Beautiful Rich
แฟนผมสวยและรวยมาก
[39]
คืนนี้ผมนอนหลับตาไม่ลงเลย
เพราะในใจของผมมันยังคงติดใจเรื่องสอบชิงทุนไปต่างประเทศของพี่เขาอยู่
ความจริงผมมีคำถามมากมายอยากจะถามออกไป
แต่ว่าผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเริ่มถามจากคำถามไหนดี
ผมเชื่อในความสัญญาณของพี่เขา
..
แต่ว่าหัวใจของผมมันกลับนึกหวั่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก …
“น้องแฟนคิดอะไรอยู่ ?”
พี่เขาโอบกระชับรอบเอวของผมมากขึ้น พลางถามเสียงกระซิบชิดริมหู
ผมจึงหันมาส่ายหน้าให้พี่เขาเห็น เพื่อปฏิเสธความเป็นจริงที่ผมกำลังทำ
แต่ปรากฏว่าใบหน้าของผมนั้นอยู่ใกล้กันกับใบหน้าของพี่เขามาก
หากผมเอี้ยวตัวไปมากกว่านี้ บางทีเราอาจจะจูบกันไปแล้วก็ได้ ..
วันนี้ผมใส่เสื้อผ้าของพี่เขานอนเป็นครั้งแรก
เพราะผมไม่ได้เอาเสื้อผ้าของตัวเองมา เนื่องจากว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะมาค้างที่นี่
แต่พอพี่เขาชักชวนให้อยู่ ผมก็โอนอ่อนผ่อนตามไปเสียหมด ..
“คิดมากเรื่องที่พี่จะสอบชิงทุนหรือเปล่า ?”
พี่เขาบังคับให้ผมหันมามองหน้าเขาตรงๆ
ขณะที่เขาก็หยัดกายกึ่งนั่งกึ่งนอนเพื่อจ้องมองผม
“…”
ผมไม่ปฏิเสธและทำเพียงแค่นอนมองตาของพี่เขานิ่งๆเพียงเท่านั้น ..
“พี่แค่ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองว่าความรักของพี่ที่มีให้น้องแฟนมันไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลย
กลับกันมันกลายเป็นแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จเสียด้วยซ้ำ .. พี่แค่ต้องสอบให้ได้ .. แต่จะไปหรือไม่ไปมันก็อีกเรื่องนึง
..”
“ท..ที่ ..บะ ..บ้านพี่ .. ไม่ชอบ ..ผม ..
ชะ …ใช่ ..ไหม ..” ผมถามพี่เขาทั้งๆที่น้ำตามันเริ่มจะคลอหน่วยตา
“…” พี่เขาไม่ปฏิเสธแต่กลับจูบเปลือกตาของผมแทน
เขาจูบไปทั่วใบหน้าของผม ตั้งแต่เปลือกตา จวบจนกระทั่งหน้าผาก เรื่อยมาที่สันจมูก
ข้างแก้ม และปิดท้ายที่ริมฝีปาก ..
ผมหลับตาพริ้มรับรสจูบปลอบประโลมจากพี่เขาอย่างเต็มใจ
ขณะที่ฝ่ามือของผมก็โอบคล้องรอบลำคอของพี่เขาเพื่อให้สัมผัสของเรามันลึกล้ำมากยิ่งขึ้น
..
เนื้อตัวของผมในตอนนี้
มันคล้ายกับจะจมลงไปยังเนื้อที่นอนกว้างของพี่เขาแล้ว เหตุผลเพราะพี่เขาทิ้งน้ำหนักลงมาแนบชิดกับผมมากจนเกินไป
เนื้อตัวของเรามันสนิทแนบแน่นเสียทุกสัดส่วน
จนผมกลัวเหลือเกินว่าคืนนี้ผมอาจจะต้องทนเจ็บเป็นอาทิตย์ …
แต่ถึงแม้ว่าผมจะกลัวเรื่องแบบนั้นอยู่ลึกๆ
หากแต่ใจของผมกลับเรียกร้องสัมผัสจากพี่เขาอย่างไม่รู้ตัว
..
เรามองตากันนิ่งงันอยู่สักพัก จากนั้นพี่เขาก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง
หากแต่ครั้งนี้มันกลับเร่าร้อนอย่างบอกไม่ถูก สัมผัสที่พี่เขามอบให้ มันหนักหน่วงเสียจนริมฝีปากของผมแทบจะปริแยก
..
ยิ่งพี่เขามอบสัมผัสให้ผมอย่างร้อนแรงเพียงใด เนื้อตัวของพี่เขาก็ยิ่งบดเบียดผมมากขึ้นเท่านั้น
จึงทำให้แผ่นอกของผมที่ยังคงมีเนื้อผ้าบางๆปกปิดอยู่
จำต้องเสียดสีกับแผ่นอกเปลือยเปล่าของพี่เขาอย่างแนบสนิท …
เดี๋ยวนี้พี่เขาชอบนอนไม่ใส่เสื้อ ผมเห็นเท่าไหร่ก็ไม่ชินตาสักที …
“อย่ามองตาพี่แบบนี้ .. เพราะมันจะทำให้พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้
..” หลังจากที่เขาจูบผมจนพอใจแล้ว
พี่เขาก็หันกลับมามองจ้องหน้าผมตามเดิม แล้วก็พูดประโยคนึงออกมา
ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าสายตาที่ผมมองพี่เขามันสื่ออารมณ์แบบไหนออกมา..
“พี่ไม่ใช่คนดีหรอกนะ .. อย่าไว้ใจพี่นักเลย ..
อย่างวันนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเดินเข้ามาหาพี่ถึงบนห้อง พี่คงคิดอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากอีกฝ่ายกำลังคิดจะทอดสะพานให้
แต่เพราะนี่คือน้องแฟนพี่ถึงพยายามจะไม่คิด .. แล้วยิ่งเราใช้สายตาบอกว่าต้องการพี่แบบนี้
.. จะให้พี่ทำยังไง หืม ?”
พี่เขาตีปลายจมูกของผมเบาๆ แต่ผมกลับไม่กล้ามองหน้าพี่เขาเลย
แล้วยิ่งผมหลุบสายตาลงต่ำ ผมก็ยิ่งต้องอายมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อสายตาของผมมันกำลังปะทะกับแผงอกของพี่เขาอยู่
..
สถานภาพของผมในตอนนี้มันช่างสุ่มเสี่ยงมากจริงๆ
“พี่ควบคุมตัวเองลำบากนะ
.. มันลำบากมากจริงๆ”
พี่เขาพูดขณะที่ริมฝีปากของเขาก็คลอเคลียบริเวณซอกคอของผมเพียงเบาๆ
สัมผัสของพี่เขาเหมือนสัมผัสของเจ้าแมวเหมียวขี้อ้อน ซึ่งมันทำให้ผมใจสั่นและเริ่มจะคลั่งเพราะพี่เขาเหมือนกัน
“ตราบใดที่เรื่องของเรายังไม่เป็นที่ยอมรับของครอบครัวพี่
.. พี่ก็ยังไม่อยากจะให้มันมากไปกว่านี้
..แต่ว่าพี่ ..”
พี่เขาผมด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเพียงแผ่วเบา
เนื่องจากว่าตอนนี้เราสองคนกำลังอยู่ใกล้กันมาก …
มากเสียจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน ..
“พี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้น้องแฟน ..” พี่เขาลิ้มชิมผิวเนื้อของผมราวกับของหวาน
ริมฝีปากของเขาขบเม้มผิวเนื้อของผมจนผมมั่นใจเลยว่ามันจะต้องเป็นรอยแดงแน่ๆ สัมผัสเปียกชื้นบริเวณซอกคอเริ่มทำให้ผมเกิดอาการที่มันไม่อาจควบคุมได้
ณ ตอนนี้สมองของผมมันกำลังล่องลอยไปไกล …
ลอยไป ณ ที่ใดผมเองก็ไม่อาจรู้ …
สติของผมเป็นต้องหวนคืนกลับมาอีกครั้ง เมื่อพี่เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่พี่เขาเป็นคนหยิบให้ผมเองกับมือออกจนหมด
จากนั้นฝ่ามืออุ่นร้อนก็ตรงเข้าลูบไล้ผิวเนื้อของผมอย่างวาบหวาบ
ขณะที่ริมฝีปากของพี่เขาในตอนนี้เปลี่ยนมาจูบสัมผัสกับริมฝีปากของผมอย่างหนักแน่น ..
พี่เขาเดี๋ยวก็จูบเดี๋ยวก็ปล่อยจนผมตามอารมณ์แทบไม่ทัน ..
พี่เขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม
หากแต่ฝ่ามือของเขาก็ยังคงวนเวียนสร้างความวาบไหวให้กับผมไม่เคยห่าง
อีกทั้งริมฝีปากของเขาก็ยังคลอเคลียอยู่ตรงข้างหูของผมอีก ผมรู้สึกทรมานราวกับจะขาดใจ
เพราะผมไม่อาจปฏิเสธสัมผัสวาบหวามนี้ได้เลย
เพราะผมกำลังถูกกักขังด้วยเรียวขาขาวที่กำลังเกี่ยวกระหวัดกับเรียวขาของผมอยู่ ..
“อ..อื้อ ..”
ผมเชิดใบหน้าขึ้นอย่างเสียวซ่านเมื่อปลายนิ้วของพี่เขาสะกิดไล้วนรอบยอดอกเปลือยเปล่าของผม
และผมก็เริ่มบิดเร้ามากยิ่งขึ้นเมื่อปลายลิ้นร้อนเริ่มลุกล้ำเข้ามาเล้าโลมตรงใบหูของผม
..
หัวใจของผมเต้นกระหน่ำราวกับจะกระดอนออกมานอกอกเพราะความตื่นเต้นกับสัมผัสวาบไหวเหล่านี้
ผมกับพี่เขาเราเคยเกินเลยมาจนถึงขั้นนี้ก็เมื่อตอนที่เขาหอบเสื้อผ้ามาอยู่กับผมในตอนที่ผมล้มป่วยเมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
..
แต่ว่าตอนนั้นด้วยสถานการณ์มันบีบบังคับให้เราไม่อาจทำตามที่ใจเรียกร้องได้
หากแต่ตอนนี้เมื่ออะไรๆมันอยากจะโหมกระพือ ..
ก็ไม่รู้ว่าเรายังจะสามารถหยุดยั้งมันได้อีกไหม
..
“อ๊ะ
..พ …พี่ ..” ผมลากฝ่ามืออันสั่นเทาของตัวเองมาหยุดยั้งฝ่ามือของพี่เขาที่มันเอาแต่จะไล้วนตรงช่วงท้องน้อยของผมอย่างยากลำบาก
ผมต้องคอยเกร็งหน้าท้องของตัวเองจนแทบจะหายใจไม่ทัน
เพราะทันทีที่ผมเกร็งลมหายใจของผมมันก็จะติดขัดไปด้วย
“อ ..อย่า” ผมร้องห้ามเมื่อฝ่ามือของพี่เขามันเริ่มจะซุกซนในตำแหน่งที่มันต่ำลงไปกว่านั้น
ปลายนิ้วของเขากำลังตั้งท่าจะปลดเปลื้องอาภรณ์เบื้องล่างของผมภายใต้ผ้าห่มอยู่แล้ว
…
หัวใจของผมมันเต้นเร็วขึ้น รัวขึ้น จนเกินอัตราการควบคุมแล้ว ..
ครืด
ครืด …
เสียงโทรศัพท์สั่นครืดคราดจนผมถึงกับสะดุ้ง
และพี่เขาเองก็หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างลง
จากนั้นเราต่างก็หอบหายใจในความเงียบด้วยกันทั้งคู่
ไม่นานพี่เขาก็เป็นฝ่ายเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดรับสาย ..
“ครับ ..” พี่เขาเขยิบตัวเองขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง
ขณะที่มือข้างหนึ่งของเขากำลังลูบเส้นผมของผมอยู่
สัมผัสนุ่มนวลจากเขาทำให้ผมค่อยๆหลับตาลงและขยับตัวเองให้เข้ามาใกล้ชิดกับพี่เขายิ่งขึ้น
“รอให้ผมสอบชิงทุนได้ซะก่อน คุณแม่จะมากล่อมอีกทีก็ยังไม่สายนะครับ”
พี่เขาทำเสียงกระเง้อกระงอดใส่คุณแม่ ส่วนผมก็ได้แต่แอบเหล่มองพี่เขาอยู่อย่างนั้น
..
“แล้วจะมาวันไหนครับ ? มะรืนนี้ ? ครับๆ ผมเคยห้ามไม่ให้มาด้วยเหรอ ..” ผมเงยหน้ามองพี่เขา
หลังจากที่เขาเอี้ยวตัวไปวางโทรศัพท์ไว้ตรงที่เดิมเรียบร้อยแล้ว ..
“คุณแม่พี่จะขึ้นมานะ .. น้องแฟนต้องรีบฝึกพูดให้คล่องๆได้แล้ว
จะได้ทำคะแนนกับคุณแม่ไง ..”
พี่เขาหันมายิ้มให้ผมแล้วก็ลูบหัวผมเบาๆ
“….”
ผมยิ้มรับบางๆ เพราะผมกำลังกังวลใจว่าครอบครัวของพี่เขาจะนึกเอ็นดูผมอยากที่พี่เขาหวังได้ไหม
ในเมื่อคุณย่าท่านไม่ชอบให้หลานชายของเขามาชอบคนอย่างผม
แล้วพ่อแม่ของพี่เขาจะยอมเหรอ ..
“คุณแม่กับคุณย่าแพ้ลูกอ้อนล่ะ ..”
พี่เขาล้มตัวลงนอน และกอดผมเอาไว้จากข้างหลัง
“อื้อ”
ผมตอบรับ พลางเอนตัวเข้าแนบชิดกับพี่เขาอย่างวางใจ เพราะพี่เขาไม่ได้มีวี่แววว่าจะสานต่อกิจกรรมเมื่อสักครู่อีก
..
และผมก็เผลอหลับไปทั้งที่ใจยังคงกังวลว่าข้างกายของผมอาจจะไม่มีพี่เขาอีกต่อไป
..
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อแสงแดดจากข้างนอกมันแยงตา
ผมขยับตัวให้หลุดออกจากอ้อมกอดของพี่เขาช้าๆ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของผมกำลังถูกอีกฝ่ายล็อคเอาไว้อย่างแนบแน่น
..
ผมก้มลงมองผิวขาวๆของตัวเองอย่างขวยเขิน เพราะมันมีแต่ริ้วรอยเต็มไปหมด
ไหนจะรอยจูบ รอยฝ่ามือใหญ่ๆคู่นี้ที่กำลังโอบกระชับร่างของผมไว้ ล้วนเด่นชัดเสียจนผมถึงกับหน้าร้อนขึ้นมา..
เมื่อคืนผมเผลอหลับไปทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้จัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย
ดีที่ยังมีผ้าห่มมาคอยให้ความอบอุ่นและปกปิดร่องรอยได้บ้าง ไม่อย่างนั้นผมคงต้องแย่แน่ๆ
“ตื่นเร็วจัง..”
พี่เขาพูดกับผมทั้งๆที่เขายังหลับตาอยู่ พี่เขาพยายามจะซุกหน้าเข้ามาซอกคอด้านหลังของผม
เพราะตอนนี้แสงแดดมันกำลังสาดส่องมาที่เราอย่างเต็มที่ ..
“เมื่อคืนถ้าแม่ไม่โทรมา .. น้องแฟนอาจจะเป็นของพี่ไปแล้ว
.. ทีนี้รู้หรือยัง ผู้ชายดีๆมันมีแต่ในนิยาย”
พี่เขาจูบกกหูของผม จากนั้นก็ปล่อยให้ผมเป็นอิสระจากอ้อมแขนของเขา แล้วก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวลงไปหามื้อเช้าทาน
ผมนอนคิดวนเวียนถึงประโยคสุดท้ายที่พี่เขาพูดกับผมอย่างเลื่อนลอย
ในหัวมันคอยแต่จะกรอซ้ำไปซ้ำมาจนผมแทบอยากจะบ้า
เพราะคำพูดของพี่เขามันบอกความต้องการในส่วนลึกของพี่เขาได้เป็นอย่างดี …
หลังจากพี่เขาจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย เขาก็เดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ
จากนั้นพี่เขาก็เดินว่อนไปทั่วห้องเพื่อเลือกเสื้อผ้าที่อยากจะสวมใส่
หรือแม้กระทั่งกางเกง …
ด้วยเพราะผมทนดูในความเป็นกันเองของพี่เขาไม่ไหว ..
ผมจึงพาตัวเองเข้ามาขังไว้ในห้องน้ำของพี่เขาแทน
..
ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
เพราะผมไม่อาจทนมองสภาพของตัวเองได้นานนัก แต่ปัญหาของผมก็ยังไม่จบลงแค่นั้นเมื่อผมไม่มีเสื้อผ้าจะใส่กลับบ้านของตัวเอง
…
เมื่อคืนผมโยนเสื้อผ้าของตัวเองลงในตระกร้าของพี่เขาตามที่เขาบอก
และตอนนี้ตระกร้าเสื้อผ้ามันก็หายไปแล้ว
ผมจึงยืนคว้างอยู่กลางห้องด้วยไม่รู้ว่าจะทำยังไง
เพราะผมไม่กล้าละลาบละล้วงของใช้ส่วนตัวของพี่เขานัก …
แต่ถ้าผมยังมัวแต่คิดมากอยู่อย่างนี้
เกิดพี่เขาเปิดประตูเข้ามาเห็นล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ?
ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าพี่เขาเองก็ไว้ใจไม่ได้นักหรอก
..
ผมตัดสินใจเปิดตู้เสื้อผ้าของพี่เขาเพื่อลื้อค้นเสื้อผ้าที่คิดว่าผมอาจจะพอเอามาใส่ได้บ้าง
จนในที่สุดผมก็ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ
แม้กระทั่งของบางอย่างที่คนอย่างพี่เขาไม่น่าจะมี …
ก็อันเดอร์แวร์ไซส์นี้มัน … น่าจะเป็นของผมนะ
“ถามจริง เมื่อคืนน้องไม่ได้อยู่ค้างที่ห้องมึงจริงๆเหรอวะ
?”
ผมเดินลงบันไดให้เสียงเบาที่สุดเพราะตอนนี้ผมยังไม่อาจทำใจได้กับการต้องเผชิญหน้ากับใครต่อใครในเวลานี้
ผมจึงอยากจะถ่วงเวลาทำใจให้ตัวเองอีกสักหน่อย
..
“เออ” พี่เขาตอบรับพี่ชางมินเสียงเบาหวิว
“น้องมาหามึงถึงห้อง มึงยังจะอดใจไหว
?” พี่ชางมินยังคงรุกหน้าถามต่อไป
“ก็มั้ง ..”
“ไอ้สัส มึงตอบได้มีพิรุธมาก”
พี่ชางมินเอาเท้าเขี่ยช่วงขาของพี่คยูราวกับหมั่นไส้
“แล้วมึงจะให้กูตอบว่าไง ?”
“ก็ไม่ว่าไง .. แล้วตกลงมึงจะยอมทรมานตัวเองเพื่อน้องว่างั้น
?”
“หึ”
พี่คยูทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเมื่อพี่ชางมินถามออกมาแบบนั้น
“ที่มึงหัวเราะแบบนี้ อย่าบอกนะว่ามึงกำลังรอเวลาที่มึงจะได้เชี่ยอย่างเต็มที่!” พี่จงฮยอนพูดขึ้นมาบ้าง ..
“ไอ้สัส รู้ดี ..”
“สร้างภาพจริงๆเพื่อนกู .. สุภาพบุรุษสุดหูรูดเลยมึง ..” พี่ชางมินส่ายหัวขณะพูดที่ถึงพี่เขา
“อ้าวน้องแฟน ? เมื่อคืนเราค้างที่นี่เหรอ?” ผมสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อพี่จงฮยอนวิ่งขึ้นมาสำรวจเนื้อตัวผมอย่างตื่นตะลึง
จนผมต้องย่นคอหนี แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนัก
เพราะเสื้อที่ผมใส่มันเป็นแค่เสื้อเชิ้ตสำหรับใส่ไปเรียนของพี่เขาเท่านั้น
ซึ่งมันไม่ได้ป้องกันร่องรอยอะไรได้มากมายนัก …
“ไอ้สันขวาน หลอกพวกกูซะเกือบเชื่อ ..” พี่ชางมินรีบวิ่งเข้ามาหาผมอีกคน
จนผมถึงกับทำตัวไม่ถูก
“ไอ้พวกเวร .. กูกับน้องยังไม่ได้มีอะไรกันเว้ย
.. พวกมึงไม่ต้องตั้งท่าจะออกลายเชี่ยขนาดนั้น ..” พี่เขาเข้ามายืนขวางตัวผมไว้ จากนั้นก็ผลักพวกพี่ๆสองคนให้ถอยห่างจากช่วงตัวของเราสองคนซะ
“น้องตัวลายพร้อยซะขนาดนี้
กูเชื่อแล้วล่ะว่ามึงกำลังรอเวลาที่จะได้เชี่ยอย่างเต็มที่จริงๆ .. ระวังนะน้องแฟน .. ” พี่ชางมินหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างถูกใจ จากนั้นพี่เขาก็เดินกอดคอกับพี่จงฮยอนขึ้นไปข้างบน
ผมได้ยินแว่วๆว่าพี่เขาจะไปอาบน้ำแล้วออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน ..
“ไอ้พวกเชี่ย!” พี่เขาหันไปด่าไล่หลังพวกพี่สองคนที่ดูจะสนุกสนานกับการได้แกล้งพี่เขาคืนนัก
“เห้อ .. สภาพเป็นแบบนี้ ซองจินจะว่ายังไงบ้างเนี่ย”
พี่เขาหันมาจัดปกเสื้อให้ผม แล้วก็บ่นออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็จูงมือผมเดินลงไปนั่งที่โต๊ะตรงหน้าโทรทัศน์เพื่อทานมื้อเช้าที่มีเหลืออยู่อีกหนึ่งที่
ซึ่งก็น่าจะเป็นของผมนั่นแหละ ..
ตอนนี้ผมนั่งทานข้าวเงียบๆคนเดียว
เพราะคนอื่นเขาทานกันไปหมดแล้ว ส่วนพี่เขาก็ลุกเดินไปไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่นานเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำหนึ่งใบ
“ท..ทำ .. อะไรครับ ?” ผมถามเมื่อจู่ๆพี่เขาก็จับผมเอียงคอเล็กน้อย
“ทำให้น้องแฟนไม่โดนซองจินดุไง”
พี่เขาตอบผมเท่านั้น แล้วก็เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหาผม จากนั้นก็จับผมให้เอียงคอเพียงเล็กน้อย
แล้วก็นำเหรียญที่แช่อยู่ในน้ำอุ่นมากดคลึงเบาๆเพื่อคลายรอยที่เกิดจากการที่เลือดมันไหลมากระจุกตัวกันจนเกิดเป็นรอยช้ำให้ผม
..
พี่เขาตั้งใจทำแบบนั้นอยู่นาน
จนกระทั่งผมทานข้าวเสร็จ
พี่เขาก็ยังคงใช้เหรียญเกลี่ยเบาๆบนร่องรอยที่เขาเป็นคนฝากฝังเอาไว้ ..
ท่าทางเอาใจใส่ของพี่เขา
มันทำให้ผมรู้สึกคล้ายกับจะล่องลอย …
จนไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังแอบยิ้มเพราะเขาอีกแล้ว
..
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
คึคึคึ หัวเราะแล้วก็จากไป
พี่โมเมเขาก็บอกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี หึหึ
คึคึ เกือบไปแล้วววว ว่าแต่คุณย่ากะคุณแม่ไม่ชอบน้องแฟนเหรอ ไม่น้าาา น้องแฟนออกจะน่ารักขนาดนี้อ่ะ
ตอบลบ