วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [53]

Beautiful Rich   
แฟนผมสวยและรวยมาก
   




 [53]


                เช้ามืดวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงกับคุณย่า ส่วนตัวพี่เขาก็ใช้ผ้าปูพื้นรองนอนอยู่ตรงข้างเตียง เหตุที่ทำให้ผมต้องตื่นมาพบเจอกับภาพแบบนี้นั่นก็เพราะ เมื่อคืนพี่เขาคะยั้นคะยอให้ผมค้างคืนด้วยกัน ซึ่งผมก็ตอบตกลง โดยที่ผมเองก็ลืมนึกไปว่า หากผมนอนที่นี่ แล้วคุณย่าท่านจะนอนที่ไหน ..
                ผมพยายามจะลุกจากเตียงให้เบาที่สุด เพราะผมไม่อยากจะรบกวนท่าน และอีกนัยหนึ่ง ผมก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร หากท่านลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้

                “เห้อ ..” ผมปิดประตูห้องน้ำ และเผลอตัวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ผมต้องการ จากนั้นผมก็เดินมาหยุดยืนตรงอ่างล้างหน้า ผลปรากฏว่าภาพที่เห็น มันทำเอาผมนึกตกใจตัวเองอยู่ไม่น้อย
                คนตรงหน้าของผมตอนนี้เขาคือใครกัน ดวงตาบวมช้ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างโชกโชน ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหน้าตาของผมถึงได้กลายสภาพเป็นแบบนั้นได้
                เมื่อคืนผมจำได้ว่าผมเผลอหลับไปในอ้อมกอดของพี่เขานะ แถมยังหลับเป็นตายเลยด้วย ..
แล้วทำไมดวงตาของผม มันถึงบวมเปล่งขนาดนี้ ..

ผมถอนหายใจออกมาอีกรอบ เมื่อความอ่อนแอในจิตใจมันเผลอหลุดลอยออกมาประจานตัวเองให้ใครเขารู้เห็น แล้วก็ได้แต่หนักใจว่าหยดน้ำตาเหล่านั้นจะมีใครแอบเห็นมันบ้าง
หนักใจจริงๆ ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย ..

” เมื่อผมล้างหน้าบ้วนปากจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เปิดประตูห้องน้ำให้เบาที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ แต่เมื่อสายตาของผมมองเห็นสภาพความเป็นไปในห้องนอนของพี่เขาจนเต็มตาแล้ว การกระทำของผมก็เป็นอันต้องหยุดชะงักลง
หลังจากที่ตั้งสติได้ ผมก็คล้อมหัวลงทักทายคุณย่าอย่างเก้ๆกังๆ จากนั้นผมก็เดินออกมาจากในห้องน้ำและหันหลังไปปิดประตูให้เรียบร้อย แล้วก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความเกร็ง

“ตื่นเช้าดีนะ ..” คุณย่าท่านพยักหน้าให้ผม แล้วจากนั้นท่านก็ตวัดผ้าห่มออกจากหน้าขาของท่าน พลางเอ่ยทักผมกลับมาเบาๆ
” ผมที่ไม่รู้จะตอบกลับท่านอย่างไร จึงส่งยิ้มให้ท่านแทนคำตอบอย่างเก้ๆกังๆ

“ทำตัวเข้มแข็งน่ะมันก็ดีอยู่หรอก .. แต่ใจของเราเองก็ต้องเข้มแข็งด้วย ..” คุณย่าท่านลุกออกจากเตียง แล้วก็เดินตรงเข้ามาหาผม พลางพูดสอนขณะที่ฝ่ามือของท่านก็โยกศีรษะของผมไปมาเบาๆ
การกระทำของท่านสามารถตอบข้อสงสัยของผมได้ดีว่าเมื่อคืนมีใครแอบเห็นน้ำตาของผมบ้างหรือไม่

“เธอจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหม ?
“ครับ ..

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ .. ส่วนตาคยูฮยอนอีกสักพักก็คงจะตื่น”
“ครับ ..

“จัดการธุระเรียบร้อยแล้วก็มารอทานมื้อเช้าที่นี่สิ .. ฉันจะทำเผื่อ” ผมเดินเลี่ยงไปทางประตูห้อง และกำลังจะเปิดประตูเดินออกไปข้างนอกอยู่แล้ว แต่คุณย่ากลับร้องเรียกผมเอาไว้เสียก่อน
“ข ..ขอบ ..คุณ ..ครับ ..” ผมหันกลับไปมองท่านและละล่ำละลักขอบคุณท่านอย่างเก็บความดีอกดีใจเอาไว้ไม่อยู่

ผมปิดประตูห้องของพี่เขาแล้ว แต่ว่าผมไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย ผมดีใจจริงๆ ที่คุณย่าไม่ได้ตั้งป้อมรังเกียจผมเหมือนอย่างที่กังวล
ผมมีความสุขจัง ..

“เก่งจริงๆ เล่นงานคุณย่าได้ตรงจุด .. แต่มันจะดีกว่านี้มาก ถ้าพี่ไม่ต้องไปเรียนต่อ ..” หลังจากทานมื้อเช้าฝีมือของคุณย่าจนเกลี้ยงแล้ว ผมกับพี่เขาก็เดินทางไปเรียนด้วยกันตามปกติ ซึ่งอันที่จริงพี่เขาไม่ต้องมาเรียนแล้วก็ได้ แต่ว่าพี่เขาไม่ยอมหยุดอยู่บ้าน เอาแต่บ่นว่าเบื่ออยู่นั่นแหละ ..
แต่ผมว่าเหตุผลจริงๆของพี่เขา น่าจะเป็นเพราะพี่เขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆให้นานที่สุดมากกว่า
 ” ผมเม้มปากแน่น พลางขยำชายเสื้อของพี่เขาอย่างคนถูกพูดจาจี้ใจดำ

“ความจริงวิธีที่จะทำให้คุณย่าใจอ่อน มันไม่น่าจะใช่วิธีนี้เลยนะ ..” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
” เมื่อได้ฟังคำพูดของพี่เขาแล้ว ผมก็จำต้องขยำชายเสื้อของพี่เขาด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าเดิม เพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น
                เพราะคำตัดพ้อกลายๆของพี่เขา มันทำให้ใจของผมหวิวไหวทุกทีที่ได้ฟัง ..

                “พี่ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้สินะ ..” พี่เขาพูดพลางใช้ฝ่ามือข้างขวาคลายฝ่ามือข้างขวาของผมอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งสำเร็จผล ฝ่ามือข้างขวาของพี่เขาก็เอื้อมไปจับแฮนด์รถมอเตอร์ไซด์ตามเดิม จากนั้นฝ่ามือข้างซ้ายของพี่เขาก็เริ่มคลายฝ่ามือข้างซ้ายของผมเหมือนอย่างที่พี่เขาทำในทีแรก ..
                การกระทำของพี่เขา มันเหมือนกับว่าพี่เขาทราบดีว่าใจของผมกับการกระทำ มันกำลังต่อต้านกันอย่างรุนแรง พี่เขาจึงช่วยเตือนสติไม่ให้ผมต้องสับสน เพราะอันที่จริงผมก็ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างแน่วแน่แล้ว
                ดังนั้นผมเองก็ต้องใจแข็งเหมือนอย่างพี่เขาด้วย ..

                ผมกับทงเฮตอนนี้ สภาพของเราไม่ต่างกันสักนิด เรามาเรียนด้วยสภาพดวงตาที่บวมเปล่งจนเพื่อนๆในคลาสถึงกับร้องทักออกมาอย่างตกใจ ..
                พอถูกทักแบบนั้น ผมกับทงเฮจึงสลับกันมองหน้าของอีกฝ่ายว่ามันน่าเป็นห่วงขนาดนั้นจริงหรือ ผลปรากฏว่า มันก็น่าเป็นห่วงจริงๆนั่นแหละ ..
                ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าพี่เขาก็ต้องเห็นเหมือนกันแน่ๆ

                “เห้อ ..” พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งระลอก
                “เห้อ ..” แต่หลังจากที่ผมเริ่มถอนหายใจเป็นคนแรก ทงเฮก็เริ่มถอนหายใจตามมาติดๆ

                ผมกับทงเฮนั่งถอนหายใจทิ้งแทบจะทั้งคาบเรียน พอถึงเวลาพัก เราก็พากันเดินออกจากห้องอย่างไร้ความกระตือรือร้นสิ้นดี
                “อย่าทำตัวเหมือนผีดิบกันได้ไหม ทั้งคู่เลย ..” ผมเดินผ่านใครสักคนอย่างเลื่อนลอย แต่เมื่อเขาคนนั้นคว้าต้นแขนของผมไว้ ผมจึงได้สติขึ้นมา ..

                คนที่จับแขนผมไว้คืออีซองจิน น้องชายของผมเอง ส่วนคนที่พูดบ่นคืออีฮยอกแจที่กำลังจับต้นแขนของอีทงเฮเอาไว้เช่นกัน ..
                “พี่ทำถูกแล้ว .. อย่าเป็นแบบนี้สิ .. พี่มันเครียด รู้หรือเปล่า ..” ซองจินพูดกับผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
                ” ผมได้แต่เดินตามแรงจูงของน้องอย่างพูดไม่ออก และผมก็เอาแต่เงียบอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทานข้าวกลางวันจนเสร็จ
               
                ยิ่งใกล้วันที่พี่เขาจะเดินทางมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งใจหายมากเท่านั้น และยิ่งผมทำตัวให้เข้มแข็งมากขึ้นเท่าไหร่ จิตใจของผมก็ยิ่งอ่อนแอ ช่วงนี้พี่เขามีเวลาให้ผมเสมอ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ทุกช่วงเวลาจะเป็นของผมทั้งสิ้น
                เว้นเสียแต่เวลาเรียน พี่เขาจะเอาเวลาเหล่านั้นไปจัดเก็บข้าวของจำเป็นของตนเองลงกล่องลังสำหรับขนกลับบ้าน .. ส่วนข้าวของจำพวกเสื้อผ้า พี่เขาจะแพ็คใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมไว้ ..

                ผมนึกใจหายทุกที เมื่อผมมองทะลุบานหน้าต่างของห้องทางฝั่งตรงข้าม แล้วเห็นข้าวของทุกอย่างในนั้นมันเปลี่ยนไป
                การยอมรับความจริง ถึงมันจะเป็นสิ่งที่สมควรกระทำก็ตาม
                แต่ในความเป็นจริง มันทำได้ยากเย็นเหลือเกิน ..

                “ฮึก .. ฮือ ” ผมได้แต่นั่งกอดเข่าและร้องไห้อยู่ภายใต้สายน้ำที่ผมเปิดทิ้งเอาไว้เพื่ออำพรางเสียงของตนเอง ความอ่อนแอของผมจะสามารถเปิดเผยได้ก็ต่อเมื่อผมอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง
                ผมจะต้องร้องไห้ให้พอ เพื่อที่ตอนนอนผมจะได้ไม่ร้องไห้อีก เพราะผมถือคติว่าผมได้ปลดปล่อยความอ่อนแอไปแล้ว จึงไม่ควรจะปลดปล่อยมันซ้ำออกมาอีก
                แค่ครั้งเดียวต่อวัน ก็เกินพอแล้ว

                ทุกค่ำคืนที่เรานอนกอดกัน ไม่เคยมีคืนไหนที่ผมจะร้องไห้ออกมาอีก เพราะหลังจากที่ซองจินบอกผมว่าพี่เขาไม่สบายใจกับการกระทำของผม .. ผมก็เริ่มระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
                “ฮึก .. ฮึก ..” ผมไม่ได้อยากจะอ่อนแอ ผมพยายามทำใจให้เข้มแข็งอย่างที่คุณย่าแนะนำแล้ว พยายามที่จะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแล้ว แต่พอคิดว่าวันข้างหน้าพื้นที่ว่างข้างๆผม จะไม่มีพี่เขาอีกต่อไป หัวใจของผมมันก็สั่นไหว ความรู้สึกหวิวๆคล้ายกับไร้หลักยึด มันก็ตีตื้นขึ้นมา
                ทำเอาหัวสมองมันเคว้งคว้างไปหมด ..
                เคว้งเสียจนผมทำอะไรไม่ถูก จนต้องระบายความอัดอั้นออกมาด้วยการร้องไห้ ..

            “พี่ ” หลังจากที่ผมหยุดร้องไห้ไปได้พักใหญ่ ผมก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าบานกระจกเพื่อรอให้ดวงตาของผมมันลดระดับของการบวมเปล่งลง จากนั้นผมก็เปิดประตูเตรียมเดินออกจากห้องน้ำตามปกติ แต่เบื้องหน้าของผมกลับเป็นร่างของผู้ชายตัวขาว สูงชะรูดที่กำลังยืนตาแดงอยู่ตรงหน้า ผมจึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ออกปากเรียกพี่เขาไปอย่างนั้น ..
                “ร้องไห้พอแล้วใช่ไหม ?” พี่เขาถามผม ขณะที่พี่เขาก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวผม คล้ายกับพี่เขากำลังกลัวว่าผมจะป่วยขึ้นมา เนื่องจากวันนี้ผมแช่น้ำอยู่นานพอสมควร

                ” ผมเงียบ เพราะผมกำลังพูดไม่ออกและทำอะไรไม่ถูกด้วย ที่อยู่ๆก็มาถูกจับได้เอาแบบนี้ พี่เขาหอมศีรษะของผมด้วยสัมผัสอ่อนโยน จนผมต้องเม้มปากให้แน่นเพื่อสะกัดกั้นอารมณ์อ่อนไหวที่ผมเพิ่งจะสะกดมันเอาไว้ให้ลึกจนสุดใจ..
                “ยิ่งเราเป็นแบบนี้ พี่ก็ยิ่งไม่จะอยากไป .. และพี่กำลังคิดหาวิธีต่อต้าน ..” พี่เขากอดผมไว้และกระซิบบอกแผนการของพี่เขาอย่างใจเย็น หากแต่ผมกลับส่ายหน้าคัดค้านเต็มที่ และนั่นก็ยิ่งทำให้พี่เขาโอบกอดผมให้แน่นขึ้น

                “ถ้าพี่คิดออก .. พี่จะไม่สนอะไรทั้งนั้น ..
                …..” ผมยังคงส่ายหน้าไม่เห็นด้วยในคำพูดของพี่เขา เพราะถ้าหากพี่เขาต่อต้าน คุณย่าจะต้องไม่ชอบใจแน่ และที่สำคัญพี่เขาจะต้องโดนแบล็คลิสอย่างไม่ต้องสงสัย
               
                “ไม่ ..เอา .. อย่า ..ทำ ..แบบ ..นั้น ..” ผมส่ายหน้ากับแผ่นอกของพี่เขา
                “ถ้าไม่อยากให้พี่ทำ ได้โปรดอย่าเป็นแบบนี้ ... เพราะมันทำให้พี่ตัดใจเดินไปจากเราไม่ลง” พี่เขากอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม จนผมเริ่มเจ็บ แต่ผมกลับไม่ทักท้วง เพราะผมเองก็อยากจมอยู่ในอ้อมกอดนี้ให้นานที่สุด ..

                “ขอ..โทษ .. ผม ..พะ ..พยา ..ยาม ..แล้ว ..แต่ ..มัน ..ยาก ..จัง ..” ผมเอื้อมมือมาโอบกอดรอบเอวของพี่เขาไว้ พลางขอโทษเสียงแผ่ว
                “ไม่ใช่ความผิดของเรานี่ จะขอโทษทำไม .. อีกอย่างน้องแฟนก็พยายามเต็มที่แล้ว .. เข้มแข็งกว่าเดิมตั้งเยอะ .. คนเรามันก็ต้องมีช่วงที่อ่อนแอกันบ้าง .. แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าน้องแฟนจะอ่อนแอให้พี่เห็น .. อย่างน้อยพี่ก็อาจจะช่วยให้เราเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม ..” พี่เขาผละตัวออกห่างจากผม จากนั้นพี่เขาก็จ้องมองใบหน้าของผมในระยะประชิด ..

                “นอกจากพี่จะมีกำลังใจให้น้องแฟนแล้ว .. พี่ยังมีความเข้มแข็งให้เราด้วย ..” พี่เขาจรดริมฝีปากลงบนกลีบปากของผม พลางบดคลึงอย่างนุ่มนวล ขณะที่ฝ่ามือของพี่เขาก็เลื่อนเข้ามาลูบท้ายทอยของผมอย่างแผ่วเบา
                สัมผัสของพี่เขากำลังปัดเป่าความอ่อนแอไปจากหัวใจของผม รอยจูบของพี่เขากำลังย้ำเตือนกับผมว่าพื้นที่ข้างๆกายของผม มันไม่ได้ว่างเปล่า เพราะคนตรงหน้าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เขาจะยังคงเป็นเจ้าของพื้นที่นั้นอย่างถูกต้อง เพราะพี่เขาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้นแต่เพียงผู้เดียว

                “ถ้ารู้ตัวว่ากำลังอ่อนแอ อย่าลืมมาขอความเข้มแข็งจากพี่นะ ..” ขณะที่พี่เขาพูดเตือน ริมฝีปากของพี่เขาก็คลอเคลียไม่ห่างจากริมฝีปากของผมเลย
                “อื้อ ..” ผมตอบรับพี่เขาได้แค่ในลำคอ เนื่องจากบัดนี้กลีบปากของพี่เขากำลังสัมผัสอย่างลึกซึ้งกับกลีบปากของผม สัมผัสดึงดูดอย่างนุ่มนวลกำลังส่งผลให้ผมเผลอไผล เอื้อมวงแขนขึ้นไปโอบกอดรอบลำคอของพี่เขาอย่างย่ามใจ อีกทั้งริมฝีปากของผมเองก็ยังจูบตอบพี่เขาอย่างโหยหาอีกด้วย

                สมองของผมเริ่มขาวโพลนอีกครั้ง เมื่อสัมผัสอันอ่อนโยนกำลังชักพาให้ผมหลงใหลในสัมผัสเหล่านั้น กว่าจะรู้ตัวอีกที ร่างกายของผมก็อยู่ภายใต้ร่างของพี่เขาไปเสียแล้ว แถมผ้าห่มที่เคยคลุมกายของผมไว้ มันก็ล่วงหล่นลงกับพื้นไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่ผมไม่ได้รู้ตัวเลย
                เพราะผมสามารถรับรู้ได้แค่เพียง
                ผมกำลังจะถูกพี่เขาปลอบขวัญด้วยรสสัมผัสแห่งความอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่งผมเคยสัมผัสมันมาแล้ว

                “ที่ว่างข้างๆน้องแฟน มันไม่มีอีกแล้ว .. ” พี่เขาลูบศีรษะของผม ขณะที่สายตาของพี่เขาก็มองจ้องมาที่ผม
                ….

                “โลกสีเทาของน้องแฟนก็ด้วย มันไม่มีอีกแล้ว ..
                ….

                “ถึงตัวพี่จะไม่อยู่ .. แต่ทุกอย่างที่เคยเป็นของพี่ .. ยังไงก็ต้องเป็นของพี่ ..” พี่เขากำลังใช้จิตวิทยาในการเกลี้ยกล่อมให้ผมไม่รู้สึกเคว้งคว้างใช่ไหม ทำไมมันถึงใช้ได้ผลก็ไม่รู้
                …..” พี่เขายิ้มอบอุ่น แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ามือของพี่เขาก็เริ่มปลดเปลื้องเนื้อผ้าออกจากร่างกายของผมอย่างเชื่องช้า ..

                “พี่จะกลับมาทวงคืนทุกอย่าง .. ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นเหมือนอย่างตอนนี้หรือไม่ก็ตาม ..โลกของน้องแฟนจะต้องมีแต่พี่คนเดียว ..” หัวใจของผมถึงคราวต้องสั่นไหวอีกครั้ง หากแต่คราวนี้มันกลับต้องมาสั่นไหวเพราะความหนักแน่นของพี่เขาที่มีต่อผม
                ที่ว่างข้างๆผม ไม่ได้มีความว่างเปล่าจริงๆด้วย .. แถมโลกของผมก็ไม่ได้มีสีเทาอย่างที่คิด ที่สำคัญเราสองคนไม่ได้เลิกรักกันสักหน่อย ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปได้อย่างไร..  
                ความเชื่อใจและความเชื่อมั่นเท่านั้น ที่จะทำให้ผมก้าวข้ามผ่านความคิดบ้าๆแบบนี้ไปได้ ..
                และวันนี้ผมก็ทำสำเร็จมาครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะคำพูดของพี่เขาแท้ๆ ..


<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>

ของแบบนี้มันทำใจกันยากเนอะ ให้เวลาน้องแฟนเค้าหน่อย
 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น