Beautiful Rich
แฟนผมสวยและรวยมาก
[36]
ผมเลือกที่จะเข้าเรียนช้ากว่าปกติ แม้ว่าวันนี้พี่เขาจะมาส่งผมก่อนเวลาเข้าเรียนก็ตาม
เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องบรรยาย ผมก็รีบเดินเข้าห้องเรียนเช่นกัน
เพียงแต่ผมไม่ได้เดินเข้าประตูหน้าเหมือนอย่างอาจารย์ เนื่องจากวันนี้ผมเกิดอยากจะเป็นเด็กหลังห้องขึ้นมา
ผมก็เลยเลือกที่จะใช้ประตูหลังห้องแทน ..
จากที่นั่งชั้นบน
ทำให้ผมมองเห็นทงเฮที่นั่งอยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน
ฝ่ายนั้นกำลังนั่งคุยกับเพื่อนในคณะอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งอาจารย์เริ่มเช็คชื่อเขาถึงหยุดคุย
..
การเรียนการสอนในวันนี้
ผมรู้สึกว่ามันยาวนานมาก เพราะอาจารย์เล่นสอนแบบไม่มีเวลาพักเบรกเลย
นักศึกษาหลายคนจึงพากันทำเนียนเดินเข้าเดินออกไปเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ
ส่วนผมนี่สบายหน่อยเพราะเป็นเด็กหลังห้องก็เลยไม่ต้องทำเนียนอะไรมาก
ผมออกมายืนยืดเส้นยืดสายตรงระเบียงด้านหลังห้องบรรยาย
มันเป็นทางเดินที่สามารถทะลุไปยังห้องน้ำได้
แต่ผมไม่ได้อยากจะเข้าห้องน้ำมากมายขนาดนั้น ผมก็เลยยืนเกาะระเบียงมองบรรยากาศรอบๆมหาลัยของตัวเองแทน
คืนนั้นผมอายมากที่จู่ๆพี่ชางมินกับพี่จงฮยอนก็เดินเข้ามาเห็นพอดี
แถมยังพ่วงท้ายด้วยซองจินอีกคน เราสองคนก็เลยไปไม่เป็นขึ้นมา
ฝ่ายพี่ๆทั้งสองก็อาการจ้องจะล้อเลียนผมกับพี่เขากันใหญ่ แต่พอซองจินระเบิดออกมา
ทุกคนก็ต้องลี้ภัยกลับไปตั้งหลักที่บ้านของตัวเองในทันที…
ซองจินอบรมผมเสียยกใหญ่ที่ผมทำตัวใจง่าย หน้าของน้องตอนนั้นมันบึ้งมาก
แถมซองจินยังเอาแต่เดินวนไปวนมารอบๆตัวผมแล้วก็ทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคออยู่หลายรอบเลยทีเดียว
จากนั้นมาพี่คยูก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินเข้ามาในบ้านของผมอีกเลย ..
ซองจินนี่ร้ายจริงๆ
แต่พอผ่านไปสามวัน
ผมกับพี่เขาก็กลับมาตัวติดกันเหมือนเดิม
เพียงแต่ให้ตายยังไงซองจินก็ไม่ยอมให้พี่เขาเข้ามาในบ้านเป็นอันขาด
ทุกวันนี้โทรศัพท์กระดาษก็เลยกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารจำเป็นของเราไปโดยปริยาย
หากถามว่าทำไมผมถึงไม่นอนคุยโทรศัพท์หรือแชทข้อความกับพี่เขาล่ะ
ผมก็คงต้องบอกไปตามความจริงว่าผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เพราะตั้งแต่วันแรกพี่เขาก็ชวนผมคุยผ่านโทรศัพท์กระดาษนี่ไปแล้ว ..
พื้นที่ตรงจุดที่ผมยืนอยู่ มันเป็นเนินดินแดงกว้างๆล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่
และเมื่อมองไปจนไกลสุดลูกหูลูกตาก็มองเห็นภูเขาลูกใหญ่อยู่ไกลลิบ
บรรยากาศของมหาวิทยาลัยทางตอนเหนือก็แบบนี้ เต็มไปด้วยต้นไม้แลดูร่มรื่น
ครืด
ครืด ..
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋ากางเกงเพื่อเปิดข้อความอ่าน
พอเห็นว่าใครเป็นคนส่งมา ผมก็แอบอมยิ้ม
ผมกวาดสายตาลงไปยังเนินดินเบื้องล่างตามที่พี่เขาบอกในข้อความ
ผมก็เลยทันได้เห็นว่าความจริงแล้วพี่เขายืนอยู่ตรงนี้มานานแล้ว
เพียงแต่สายตาของผมมันเอาแต่มองไปยังที่ไกลๆก็เลยไม่เห็นพี่เขากับกลุ่มเพื่อนที่ยืนทำงานกันอยู่ตรงเนินดินใกล้ๆตัวอาคาร
‘เกเรเหรอน้องแฟน ?’ พี่เขาเดินถอยหลังให้ออกห่างจากตัวอาคารอีกนิดหน่อย
เพื่อที่ผมกับเขาจะได้สื่อสารกันได้ พี่เขาเริ่มต้นใช้ภาษามือคุยกับผม
เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่รู้ว่าเรากำลังคุยอะไรกัน
‘เปล่า ..’ ผมส่งภาษามือกลับไป
พลางส่ายหน้าปฏิเสธสำทับอีกรอบ
‘โกหก .. นี่มันเพิ่งจะสิบโมงเอง
.. ชักจะเกเรใหญ่ละ แบบนี้ต้องสั่งสอนแล้วมั้ง’ พี่เขาทำหน้าตาดุ ในขณะที่ใช้ภาษามือดุผมไปด้วย
‘เดี๋ยวผมก็เข้าเรียนแล้วเถอะ’
ผมเถียงกลับอย่างไม่ยอมเพียง
“ไอ้สัส! มึงก็ต่อว่าแต่น้องมัน ..
แล้วตัวมึงทำไมไม่มาช่วยงานกูวะ .. จีบกับแฟนอยู่ได้ไอ้สันขวาน”
พี่ชางมินตะโกนต่อว่าพี่คยูซะเสียงดังเลย ขนาดผมอยู่บนชั้นสองยังได้ยินแว่วๆเลยอ่ะ
“เข้าไปเรียนเลยน้องแฟน
..” พอพี่ชางมินต่อว่าพี่เขาเสร็จ
พี่ชางมินก็หันมาเล่นงานผมด้วยภาษามือที่ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจ
แต่ที่ผมเข้าใจและรับรู้ได้ก็เพราะพี่ชางมินตะโกนบอกผมนี่แหละ!
“อดแดกข้าวกลางวันแน่ๆกู ไอ้เพื่อนเชี่ยดันมัวแต่หลีแฟน ..” ผมทนยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะนอกจากพี่ชางมินจะล้อหน้าตายแล้ว
พี่จงฮยอนยังมาเหนือเมฆกว่าอีกแน่ะ
สุดท้ายผมก็ต้องรีบกลับเข้าไปนั่งหลับในห้องเรียนจนหมดคาบ
…
อ่า .. แอบนิสัยไม่ดีจริงๆนะผมเนี่ย ..
หลังจากหมดคาบเรียน ผมก็ลองเดินไปตรงด้านหลังอาคารเรียนดู
เผื่อว่าพี่เขาจะยังปักหลักทำงานอยู่ตรงนั้น แต่ผมก็ยังไม่ทันเดินไปจนถึงด้านหลังตึก
อีทงเฮก็ร้องเรียกผมเสียก่อน ผมจึงเลยรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด
จนกระทั่งสายตาของผมมองเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มทำอะไรสักอย่างอยู่ ณ
ที่เดิม ..
ผมสาวเท้าเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับรุ่นพี่ต่างคณะ
ขณะที่อีทงเฮก็ร้องเรียกผมอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเขาเห็นว่าผมกำลังยืนอยู่กับใคร
เขาก็เลยหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิม ..
“มีใครเรียกน้องแฟนหรือเปล่า ?” พี่เขาถาม
พลางมองไปรอบๆบริเวณที่เรากำลังยืนอยู่ ผมก็เลยต้องทำเป็นมองไปรอบๆบ้าง เมื่อไม่เห็นใครที่ผมเดินหนี
ผมก็หันมาทำหน้าสงสัยใส่พี่เขาในเชิงว่า ‘ใครกันที่ร้องเรียกผม’ ..
“ช่างเถอะ
พี่คงหูแว่วมั้ง ..” พี่เขาโบกมือไปมาคล้ายกับไม่สนใจอะไรนัก
แต่สายตาของพี่เขากลับมองจ้องไปยังมุมตึกที่ทงเฮเดินจากไปราวกับติดใจอะไรบางอย่าง ..
“ท ..ทำ .. อะไร ..ย..อยู่ครับ ?” ผมก้มหน้าลงไปถามพี่เขาที่ตอนนี้ทรุดตัวลงไปนั่งหยิบจับอุปกรณ์บางอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สำรวจพื้นที่น่ะ
น้องแฟนช่วยไปหยิบสมุดสนามให้พี่หน่อย
เอามาทั้งหมดเลยที่วางอยู่บนโต๊ะใต้ตึกนั่นน่ะ” ผมพยักหน้ารับ
แล้วก็เดินตรงไปยังโต๊ะตัวยาวที่พวกพี่เขาวางสัมภาระกองๆกันเอาไว้
จากนั้นผมก็วางกระเป๋าของตัวเองบ้าง แล้วจึงค่อยเก็บรวบรวมสมุดที่มันวางเกลื่อนกลาดผสมกับอุปกรณ์หน้าตาแปลกๆมาให้พี่เขาตามคำไหว้วาน
..
“หมุดวงรอบห่างกันไม่เกินสามร้อยเมตร ..”
พี่คยูส่งสมุดสนามให้เพื่อนๆของพี่เขาคนละเล่ม โดยดูจากชื่อที่เขียนเอาไว้บนหน้าปก
จากนั้นก็ตกลงกันเบื้องต้นเพียงเล็กน้อย แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงาน
พร้อมกับอุปกรณ์หน้าตาแปลกๆ
เมื่อผมเห็นพี่เขากำลังจริงจังกับการทำงาน
ผมก็เลยเดินไปนั่งเล่นที่โต๊ะตรงใต้ตึก เพื่อที่พี่เขาจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น
ผมนั่งเอาปลายคางวางลงบนกระเป๋าของตัวเอง
พลางใช้สายตามองจ้องพี่เขาที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการวัดโน่นวัดนี่ …
การสื่อสารในการทำงานของพวกพี่เขา
ไม่ได้เสียงดังโหวกเหวกเหมือนตอนที่ผมแอบอู้ในชั้นเรียนอีกแล้ว อาจเพราะตอนนี้พวกพี่เขากำลังอยู่ในช่วงจริงจังกับการทำงานก็เป็นได้
ผมเห็นพวกพี่เขาใช้สัญญาณมือในการสั่งการให้อีกคนเดินหน้า ถอยหลัง
ขยับซ้ายหรือขวาแทน
เวลาที่รอบตัวของพี่เขามีอุปกรณ์วิชาชีพของวิศวะโยธาอยู่รอบๆตัว
มันทำให้พี่เขาดูเท่ห์อย่างบอกไม่ถูก
อีกทั้งเวลาที่พี่เขาทุ่มเทให้กับการทำงานในสิ่งที่เขาเลือก
ท่าทางของเขาก็ยิ่งดูดี ..
พอได้เห็นพี่เขาในมุมนี้ มันกทำให้ผมรู้สึกว่า …
พี่คยูนี่เหมาะจะเป็นวิศวะจริงๆนั่นแหละ ..
ระหว่างทำงานก็มีบ้างที่พวกพี่เขาจะพักเหนื่อยกัน
และระหว่างนั้นเพื่อนๆกลุ่มอื่นที่ทำงานอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันก็เข้ามาร่วมวงกับกลุ่มของพี่เขาด้วย
พี่เขาเข้ากับคนง่าย เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อน พี่เขาจะเป็นคนที่เฮฮาและดูกวนๆ
จึงทำให้เพื่อนๆพากันชื่นชอบพี่เขากันใหญ่
“ร้อนเชี่ยๆ”
พี่จงฮยอนเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ก่อนแล้วเป็นคนแรก
จากนั้นก็ตามมาด้วยเด็กวิศวะอีกหลายชีวิต
“กูล่ะเสียวจะทำไม่ทันชิบหาย
กลัวคำนวณผิดพลาดว่ะมึง” พอพี่ชางมินทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่จงฮยอนได้
พี่เขาก็บ่นออกมาอย่างกังวล
“เชื่อกู
มีไอ้แทซองอยู่ทั้งคน ยังไงกลุ่มเราก็ต้องเอ ยกกลุ่มเว้ย”
พี่คยูทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม พลางพูดให้กำลังใจเพื่อนตัวเอง
“แหม่
.. กูก็คนนะครับ
ไม่ใช่อัจฉริยะมาเกิด ถึงกูจะได้ท็อปเกือบทุกวิชา ก็ใช่ว่ากูจะเป็นยอดคน”
พี่คนที่ชื่อแทซองทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่คยู พลางเหน็บแนมที่พี่คยูยกยอเขาจนเกินไป
“ไม่รู้เว้ย
มีมึงก็เท่ากับได้เอมาครึ่งตัวแล้วเว้ย” พี่คยูยังคงเถียง
“สรุปพวกมึงเอากูเข้ากลุ่มเพราะเหตุนี้
?”
พี่แทซองถามกลับด้วยสีหน้ากวนเบื้องล่างเอามากๆ
พวกพี่ทุกคนบนโต๊ะประมาณเกือบสิบคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘เออ!’ จากนั้นพี่แทซองก็ทำเป็นน้อยใจ
ไปนั่งก้มหน้าอีกโต๊ะหนึ่ง แถมยังทำเสียงสะอึกสะอื้นอีกต่างหาก แต่พี่ๆทุกคนกลับไม่สนใจ
จนเขาต้องหยุดเรียกร้องความสนใจอย่างเสียอารมณ์
“กูเห็นแฟนมึงหลายครั้งละ
นี่มึงไม่คิดจะแนะนำให้พวกกูรู้จักบ้างเหรอวะ ?” พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมสุดฝั่งซ้ายมือหันมาถามเรื่องของผมบ้าง
“ไม่เว้ยย
.. น้องชายเค้าหวง ..” ไม่พี่คยูชะโงกหน้าข้ามตัวผม เพื่อหันไปตอบเพื่อนในคณะของตัวเอง
“มึงหวงไม่อยากให้ใครรู้จักมากกว่ามั้งไอ้เชี่ย
.. เห็นเรียกแต่น้องแฟนๆ
คิดว่าพวกกูอยากรู้มากมั้ง .. โห่ … กูไม่เห็นจะอยากรู้จักแฟนมึงเลย
…” พี่ผู้ชายอีกคนทำหน้าตาล้อเลียนใส่พี่คยู
แต่มันกลับส่งผลกระทบถึงผมซะงั้น
“แต่ถ้าได้ชื่อและเบอร์โทรก็ดี
….”
หลังจากที่พี่ผู้ชายคนนั้นพูดจบ
พี่คยูที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็กระเด้งตัวออกจากโต๊ะแล้วก็วิ่งไล่ถีบรุ่นพี่คนนั้นจนเสียงดังเอะอะไปหมด
จึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้พากันหันมามองที่พวกเขาสองคนอย่างสนใจ
“วิศวะก็แบบนี้
.. น้องแฟนควรทำใจให้ชิน
.. พวกมันก็แซวเล่นไปงั้น ไม่ได้คิดจริงจังอะไรหรอก”
พี่จงฮยอนยักคิ้วใส่ผม
“ไอ้เทจงมันชอบใจเวลาเห็นไอ้คยูมันดีดดิ้นเรื่องน้องแฟน
.. เพราะคนที่มันชอบดันไปชอบไอ้คยู
มันก็เลยแค้นฝังหุ่น ได้โอกาสเป็นแกล้งไอ้คยูกลับทุกที .. ที่จริงมันสองคนก็เฮฮาบ้าบอเอาฮาเท่านั้นแหละ”
พี่ชางมินอธิบาย ผมก็ยิ้มรับ
เพราะอันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดว่าพี่เขาจะอยากได้เบอร์โทรของผมจริงๆหรอก ผมดูออก ..
“สัส .. กูเหนื่อย” พี่คยูบ่นพี่เทจง
พลางแนบหน้าลงกับโต๊ะ ส่วนอีกฝ่ายก็ออกอาการเหนื่อยไม่แพ้กัน
พวกพี่เขาสั่งข้าวมาทานตรงใต้ตึกเผื่อผมด้วย
พอผมกินเสร็จผมก็ต้องรีบไปเข้าเรียนในช่วงบ่ายต่อ แล้วพอหลังเลิกเรียนพี่เขาก็จะมารับผมกลับบ้านด้วยกันเหมือนเดิม
“เดี๋ยวน้องแฟน
.. ยื่นมือมานี่ก่อน ..” ตอนนี้พี่เขากลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่ผมที่จะต้องเดินออกจากโรงรถของพี่เขา
เพื่อไปยังบ้านของตัวเองนั่นแหละ
เมื่อได้ยินพี่เขาเรียก ผมก็หันกลับมาหาพี่เขา
แล้วก็ยื่นมือส่งไปให้อย่างงงๆ
“เมื่อพระเจ้าสร้างอีซองมินคนใหม่ ..”
พี่เขาพูดไปด้วยพลางไร้ปลายนิ้วชี้ลงบนฝ่ามือของผมไปด้วย
“…”
“ใส่ความกล้าลงไปเยอะๆ”
พี่เขากำมือ แล้วก็ชูขึ้นตรงหน้าผม จากนั้นก็เทความกล้าที่ว่าลงบนฝ่ามือของผม
“…”
“ตักความขี้กลัวออกไปหน่อย
..” จากนั้นพี่เขาก็ใช้นิ้วชี้สมมติว่าเป็นช้อนงัดความขี้กลัวที่ว่าออกจากฝ่ามือของผม
“…”
“ทีนี้ใส่ความมั่นใจลงไปเยอะๆ”
แล้วพี่เขาก็กำมือชูความมั่นใจที่ว่าให้ผมดู แล้วก็เทๆลงบนฝ่ามือของผม
“…”
“ตอนนี้อีซองมินที่อยู่ตรงหน้าพี่เป็นคนใหม่แล้ว”
พี่เขาประครองข้างแก้มของผม แล้วก็หันหน้าของผมไปมา
ราวกับจะมองว่าผมเป็นคนใหม่จริงๆหรือยัง
“…”
“น้องแฟนเป็นคนใหม่แล้วนะ
ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว .. ลุยเลย” ผมชื้นใจอย่างบอกไม่ถูก
ผมก็เลยพยักหน้ารับคำของพี่เขาระรัว
จากนั้นผมก็โน้มตัวเข้าไปจูบปลายคางของพี่เขาเพื่อแทนการขอบคุณด้วยคำพูด ..
“แค่จูบคางเองเหรอ ?” แต่พอผมผละตัวออกมา
พี่เขากลับถามขึ้นลอยๆอย่างนั้น แต่ฝ่ามือของเขากลับแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเพื่อบ่งบอกว่าผมควรจะแตะจูบที่อื่นด้วย
..
“พี่ให้กำลังใจน้องแฟนไปแล้ว
ทีนี้ก็ถึงตาน้องแฟนให้กำลังใจพี่ทำงานส่งอาจารย์บ้าง .. อย่าเอาเปรียบกันสิ”
พี่เขาหรี่ตามองผม พลางพูดจาออดอ้อนจนน่าใจสั่น
หากแต่การกระทำของเขามันกลับทำให้ผมรู้ตัวได้เลยว่าผมกำลังถูกล้อเข้าให้แล้ว ..
“จูบแค่นี้เอง” พี่เขาอาศัยทีเผลอ แตะริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของผม
จากนั้นก็ยิ้มแป้นรอให้ผมทำตามที่เขาแนะนำบ้าง
“ไม่ได้เหรอ
?” พี่เขาทำหน้าเศร้า
จนผมต้องกลั้นใจจูบพี่เขาก่อน แต่พอผมจะผละออกพี่เขากลับไม่ยอม
เขายังคงอยากจะแตะริมฝีปากของเราให้แนบชิดกันอยู่อย่างนั้น
เป็นเวลานานหลายนาทีเลยล่ะ
กว่าเขาจะผละใบหน้าออกห่างจากผม …
“พี่ชอบจูบกับน้องแฟนจัง ..”
พี่เขากระซิบข้างหูของผมเสียงแผ่ว ทำเอาผมที่ได้ยินถึงกับวางตัวไม่ถูก เลยต้องรีบเปิดประตูรถ
แล้วก็เดินออกมาให้ห่างจากโรงจอดรถที่อุณหภูมิมันชักจะสูงลิ่วอย่างคนจิตใจไม่ค่อยปกตินัก
แต่พอเดินออกมาจากโรงจอดรถของพี่เขาได้แค่ครึ่งทาง
เสียงของใครบางคนก็ลอยลมเข้ามาขัดเสียก่อน ..
“เออดี .. กูอุตส่าห์ห้ามไม่ให้พี่มันเข้าบ้าน ..
แต่พี่กูกลับเดินเข้าบ้านพี่มันซะเอง .. คือดีมาก
..” ซองจินยืนเกาะขอบรั้วในบริเวณบ้านของผม
ขณะที่สายตาของน้องก็มองมายังผมที่ยืนอยู่ในเขตรั้วของพี่คยู …
“กูควรจะปลง .. ควรจะปลงอย่างจริงจังด้วยเว้ย”
<-·´¯`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·`·.¸¸.·´¯`·._.·´¯`·.¸>
มาต่อแล้วค่า อิอิ วันนี้มาเร็วเพราะเป็นวันหยุดของเรา
>.<
[Fic KyuMin] Beautiful Rich - [36]