเรียบร้อยแล้ว
ผมจึงไม่กล้าขยับอะไรใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าผมจะยังอยากอ่านต่อ ..
“ฝุ่นเยอะชิบหาย นี่ไอ้พี่คยูมันเลี้ยงฝุ่นไว้แดกแทนข้าวใช่มั้ย ?” เสียงของซองจินดังเข้ามาใกล้ตรงหน้าประตูบ้าน ผมจึงลุกเดินออกไปดู
จึงได้พบกับสามหนุ่มที่กำลังขนกองชีทมากันคนละปึก ..
“มึงนี่ไม่ได้สำนึกในความดีของเพื่อนกูเลย .. มันอุตส่าห์ยกทั้งหมดนี่ให้มึงเลยนะโว้ย”
พี่ชางมินบ่นซองจินพลางใช้ขายาวๆยื่นออกมาเพื่อจะถีบรุ่นน้องสุดกวนของตัวเอง
“ก็แน่ล่ะ
ในเมื่อพี่มึงเรียนไปแดกหน้ากระดาษไปแบบนี้ จะหาจากที่ไหนมาให้กู ..”
“ช
..ช่วย ..ถือ ..ไหม ?” ผมเดินออกไป
พลางแบมือตรงหน้าของผู้ชายสามคน
จากนั้นไม่นานผมก็ได้ถือจนสมใจอยากเพราะพี่ชางมินกับพี่จงฮยอนเล่นวางชีทในมือของตัวเองลงในอ้อมแขนของผมทันควัน
ส่งผลให้เศษฝุ่นมันปลิวฟุ้งไปทั่ว
“แค่กๆ”
ผมไอค่อกแค่กออกมาเมื่อฝุ่นมันปลิวเข้าจมูก
“ไอ้พี่เวร
ฝุ่นมันฟุ้งมั้ยวะ แม่ง!”
ซองจินตะโกนด่ารุ่นพี่คนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์
จากนั้นก็ยกเข่าขึ้นมากลางอากาศเสียหนึ่งข้าง จากนั้นก็วางกองชีทลงแหมะกับหน้าขา
และยกมือขึ้นมาปัดเศษฝุ่นบนหัวให้ผม
“พ..พี่ ..ขึ้น
..ไป ..อ่าน ..หนัง
..สือ ..นะ”
พอยกชีทมาวางรวมกันบนพื้นในบ้านเป็นที่เรียบร้อย ผมก็บอกกับซองจินและพวกพี่ๆเขา
ก่อนจะเดินขึ้นห้องมานั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือของตนเอง
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอดู
ก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสาย
ผมจึงนั่งจ้องมันอยู่อย่างนั้นด้วยความหวังว่าพี่เขาจะโทรกลับมาหาผมอีกรอบ
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อรอแล้วรอเล่าหน้าจอโทรศัพท์ของผมก็ยังคงเงียบสนิทอยู่เหมือนเดิม
..
คาดว่าพี่เขาคงคิดว่าผมนอนไปแล้วแน่ๆ ถึงไม่ยอมโทรกลับมาอีก ..
บางทีระยะเวลาที่แตกต่างกัน
มันก็ทำให้อะไรๆไม่เป็นไปตามที่เราต้องการเอาเสียเลย ..
ผมลงทุนโหลดแอพพลิเคชั่นของเฟรสบุคเพื่อที่จะเข้ามาดูข้อมูลของพี่เขา
โดยที่ผมจะต้องเริ่มสมัครสมาชิกก่อนเป็นอย่างแรก และมันก็โชคดีตรงที่พี่เขาไม่ได้ตั้งไพรเวทเอาไว้
พี่เขาเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์หมาดๆเมื่อวานนี้ตามเวลาฝรั่งเศส
..
ผมเลื่อนหน้าจอลงมาจนสุดก็พบว่าชางมินได้ลงรูปแคปชั่นของพี่เขาที่กำลังมองจ้องมายังหน้าจอโทรศัพท์ในท่าทางหลบๆซ่อนๆ
พร้อมกับเขียนคำบรรยายเอาไว้ว่า ..
‘สันขวาน .. นี่มึงตั้งใจดูเมียมากกว่าฟังอาจารย์สอนอีกนะเว้ย’
‘แล้วไงครับ ?
เรื่องของกู ..’ พี่เขาตอบกลับพี่ชางมินเอาไว้
‘ทำไมมึงเรียนเช้านักวะ
? กูก็นึกว่ามึงกำลังนอนอยู่ เลยคอลปลุก’ พี่จงฮยอนเริ่มถามเป็นการเป็นงานขึ้นมาบ้าง
‘กูลองขออาจารย์เข้าไปเรียนดูเฉยๆ
กูจะได้รู้ว่าตัวเองโง่ขั้นไหน .. สรุปว่ากูโง่ขั้นมาก
แปลเชี่ยไรไม่ออกเลยเว้ย’
‘กูขอชาบูวให้กับความโง่ของมึงสามที
…’ พี่ชางมินเป็นคนตอบ
‘ไอ้สัส อย่างน้อยกูก็ฟังที่พี่เขยกูพูดออกบ้างแหละวะ
.. แหม่! กูก็ไม่ได้โง่ซะทีเดียวหรอก ..
แต่ถ้าเจ้าของภาษาจะรัวปานปืนกลแบบนั้น
ต่อให้กูเทพกูก็มีสิทธิ์โง่ครับ ..’ พอได้อ่านข้อความที่พวกพี่เขาคุยกัน
ผมก็พอจะทราบแล้วว่าพี่เขากำลังวุ่นวายแค่ไหน ..
‘คลิปที่มึงขอ ..’
พี่จงฮยอนแชร์ลิงค์สำหรับดูวีดิโอออนไลน์มาขั้นการพูดคุยกันของสองเพื่อนซี้
จากนั้นคำด่าจากพี่เขาก็มาซะยาวเป็นหาง
‘สันขวาน
มึงจะอัพลงทำเชี่ยอะไรครับ กูขอเก็บไว้ดูเป็นการส่วนตัวครับ .. ลบเลยไอ้เชี่ย ..’ พี่เขาโวยวายเอาไว้
แต่สุดท้ายมันก็ไม่ถูกลบ เพราะมันยังอยู่รอให้ผมเปิดดูว่ามันคือคลิปวีดิโออะไร
พอผมกดลิงค์เข้าไปดู
ก็พบว่ามันคือวีดิโอบันทึกภาพการแสดงของผมที่พี่จงฮยอนส่งไปให้พี่เขาได้ดูอีกหนึ่งรอบ
และมันก็คงจะถูกเปิดดูซ้ำไปซ้ำมาจากใครสักคนในกลุ่ม
เพราะวีดิโอนี้ถูกตั้งไว้ให้ดูได้เฉพาะคนที่มีลิงค์นี้เท่านั้น ..
ข้อความในข้อมูลส่วนตัวของพี่เขามีแค่สองอันนี้เท่านั้น
และทุกเรื่องที่พวกพี่เขาคุยกันก็มักจะมีผมเข้าไปเกี่ยวข้อง
มันเหมือนกับว่าถึงตัวเราจะอยู่ไกลกัน
แต่โลกของเราสองคนก็จะยังมีใครอีกคนเข้ามาเวียนวนอยู่ใกล้ๆเสมอ
“อ๊ะ” ผมอุทานออกมาอย่างตกใจ
เมื่อปลายนิ้วของผมเผลอกดไปโดนปุ่มถูกใจอย่างไม่ได้ตั้งใจ พอตั้งสติได้
ผมก็รีบทำลายหลักฐานทันที …
ครืด ครืด …
สายเรียกเข้าที่มันดังครืดคราดในทันที
ทำให้ผมเผลอปล่อยโทรศัพท์ในมือของตัวเองลงกับหนังสือเรียน
จากนั้นดวงตาของผมก็มองจ้องชื่อบุคคลที่โทรเข้ามาด้วยหัวใจเต้นระส่ำ ..
“จะตีหนึ่งแล้ว ยังไม่นอนอีก มาทำตัวเป็นสโตรกเกอร์อยู่ได้
.. ” ทันทีที่ผมเลือกที่จะรับสายแบบไม่เห็นหน้า
พี่เขาก็พ่นคำหยอกล้อใส่ผมทันที และผมก็ทราบดีว่าตัวเองมันพลาดพลั้งแค่ไหนที่ทำการสมัครสมาชิกด้วยชื่อจริงของตัวเอง
“…” ผมเงียบด้วยไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี
“พี่ ..ไม่ ..มี ..เรียน ..เหรอ ..ครับ ..” หลังจากที่ผมเงียบ พี่เขาก็เงียบด้วยเหมือนกัน
ผลสุดท้ายผมก็ต้องกลั้นใจถามเรื่องราวที่มันไกลตัวเองออกไป
“วันนี้ไม่มี .. ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ..
ว่าไงครับ มาทำตัวเป็นสโตรกเกอร์ตามแผนของพี่แล้วเหรอ ?” พี่เขาถามย้ำ พร้อมกับเฉลยแผนการที่พี่เขาวางเอาไว้จนผมต้องขมวดคิ้วมุ่นเพื่อประมวลผลให้แน่ใจ
“แผน ?”
“ใช่ .. ถึงเราจะไม่ค่อยได้คุยกัน ..แต่น้องแฟนก็สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของพี่ได้จากที่นี่แหละ .. พี่จำเป็นต้องสมัครน่ะ เพราะอาจารย์ชอบนัดเรียน งดเรียนผ่านทางนี้ ..
ก็เลยถือโอกาสลงเรื่องของตัวเองให้ใครบางคนอ่านไปด้วย”
ผมอมยิ้มให้กับความเอาใจใส่แบบแปลกๆของพี่เขา ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ พี่เขาวีดิโอคอลมาบอกผมตามตรงก็ได้
ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย …
“พี่ .. เรียน..หนัก
..หรือ ..เปล่า ..ครับ” ผมถามออกไปอย่างกังวล
“ตอนนี้ก็ยังหรอก .. พี่ลงเรียนแค่ภาษาเอง
แต่ลงแบบหลักสูตรเร่งรัดนะ รู้แค่งูๆปลาๆก็งี้ ไม่งั้นสบายไปแล้ว”
“พี่ .. เหงา ..ไหม
?” ผมถามพี่เขาเบาๆ
“เวลามีอะไรทำมันก็ไม่เหงาหรอก
แต่เวลาไม่มีนี่สิ..”
“…”
“เราไม่ต้องห่วงหรอก
ส่วนใหญ่พี่จะเข้าห้องสมุดไปหาหนังสือมาฝึกอ่านแบบที่พี่เคยสอนเราไง รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดพอดี
พอถึงหอก็เข้านอน หลับเป็นตาย ..”
“….”
“เปิดกล้องหน่อยสิ อยากเห็นหน้า ..”
พี่เขาร้องขอผมหลังจากที่ผมเงียบไปนาน ผมจึงเปลี่ยนมาใช้โหมดที่คุยกันแล้วเห็นภาพด้วย
ซึ่งทันทีที่เราเห็นหน้ากัน มันก็ออกอาการขัดเขินแปลกๆ
“อ่านหนังสืออยู่เหรอ ?”
“ครับ”
“เตรียมสอบ ?”
“อื้อ”
“ไม่จริงมั้ง
เมื่อกี้ใครบางคนยังทำตัวเป็นสโตรกเกอร์อยู่เลย ..” พี่เขายักคิ้วให้ผม พร้อมกับยิ้มล้อเลียนมาให้
“…” ผมจึงได้แต่เงียบ และเบียดสายตาหนีจากหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
“จะตีสองแล้วน้องแฟน ไปนอนเถอะ หนังสือน่ะก็เลิกอ่านไปเลย
..”
พี่เขาสลับเป็นโหมดสำหรับพูดคุยอย่างเดียว ทำให้ผมรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ได้มองหน้าพี่เขาเพียงแค่ไม่กี่นาที
..
“…” ผมเงียบไม่ตอบ เพราะผมกำลังดื้อแพ่งกับพี่เขาอยู่
“ดื้อนะเรา ..”
พอพี่เขาเปลี่ยนโหมดที่ทำให้ผมสามารถมองเห็นใบหน้าของพี่เขาได้
พี่เขาก็บ่นผมพร้อมกับเอื้อมมือมาราวกับจะดีดหน้าผากผมผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์
เบื้องหลังของพี่เขาตอนนี้คือฐานของหอไอเฟลเหมือนในภาพที่ผมเห็นในเฟรสบุคของพี่เขา
ต่างจากตอนแรกที่ดูเหมือนพี่เขาจะนั่งหันหลังให้มันอยู่ ..
“ดื้อเงียบ ..” พี่เขายังไม่หยุดดุผมเลย
“ผม .. คิด ..ถึง ..พี่ ..”
ผมพูดขัดคำต่อว่าของพี่เขาเพื่อบอกเหตุผลที่ทำให้ผมดื้อ
“เบ .. ไปนอนนะครับ .. นะ ..” พี่เขาเริ่มอ้อน และก็เริ่มมีสรรพนามแปลกๆเรียกผมขึ้นมาอีก
“เบ ?”
“…” พี่เขาไม่ตอบแต่กลับอมยิ้ม
“ฝันดีนะน้องแฟน .. ”
พี่เขาอาศัยจังหวะทีเผลอรีบกดวางสายของคนดื้อดึงอย่างผมทันที
ครืด ครืด …
‘บัญชีเฟรสบุคของน้องแฟนน่ะลบทิ้งไปเถอะ
แล้วมาใช้อันเดียวกับพี่ดีกว่า..’ พี่เขาส่งข้อความมาพร้อมกับอีเมลและพาสเวิร์ดสำหรับล็อครหัสของพี่เขา
…
ขณะที่ผมได้แต่อ่านข้อความนั้นด้วยหัวใจที่มันพองโตแปลกๆ
แม้ว่าการกระทำเหล่านั้น มันจะดูเหมือนว่าเรากำลังดีใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ตาม
…
ใครไม่เป็นผมไม่มีทางรู้หรอกว่า …
เรื่องธรรมดาของพี่เขา
มันสามารถกลายเป็นเรื่องสุดวิเศษณ์สำหรับผมได้ …
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มึนกับ GMT เล็กน้อย
เราเลยไปดิทแก้ตอนเก่าด้วย ถ้าคิดผิดอีกก็ต้องขออภัย ตอนนี้ไม่มีอะไรมากมาย
นอกจากตีแผ่ชีวิตบางส่วนของพี่โมเมในช่วงที่ไปเรียนภาษา แถมยังแอบมีสรรพนามใหม่มาเรียกน้องแฟนด้วย
คึคึคึ ดูมีลับลมคมนัยมาก แถมไม่ยอมเฉลยคำแปลอีกต่างหาก
คิคิ
ลองมาเดาไปพร้อมกับน้องแฟนนะคะ
ว่ามันแปลว่าอะไร ตอบถูกยืดตอนออกไปอีก (หือ?)
[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [Special by Sungmin 2]